The Legendary Mechanic - ตอนที่ 922 พบปะ
หานเซี่ยวเปิดต้นไม้สายอาชีพเขาเพื่อดูความรู้ระดับ5ปัจจุบันยังมีไม่ถึง30 แต่ก็เกือบแล้ว แค่ต้องเพิ่มความรู้ระดับล่างไม่กี่อัน ปัญหาคือการเพิ่มความรู้ขั้นสูงสุดของแต่ละสามสาขาให้เต็ม
แหล่งที่มาสำคัญของแต้มศักยภาพคือเพิ่มทักษะให้เต็มแต่ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณตามระดับตัวละครและผลรวมของระดับทักษะทั้งหมดเขา สำหรับความรู้ขั้นสูงสุดของสาขาที่ไม่เกี่ยวข้อง มันจะต้องใช้ประมาณ120แต้มศักยภาพเพื่อให้ถึงระดับ5
มันนับว่ายากมากแม้จะด้วยค่าประสบการณ์ทั้งหมดที่เขาเก็บอมมมา มันก็ยังไม่พอจะทำให้ความรู้ขั้นสูงสุดเขาถึงระดับสูงสุด
หลังคิดสักพักเขาก็ตัดสินใจอัปเกรด[แหล่งพลังงานนิรันดร์] [ผู้สร้างเสมือน]และอีกอันจากสาขาควบคุมให้เต็ม เพราะความรู้สูงสุดทั้งสามไม่ได้รับผลจากการลงโทษค่าประสบการณ์ใดๆ
เขาเปิดแถบทักษะโดยตรงและลงทุนค่าประสบการณ์เพื่อเพิ่มระดับทักษะพิมพ์เขียวเขาหลังได้รับแต้มศักยภาพที่ต้องการ เขาก็ใช้พวกมัน เพิ่ม[ผู้สร้างเสมือน]และ[แหล่งพลังงานนิรันดร์]จนเต็ม
ความรู้ขั้นสูงสุดสุดท้ายของสาขาควบคุมยังไม่ได้เรียนรู้แม้เขาจะมีแต้มสะสมพอ แต่เพื่อรักษาผลของสินทรัพย์ทางการเมือง เขาต้องสงวนไว้อย่างน้อยหกพันแต้ม รักษาความสัมพันธ์เขากับจักรวรรดิไว้ที่[เทินทูด] ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่รอจนกว่าแต้มสะสมเขาจะถึงหมื่นสองพันแต้มเพื่อแลกความรู้ขั้นสูงสุด เขายังขาดอีกประมาณสามหรือสี่พัน
หลังเสร็จสิ้นการอัปเกรดและเรียนทักษะค่าประสบการณ์สำรองเขาก็หดหายไปมาก
ในช่วงเวอร์ชั่นสองค่าประสบการณ์สะสมของหานเซี่ยวแค่มากพอให้เขาเลื่อนจากระดับ170ไป207 ในเวอร์ชั่นสาม เนื่องเพราะจำนวนผู้เล่นกองทัพที่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งช่วยให้เขาขายผลิตภัณฑ์และรับรางวัลภารกิจได้เพิ่ม ค่าประสบการณ์สำรองของหานเซี่ยวจึงเหนือกว่าเวอร์ชั่นสองมาก
แต่ไม่ว่าเขาจะมีมากแค่ไหนมันก็ยังมีจำกัด ราคาการอัปเกรดตอนนี้สูงกว่าเดิมมาก และเขาก็ยังต้องสำรองค่าประสบการณ์ไว้จำนวนหนึ่งเพื่อพนันพิมพ์เขียวและพัฒนาพลัง
จากนั้นหานเซี่ยวก็เข้าเครือข่ายควอนตัมสั่งฟิลลิปให้ซื้อเทคนิคฝึกฝนพลังงานในปริมาณมาก ด้วยการเงินปัจจุบันของกองทัพ นี่คือเรื่องเล็กน้อยและเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไร
จากนั้นหานเซี่ยวก็เก็บของที่ได้รับจากรางวัลสุ่ม ทักษะระดับต่ำสองอันไม่ได้ผลอะไร แต่พรสวรรค์พื้นฐานไม่เลว มันเรียกว่า[การเสริมสมอง]ผลผลคือเพิ่มสติปัญญา4% ด้วยระดับปัจจุบันเขา มันจึงนำมาซึ่งสติปัญญานับร้อย และเนื่องจากสติปัญญาคือสถานะหลักของช่างกล มันจึงมีค่า
นอกจานกี้อันที่เป็นประโยชน์คือบัตรอัญเชิญตัวละครเปล่ารวมถึงบัตรเสริมความสามารถ
เขาสุ่มบัตรเสริมความสามารถอันหนึ่งได้เมื่อนานมาแล้วและมันก็รออยู่ในหน้าต่างสถานะโดยที่เขาไม่ได้แตะต้องด้ยบัตรใหม่ เขาจึงมีสองอันแล้ว
หานเซี่ยวตรวจแถบทักษะเขาขณะพึมพำ’ฉันควรเสริมอันไหน?”
ทักษะสายอาชีพจะไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ทักษะและทำได้แค่เพิ่มความแข็งแกร่งตามค่าพื้นฐานปัจจุบัน ความสามารถต่อสู้ของหานเซี่ยวนับว่ารอบด้าน มันดูเหมือนว่าเขาจะสามารถใช้มันเพื่อเสริมทักษะใดก็ได้
หลังคิดสักพักเขาก็ตัดสินใจใช้มันสำหรับทักษะ[ปลดปล่อยพันธุกรรม] ความสามารถนี้ยังมีประโยชน์และการเสริมมันก็ไม่เสียหายอะไร
บัตรเสริมความสามารถทำงานเป้าหมาย[ปลดปล่อยพันธุกรรมระดับ10] อยู่ระหว่างการเสริม…
การเสริมสำเร็จผลของ[ปลดปล่อยพันธุกรรม]ได้รับการอัปเกรดแล้ว
ไม่มีการกลายพันธุ์แต่หานเซี่ยวไม่แปลกใจ [ปลดปล่อยพันธุกรรม]ได้กลายพันธุ์มาแล้วจาก[เจตจำนงค์แห่งเพลิง] และในอดีต ก็มีคนบ้าที่พยายามเสริมทักษะเดียวติดต่อกันและเขาพบว่าการใช้บัตรเสริมความสามารถจะลดประสิทธิภาพลงทุกครั้งที่ใช้ อัตราสำเร็จของครั้งแรกคือ20% ตามด้วย5% และครั้งสามคือ1%
หน้าต่างสถานะแสดงให้เห็นว่าโบนัสความเสียหายต่ำสุดของ[ปลดปล่อยพันธุกรรม]ได้เพิ่มจาก220%เป็น240%ส่วนความเสียหายสูงสุดเพิ่มจาก480%เป็น520% ผลต่อเนื่องเพิ่มจาก2วินาทีเป็น2.4วินาที ส่วนคูลดาวน์ลดจาก7นาทีเป็น6นาที20วินาที การกระตุ้นแบบติดตัวเพิ่มจาก20%เป็น28% โดยรวม มันถือว่ามากพอสมควร
ยังมีบัตรเหลืออีกใบหลังดูอยู่นาน หานเซี่ยวก็ตัดสินใจว่าเขาไม่มีความสามารถอื่นที่คู่ควรให้เพิ่มและเก็บมันไว้ก่อน
ผู้เล่นสามารถสุ่มบัตรเสริมความสามารถได้และผลการเสริมก็เหมือนกันยิ่งใช้ โอกาสเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพก็ยิ่งสูง หากสามารถเพิ่มโชค-90%ของคำสาปโชคเป็น-100%ได้ก็คง….
บัตรทั้งหมดเช่นบัตรอัญเชิญตัวละครหรือบัตรเสริมความสามารถจะผูกมัดตัวละครและไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ดังนั้น บัตรตัวละครชั่วคราวที่ได้รับจากการสกัดน้ำเขาจึงเป็นที่ต้องการ หากไม่เป็นแบบนั้น หานเซี่ยวคงออกภารกิจมอบบัตรอัญเชิญตัวละครไปนานแล้ว
หลังเสร็จสิ้นสิ่งที่เขาต้องทำหานเซี่ยวก็ปิดหน้าต่างสถานะและออกห้องฝึกไป ระหว่างทาง เขาหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาและติดต่อซิลเวีย
“การเตรียมการสำหรับงานเลี้ยงเป็นไงบ้าง?”
