The Legendary Mechanic - ตอนที่ 955 คลื่นใต้น้ำเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง
มีโถงวังประกอบไปด้วยชิ้นส่วนเครื่องจักรโลหะผสมสีทองตั้งอยู่บนยอดเขาและเกาะจักรกลสองอันก็หมุนรอบมันเหมือนดาวรอบดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์เทียมสีแดงลอยในท้องฟ้า เหมือนดวงตาสีแดงเลือด ส่องแสงบนผืนดินแห้งแล้งนี้ มีแท่นขุดจักรกลขนาดใหญ่นับไม่ถ้วน ด้วยวังที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ผู้ศรัทธาจักรกลมากมายสวมชุดจักรกล เดินไปรอบเมือง ฉากนี้คล้ายกับเมืองจักรกลที่มีรูปร่างเหมือนวงแหวน ยานขนส่งหุ้มเกราะส่งเสียงหวีดหวิวตามถนนในอวกาศ อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นโลหะและน้ำมันเครื่อง
นี่คือฐานสาขาของผู้ศรัทธาจักรกลซึ่งตั้งอยู่บนดาวชื่อดังที่เคยเป็นสนามรบภายในทะเลทรายดวงดาวโบราณ แท่นขุดเหล่านี้จะขุดซากเครื่องจักรใต้ดินทั้งวันทั้งคืน ส่งพวกมันให้นักบวชของผู้ศรัทธาจักรกลเพื่อวิจัยเทคโนโลยีที่สูญหาย
สถานที่ตรงกลางโถงวังคือวิหารเทพเจ้าสำหรับผู้ศรัทธาจักรกล แต่ละยอดเขาที่มีวิหารเทพจักรกลจะได้รับการขนานนามว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ขั้นบันไดลอยสีดำยื่นจากแปดทิศทางตรงตีนเขาศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมต่อกับประตูวิหารจักรกล ตามธรรมเนียมพวกเขา หากมันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ผู้แสวงบุญต้องใช้เท้าเดินขึ้น และไม่สามารถนั่งยานพาหนะทุกรูปแบบเพื่อเข้าวิหารได้
ด้านข้างของถนนทั้งแปดสายนี้มีรูปปั้นจักรกลหรืออนุสาวรีย์โลหะพวกมันเป็นเครื่องจักรโบราณที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าจากยุคโบราณจนถึงเทคโนโลยีขั้นสูง และพวกมันก็ถูกสลักด้วยคำสอนทุกประเภท
การผสานเครื่องจักรและเทววิทยานี้ดูเหมือนจะทำให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์
ผู้ศรัทธาจักรกลเป็นองค์กรหละหลวมไม่ใช่องค์กรทางศาสนาที่เป็นอันหนึ่งอันเดียว กิจกรรมร่วมกันของพวกเขาคือการบูชาเทคโนโลยีจักรกและช่างกลที่เก่งกาจ แต่ทว่า ตามหลักการพวกเขาแล้ว พวกเขายังแยกตัวเองเป็นหลายกลุ่มและมีความถนัต่างกัน ตัวอย่างได้แก่ โรงแรมเครื่องจักรชีวเคมี โรงเรียนทำลายล้าง ซึ่งจะคลั่งไคล้การคิดค้นอาวุธทำลายล้าง และโรงเรียนอาวุธปืนซึ่งจะยึดมั่นคำพูดที่ว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดี
สำหรับสาขาปัจจุบันนี้มันเป็นของผู้ศรัทธากลุ่มลืมเลือน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อโรงเรียนโบราณคดี พวกเขากระตือรือร้นที่จะค้นหาและฟื้นฟูเทคโนโลยีช่างกลโบราณและเป็นหนึ่งในโรงเรียนผู้ศรัทธาจักรกลที่เก่าแก่สุด
ตอนนี้เองในโถงใหญ่ นักบวชของสาขานี้มารวมตัวกันพร้อมด้วยนักบวชจำนวนมากจากสาขาอื่นที่ส่งภาพฉายระยะไกลมา พวกเขายืนล้อมกันเป็นวงกลมและตรงกลาง มีหน้าจอเสมือนที่แสดงการต่อสู้ระหว่างแบล็คสตาร์และฮีเบอร์
“อย่างที่ทุกคนเห็นเทพจักรกลคนใหม่ได้จุติลงสู่โลกนี้แล้ว เผยแพร่คำสอนไปทั่วทั้งจักรวาล”
ในชุดเกราะทรงพลังหรูหรานักบวชสูงสุดพูดราวกับเขากำลังเทศนา
“ช่างสง่างามยิ่งนัก!”
