The Legendary Mechanic - ตอนที่ 979 ความไม่แน่นอน
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในพรมแดนเผ่าคุนเด้ กองยานเผ่าคุนเด้ที่เหลือกำลังแล่นผ่านอวกาศอย่างเชื่องช้า
ไม่นานมานี้ กองยานนี้ที่มีชื่อรหัสว่า’ธงสมุทร’ได้ผ่านการต่อสู้สมบุกสมบันมา พวกเขาถูกโจมตีโดยกองยานของจักรวรรดิ ซึ่งบังคับให้ยานบัญชาการพวกเขาต้องหนีเอาชีวิตรอดมา
ปัจจุบัน มียานคุ้มกันเหลือแค่ยี่สิบกว่าลำรอบยานบัญชาการ ที่เหลือถูกกำจัดหรือกระจัดกระจายไปที่อื่น
กองยานธงสมุทรเป็นของกองทัพจักรวาลที่สามของเผ่าคุนเด้ ผู้บัญชาการกองยานนี้คือนายพลชื่อดัง โอเลียตผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘ดาวแห่งยุค’ เมื่อแม่ทัพของกองทัพที่สามเกษียณอายุ โอเลียตก็คือว่าที่แม่ทัพอันดับต้นๆที่จะได้รับตำแหน่ง
แต่ทว่า เนื่องจากความจริงที่ข้อมูลของยานที่ตกลงมาหลายปีก่อน เบื้องบนจึงตัดสินใจเตรียมทำสงคราม นี่ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกษียณอายุทั้งหมดต้องกลับมาประจำการ
ตอนนี้ กองยานธงสมุทรกำลังเคลื่อนที่ในโหมดซ่อนตัวขณะรอคำสั่งถัดไป
ภายในสะพานยานบัญชาการ บัญชาการเงียบมาก ทุกคนจมอยู่กับความเจ็บปวดและความสูญเสียจากการต่อสู้
โอเลียตยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง แสดงแค่แผ่นหลังให้ทุกคนเห็น สีของเปลือกบนตัวเขาเป็นสีเขียวโศรกเศร้าและสีแดงโกรธแค้น
ในการรบก่อนหน้า เกือบทุกคนที่เขาทำล้วนถูกผู้บัญชาการศัตรูดักไว้หมด
ทุกคนรู้ดีว่าผู้บัญชาการคือคนที่เจอกับแรงกดดันมากสุด ไม่มีใครกล้ารบกวนเขา
หลังลังเลอยู่นาน ในที่สุดผู้ช่วยก็รวบรวมความกล้า เดินไปหาโอเลียต”ท่านครับ พวกเรา..”“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว”โอเลียตหันกลับมา ขณะที่เปลือกค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสงบ”นี่ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวส่วนตัวของฉัน แต่เป็นความล้มเหลวในระดับอารยธรรม ฉันไม่ได้แพ้ศัตรู แต่เป็นทั้งอารยธรรมของศัตรู”
โอเลียตรู้ว่าความสามารถเขาในฐานะผู้บัญชาการเทียบไม่ได้กับผู้บัญชาการของจักรวรรดิ แต่เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่ปัญหาความสามารถส่วนบุคคล ความแตกต่างหลักมาจากอารยธรรม
ในช่วงการต่อสู้ เขาตัดสินใจอย่างละเอียดและรอบคอบสุดแล้วในชีวิต สำหรับเขา ผลงานเขาครั้งนี้อาจถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหารเพื่อเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญ แต่ทว่า ด้วยความตกใจ การตอบสนองของศัตรูกลับรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แผนการของเขาถูกมองผ่านแทบจะทันที
การพบกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ถือเป็นการทำลายความมั่นใจเขาในฐานะผู้บัญชาการอย่างยิ่ง
นี่ไม่ได้หมายความว่าโอเลียตนั้นไร้ความสามารถ ความจริงแล้ว เขาถือเป็นได้ว่าพวกหัวกะทิในหมู่เผ่าคุนเด้ สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะพลเอกของจักรวรรดินั้นเหนือกว่าเขา แต่เหตุผลลึกๆแล้วนั้นคือความแตกต่างในอารยธรรม
ความยิ่งใหญ่ของสามอารยธรรมจักรวาลนั้นมาพร้อมเสียงครวญครางของเผ่านับไม่ถ้วน เมื่อพวกเขาประสบกับเปลวไฟแห่งสงคราม การต่อสู้ทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนทหาร ดังนั้น ไม่ว่าผู้บัญชาการพวกเขาจะพบเจอสถานการณ์ไหน พวกเขาก็จะคิดหาทางออกได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกันแล้ว เผ่าคุนเด้มีประสบการณ์ในสงครามกาแล็กซี่น้อยไป กลยุทธ์ทั้งหมดที่พวกเขาใช้ถือเป็นกลยุทธ์เก่ามากในจักรวาลที่ได้รับการสำรวจ นี่คือความแตกต่าง
หลังการต่อสู้ โอเลียตมองโลกในแง่ร้ายมาก เขาไม่เห็นทางชนะเลย และการล่มสลายของกองยานต่างๆก็คือข้อพิสูจน์
เขาไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ทหารทุกคนที่สู้ในแนวหน้ามีความรู้สึกเหมือนกัน
พวกเขาโกรธที่บ้านพวกเขาถูกรุกราน แต่ก็ไม่คิดว่าการเสียสละในสงครามนี้คือสิ่งจำเป็น แต่ทว่า ในฐานะทหาร พวกเขาต้องทำตามคำสั่ง
โอเลียตถอนหายใจ สะบัดไล่ความรู้สึกด้านลบ มองผู้ช่วย”มีคำสั่งจากศูนย์ใหญ่หรือยัง?”“เอ่อ..มันเพิ่งมาถึงครับ พวกเขาบอกให้เราเตรียมพร้อม เรียกรวมกองยานที่กระจัดกระจาย จากนั้นก็ไปสมทบกับกองยานหลักของกองทัพที่สามเพื่อวางแผนโจมตีประตูดาวของศัตรู”
โอเลียตทุบโต๊ะ คำรามด้วยความโกรธ”ไร้สาระ!ทำไมเราถึงไม่ถอย?พวกมันเสียสติไปแล้วหรือยังไง?!”