“เวลาอย่างเป็นทางการถูกกำหนดไว้เดือนหน้าค่ะและมันก็จัดเตรียมแล้ว ตอนนี้ ฉันกำลังให้ความสนใจกับแนวโน้มของแดนหลั่งเลือดและมันดูเหมือนว่างานเลี้ยงฮีเบอร์ที่จัดในปีนี้จะปรับเวลาตามเรา”
หานเซี่ยวหัวเราะ”ฮีเบอร์น้อยคงไม่พอใจมากฉันเข้าใจ”
“หากฉันเป็นฮีเบอร์ฉันเองก็คงโกรธเหมือนกัน”ซิลเวียพูดตรงๆ
“ไม่มีกฏที่บอกว่ามีเพียงเขาถึงจัดงานเลี้ยงได้เหนือสิ่งอื่นใด เราไม่ใช่เพื่อนกัน ทำไมฉันต้องสนใจว่าเขาคิดอะไร?”หานเซี่ยวลูบคาง
ซิลเวียแค่นเสียงเบาๆและเปลี่ยนเรื่อง”จำนวนผู้ต้องการโทเท็มวิวัฒนาการเพิ่มขึ้นและยังมีตัวแทนหลายคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ หลายคนมาจากทุ่งดาวต่างๆ มีตัวแทนจาก11กลุ่มดาวและ413ระบบดาว ซึ่งรวมถึงพันธมิตรผู้อยู่เหนือที่เป็นเพื่อนกับอาจารย์”
“ไม่เลวขอบเขตธุรกิจกว้างขึ้น”หานเซี่ยวพยักหน้า
จักรวรรดิได้เปิดการค้าโทเท็มวิวัฒนาการอย่างสมบูรณ์แล้วคงมีแค่พระเจ้าถึงรู้ว่ามีองค์กรมากแค่ไหนพยายามเข้าใกล้เขา
“อย่าลืมให้การต้อนรับแขกอย่างดีอย่าละเลยพวกเขา”
หลังทิ้งคำแนะนำไว้หานเซี่ยวก็วางสาย
แผนจะต้องเริ่มหลังจักรวรรดิแบ่งดินแดนดังนั้นเขาจึงมีเวลาให้เตรียมการอยู่
…
หนึ่งเดือนผ่านไปในพริบตาและวันสำหรับงานเลี้ยงแบล็คสตาร์ก็มาถึง
มีแบบอย่างของงานเลี้ยงนี้อยู่แล้วดังนั้นเจ้าหน้าที่อย่างซิลเวียจึงคุ้นเคยกับกระบวนการนี้รวมถึงเส้นทางที่แขกพวกเขาใช้เพื่อเดินทางมานี้
หานเซี่ยวยังไปพบกับแขกวีไอพีด้วยตัวเองก่อนงานเลี้ยงจริงและเชิญตัวแทนท้องถิ่นของวงแหวนดาวกระจายมารวมกัน
“ฮ่าๆแบล็คสตาร์ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
ตัวแทนของอารยธรรมผลึกม่วงมาถึงก่อนและเดินมาพร้อมหัวเราะร่าหานเซี่ยวยังยิ้ม เดินไปสวมกอดกับเขา
ทั้งสองเป็นเพื่อนเก่ากันตอนหานเซี่ยวยังเป็นภัยพิบัติ เขาได้ยืมโอกาสของสงครามลับมาพัฒนาตัวเอง แม้ตอนนี้เขาจะเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิ เขาก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับอารยธรรมผลึกม่วงอยู่
อารยธรรมผลึกม่วงรักษาความเป็นกลางและไม่แสดงความกระตือรือร้นต่อจักรวรรดิเพียงเพราะคำขอของหานเซี่ยว พวกเขาถึงสามารถซื้อโทเท็มวิวัฒนาการได้ ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นลูกค้าคนเดียวของหานเซี่ยวที่ไม่ใช่พันธมิตรจักรวรรดิ อารยธรรมผลึกม่วงยังให้ความสำคัญกับผู้อยู่เหนือที่สนับสนุนพวกเขา ดังนั้นสองฝ่ายจึงกลมกลืนกัน.ไอลีนโนเวล.
ทั้งคู่นั่งลงและเริ่มคุยกันราล์ฟอดจะระลึกถึงไม่ได้
“ตอนนี้เมื่อฉันออกมาด้านนอก ฉันเห็นตัวแทนอื่นมากมายในทุ่งดาว ในเวลาแค่ไม่กี่ปี องค์กรนายเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
“ก็แค่โชคดี”หานเซี่ยวยิ้ม
ราล์ฟส่ายหัวขณะถอนหายใจ
ไม่กี่ปีก่อนกองทัพแบล็คสตาร์เคยเป็นแค่องค์กรขนาดเล็กที่ร่วมมือกับอารยธรรมผลึกม่วง ไม่กี่ปีต่อมา พวกเขากลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่อารยธรรมนับร้อยให้ความสนใจ
แม้กระทั่งอารยธรรมผลึกม่วงของพวกเขาก็ไม่มีอิทธิพลเช่นนี้
เมื่อมองไปยังกุ้งตัวน้อยที่เคยต้องการแรงสนับสนุนจากพวกเขากลายเป็นยักษ์ใหญ่ในวันนี้อารมณ์ของราล์ฟก็ซับซ้อน
หลังคุยกันอยู่สักพักตัวแทนของอารยธรรมกลุ่มดาวทั้งหกในวงแหวนดาวกระจายก็มาถึง ตอนนี้ ไม่มีอารยธรรมกลุ่มดาวใดกล้าไม่ไว้หน้าหานเซี่ยว แม้กระทั่งอาณาจักรเคล็นท์ก็ยังส่งคนมาด้วย
เมื่อเห็นคู่ต่อสู้เก่าเขาคิ้วของราล์ฟก็เลิกขึ้น”เห้ย ทำไมอาณาจักรเคล็นท์ถึงมาด้วยกันละเนี่ย?ฉันคิดว่างานเลี้ยงฮีเบอร์เองก็จัดขึ้นในปีนี้เหมือนกัน ไม่กลัวว่าฮีเบอร์จะไม่พอใจงั้นหรอ?”
