The Legendary Mechanic - ตอนที่ 970 เทคโนโลยีลึกลับ
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้..
ในแถบจักรวาลรกร้างห่างไกลจากดาวประภาคารกองยานเผ่าคุนเด้ออกจากประตูดาวและแยกกัน จากนั้นก็เข้าไฮเปอร์ไดรฟ์ มาถึงดาวประภาคารจากทิศต่างๆ
หลังการโจมตีของศาสนจักรและเทพเอสจักรวรรดิคริมสันก็ได้ขยายขอบเขตเฝ้าระวังไปหลายเท่า ไม่นานหลังกองยานเผ่าคุนเด้ปรากฏ พวกเขาก็พบอุปกรณ์ตรวจสอบอวกาศ แต่ทว่า กองยานเผ่าคุนเด้ไม่สนใจความจริงที่ถูกพบเห็นและมุ่งตรงไปดาวประภาคาร
ห้องบัญชาการของยานหลักมีธีมสีเทาฟ้าแผงควบคุมต่างๆถูกสร้างเพื่อให้สิ่งมีชีวิตมีเปลือกใช้ ผู้บัญชาการกองยานคือกุ้งล็อบสเตอร์ขนาดใหญ่ที่เหมือนมีเปลวไฟสลักบนเปลือกมัน
เผ่าคุนเด้ยังแบ่งออกเป็นหลายสายพันธุ์แต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะพิเศษ เปลือกบางส่วนจะเปลี่ยนสีตามอารมณ์ แสดงถึงความโกรธและผู้บัญชาการคนนี้ก็กำลังโกรธจัด
เยลู่ผู้บัญชาการทหารของเผ่าคุนเด้ เขาเป็นผู้บัญชาการหัวรุนแรงที่อาสาเข้าร่วมภารกิจซุ่มโจมตีนี้ เขาและสมาชิกคนอื่นของกองยานรู้ว่าโอกาสรอดชีวิตกลับไปนั้นน้อยมาก แต่ก็ยังเลือกรับภารกิจ
“เราอยู่ไกลจากดาวประภาคารแค่ไหน?”
“ผู้บัญชาการเรายังต้องใช้เวลาอีกประมาณสี่ชั่วโมงครับ”
“เร่งความเร็ว”เยลู่กล่าวด้วยกลิ่นอายรุนแรงเขาเกลียดความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถยิงใส่ศัตรูได้เดี๋ยวนี้
มันเพิ่งผ่านมาไม่นานตั้งแต่เผ่าคุนเด้ได้รับเทคโนโลยีประตูดาวและไฮเปอร์ไดรฟ์ต่อให้จะมีความสามารถผลิตสูง พวกเขาก็ไม่สามารถติดตั้งยานทั้งหมดด้วยอุปกรณ์เช่นนั้นได้ นอกจากนี้ เผ่าคุนเด้ยังไม่ชินกับทักษะเทคโนโลยีนี้และไม่อาจใช้กลอุบายได้มากนัก
โดยธรรมชาติพวกเขาไม่มีทางซุ่มโจมตีศัตรูได้เพราะพวกเขายังต้องเดินทางอีกสี่ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม นี่ก็สุดความสามารถของเผ่าคุนเด้แล้ว พวกเขาสามารถลอบวางประตูดาวได้แค่ที่ตำแหน่งนี้
แต่ทว่ากองยานนี้ไม่กังวลถึงการถูกค้นพบเลยและแผนพวกเขาคือการโจมตีแบบซึ่งๆหน้า
ในข้อมูลของซากยานมีการระบุขอบเขตเฝ้าระวังของดาวประภาคารไว้คร่าวๆ มันยังระบุว่านี่คือศูนย์บัญชาการจักรวรรดิคริมสัน เผ่าคุนเด้ได้ใช้อุปกรณ์เฝ้าระวังทางไกลเพื่อระบุความจริงนี้ด้วย เช่นนั้น พวกเขาจึงวางแผนโจมตีดาวประภาคารขณะส่งกองกำลังออกไป
เผ่าคุนเด้รู้ว่ามันยากสำหรับพวกเขาที่จะได้รับชัยชนะหากพวกเขาสู้แบบซึ่งๆหน้าเช่นนั้น พวกเขาจึงทำได้แค่เสี่ยงโจมตีศูนย์ใหญ่ศัตรู แบบนี้ พวกเขาอาจสามารถตัดเส้นทางถอยของศัตรูได้
