The Legendary Mechanic - ตอนที่ 892 พลังของเทพเอส
ตอนที่ 892 พลังของเทพเอส
กองยานทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันในจักรวาลมืด
ร่างของเทพเอสหายไปจากบัลลังก์และปรากฏข้างฟาซิเค็นในห้องควบคุม
“อีกฝ่ายคือกองยานติดอาวุธของจักรวรรดิพร้อมด้วยยานรบเกือบห้าล้านลำพลังของยานรบพวกเขาเหนือกว่ากองยานเรา ในเมื่อปรากฏกะทันหันต่อหน้าเรา มันก็หมายความว่าพวกเขาสามารถจับพิกัดเราได้ ข้อเสนอผมคือการไม่สู้แต่ให้ถอยทันที..”ฟาซิเค็นเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์
แต่ทว่าเทพเอสไม่สนใจเขาโดยสิ้นเชิงและขยายสัมผัสเขา เขาสามารถรู้สึกได้ถึงแหล่งพลังงานคล้ายดวงอาทิตย์สามดวงจากภายในกองยานจักรวรรดิ
หลังนับจำนวนเทพเอสก็ดูผิดหวัง
“แค่สาม?”
ตอนนี้เองเรดาห์ดังขึ้นอีกครั้งและกองยานศาสนจักรก็ปรากฏด้านหลังพวกเขา
หลังสัมผัสได้ถึงผู้อยู่เหนือสองคนในกองยานศาสนจักรคิ้วของเทพเอสก็เริ่มคลาย
“ห้าคน…ค่อยมีค่าให้สู้หน่อย”
“จักรวรรดิคริมสันเลือกร่วมมือกับศาสนจักรอาร์เคนจริงๆดูเหมือนพวกเขาจะวางแผนซุ่มโจมตีไว้และคิดกวาดทั้งกองยานเราด้วยขนาดกองยานที่มากกว่าสามเท่า ผมเสนอให้เราทำลายวงล้อมและรีบหนีทันที”ฟาซิเค็นกล่าว
เทพเอสไม่คิดเหลือบมองเขาและกล่าว”แจ้งกองยานให้เตรียมสู้รั้งไว้และอย่าปล่อยให้ยานรบศัตรูมารบกวนฉัน”
“เข้าใจแล้วครับ”ฟาซิเค็นกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวังราวกับคาดวแล้วเขารู้ว่าเทพเอสไม่คิดสนใจชีวิตลูกน้องตัวเอง
จากนั้นฟาซิเค็นก็ออกคำสั่งต่อหน้าเทพเอสและจัดแนวป้องกัน
เทพเอสพยักหน้าและวินาทีต่อมาร่างเขาก็ปรากฏนอกยานรบ
จากนั้นคลื่นพลังงานก็ระเบิดโดยมีเทพเอสเป็นศูนย์กลาง กองยานจักรวรรดิและศาสนจักรได้ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อปิดกั้นพลังงานทางจิตวิญญาณระดับหนึ่ง แต่ห้าผู้อยู่เหนือได้รับความผันผวนนี้พร้อมกันเพื่อสร้างช่องทางสื่อสาร
หานเซี่ยวยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มและเขาก็ได้ยินเสียงของเทพเอส
“ฉันรอมานานแล้ว”
เมื่อได้ยินหานเซี่ยวก็หันไปมองพวกเขาและพยักหน้าให้กัน
