The Legendary Mechanic - ตอนที่ 950 ถึงวันตัดสิน!
ด้วยผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คอยแพร่กระจายข่าวการต่อสู้ของแบล็คสตาร์กับฮีเบอร์ ทั่วทุ่งดาวหรือแม้แต่ทุ่งดาวอื่นจึงหันมาสนใจ
มันไม่เหมือนความขัดแย้งระหว่างพันธมิตรอารยธรรมขั้นสูงแม้พวกเขาจะทำงานให้อารยธรรมเดียวกัน สายสัมพันธ์ก็ไม่ได้ถูกผูกมัด และมันก็เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ทรัพยากรที่แบ่งกันก็มีจำกัด
ตราบเท่าที่ความขัดแย้งระหว่างพันธมิตรไม่ได้ล้ำเส้นและไม่ส่งผลต่อความขัดแย้งภายในที่รุนแรงอารยธรมขั้นสูงก็จะไม่เข้ามาไกล่เกลี่ย พวกเขาไม่คิดทำให้มั่นใจว่าพันธมิตรทั้งหมดของพวกเขาต้องมีความสัมพันธ์ดีต่อกัน นอกจานกี้ การแข่งขันจะทำให้มีชีวิตชีวา ปัญหาเรื่องการกระจายทรัพยากรยากเกินกว่าที่อารยธรรมจะไกล่เกลี่ยได้
สำหรับการท้าทายของแบล็คสตาร์นี่เป็นขอบเขตสูงสุด จักรวรรดิสามารถเลือกได้ว่าจะแทรกแซงไหม
เหตุการณ์นี้กลายเป็นที่ประชุมของจักรวรรดิ
“ไม่กี่วันก่อนแบล็คสตาร์ได้ประกาศท้ายฮีเบอร์อย่างเป็นทางการ ฮีเบอร์ได้ตอบรับ และตอนนี้ข่าวก็กระจายไปเหมือนไฟป่า ทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไร?”
ที่หัวโต๊ะเออแรนเรลเคาะนิ้วเรียวบนโต๊ะ กวาดตามองทุกคน
“อืมแบล็คสตาร์ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเราก่อน ลงมือโดยไม่ขออนุญาต นี่จะส่งผลต่ออิทธิพลของเราในวงแหวนดาวกระจาย ซึ่งไม่ดีต่อเรา”เจ้าหน้าที่อาวุโสกล่าวอย่างจริงจัง
“สภาพแวดล้อมภายนอกในจักรวรรดิน่าเป็นห่วงมากสำรหับเรา การรักษาความมั่นคงของทุ่งดาวสำคัญสุด ผมรู้สึกว่าเราควรแทรกแซงเรื่องนี้”อีกคนกล่าว
มีคนที่มีความเห็นต่าง”เราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แนวทางของแบล็คสตาร์สมเหตุผล ฮีเบอร์เคยท้าประลองแบล็คสตาร์หลายปีก่อนตอนเขาเพิ่งเข้าอาณาจักรผู้อยู่เหนือ แบล็คสตาร์แค่อยากแก้ไขความขุ่นเคือง”
เมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่จากฝ่ายเป็นกลางก็กล่าวเสริม”นั่นจริง ตอนนั้น เราไม่หยุดฮีเบอร์เพราะแบล็คสตาร์เพิ่งเข้าร่วมกับเราหลังตอบรับคำท้า คำพูดของผู้อยู่เหนือไม่สามารถกลับคำได้ เราไม่อาจแทรกแซงหรือนี้ได้ ไม่งั้นมันจะไม่ยุติธรรม”
“ใช่ไม่ต้องพูดถึงการกระทำล่าสุดของแดนหลั่งเลือดที่ส่งผลต่อผลประโยชน์ของกองทัพแบล็คสตาร์ หากเราลำเอียงไปทางแดนหลั่งเลือด นี่จะส่งผลต่อความเชื่อใจของแบล็คสตาร์”
“แต่ชื่อเสียงของฮีเบอร์…”
เจ้าหน้าที่แบ่งเป็นสองฝ่ายฝ่ายหนึ่งสนับสนุนการดูเฉยๆ อีกฝ่ายสนับสนุนการแทรกแซง แต่ทว่า คนที่พูดก็แค่เบี้ยที่รับผิดชอบการถ่ายทอดเจตนาของแต่ละฝ่าย
สำหรับผู้นำของฝ่ายไม่มีใครพูดจนถึงตอนนี้
เออแรนเรลฟังเงียบๆก่อนจ้องผู้บัญชาการของกองทัพสำรวจทาราคอฟ”ทาราคอฟ คุณคิดยังไง?”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมาทุกคนก็เงียบลง รู้ว่ามันถึงเวลาที่พวกยักษ์ใหญ่จะแสดงจุดยืน
“แบล็คสตาร์..ผมรู้จักเขามานานแล้ว”ทาราคอฟยิ้ม”ผมเชื่อว่าเขารู้ขีดจำกัดตัวเองดี”
“อืม”เออแรนเรลพยักหน้าก่อนจ้องเบโครอดี้ผู้เป็นตัวแทนฝ่ายตรงข้าม”แล้วคุณละ?”