กองยานนี้ยังบรรทุกอาวุธพลังงานไซโอนิคแรกเริ่มจำนวนมากและเผ่าคุนเด้ก็เชื่อมั่นในพลังของมันมาก ตราบเท่าที่พวกเขาเข้าใกล้ดาวประภาคารได้และขอแค่หนึ่งในอาวุธเหล่านี้โดนดาวประภาคาร เป้าหมายพวกเขาก็จะลุล่วง พลังงานไซโอนิคแรกเริ่มสามารถเพิกเฉยการป้องกันส่วนใหญ่ได้และม่านพลังส่วนใหญ่ก็เหมือนแหล่งพลังงานต่อมัน
แม้พวกเขาจะรู้ว่าไม่มีทางรอดชีวิตกลับไปได้ทั้งหมดก็ยังมีเจตจำนงแน่วแน่และไม่กลัวความตาย
อีกด้านหนึ่งมันเพราะความโกรธและความเกลียดที่มีต่อจักรวรรดิ อีกด้าน มันเพราะความกลัวในหัวใจเช่นกัน เหตุผลที่ทำให้พวกเขากลัวนั้นเกี่ยวกับหานเซี่ยว
เดิมเผ่าคุนเด้ให้ความสนใจกับการปกปิดตำแหน่งพวกเขาเพราะพวกเขาเสียเปรียบมาก ตราบเท่าที่ตำแหน่งของพวกเขายังไม่ถูกเปิดเผย พวกเขาก็จะสามารถใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์และคิดแผนได้มากมาย
แต่ทว่าจักรวรรดิคริมสันกลับไม่ได้ทำการสอดแนม แต่กลับตรงมายังเขตแดนพวกเขา สิ่งนี้ได้ทำลายแผนของเผ่าคุนเด้และทำให้พวกเขาโกรธ
ด้วยตำแหน่งที่ถูกเปิดเผยวิธีการส่วนใหญ่ที่เตรียมไว้จึงเปล่าประโยชน์และกองทัพพวกเขาก็ตกอยู่ในอันตราย หลายคนรู้สึกขอบคุณที่ส่งพลเรือนส่วนใหญ่ออกไปแล้ว หากไม่ พวกเขาคงอยู่ในตำแหน่งที่แย่กว่านี้
อย่างช่วยไม่ได้เผ่าคุนเด้ทำได้แค่คิดแผนการที่สิ้นหวังเช่นนี้
สาเหตุเดียวที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดคือหานเซี่ยวผู้ให้ข้อมูล เขาช่วยจักรวรรดิลดความพยายามไปมากและยังบังคับให้เผ่าคุนเด้ต้องทำการเคลื่อนไหวเช่นนี้
…
ในห้องบัญชาการของดาวประภาคารทาราคอฟและผู้บัญชาการคนอื่นมารวมกัน สายตาพวกเขาจับจ้องแผนที่ดาวและจุดสีแดงที่แสดงถึงกองยานเผ่าคุนเด้ พร้อมเวลานับถอยหลังที่มุมขวาบนของหน้าจอ
“ศัตรูกำลังใกล้เข้ามาและจะมาถึงในประมาณสามชั่วโมง”ทาราคอฟกล่าวสีหน้าเขาสงบนิ่ง ไม่รู้สึกกดดันใดๆ
ทุกคนต่างสงบและไม่แปลกใจอะไร
นี่คือหนึ่งในผลลัพธ์ที่พวกเขาคาดการณ์ไว้และพวกเขาก็ได้เตรียมการไว้แล้วศัตรูไม่มีโอกาสสู้ซึ่งๆหน้า และจึงต้องกระทำการอะไรที่มันเสี่ยงแบบนี้
ในช่วงยุคสำรวจจักรวรรดิคริมสันพบกับการซุ่มโจมตีต่างๆมากมาย เช่นนั้น ผู้บัญชาการที่นี่จึงไม่ตื่นตระหนกเลย บางคนยังรู้สึกอยากหัวเราะ
อารยธรรมพื้นเมืองมีประสบการณ์น้อยเกินปไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยต่อหน้าพวกเขา และการกระทำทั้งหมดก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดไว้
อีกฝ่ายอยากซุ่มโจมตีโดยไม่มีอุปกรณ์เปิดฟ้าหลากมิติ?