หากเทพเอสตัดสินใจหนีไปแต่แรกแผนก็คงล้มไม่เป็นท่า แต่ในเมื่อเทพเอสพูดเช่นนั้น มันก็หมายความว่าเขาเตรียมสู้กับพวกเขา หากเป็นแบบนั้น แผนแรกพวกเขาก็ถือว่าสำเร็จ
พวกเขามองหน้ากันและกลุ่มหานเซี่ยวสามคนบนยานรบจักรวรรดิก็เข้าสู่อวกาศ ทั้งสองจากศาสนจักรเองก็บินออกจากยานรบพวกเขาและล้อมเทพเอสไว้
มิลิซาสและจอมเวทย์อีกสองคนซ่อนตัวความมืดและเริ่มปิดมิติเวลาแมนิสันได้ซ่อนความจริงที่สหพันธ์แห่งแสงเองก็ร่วมมือด้วยและซ่อนตัวเอง เขายังส่งตัวปรับเสถียรมิติเวลาให้คนอื่น หลังคุยกัน ทั้งห้าที่รับงานสู้กับเทพเอสก็คือหานเซี่ยว ไวรู นักดาบดอกบัว นักล่าดวงอาทิตย์ และผู้ใช้พลังจิตอีกคนจากศาสนจักร
งานของสองผู้ใช้พลังจิตคือใช้การโจมตีทางจิตพวกเขาไวรูรับหน้าที่เป็นรถถังและนักล่าดวงอาทิตย์คือคนทำความเสียหายหลัก สำหรับหานเซี่ยว ร่างหลักเขาปรากฏขึ้นเองและรับผิดชอบในการควบคุม รับความเสียหาย สร้างความเสียหายกายภาพและหลายตำแหน่ง
สายตาของเทพเอสกวาดมองทุกคนก่อนหยุดที่หานเซี่ยว”แบล็คสตาร์มันเป็นแกอีกแล้ว”
“ในเมื่อแกซุ่มโจมตีฉันวันนี้ก็ต้องมาถึง แกคงรู้ดี”
“เห้อชะตากรรมช่างแปลกเสียจริง ฉันไม่คิดจัดการกับแก แต่แกยังอยากมากวนฉัน แกเป็นคนรนหาที่ตายเอง..หรืออาจบอกได้ว่า พวกแกทุกคนกำลังรนหาที่ตาย”
เทพเอสส่ายหัว
เมื่อได้ยินแบบนั้นนักล่าดวงอาทิตย์ก็อดกล่าวเสียงเย็นไม่ได้”ฉันสงสัยว่าสมองของแกยังจำได้ไหมว่าแกถูกผู้อยู่เหนือสามคนบังคับให้ถอยไปมากแค่ไหน เมื่อเจอกับเราห้าคน แกยังคิดว่าจะสามารถชนะได้อีก?”
“อ้านั่นคืออดีต ฉันยังต้องขอบคุณแบล็คสตาร์สำหรับลูกบาศก์วิวัฒนาการ จักรวรรดิและศาสนจักรจะต้องเสียใจแน่ที่ส่งพวกแกมาจัดการกับฉัน”
ก่อนเทพเอสจะได้พูดจบนักล่าดวงอาทิตย์ก็เปิดฉากโจมตี และปืนใหญ่อนุภาคไซโอนิคดัดแปลงก็ปรากฏข้างเขา พลังจักรกลระเบิดออกมาจากตัวเขาและปกคลุมปืนใหญ่อนุภาค ด้วยลำแสงสว่างที่ถูกบีบออกจากปืนใหญ่
เทพเอสหลบการโจมตีด้วยการเคลื่อนไหวชั่วพริบตาและยานรบด้านหลังเขาก็ถูกระเบิดเป็นจุลโลหะหนาแน่นสูงฉีกขาดเหมือนกระดาษบางและทั้งยานรบก็ถูกกลืนด้วยแสงและลดเป็นเศษฝุ่น หลอมละลายหายไปในพริบตา
ด้วยการโจมตีแรกที่เริ่มกองยานจักรวรรดิและศาสนจักรจึงเปิดฉากยิง จักรวาลมืดส่องสว่างด้วยแสงปืนใหญ่
การต่อสู้ปะทุขึ้นแล้ว!