สีหน้าของเบโครอดี้สงบเหมือนทะเลสาบนิ่งเขายิ้มก่อนพูดช้าๆ”ผม.เลือกจะเป็นกลาง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ความสงสัยก็แวบผ่านตาของเออแรนเรล
เธอรู้ว่าเบโครอดี้มักต่อต้านแบล็คสตาร์มาตลอด
แต่เขากลับให้การตอบสนองเช่นนี้นี่เป็นนัยว่าครั้งนี้เบโครอดี้กำลังเข้าข้างแบล็คสตาร์
การสนับสนุนความเป็นกลางตอนนี้ก็คล้ายกับการสนับสนุนแบล็คสตาร์เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าหากการต่อสู้ดำเนินต่อไปชื่อเสียงของฮีเบอร์จะเสียหายหนัก และชื่อเสียงแบล็คสตาร์จะเพิ่มขึ้น
สิ่งที่ฮีเบอร์ไม่รู้ก็คือในสายตาของพวกระดับสูง โอกาสที่ฮีเบอร์จะชนะกายสถิตของแบล็คสตาร์นั้นมีไม่ถึง10%!
นี่เพราะไม่นานมานี้ หน้าด่านได้ส่งรายงานสังเกตของแบล็คสตาร์ตอนเขาวิวัฒนาการมา และรายงานนี้ก็ทำให้เหล่าเบื้องบนของจักรวรรดิถึงกับสั่นคลอน
แบล็คสตาร์เพิ่งก้าวเข้าอาณาจักรผู้อยู่เหนือได้ไม่กี่ปีและศึกบนดาวประภาคารรวมถึงการล่มสลายของเทพเอสก็แสดงถึงการเติบโตเขา เดิมจักรวรรดิคิดว่าเขาคงอยู่เงียบๆไปสักพัก แต่มันกลับไม่ใช่เช่นนั้น!
เทียบกับความเร็วทั่วไปของผู้อยู่เหนือเวลาไม่กี่ปีเหล่านี้สั้นเกินไป!
พวกเขาไม่รู้ว่าแบล็คสตาร์เติบโตขึ้นแค่ไหนแต่ตามสมมติฐานของ’จ้าวแห่งความมืด’ แบล็คสตาร์ควรอยู่ใกล้หรือถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรผู้อยู่เหนือแล้ว เขาประสบความสำเร็จก่อนเวลาที่คาดไว้ล่วงหน้าหลายร้อยปีและแม้แต่จ้าวแห่งความมืดก็ยังตกตะลึง เอ่ยปากว่าเขาไม่เคยพบใครที่แหกกฏขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ดังนั้นในสายตาของจักรวรรดิ อัตราชนะของฮีเบอร์จึงต่ำจนน่าสมเพช ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสงสัยว่าการที่แบล็คสตาร์ส่งไปแค่กายสถิตก็เพียงเพื่อทำให้ฮีเบอร์โกรธมากขึ้นและปล่อยให้เขาคิดว่าเขามีโอกาสชนะ
ผลลัพธ์ของการต่อสู้นี้ถูกกำหนดไว้แล้วและแบล็คสตาร์ก็คงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลคนใหม่ของจักรวรรดิ ฮีเบอร์ยังสามารถขยายอิทธิพลได้ แต่มันจะไม่มีทางเท่ากับแบล็คสตาร์…
ในสายตาคนนอกมันหมายความว่าแบล็คสตาร์จะได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มผู้อยู่เหนือภายในวงแหวนดาวกระจาย!