พวกเขาไม่มีพลังของสหพันธ์แห่งแสงแต่กลับมีนิสัยของสหพันธ์แห่แสง
ดาวประภาคารเต็มไปด้วยการป้องกันและพวกเขาก็คุ้นเคยกับสงครามดี
หลังบทเรียนที่แล้วต่อให้พวกเขาส่งกองยานใหญ่ออกไป พวกเขาก็ยังทิ้งยานอวกาศไว้มากพอเพื่อปกป้องดาวประภาคาร นอกจานกี้ พวกเขายังขยายขอบเขตการเฝ้าระวัง ซึ่งส่งผลให้ศัตรูต้องใช้เวลานานขึ้นถึงมาถึงดาวประภาคารได้ เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็พอแล้วสำหรับพันธมิตรพวกเขาจากรีนอลท์ การูและมงกุฏที่จะมาสมทบ ในความเป็นจริง กองทัพที่พวกเขาส่งออกไปยังสามารถกลับมาผ่านประตูดาวต่างๆได้
“ทุกคนรู้ถึงสถานการณ์แล้วภัยคุกคามเดียวของศัตรูคืออาวุธพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม”ทาราคอฟเดินวน”เรามีเวลาเตรียมการมากพอและจะต้องกวาดล้างยานรบศัตรูให้หมดก่อนพวกมันจะมาถึงดาวเรา เราจะตกที่นั่งลำบากหากพวกมันโจมตีดาวประภาคารได้แม้แต่ครั้งเดียว”.ไอลีนโนเวล.
“ผมอยากขออนุมัติใช้อาวุธพลังงานไซโอนิคแรกเริ่มเหมือนกับที่แบล็คสตาร์บอก เราควรโยนเหรียญเดียวกันคืนให้พวกมัน”ผู้บัญชาการจากฝ่ายเหยี่ยวกล่าว
“อืมได้”ทาราคอฟพยักหน้า
การใช้อาวุธพลังงานไซโอนิคแรกเริ่มเป็นที่ต้องห้ามในจักรวาลที่ได้รับการสำรวจแต่ในเมื่อศัตรูได้ใช้มัน จักรวรรดิจึงไม่คิดรั้ง ในเมื่อจักรวาลจะเต็มไปด้วยมลพิษอยู่แล้ว งั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
แต่ทว่าแม้เขาจะอนุญาตให้ใช้อาวุธพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม ทาราคอฟก็มีแผนอื่น”พลังของอาวุธพลังงานไซโอนิคแรกเริ่มน่ากลัวเกินไป หากเป็นไปได้ พยายามใช้อาวุธธรรมดาเพื่อจับศัตรูและยานรบศัตรู นี่คือโอกาสที่ดีสุดที่จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับศัตรู อย่าลืมว่าเราไม่รู้อะไรเลยถึงอารยธรรมพวกมัน นอกจากนี้ ให้หน่วยช่างกลเสมือนประจำการไว้ ความช่วยเหลือของพวกเขาจะเป็นประโยชน์มาก”
จักรวรรดิมีช่างกลเสมือนจำนวนมากและไม่จำเป็นต้องหยิบยืมพลังของผู้อยู่เหนือเพื่อเผชิญหน้ากับอารยธรรมพื้นเมืองค่าธรรมเนียมของแบล็คสตาร์ในตอนนี้ค่อนข้างแพง…
…
หลังสังเกตเห็นเจตนาศัตรูกองยานป้องกันของดาวประภาคารก็เริ่มออกเดินทางเพื่อสกัดกั้นศัตรู
ไม่นานทั้งสองฝ่ายก็พบกันในแถบจักรวาลรกร้าง การต่อสู้ไม่สงบเหมือนการต่อสู้ในจักรวาลที่ได้รับการสำรวจ และทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้อาวุธพลังงานไซโอนิคแรกเริ่มโดยไม่ยับยั้งอะไรทั้งสิ้น