กลุ่มของหานเซี่ยวเองก็เริ่มโจมตี
อาวุธอัครฑูตภายใต้การนำของไซโอนิคไพรม์เริ่มล้อมเทพเอสไวรูพุ่งใส่เทพเอสด้วยอาวุธเขา นักดาบดอกบัวและผู้ใช้พลังจิตอีกคนใช้การโจมตีทางจิตและนักล่าดวงอาทิตย์ก็เปิดฉากยิงเหมือนป้อมปืน
สนามรบพลันอลหม่าน
วิธีต่อสู้ของเทพเอสคือใช้ความสามารถต่างๆตามสภาพแวดล้อมเขาจะไม่สู้กับผู้อยู่เหนือห้าคนซึ่งๆหน้า ด้วยการเคลื่อนไหวชั่วพริบตาเขา การล้อมจับของทั้งห้าไม่มีความหมาย ในเวลาเดียวกัน เขาก็สามารถเคลื่อนผ่านกองทัพจักรกลและเข้าถึงศัตรูได้ง่ายๆ
ความคล่องตัวเขาหมายความว่าเขาจะเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบไว้ในเวลาเดียวกัน มันยังรับประกันถึงความปลอดภัยเขาอีกด้วย
เช่นนั้นเทพเอสจึงไม่คิดหนีไปทันทีแต่จะใช้ทั้งห้าเป็นตัวทดสอบพลังเขา
แต่ทว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะห้าผู้อยู่เหนือลำพัง นี่เป็นความสำเร็จที่ไม่มีใครในจักรวาลทำได้ มันไม่ใช่แค่การนำพลังมาเทียบข่มกัน แต่ความถี่การโจมตีของห้าผู้อยู่เหนือจะเป็นผลให้คนที่โดนรุมต้องตั้งรับ ตอนนี้เอง เทพเอสได้เป็นฝ่ายริเริ่มและสามารถปรากฏตัวหรือหายตัวได้เหมือนผี แต่ทว่า กลุ่มของหานเซี่ยวก็สามารถสนับสนุนกัน และเขาก็ไม่อาจล้มคนใดได้
การต่อสู้ติดอยู่ในทางตัน
หานเซี่ยวระวังต่อเทพเอสมากกลัวว่าพลังของเทพเอสอาจพัฒนาขึ้นมาก แต่หลังปะทะกับเทพเอส หานเซี่ยวก็ไม่กังวลอีก
ในช่วงการต่อสู้บนดาวประภาคารหานเซี่ยวได้สู้กับเทพเอสล่วงหน้าและคุ้นกับพลังของเทพเอส แม้เทพเอสจะมีการพัฒนาในพลังบ้าง มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงมาก
มันดูเหมือนลูกบาศก์จะไม่เพียงพอทำให้การเปลี่ยนแปลงสะเทือนโลกในตัวเขาและเขายังเป็นขั้นผู้อยู่เหนือ
หานเซี่ยวถอนหายใจโล่งอก
หากเทพเอสทำลายอาณาจักรผู้อยู่เหนือได้จริงๆและเข้าสู่อาณาจักรใหม่ความสามารถต่อสู้เขาย่อมทะยานและจะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขา
โชคดีแม้ลูกบาศก์วิวัฒนาการจะทรงพลัง มันก็ไม่พอจะช่วยให้คนเข้าสู่อาณาจักรใหม่ได้
แม้จะวางแผนไว้เขาก็ยังประเมินพลังของเทพเอสไว้สูงมาก แต่พลังปัจจุบันที่เทพเอสแสดงยังไม่ถึงตามที่เขาคาดไว้ แบบนี้ หานเซี่ยวจึงมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะสำเร็จ
อีกสี่คนมีความคิดคล้ายๆกันหากพลังของเทพเอสไม่เกินกว่าที่พวกเขาคาดไว้ พวกเขาก็จะรั้งเขาไว้ได้
แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลงพลันปะทุขึ้น!Aileen-novel
เทพเอสใช้การเคลื่อนไหวชั่วพริบตาเพื่อหลบคลื่นลำแสงและพลันส่งข้อความหาพวกหานเซี่ยว
“การอุ่นเครื่องจบลงแล้ว”
วินาทีที่เขากล่าวแบบนั้นเขาก็ยิงบอลดำออกจากตัว บอลดำเหล่านี้คือร่างแยกที่เขาเตรียมไว้ และพวกมันทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นร่างเหมือนหมอกที่เปล่งด้วยพลังงาน
ร่างแยกทุกตัวมีความสามารถเอสเปอร์ต่างๆของเทพเอสและยังมีพลังของผู้อยู่เหนือนอกจากนี้ ร่างแยกเหล่านี้ยังมีนับสิบ!