เออแรนเรลเต็มใจที่จะดูสิ่งนี้ดังนั้นคนของฝ่ายปกครองทั้งหมดจึงอยู่ข้างแบล็คสตาร์ เดิมเธอคิดว่าคนมีคนคัดค้านในวันนี้และยืนกรานที่จะแทรกแซง แต่เธอไม่คิดว่าเบโครอดี้ ผู้มักสร้างปัญหาให้เธอจะเปลี่ยนจุดยืน!
เธอลอบขมวดคิ้วจากนั้นก็หันไปมองลุดเวลล์
“ผมก็สนับสนุนการเป็นกลาง”สีหน้าของลุดเวลล์ไม่เปลี่ยนมันไม่ใช่เพราะเขารู้สึกขอบคุณแบล็คสตาร์ แต่เพราะปกติเขาก็ทำตามฝ่ายปกครองอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ใช่พวกหัวรุนแรง การมีแบล็คสตาร์อยู่ข้างเดียวกันย่อมดีกว่า ตอนนี้ การได้ใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการหรือซื้อโทเท็มวิวัฒนาการสำคัญกว่า
วันนี้คือวันที่แปลกทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงพูดจาเพราะขนาดนี้?เออแรนเรลบ่นกับตัวเอง
ด้านข้างเบโครอดี้หลับตาลงอย่างแผ่วเบา หันไปมองลุดเวลล์
ไม่กี่วันก่อนโซโรคินได้ส่งข้อความตกลงกับเขา หวังว่าเขาจะแทรกแซง หากพวกเขายอมให้ชื่อของแบล็คสตาร์เพิ่มขึ้น แผนของโซโรคินจะยิ่งยาก
โดยปกติเขาย่อมแทรกแซงแน่ แต่สถานการณ์ต่างออกไปแล้ว ลุดเวลล์ได้คุยกับเขาครึ่งเดือนก่อน และการพูดคุยครั้งนั้นก็ทำให้เขาสงสัย
ดังนั้นเบโครอดี้จึงทำได้แค่เมินเฉยต่อความเห็นของโซโรคินและเก็บอาวุธลงไป การได้ลูกบาศก์วิวัฒนาการมาย่อมดี แต่การปกป้องชีวิตนั้นสำคัญกว่า
บรรยากาศของห้องประชุมค่อนข้างหนักและหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายต่างๆรวมคะแนนเสียงก้ไม่มีใครกล้าคัดค้านอะไร
เออแรนเรลรู้สึกว่าสิ่งนี้ประสบความสำเร็จเกินไปและกล่าว”ในเมื่อไม่มีใครคัดค้านงั้นก็เอาตามนั้น ตราบเท่าที่แบล็คสตาร์ไม่ทำตัวไร้เหตุผล อย่างการฆ่าฮีเบอร์ เราจะไม่แทรกแซง”
“เข้าใจแล้วครับ”
ทุกคนพยักหน้า
…
“แบล็คสตาร์กับฮีเบอร์กำลังจะสู้กัน?”