“มันช่างอลังการงานสร้างอะไรขนาดนี้..”
“มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วที่เราไม่ได้เห็นเทพจักรกลจุติฉันเกือบลืมไปแล้วว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร”
นักบวชหลายคนกำลังซุบซิบดวงตาพวกเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นและคลั่งไคล้
“เงียบ”นักบวชลดสองมือลงด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ทุกคนปิดปากทันที
จากนั้นนักบวชสูงสุดก็หยิบคฑษจักรกลที่มีลักษณะคล้ายกิ่งไม้ออกมาเขากดปุ่มหนึ่งและด้านหลังเขาก็มีแท่นบูชาที่ทำด้วยโลหะผสมผุดขึ้นมา
เขาเดินไปหันหลังให้คนอื่น พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ตามคำสอนโบราณในนามของเทพดั้งเดิมนิลฟ์กาดิ เราได้เป็นพยานการถือกำเนิดของเทพองค์ใหม่ร่วมกัน นับจากนี้ไป ฉันขอถวายเทพองค์ใหม่และขอให้ทุกคนโปรดจำชื่อของเทพองค์กรใหม่นี้ไว้…”
ขณะกล่าวเช่นนั้นนักบวชสูงสุดก็เปิดจอของแท่นศักดิ์สิทธิ์ เข้าสู่วิดิโอร่วมถึงพารามิเตอร์ วินาทีต่อมา ทั้งวิหารก็สั่นคลอน!
บูม!
ต่อหน้าทุกคนกระแสโลหะผสมและอนุภาคนาโนนับไม่ถ้วนก็ยิงออกมา ผสานกับรูปปั้นอื่นที่สลักกันเป็นเทพจักรกล แบล็คสตาร์
นอกจากรูปปั้นแบล็คสตาร์ยังมีรูปปั้นของแมนิสันอีกด้วย เหล่านี้คือเทพจักรกลของอดีต ทั้งหมดยืนอยู่ใต้โดมสูงตระหง่านของวิหาร
รูปปั้นที่ใหญ่สุดและเด่นชุดสุดคือช่างกลนามนิลฟ์กาดิคนๆนี้คือช่างกลคนแรกที่กลายเป็นเทพจักรกล แม้กระทั่งคนที่กลายเป็นเทพจักรกลแล้วก็ยังบูชาเขา ในความเป็นจริง จุดประสงค์ของผู้ศรัทธาจักรกลนี้ได้รับการพัฒนาโดยเขา
ในฐานะผู้บุกเบิกสายช่างกลบัลลังก์เทพนิลฟ์กาดิค้นพบผลของ[กุญแจแห่งเทพจักรกล] ดังนั้นเขาจึงยุ่งเกี่ยวกับผู้ศรัทธาจักรกล ซึ่งมีอิทธิพลต่อปัจจุบัน
ผู้ศรัทธาจักรกลไม่ต้องการการสื่อสารระหว่างผู้บูชาและเทพที่คนบูชา
แต่ทว่ามีเพียงช่างกลบัลลังก์เทพที่ยังมีชีวิตถึงสามารถมอบพรให้กับผุ้ศรัทธาได้ ดังนั้น เทพจักรกลที่ตายไปแล้วจึงเป็นได้แค่ที่ระลึก ปัจจุบันผู้ศรัทธาส่วนใหญ่จะเชื่อในแมนิสัน
และตอนนี้การเข้ามามีบทบาทของแบล็คสตาร์ก็ได้ฉีกช่องเล็กๆในความเชื่อมั่นที่มั่นคงนี้ นี่คือสิ่งที่แมนิสันไม่อาจหยุดยั้งได้
เหล่านักบวชทั้งหมดหันหน้าเข้าหาเทพตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก้มคำนับเพื่อทำพิธีให้เสร็จ
“เราขอน้อมรับท่านแบล็คสตาร์ด้วยความเคารพ!”
…
ฉันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังชมฉันลับหลัง…
ภายในห้องหานเซี่ยวถูจมูกขณะรู้สึกถึงอารมณ์แปลกๆ
“เห้ยเห้ย อย่าเสียสมาธิตอนคุยกับฉันสิ!’จากภายในอุปกรณ์สีหน้า ทาราคอฟแสดงสีหน้าหน่ายใจ
หานเซี่ยวได้สติคืนและกล่าวติดตลก”โทษทีฉันเพิ่งคิดว่าจะกินอะไรดีเย็นนี้ เมื่อสักครู่เราคุยกันถึงไหนนะ?”