“ทำไมถึงมีร่างแยกมากขนาดนี้?!”นักล่าดวงอาทิตย์ตกใจ
ข้อมูลเกี่ยวกับเทพเอสไม่ใช่ความลับอะไรทุกคนรู้ว่าความสามารถร่างแยกเขามีจำกัด และก็ไม่สามารถร้างได้มากเกินไป นี่อยู่ในบันทึกพวกเขา!
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าหัวใจของหานเซี่ยวก็สั่นสะท้าน เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ลูกบาศก์วิวัฒนาการไม่ช่วยให้เทพเอสบุกเข้าอาณาจักรใหม่แต่ขยายพลังเขาในอาณาจักรเดิม มันไม่ใช่การเพิ่ม’ความลึก’แต่เพิ่ม’ความกว้าง’ เทียบกับสายอื่น ช่างกลเข้าใจถึงความน่ากลัวของตัวเลข ช่างกลจะพึ่งพากองทัพจักรกลเพื่อเพิ่มพลังพวกเขาและบรรลุการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ
เทพเอสโฉมใหม่นี้ก็คล้ายกัน
ร่างหลักเทพเอสไม่ได้มีพลังเพิ่มขึ้นมากแต่ความสามารถเขาในการผลิตร่างแยกกลับพัฒนา มีร่างแยกผู้อยู่เหนือนับสิบ และทุกร่างแยกก็เหมือนกึ่งผู้อยู่เหนือ ต่อให้ร่างแยกเขาจะบอบบาง แต่พวกมันก็มีความสามารถเอสเปอร์หลากหลายและยังเป็นกองทัพที่ทรงพลัง
นี่หมายความว่าจำนวนของผู้อยู่เหนือที่กลุ่มของหานเซี่ยวต้องเผชิญจะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า!
ภัยคุกคามที่พวกเขาเผชิญยังเพิ่มขึ้นมาก!
สามอารยธรรมจักรวาลได้พยายามจัดการกับเทพเอสมาหลายครั้งมันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยส่งผู้อยู่เหนือมากว่าห้า แต่ต่อให้เทพเอสไม่อาจเอาชนะได้ เขาก็ยังหนีได้
ครั้งนี้เทพเอสมีพลังพอจะจัดการกับห้าผู้อยู่เหนือซึ่งๆหน้า และเขาก็ไม่พอใจกับการหลบหนีอีก หากเขาสามารถสู้กลับหรือฆ่าห้าผู้อยู่เหนือที่อารยธรรมจักรวาลส่งมาได้ บันทึกข้อมูลเขาย่อมต้องปรับเปลี่ยน และเขาก็จะทำให้ทั้งจักรวาลสั่นคลอนได้
แต่ทว่าเทพเอสไม่รู้ว่าศัตรูไม่ได้มีแค่ห้า แต่ยังมีอีกหกซ่อนในความมืด รอซุ่มโจมตีเขา
ร่างแยกส่วนใหญ่เริ่มแยกตัวและล้อมกลุ่มหานเซี่ยวไว้แทนที่ทั้งห้าจะล้อมเทพเอส มันกลับเป็นว่าเทพเอสกำลังล้อมทั้งห้าไว้
ร่างแยกที่เหลือเข้าสนามรบของยานรบและใช้พลังของผู้อยู่เหนือเพื่อกวาดล้างกองยานของศาสนจักรและจักรวรรดิกองยานผู้ร่วงหล่นที่เดิมเสียเปรียบค่อยๆโต้กลับ
หานเซี่ยวและอีกสี่รู้สึกกดดันมากมันคล้ายกับการสู้กับสิบผู้อยู่เหนือที่มีความสามารถเอสเปอร์ต่างกัน หากไม่ใช่ว่าเพราะกองทัพจักรกลของหานเซี่ยว พวกเขาคงทนไม่ได้ไปแล้ว
ผ่านร่างแยกเขาเทพเอสสามารถปล่อยความสามารถเอสเปอร์ทั้งหมดเขาโดยไร้ข้อจำกัด ร่างหลักเขายังสงวนการใช้’การฟื้นฟูตัวเอง’และ’หลุมดำ’ไว้ และร่างแยกอื่นเขาก็มีความสามารถเอสเปอร์มากมาย
ในการต่อสู้แสนวุ่นวายหานเซี่ยวจับจ้องร่างหลักของเทพเอส ซึ่งไม่ได้ร่วมปะทะด้วย
เทพเอสใช้ชื่อได้สมกับฉายาเขา
เทพเจ้าของเหล่าเอสเปอร์!