ในแชทกลุ่มของผู้อยู่เหนือจักรวรรดิเบโยนี่ถามอย่างตื่นเต้น
มิลิซาสแค่นเสียง”ฉันรู้อยู่แล้วว่าสักวันทั้งคู่ต้องสู้กัน”
“ไม่ต้องพูดอีกมาพนันกัน”เบโยนี่ลูบมือ
“ฉันจะวางเดิมพันเล็กๆน้อยๆเพื่อไม่ให้ทำร้ายความรู้สึกแบล็คสตาร์50ล้านอีนาส”เรเวนลูดหัวเราะ ไม่อายแม้แต่น้อยที่ขายฮีเบอร์
“โอ้ฉันสนิทกับฮีเบอร์และเข้าใจพลังเขาดี..”ไวรุลูบคาง”ฉันจะเดิมพันข้างแบล็คสตาร์ด้วย สิบล้าน”
“แบล็คสตาร์สองร้อยล้าน”นักดาบดอกบัวกล่าวอย่างไม่แยแส
“เห้ยเราจะเปิดการเดิมพันได้ไงหากทุกคนลงข้างแบล็คสตาณ์?”มิลิซาสไม่พอใจ
“ง่ายมากนายสามารถไปเรียกพวกแอนเชี่ยนวันทั้งหมดออกมาได้ และฉันจะดึงพวกสหพันธ์แห่งแสงกับศาสนจักรอาร์เคนมาร่วมวง นี่จะทำให้มันน่าสนใจขึ้น”หนึ่งในสามเสาหลักของจักรวรรดิอีกคนกระโดดเข้ามาร่วมสนุกด้วย
“เป็นแผนการที่ฉลาดแยบยลมาก”มิลิซาสหัวเราะลั่น.ไอลีนโนเวล.
แม้ศาสนจักรจะเคยทำร้ายเขาอีกฝ่ายก็เสียหายมากกว่า เขาจึงไม่ขุ่นเคืองอะไรนัก
แวดวงผู้อยู่เหนือใหญ่พอสมควรแม้พวกเขาจะอยู่คนละข้าง พวกเขาก็ยังมีการติดต่อส่วนตัวกัน
แอนเชี่ยนวันในสามอารยธรรมจักรวาลถือว่าเป็นผู้อยู่เหนือกว่าครึ่งของจักรวาลนี้นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นงานใหญ่
เกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างแบล็คสตาร์และฮีเบอร์ไม่เพียงจะไม่มีใครกังวล พวกเขายังสุมไฟ มีเพียงพวกที่เป็นสายตรงของจักรวรรดิถึงพิจารณาเรื่องนี้จากมุมมองจักวรรดิอย่างรอบคอบ
ทุกคนคือผู้อยู่เหนือและคงไม่มีละครดีๆหากไร้การต่อสู้!
….
บนดาวสีแดงเลือดในทุ่งดาวอันไกลโพ้นคลื่นอสูรนับไม่ถ้วนกำลังพุ่งเข้าหาร่างสีแดงคล้ายมหาสมุทรสีดำ ซากสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนตกลงบนพื้น เลือดสีฟ้าของพวกมันซึมในชั้นดิน
อสูรเหล่านี้คือสิ่งมีชีวิตกาแล็กซี่แสนดุร้ายที่สามารถนอนหลับและล่องลอยไปทั่วจักรวาลได้เมื่อพวกมันตกลงบนดาว พวกมันจะเพิ่มเป็นเท่าทวีและกินทุกอย่างบนผิวดาว กลายเป็นหายนะ
ในทุ่งดาวที่เจริญสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ถูกกำจัดไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีรังพวกมันอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของจักรวรรดิ
ตอนนี้เองจากศูนย์กลางคลื่นสัตว์ร้าย พลังงานสีแดงระเบิดไม่หยุด คอยเก็บเกี่ยวชีวิตทั้งหมด
ดวงตาของฮีล่าเยือกเย็นเธอไม่เป็นอะไรเลย พลังงานแห่งความตายแผ่ออกจากตัวเธอราวกับมันเป็นอิสระและพลังงานวิญญาณของเหล่าอสูรที่ตายก็ถูกดูดซับโดยร่างเธอ เสริมความสามารถเธออย่างต่อเนื่อง
ในท้องฟ้าเอเมสลอยกลางอากาศ มองฮีล่าผู้กำลังเข่นฆ่าฝูงสัตว์ร้ายโดยไม่มีเจตนาช่วยเหลือ
เป้าหมายของการเดินทางนี้ไม่ใช่เพื่อความสนุกฮีล่าต้องรีบพัฒนาความสามารถเธอ และวิธีที่เร็วสุดคือการสังหาร
มันไม่รู้ว่าการต่อสู้ผ่านมานานแค่ไหนแล้วเมื่ออสูรตัวสุดท้ายตาย ฮีล่าก็เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีฟ้า เธอสูดอากาศขณะหันไปมองรอบๆ
ซากศพเกลื่อนอยู่สุดลูกตาและผืนดินก็เป็นสีฟ้า
เลือดของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีกลิ่นเหมือนนมเปรี้ยวฮีล่ากลั้นหายใจ ลากร่างเหนื่อยล้าไปหาเอเมส
“ไม่เลว”เอเมสพยักหน้า
เธอลดหัวมองจากนั้นก็กดมือ
ครื่น!