ในจักรวาลเปิดโล่งการขยายของพลังงานไซโอนิคแรกเริ่มไม่เร็วเท่ากับตอนมีดาวทั้งดวงให้กลืนกิน แต่ทว่า มันก็ยังอันตรายอยู่ดีเพราะมันจะไม่หายไปไหน
พลังงานไซโอนิคแรกเริ่มสามารถคงอยู่ในสนามรบได้เป็นเวลานานและยานอวกาศก็ทำได้แค่หลีกเลี่ยงเท่านั้นนอกจากนี้ บอลพลังงานไซโอนิคจะยังคงขยายตัว ปล่อยแรงดึงดูดอันทรงพลัง ดูดชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆของซากยาน มันเหมือนกับหลุมดำขนาดเล็ก
ในสนามรบซับซ้อนทุกคนต่างระวังการโจมตีระยะไกลของอีกฝ่าย
“ผู้บัญชาการยาน078 075และ102ถูกศัตรูขึ้นยานแล้ว พวกทหารบนยานไม่สามารถปิดกั้นศัตรูได้”
ในยานหลักของเผ่าคุนเด้ฉากของผู้ใช้พลังกำลังเข่นฆ่าทหารเผ่าคุนเด้ถูกแสดง
เมื่อเห็นฉากนี้เยลู่ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร”นี่คือผู้ใช้พลังที่กล่าวถึงในข้อมูล?พวกมันสามารถได้รับพลังเหนือธรรมชาติโดยไม่ต้องดัดแปลงพันธุกรรมกันจริงๆ?!”
“ผู้บัญชาการสถานการณ์ไม่ดีต่อเราเลย เราจะทำอย่างไรกันดีครับ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเยลู่ก็เหลือบมองแผนที่ดาวตรงหน้าเขา มีช่องว่างทางเทคโนโลยีระหว่างกองยานพวกเขาและศัตรู ความสูญเสียจึงมากมหาศาล
แม้ปฏิบัติการนี้ของพวกเขาจะไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายแต่พวกเขากลับยังมองไม่เห็นเงาของดาวประภาคารเลยด้วยซ้ำ
ทุกคนมองเขาดูเหมือนกำลังเตรียมใจสำหรับบางสิ่งบางอย่าง
จากนั้นเยลู่ก็กัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย”นับเป็นเกียรติของฉันที่ได้สู้ร่วมกับพวกนายทุกคน ฟังคำสั่งฉัน เปิดใช้อุปกรณ์ประกบมิติเวลา!”
…
อีกด้านหนึ่งหานเซี่ยวได้รับข่าวของการต่อสู้แล้ว และภาพฉายระยะไกลเขาก็กำลังเฝ้าดูการต่อสู้บนดาวประภาคาร
จักรวรดริได้จัดการโจมตีกองยานเผ่าคุนเด้ทันทีและศัตรูก็ไม่สามารถสู้กลับได้เลยมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอุดช่องว่างของเทคโนโลยี
ทาราคอฟควบคุมสถานการณ์อย่างสงบขณะที่หานเซี่ยวหย่อนตัวลงข้างๆ
แม้สถานการณ์จะดีมากแต่หานเซี่ยวก็ยังมีข้อสงสัยในหัว
แปลก…เผ่าคุนเด้ดูเหมือนจะอ่อนแอเกินไปอะไรที่ทำให้พวกมันสร้างความลำบากให้จักรวรรดิได้ในชีวิตก่อนหน้าฉัน?
สถานการณ์แตกต่างจากที่เขาวาดไว้เผ่าคุนเด้ควรสามารถสู้กับจักรวรรดิได้อย่างเท่าเทียมกันเพราะพวกเขาสามารถเขียนลงประวัติศาสตร์ได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่เคี้ยวได้ลำบาก แต่ทำไมศัตรูถึงอ่อนแอขนาดนี้?