“นายคิดอะไร?คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่านายต้องพึ่งแค่สารอาหารเหลว”
“โอ้ใครบอก!?”
“พอแล้วกลับเข้าเรื่องกันเถอะ”ทาราคอฟส่ายหัว”ฉันสามารถเผยแผนพัฒนาที่จัดทำโดยเบื้องบนของจักรวรรดิได้ว่าพวกเขาจัดเตรียมการถึงระยะสี่แล้ว และมีเพียงระยะแรกถึงจะมอบเวลาก่อสร้างให้นาย หลังจากนั้น การลงทุนโดยตรงจากทุ่งดาวต่างๆจะมาช่วยนายพัฒนาขณะทำการสำรวจต่อ”
“ซึ่งหมายความว่าเมื่อสามกลุ่มดาวก่อสร้างเสร็จ จักรวรรดิถึงเริ่มช่วงต่อไปสินะ?งั้นข้อได้เปรียบที่เราได้รับจากการบุกเบิกโลกริบหรี่ก็คงหมดลง”หานเซี่ยวลูบคาง.ไอลีนโนเวล.
ทาราคอฟไม่เห็นด้วยหรือปฏิเสธ”ในระยะสั้นความคืบหน้าการพัฒนาสามกลุ่มดาวนั้นเกินความคาดหมายและราบรื่นมาก เราคิดว่าแผนก่อสร้างคงเสร็จในห้า-เจ็ดปีก่อนเราจะได้เริ่มระยะสอง”
เวลานี้ยังพอรับได้..หานเซี่ยวลอบพยักหน้า
เมื่อเวอร์ชั่น4.0ปล่อยตัวโลกริบหรี่ควรเข้าสู่ระยะสี่ของการพัฒนา ดังนั้นภารกิจเนื้อเรื่องหลัก[โลกริบหรี่]คงต้องผ่านภารกิจต่อเนื่องมากมาย การบรรลุ[ผู้บุกเบิกการสำรวจ]คงไม่ยากเกิน เหตุผลที่เขาโทรหาทาราคอฟก็เพื่อสอบถามข้อมูลเรื่องนี้
หลังคุยกันสักพักหานเซี่ยวก็วางสาย
ข่าวที่เขาเอาชนะฮีเบอร์ได้กระจายไปกว่าเดือนแล้วและผลลัพธ์ก็ชัดเจนจำนวนผู้มาสมัครใหม่เพิ่มขึ้น43% และการลงทุนจากกลุ่มการเงินต่างๆก็เพิ่มขึ้น35% สำหรับแดนหลั่งเลือด อิทธิพลพวกเขาตกลง
นอกจากนี้ชุดไพ่เวย์นซึ่งมักอ่อนไหวต่อข่าวก็ได้เปลี่ยนแปลงเช่นกัน ออกแถลงการณ์เพื่อประกาศการเสริมพลังชุดไพ่แบล็คสตาร์ รวมถึงแสดงจุดอ่อนของชุดไพ่แดนหลั่งเลือด นอกจนากี้ พวกเขายังเปลี่ยนสถานะของผู้แข็งแกร่งสุดภายในทุ่งดาว เพิ่มชื่อแบล็คสตาร์เข้าไปแทน
ผู้อยู่เหนือบางคนยังส่งข้อความแสดงความยินดีมาท่ามกลางพวกเขาคือโซโรคิน ที่ทำให้หานเซี่ยวมีความประทับใจใหม่ด้วยคำว่า’หน้าด้าน’
ปรากฏว่าหากคนละทิ้งศักดิ์ศรี พวกเขาจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ตอนนี้ที่กองทัพแบล็คสตาร์ได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งสุดในทุ่งดาวแล้วการแข่งขันกับกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัดจึงมีท่าทีดีขึ้น ตั้งแต่ที่เขายกระดับ ค่าประสบการณ์สะสมเขาก็ไม่มากพอจะไปถึงขั้นต่อไป เขาจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างอาณาเขตเขา
หลัง’จับจ่าย’ภายในจักรวรรดิเป็นเวลานานเขาก็เล็งเห็นหุ้นที่มีศักยภาพ หานเซี่ยวตั้งใจกลับไปวงแหวนดาวกระจายและวิเคราะห์ผลกระทบการต่อสู้ของเขารวมถึงปรับรายละเอียดการก่อสร้าง นอกจากนี้เขายังจะใช้[การแพร่กระจายของจักรกล]เพื่อเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตจักรกลแรกเขาให้เร่งการพัฒนาของอารยธรรมจักรกล
ขั้นต่อไปคือการใช้ความสามารถด้านโลจิสของฐานเขาเพื่อสร้างโรงงานมิติที่สองสร้างกองทัพจักรกลรุ่นใหม่ แม้พวกมันจะสามารถสร้างได้ภายในโรงงานมิติ ฐานกองทัพก็มีสาขาและประสิทธิภาพน้อยกว่าฐานหลักเขามาก
“ฟิลลิปตั้งเส้นทางกลับไปวงแหวนดาวกระจาย”
“รับทราบฮึ่ม….”