พื้นสั่นและยกตัวขึ้นเหมือนมังกรดินที่กำลังทอดกาย สะพานดินยื่นออกมา บิดไปรอบๆ สร้างเป็นฉากอลังการ
สนามพลังปั่นป่วนอยู่ชั่วขณะและเมื่อทรายกับฝุ่นหายไป ซากศพทั้งหมดก็ถูกฝังในดินจนหมดสิ้น
หากมันคือเอเมสที่ลงมือการทำลายพวกมันนั้นง่ายแค่พลิกฝ่ามือ
มือขาวดุจหยกของเธอถอยเข้าไปในแขนเสื้อสีดำ”เมื่อเธอสามารถบรรลุระดับนี้ที่สามารถเก็บเกี่ยวชีวิตของสิ่งมีชีวิตนับร้อยล้านได้ด้วยการโบกมืองั้นเธอก็จะถือเป็นผู้อยู่เหนือ”
ฮีล่าพยักหน้าเงียบๆใบหน้าเธอเฉยชา ราวกับทั้งร่างเธอไม่ได้ปกคลุมด้วยสิ่งสกปรก
“ใช่ฉันเพิ่งเห็นข่าว”เอเมสนำอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา”แบล็คสตาร์ได้ท้าฮีเบอร์สู้ และเหมือนกับครั้งก่อน เขายังกำหนดวันเป็น20วันให้หลัง”
ครั้งก่อนเอเมสสู้ร่วมกับเขา ดังนั้นความทรงจำเธอจึงชัดเจนเป็นพิเศษ
“เอ๊ะ?”ฮีล่าขมวดคิ้วและอากาศหนาวเย็นก็แผ่จากตัวเธอ”เราควรไปช่วยไหม?”
“ฮี่ๆใจเย็นๆ..”เอมสหัวเราะ”เขาในตอนนี้ไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น”
…
องค์กรใหญ่ของทุ่งดาวต่างๆให้ความสนใจกับเรื่องนี้เนื่องจากการติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง คนรอบจักรวาลจึงรับรู้การต่อสู้ระหว่างทั้งสองมากขึ้น
อุตสาหกรรมการเดิมพันเริ่มขึ้นเดิม อัตราเดิมพันทางแบล็คสตาร์สูงมากแต่เพราะเขาไม่ลงมือเองและแค่ส่งกายสถิตมาพร้อมทหารจักรกลสองล้าน อัตราชนะจึงถูกปรับเป็น6ต่อ4เพื่อสนับสนุนฮีเบอรื
คนธรรมดาไม่มีทางเข้าใจพลังต่อสู้จริงของผู้อยู่เหนือในสายตาหลายคน แม้แบล็คสตาร์จะน่าประทับใจ หลายคนก็ยังรู้สึกว่าฮีเบอร์มั่นคงกว่า ในใจของพลเมืองหลายคน พวกเขาณู้สึกว่าผู้อยู่เหนือที่ไม่ปรากฏตัวสู้เองไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้กับคนระดับเดียวกันได้ หลายคนจึงยังเดิมพันข้างฮีเบอร์
ภายใต้บรรยากาศแสนดุเดือดนี้20วันผ่านไปไวราวกับโกหก
…
ดาวเผด็จการทมิฬเดิมเป็นดาวแห้งแล้งรกร้างแต่สิบวันก่อนหน้า เมื่อฮีเบอร์เลือกจุดนี้ เคล็นท์ก็มอบชื่อให้ดาวนี้และวางไว้บนแผนที่ดาว
บางทีเคล็นท์อาจมีแผนทำให้สถานที่นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใอนาคตแต่ผู้ชมที่มาไม่ได้คิดแบบนี้ หลังการต่อสู้ มันคงยากจะบอกได้ว่าดาวจะยังอยู่ไหม