ท่ามกลางพวกเขาห้าคนหานเซี่ยวยังปกติดีเพราะเขาอึด แต่ทว่า กองทัพจักรกลเขาถูกทำลายอย่างรวดเร็วภายใต้การโจมตีของร่างแยก และแม้กระทั่งอาวุธอัครฑูตเขาก็ยังทำอะไรไม่ได้
เดิมหานเซี่ยวอยากเก็บบัตรอัญเชิญตัวละคร’สัมผัสจักรกลสมบูรณ์’ไว้แต่เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะทำแบบนั้น เขาเปิดใช้งานบัตรอัญเชิญตัวละครทันทีและพลังจักรกลเขาก็หนาแน่นขึ้น
จากนั้นเขาก็ทนต่อการโจมตีแสนบ้าคลั่งและให้กองทัพจักรกลเขาเปิดฉากยิงใส่ร่างแยกเทพเอส
ความสามารถเอสเปอร์แต่ละอันสามารถใช้ได้แค่หนึ่งร่างแยกร่างแยกส่วนใหญ่ก็ไม่มีความสามารถอึดทนและบอบบางมาก เช่นนั้น การโจมตีอย่างรวดเร็วของกองทัพจักรกลจึงได้ผล
ลำแสงสีฟ้ากระแทบกับร่างคล้ายหมอกดำและร่างแยกเทพเอสก็ลดไปถึง1ส่วน4
แต่ทว่าฉากต่อไปก็ทำให้พวกเขาต้องเบิกตากว้างอีกรั้ง
เทพเอสพลันใช้ความสามารถหลุมดำเขาและดูดการโจมตีทั้งหมดไปเพื่อสร้างร่างแยกเพิ่มและเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
หัวใจของทุกคนดำดิ่งลงเมื่อเห็นฉากนี้
“เราลำบากแล้ว..”
…
“พวกเขากำลังลำบาก..”
อีกด้านหกผู้อยู่เหนือที่รอซุ่มโจมตีสร้างเครือข่ายจิตกัน หัวใจพวกเขาจมลงเมื่อเห็นความสามารถที่เทพเอสแสดง
“ความสามารถร่างแยกของเทพเอสแกร่งขึ้นและต่อให้เราจะสามารถปิดตายมิติเวลาได้สำเร็จ เขาก็สามารถใช้ร่างแยกเขาเพื่อลากถ่วงเวลาได้ แผนนี้จะไม่ได้ผล”เรเวนลูดกล่าว
แผนพวกเขาคือการปิดตายมิติเวลาเพื่อจับเทพเอสและควบคุมเขาตามแผนหานเซี่ยว
แต่ทว่าพลังที่เทพเอสแสดงนับว่าเหนือความคาดหมายของพวกเขา ต่อให้พวกเขาสามารถจับเขาไว้ได้ชั่วคราว พวกเขาก็ไม่อาจควบคุมเขาได้ก่อนเขาจะหลบหนี
“เรายังต้องลองดูอย่าหยุด”มิลิซาสไม่มั่นใจแต่ก็จำต้องทำตามแผน พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
“ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะทนได้นานแค่ไหน”แมนิสันกล่าวอย่างสงบ
พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมได้ก่อนกับดักจะเสร็จสมบูรณ์และการรั้งเทพเอสไว้ก็เป็นหน้าที่ของทั้งห้า
ทั้งหกที่ซุ่มโจมตีไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะทนได้จนกว่ากับดักจะสร้างเสร็จไหม