“ฮึ่มเพื่อนร่วมงานคนอื่นของฉันจะไปงานทางฝั่งฮีเบอร์”ตัวแทนเคล็นท์ตอบอย่างไม่พอใจ
ความแค้นของสงครามลับไม่หายไปแต่เพราะผลประโยชน์ เคล็นท์จึงทำได้แค่ย่นจมูกและหันมาเอาใจหานเซี่ยว ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นพันธมิตรของจักรวรรดิ หากแบล็คสตาร์ไม่อยากขายโทเท็มวิวัฒนาการให้เคล็นท์ เขาก็สามารถเลือกไม่ขายได้
อารยธรรมกลุ่มดาวทั้งเจ็ดเหล่านี้ควบคุมทั้งวงแหวนดาวกระจายและหานเซี่ยวก็มีธุรกิจหลายอย่างกับพวกเขา เครือข่ายและอิทธิพลเขาถือได้ว่าเหนือกว่าฮีเบอร์ คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงฮีเบอร์นั้นทำไปเพื่อไว้หน้าเขา แต่ทว่า คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงของหานเซี่ยวล้วนเชื่อมโยงกันด้วยผลประโยชน์ ซึ่งหมายถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่า
ขณะที่หานเซี่ยวกำลังคุยกับพวกเขาอุปกรณ์สื่อสารเขาก็สั่น มันคือข้อความจากซิลเวีย
“อาจารย์โซโรคินมาถึงแล้ว”
หานเซี่ยวบอกให้ซิลเวียจับตาดูโซโรคินดวงตาเขาเป็นประกายและยิ้มให้ตัวแทนคนอื่นๆ
“สุภาพบุรุษทุกท่านผมขอตัวสักครู่”
..
กองยานของโซโรคินที่เทียบท่าดึงดูดความสนใจทันที
ชื่อของกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัดโด่งดั่งไปทั่วจักรวาลแต่หลังมองสักพัก พวกเขาก็ละสายตา
กองทัพแบล็คสตาร์คือขุมอำนาจระดับผู้อยู่เหนือเหมือนกันและเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิมันไม่น่าแปลกใจอะไรที่กลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัดจะมา
โซโรคินออกจากยานและเห็นพฤติกรรมพวกเขาดวงตาเขาหรี่ลงเล็กน้อยและเขาก็มีความเข้าใจชัดเจนถึงพลังของกองทัพแบล็คสตาร์มากขึ้น
แม้พันธมิตรของกองทัพจะไม่อาจเทียบได้กับของเขาพวกเขาก็ยังมีอิทธิพลมากในวงแหวนดาวกระจาย
ตอนนี้เองเฟย์ดินผู้รออยู่ข้างๆก็เดินมาด้วยรอยยิ้ม
“ผมคือองครักษ์แบล็คสตาร์เฟย์ดิน ผมมาที่นี่เพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัด ท่านโซโรคิน แบล็คสตาร์กำลังรอพบท่านอยู่”
เมื่อได้ยินโซโรคินก็ละสายตาจากที่อื่นและจับจ้องเฟย์ดิน ลมหายใจเขาพลันหยุด และความสับสนก็ฉายผ่านตาเขา”คุณ..เป็นชายหรือหญิง?”
“ท่านสามารถพูดได้ทั้งสอง”เฟย์ดินยิ้มอย่างอบอุ่นและกล่าวเสริม”แต่ส่วนใหญ่ผมเป็นผู้ชาย”
“โอ้..ฉันเข้าใจแล้ว”โซโรคินกระแอมเบาๆ”เชิญนำทางฉันอยากเจอแบล็คสตาร์มานานแล้ว”
พวกเขาเดินออกท่าและเดินไปห้องรับรอง
ระหว่างทางโซโรคินเหลือบมองซ้ายขวาไม่หยุด สังเกตสถานการณ์ของกองทัพแบล็คสตาร์และอดพูดไม่ได้”ฉันได้ยินว่ากองทัพแบล็คสตาร์มีกองทัพอมตะ ฉันอยากเห็นพวกเขา แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเลย?”