เราเพิ่งแพ้และกระจัดกระจาย เราจะอยู่ในสถานที่อันตรายเช่นนี้เพื่อรวมกองยานได้ยังไง?คิดว่าศัตรูจะไม่ไล่ล่าเราหรือยังไง?!
นอกจากนี้ กองยานหลักก็ย่ำแย่ แต่เรายังถูกสั่งให้ระดมพลและโจมตีประตูดาวของศัตรู นี่เป็นการบอกให้เราไปฆ่าตัวตายชัดๆ!
เจ้าหน้าที่หลายคนในห้องรู้สึกว่ากลยุทธ์นี้แปลกมากแต่ก็ไม่กล้าพูด พวกเขาจ้องโอเลียต รอการตัดสินใจ
โอเลียตถอยไป ระงับความโกรธ”ติดต่อแม่ทัพ ฉันจะถามเขาเอง!”
ผู้ช่วยพยักหน้าและจัดการทันที หน้าต่างสื่อสารปรากฏบนจอเสมือน หลังจากนั้นไม่กี่วินาที อีกฝั่งก็รับสายและแม่ทัพของกองทัพที่สามก็ปรากฏบนจอ
“โอเลียต ฉันได้ยินว่านายถูกโจมตี ดีใจที่ยังเห็นนายมีชีวิตอยู่”“ผมโชคดี”โอเลียตพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด”ผมได้รับคำสั่งจากกองบัญชาการ เรากำลังจะโจมตีประตูดาวของศัตรูงั้นหรอครับ?”“ใช่ นั่นคือคำสั่ง”“ท่านไม่คิดว่านั่นเป็นปัญหางั้นหรอ?การต่อสู้เบี่ยงไปจากแผนเดิมเราแล้ว ตอนนี้เราไม่ควรอยู่เฉย มันจะทำให้เกิดการเสียสละที่เปล่าประโยชน์มากขึ้น”“ฉันณู้ ฉันคิดว่ามันถึงเวลาต้องถอยแล้วและได้คุยกับเบื้องบนแล้ว สำหรับตอนนี้ แค่ทำตามคำสั่งไปก่อน”
โอเลียตเงียบไปก่อนจบสาย
ผู้ช่วยถามอย่างระมัดระวัง”ท่านครับ เราจะทำอย่างไรกันดี?”โอเลียตเหลือบมองและถาม”ตอนนี้เราเหลือยานรบกี่ลำ?”“เอ่อ 24ครับ”“รวมกัปตันทั้งหมดไว้ในช่องสื่อสาร”
เมื่อออกคำสั่ง โอเลียตก็ยืนนำมือไพล่หลัง รออยู่สักพัก จากนั้นภาพของเหล่ากัปตันที่เหลือก็ปรกาฏบนจอ
ครั้งนี้ โอเลียตทำสัญญาณมือ”จำสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ให้ดีๆ ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว..”
จากนั้นเขาก็พูดให้กำลังใจตามมาตรฐาน ย้ำคำสั่งของกองบัญชาการ ขณะส่งสัญญาณมือไม่หยุด
“เอาละ นั่นแหละ มาเริ่มกันเลย”
ท้ายที่สุด โอเลียตก็วางมือลง
ภาพของเหล่ากัปตันหายไปทีละคน
ครั้งนี้ ผู้ช่วยที่มองจอบัญชาการอื่นพลันกล่าวด้วยความตกใจ”ท่านครับ กัปตันทั้งหมดปิดแกนปัญญาประดิษฐ์และปิดกั้นข้อมูลภายนอกทั้งหมด เราไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้อีก!”