แบล็คสตาร์ไม่ว่าอะไรที่ต้องสู้ในดินแดนเคล็นท์เขาอยากปล่อยให้คนเห็นความมั่นใจเขา และไม่ต้องกลัวความสูญเสียใดที่อาจเกิดขึ้นเพราะเขาใช้แค่ทหารจักรกล
เพราะเหตุนี้ช่างกลผู้อยู่เหนือจึงรู้สึกปวดหัวมาก ตราบเท่าที่กระเป๋าเงินเขาสามารถรองรับได้ เขาก็สามารถรับความเสี่ยงที่ไม่อาจควบคุมได้ทุกประเภท
หลายคนแห่กันไปดาวเผด็จการทมิฬ
ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นไม่กี่ปีก่อนเป็นบทเรียนหลายคนจึงอยู่ห่างออกไป ไม่มีใครอยากเป็นคนโชคร้ายที่ถูกฆ่าโดยอุบัติเหตุ
กองยานแดนหลั่งเลือดล้อมรอบไว้ส่วนฮีเบอร์ยืนลำพังบนผิวดาว เขาหลับตาทำสมาธิและร่างกำยำเขาก็ยืนตระหง่าน แผ่กลิ่นอายเผด็จการ
“เขาจะชนะไหม?”
บนยานอวกาศหนึ่งในขุนพลอดทำลายความเงียบไม่ได้
“นายสงสัยในตัวท่าน?”ฟอสเตอร์เหลือบมอง
“แล้วนายไม่?”
ฟอสเตอร์กัดฟันจ้องอีกฝ่ายก่อนสะบัดหน้าหนี
ในความเป็นจริงฝ่ามือเขายังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
หากฮีเบอร์ไม่สามารถเอาชนะแบล็คสตาร์ได้เขาคงรู้สึกผิดหวังแน่ แต่เขาก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะมาวันนี้เป็นแค่กายสถิต และหากฮีเบอร์ยังไม่อาจเอาชนะได้….
“นั่นเป็นไปไม่ได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี แบล็คสตาร์จะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้นได้ยังไง?”
ฟอสเตอร์ส่ายหัวอย่างแรงพึมพำกับตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาพูดเพื่อปลอบคนอื่นหรือเปล่า
จอร์ดหันไปมองรอบๆจ้องสีหน้ากังวลของขุนพลคนอื่นและใบหน้าเขาก็ซีดลง
ขุนพลทั้งแปดภายใต้ฮีเบอร์ที่ภักดีมาตลอดกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน?
เมื่อไหร่ที่ความเชื่อใจนี้เริ่มสั่นคลอน?
ถูกต้องมันตั้งแต่แบล็คสตาร์เป็นผู้อยู่เหนือ เมื่อฮีเบอร์ประลองกับเขาและไม่ได้รับชัยชนะ นั่นคือตอนที่เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยถูกฝัง
หากพวกเขารู้เรื่องนี้พวกเขาควรต่อต้านความปรารถนาของฮีเบอร์และฆ่าแบล็คสตาร์ซะตอนสงครามลับ
แบล็คสตาร์..คือพิษร้าย
ท่านต้องชนะ..ถ้าไม่มันคงยากที่จะรักษาหัวใจของผู้คนไว้
จอร์ดถอนหายใจ
น่าเสียดายไม่มีคำว่าถ้าในโลกนี้
ตอนนี้เองฮีเบอร์พลันลืมตาขึ้น
ตื่ออ…
กองยานแบล็คสตาร์ค่อยๆปรากฏบนขอบฟ้าไม่เร็วหรือช้า แค่มาตรงเวลา
“ในที่สุด”
ดวงตาของฮีเบอร์เยือกเย็นและมือที่ไพล่หลังอยู่ก็กำแน่น