กลุ่มช่างกลเสมือนกำลังเจาะไฟร์วอลล์ของกองยานเผ่าคุนเด้และความคืบหน้าก็ราบรื่น
พวกเขาสามารถจัดการทั้งกองยานได้ในเวลาแค่ไม่กี่นาทีและก็ไม่ต้องให้เขาลงมือเลย
เผ่าคุนเด้ไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์เลยมันแปลกมาก….
ขณะที่เขาตกอยู่ในห้วงความคิดช่างกลเสมือนก็พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงสงสัย”ผู้บัญชาการสูงสุด เราพบปัญหาครับ”
ทาราคอฟมองตามและถาม”มีปัญหาอะไร?”
“นี่…กองยานศัตรูได้หายไปจากเครือข่ายควอนตัมครับและเราก็ไม่สามารถได้รับสัญญาณอะไร การบุกรุกเสมือนเราถูกตัดออก “
ก่อนทาราคอฟจะได้ตอบสนองฉากแปลกๆก็เกิดขึ้นบนสนามรบ
ในฉับพลันยานอวกาศของเผ่าคุนเด้ทั้งหมดดูเหมือนจะถูกแช่แข็งไป
กองทัพจักรวรรดิไม่ตกอยู่ในความสับสนและยังคงระดมโจมตียานรบกว่าครึ่งถูกทำลายทันที รวมถึงยานหลักของเยลู่
ตอนนี้เองการเปลี่ยนแปลงพลันบังเกิดขึ้น!
การบิดเบือนเชิงมิติสามารถเห็นได้บนยานรบที่ถูกทำลายและก่อนทุกคนจะได้ตอบสนองยานเหล่านี้ก็พลันซ่อมแซมตัวเองและกลับสู่สภาพก่อนถูกทำลาย ในเวลาเดียวกัน พวกมันยังขยับมาข้างหน้าราวกับพวกมันวาร์ปมา
กองทัพจักรวรรดิลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโจมตีอีกครั้งแต่ทว่า ฉากเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นอีกและกองยานเผ่าคุนเด้ก็ขยับมาข้างหน้าอีกครั้ง
ครั้งนี้กองยานจักรวรรดิไม่ถูกโจมตีโดยกองยานเผ่าคุนเด้ที่ยังขยับมาข้างหน้าเรื่อยๆ
“นี่คืออะไร?”ทาราคอฟผู้เห็นเหตุการณ์นี้สูญเสียความเยือกเย็นไป
ฮุ่ม!
ตอนนี้เองสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในห้อง!
“ตรวจพบระลอกมิติเวลากำลังจับคู่กับฐานข้อมูล..ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน กำลังสร้างไฟล์ใหม่..”
ในเวลาเดียวกันกองทัพจักรวรรดิก็ใช้ทุกวิถีทางเพื่อโจมตีกองยานศัตรูแต่ก็ไร้ผล นอกจากนี้ ศัตรูยังเข้าใกล้ดาวประภาคารเรื่อยๆ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุด
เมื่อเห็นฉากนี้ทาราคอฟก็สูดหายใจลึก ปรับอารมณ์เขา ส่ายหัวและกล่าว”มันดูเหมือนเราจะประเมินพวกมันต่ำไป เราไม่สามารถดูถูกอารยธรรมใดได้เลย”
จากนั้นทุกคนก็มองหน้ากัน
เดิมพวกเขาคิดว่านี่เป็นการต่อส้ที่เรียบง่ายแต่ไม่คิดเลยว่าศัตรูจะมีไพ่ตายเช่นนี้ มันดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับมิติเวลา
เพียงเมื่อเหล่าผู้บัญชาการกำลังเสียความเยือกเย็นหานเซี่ยวก็ตกอยู่ในความงุนงง
เขาจำเทคโนโลยีนี้ได้!
แต่ทว่าเขาไม่เคยคิดว่ามันจะมาจากเผ่าคุนเด้!
นี่เป็นหนึ่งในไพ่ตายของพวกเขาตอนสู้กับอารยธรรมต้นไม้โลก!