เฟย์ดินยิ้ม”โอ้ท่านมาผิดเวลา พวกเขาไม่อยู่แล้ว”
“..โอ้เป็นแบบนี้นี่เอง”ปากของโซโรคินกระตุก
เดือนก่อนไม่นานหลังเขามาถึงวงแหวนดาวกระจาย เขาได้รับข่าวจากฝั่งเขาว่าพวกอมตะทั้งหมดในกลุ่มการเงินเขาหายไป โซโรคินคิดว่ามันเป็นกรณีเขาคนเดียว แต่มันดูเหมือนกลุ่มของกองทัพแบล็คสตาร์จะหายไปเช่นกัน
ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันแค่ไหนพวกอมตะก็ดูเหมือนจะเกี่ยวโยงกัน…
โซโรคินมักเฝ้าสังเกตผู้เล่นตลอดแต่เขาไม่อาจบอกสถานการณ์เบื้องหลังการหายไปได้และทำได้แค่ยอมรับว่าเขาโชคร้าย
ความคิดเขาในการติดต่อกับพวกอมตะที่นี่สูญเปล่า
เมื่อมาถึงห้องรับรองโซโรคินก็นั่งสักพักก่อนประตูจะเปิดและหานเซี่ยวก็เดินมา
“ผมโซโรคินจากกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัดนับเป็นเกียรติที่ได้พบกับชายที่จับเทพเอสได้”โซโรคินยิ้ม
“นับเป็นเกียรติของผมเช่นกันเชิญนั่ง”หานเซี่ยวจับมือกับเขา
พวกเขานั่งลงและโซโรคินก็พูดขึ้น”ขณะที่ผมอาศัยในทะเลวิญญาณดวงดาวแสนห่างไกล ผมมักได้ยินถึงการกระทำของแบล็คสตาร์ นานมาแล้ว ผมคิดที่จะร่วมมือกับคุณ มีโอกาสทางธุรกิจอยู่ ดังนั้นผมจึงมาอย่างจริงใจและหวังว่าการติดต่อครั้งแรกของเราในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการร่วมมือของเราในอนาคต”
“…ผมก็หวังเช่นเดียวกัน”
หานเซี่ยวเลิกคิ้วยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับรอยยิ้ม
การติดต่อกันครั้งแรก?ไร้สาระหากไม่ใช่ว่าฉันรู้จักแกดี ฉันคงคิดแล้วว่าแกเป็นคนจริงใจจริงๆ…”
ในชีวิตก่อนหน้าเขาผู้เล่นไม่มีข้อมูลโซโรคินนัก ในสายตาผู้เล่น เขาคือผู้อยู่เหนือธรรมดา เขาไม่มีประวัติต่อสู้อะไรที่โดดเด่นเลย
หานเซี่ยวถามเพื่อนเขาในแวดวงผู้อยู่เหนือและพบว่าโซโรคินไม่เคยสู้กับเพื่อนร่วมงานเขามาก่อนพวกเขาบอกว่าพลังต่อสู้จริงเขาไม่แกร่ง และ’ผู้อยู่เหนือ’ก็ถูกใช้เป็นตัวตนเพื่ออำนวยความสะดวกในการเจรจาทางธุรกิจซะมากกว่า
ร่วมกับบัญชีต่างๆโซโรคินดูเหมือนจะเป็นตัวประหลาดที่เบี่ยงเบนไปจากผู้อยู่เหนือทั่วไปทั้งหมด เทียบกับคนอื่น สถานะทางธุรกิจเขาแกร่งสุด
แต่ทว่าเหล่าคนที่สามารถกลายเป็นผู้อยู่เหนือได้ต้องผ่านความยากลำบากและอุปสรรคมากมาก โดยปราศจากเจตจำนงค์อันแข็งแกร่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นผู้อยู่เหนือ หานเซี่ยวรู้สึกว่าโซโรคินอาจไม่ง่ายอย่างตาเห็น
เพราะมีข้อมูลจำกัดเขาจึงจะเข้าใจนิสัยอีกฝ่ายผ่านการพบปะเองเท่านั้น
สมองหานเซี่ยวทำงานหนัก
ฉันต้องหาวิธีแหย่และดูข้อมูลการต่อสู้…