..
“ผู้แข็งแกร่งสุดในทุ่งดาว?ฮี่ๆ…”
มีแขกไม่กี่คนภายในโรงเตี๊ยมสไตล์ย้อนยุคแห่งนี้และมีชายร่างผอมสูงนั่งข้างเคาน์เตอร์บาร์ไม้ ขณะจ้องภาพหานเซี่ยวด้วยรอยยิ้มสนุก
เขาคือมนุษย์อวกาศแต่ผิวเขากลับดูขาวซีดเหมือนคนป่วย เขาดูธรรมดา ไม่มีใครสามารถแยกเขาออกจากกลุ่มคนได้
เขาจ้องหานเซี่ยวบดจอและเผยสีหน้าระลึกถึง
“ถูกต้องมันนับว่าโชคได้เข้าข้างจักรวรรดิจริงๆ หากมีโอกาส ฉันอยากจะพบกับเขาอีกสักครั้งจริงๆ”
“นายเคยเจอแบล็คสตาร์มาก่อน?”เจ้าของบาร์สนใจ
“จะพูดอย่างงั้นก็ได้พูดก็พูด เขายังเอาของบางอย่างจากฉันไป ฮี่ๆ..ไม่แน่ใจว่าเขาจะยังจำ..ลูกปลาตัวน้อยอย่างฉันได้ไหม”
ชายคนนั้นหัวเราะก่อนยืนขึ้นหยิบเสื้อแจ็คเก็ตที่พาดไว้บนเก้าอี้และเดินออกไป
“ค้างไว้อีกแล้วหรอ?”เจ้าของวางแก้วในมือลงพูดราวกับเขาชินกับมันแล้ว
“โอ้ใช่ เหมือนเดิม เมื่อเงินเดือนฉันออก ฉันจะมาจ่าย”
ด้วยประโยคนี้ชายคนนั้นจึงเดินออกไป สวมชุดเครื่องแบบกลับ..ซึ่งเป็นเครื่องแบบของนายทหารแห่งจักรวรรดิคริมสัน
…
ภายในห้องของทะเลวิญญาณดวงดาวคนนับสิบกำลังรวมกันรอบโต๊ะยาว หารือกันอย่างจริงจัง มีหนังสือนับสิบเล่มบนโต๊ะยาว ทั้งหมดไร้ชื่อบนปก
“เริ่มจากกาแล็กซี่กลาง?บ้าหรือเปล่า?แกกำลังรนหาที่ตาย!”
“หากเป้าหมายเราอยู่ไกลเกินไปเราจะไม่มีอิทธิพลพอ อารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดเหมาะสมสุดสำหรับการพัฒนา”
“เราใช้ได้แค่หนังสือเหล่านี้เพื่อส่งเสริมอุดมการณ์เราเท่านั้นเครือข่ายควอนตัมถูกจับตาดูอย่างเข้มงวดโดยอารยธรรมนับไม่ถ้วน และไม่เพียงเราจะไม่ได้รับความสะดวกสบาย เรายังดึงดูดความสนใจอีกด้วย”
“สำหรับฉันฉันรู้สึกว่าเราควรรอ มันอาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดี…”
เมื่อได้ยินการสนทนาทั้งหมดโรเซลลินจึงกระแอมเบาๆ
เอ็ดมันด์หันไปหาเธอคิดก่อนเคาะโต๊ะเพื่อให้ทุกคนเงียบ
“เธอมีความเห็นอะไร?”
โรเซลลินยิ้ม”พวกนายดูเหมือนละครสัตว์”
เมือ่ได้ยินเช่นนี้หลายคนก็เผยสีหน้าไม่พอใจ
แต่เอ็ดมันด์กลับโบกมือไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย”เธอพูดถูก เรายังไม่เริ่มธุรกิจเรา แน่นอนว่าต้องมีความเห็นไม่ตรงกันมากมาย ฉันหวังจะรับฟังความเห็นเธอ”
โรเซลลินแค่นเสียง”สภาพปัจจุบันของจักรวาลมีความเสถียรแทบไม่มีโอกาสที่จะเกิดแรงเสียดทานภายนอกระหว่างสามอารยธรรม แต่ทว่า มีคลื่นใต้น้ำที่พลุ่งพล่านและแต่ละอารยธรรมก็กำลังเดินบนทางเหล่านั้น นี่เป็นเพราะโลกริบหรี่และโทเท็มวิวัฒนาการ…ฉันได้พูดไปแล้ว ต้นตอของปัญหานี้อยู่ที่การต่อสู้ภายในของสามอารยธรรมและการต่อต้านของอารยธรรมระดับกลุ่มดาว”
“โลกริบหรี่เป็นวิธีสับไพ่ใหม่ขณะที่ความสนใจของทั้งจักรวาลอยู่กับโลกริบหรี่ เราสามารถพัฒนาได้ง่ายๆ ส่งเสริมความคิดนี้เงียบๆ คอยแฝงตัวและรอโอกาส”
“โอกาสอะไร?”บางคนถาม
“อารยธรรมระดับกลุ่มดาวหวังจะได้รับช่องทางเพื่อยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นแต่อารยธรรมย่อมรั้งผลประโยชน์ไว้แน่น ทิ้งแค่ของเหลือไว้ให้อารยธรรมกลุ่มดาวและอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอด”โรเซลลินตอบ”สองอย่างหลังถูกข่มมานานเกินไป และวันหนึ่งจะต้องถึงจุดวิกฤต พวกเขาไม่มีทางรอไปตลอดและเมื่อความหวังทั้งหมดสูญสิ้น มันก็จะระเบิด โลกริบหรี่มีศักยภาพที่จะเป็นชนวน และนี่คือปุ๋ยสำหรับการพัฒนาของเรา”
เอ็ดมันด์พยักหน้า”ฉันเองก็คิดแบบเดียวกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ทุกคนก็พยักหน้า
แต่โรเซลลินกลับลอบเยาะเย้ยในใจ
ความจริงเธอไม่ได้สนใจคนเหล่านี้เลย พวกเขาแค่ทำตามอุดมคติแสนบิดเบี้ยวของเอ็ดมันด์อย่างหน้ามืดตาบอดและเธอก็ปรารถนาจะเฝ้าดูโลกมอดไหม้
การทำลายข้อจำกัดของสามอารยธรรม?มันฟังดูดีแต่เธอไม่สนใจ แรงจูงใจเธอคือการโค่นล้มสามอารยธรรม มีแค่สิ่งนี้ถึงทำให้เธอตื่นเต้น
เอ็ดมันด์เป็นคนที่เชื่อมั่นในอุดมคติของตัวเองแต่ในความคิดเธอ นี่แค่จุดเริ่มต้นที่ดี
ด้วยยุคแห่งความอุดมสมบูรณ์เช่นนี้ไม่มีใครต้องกังวลถึงความอยู่รอดและแค่ต้องสู้เพื่อผลประโยชน์ถึงทำให้โลกหมุน นี่คือการปฏิวัติที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความอยู่รอด แต่เพราะความขัดแย้ง
โลกมักยืนอยู่บนขอบหน้าผาพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาสมดุล มันแค่ต้องมีคนคอยผลัก เหมือนการผลักดันนั้นเป็นการกดสวิตซ์เพื่อเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ นำประวัติศาสตร์ไปสู่เส้นทางอื่น หากไม่มีสิ่งนั้น พวกเขาก็ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง
“ถ้าเราจะเริ่มธุรกิจเราเราต้องมีชื่อ”เอ็ดมันด์กล่าว
เมื่อมองผิวสีเงินเขาโรเซลลินก็หัวเราะอย่างมีความหมาย
“ฉันคิดไว้แล้ว…มันคือกองทัพปฏิวัติเงิน”