แต่โอเลียตกลับคาดไว้ เขาพยักหน้า”ดีมาก ปิดแกนปัญญาประดิษฐ์ของยานเราซะ”
คนอื่นตกใจเมื่อเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ
นี่หมายความว่า..เรากำลังจะเป็นพวกเร่ร่อน?!
“นะ-นี่..”ผู้ช่วยพูดตะกุกตะกัก
โอเลียตจ้องเขา พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน”รออะไรอยู่ละ?!”
ผู้ช่วยลังเลสักพักก่อนตัดสินใจได้ ในไม่ช้า แกนปัญญาประดิษฐ์ของยานบัญชาการก็ปิดตัว
แบบนี้ พวกที่เหลือของกองยานธงสมุทรนี้จึงกลายเป็นกองยานผีที่ขาดการติดต่อกับโลกภายนอก
ตอนนี้ โอเลียตถอนหายใจโล่งอก เขามองคนอื่นที่ยังใจหายและอธิบาย”ขอโทษด้วย นี่ต้องกระทำการอย่างระมัดระวัง หากฉันเดาไม่ผิด เครือข่ายควอนตัมเราถูกศัตรูแทรกซึมไปหมดแล้ว”
ทุกคนตกใจ
โอเลียตเหลือบมอง”ฉันรู้จักแม่ทัพดี เขาคือทหารหัวรั้นที่ไม่เคยตั้งคำถามทหารจากเบื้องบน แม้นี่จะเป็นช่วงเวลายากลำบากและทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราก็ไม่สามารถเมินเฉยพฤติกรรมน่าสงสัยได้ ฉันเดาว่าสิ่งที่ฉันพูดด้วยคงไม่ใช่แม่ทัพ”“มีแนวโน้มสูงที่ศัตรูจะแทรกซึมระบบเรา พวกนายทุกคนมีประสบการณ์ ดังนั้นฉันคงไม่ต้องพูดถึงผลที่ตามมา สงครามได้จบไปแล้ว ฉันไม่สามารถทำตามคำสั่งได้อีก สิ่งเดียวที่เราทำได้ตอนนี้คือช่วยตัวเอง สัญญาณมือที่ฉันทำก่อนหน้าคือรหัสพิเศษที่น้อยคนจะรู้ ฉันบอกเหล่ากัปตันให้ตัดการเชื่อมต่อกับภายนอก นับจากนี้ไป เรามีแค่ตัวเองให้พึ่งพา”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดเหล่านั้นและไม่สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้ทัน หัวของพวกเขาขาวโพลน
ผู้ช่วยกัดฟัน”ท่านครับ สิ่งที่เรากำลังทำคือการทำให้ตัวเองเป็นพวกเร่ร่อน!”โอเลียตไม่ดูถูกหรือโกรธเลย”นี่คือสงครามที่เราถูกกำหนดให้แพ้ ไม่ว่านายจะคิดยังไง ฉันจะไม่ส่งคนของฉันไปสนามรบเพื่อตาย เร่ร่อน?ตอนนี้ เราอาจเป็น…ผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายของเผ่าคุนเด้”“งั้น เราควรไปที่ไหน?”“ให้ไกลจากที่นี่ที่สุด”
โอเลียตมองออกไปในจักรวาล
..
“พี่คิดว่าอาจมีปัญหากับเส้นทางที่เราใช้”
ภายในห้องแคบมากบนยาน สมาชิกของเผ่าคุนเด้ในเสื้อผ้าธรรมดารวมตัวกัน
นี่คือหนึ่งในยานของกองยานอพยพ ทุกคนบนนั้นคือพลเรือน ส่วนใหญ่บนยานรู้สึกไม่สบายใจและกังวลถึงอนาคต บรรยากาศหดหู่มาก
เนื่องจากประชากรจำนวนมาก พลเรือนมากมายจึงต้องเบียดกันในห้องเดียวของยานทุกลำ แต่เผอิญห้องนี้ดันเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน
“พี่ใหญ่ พี่รู้อะไรงั้นหรอ?”น้องชายถาม
พี่ใหญ่ที่กล้ามโตสุดในบรรดาพี่น้องกล่าว”พี่มีเพื่อนที่เป็นลูกยาน เขาบอกพี่ถึงข้อมูลภายใน ตามกำหนดการ กองยานควรมาถึงดาวแห่งหนึ่งได้สักพักแล้ว แต่ทว่า เรากลับไม่พบดาวเคราะห์ใดเลยเมื่อวานนี้และกองยานก็ยังไม่หยุดพัก”“หรือพวกเขาจะเปลี่ยนแผน?พี่ไม่ถามเพื่อนพี่อีกครั้งละ?”“พี่ไม่สามารถติดต่อเขาได้”พี่ใหญ่กล่าว”พี่คิดว่าคงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น”“พี่คิดมากไปหรือเปล่า?หากมีเรื่องเกิดขึ้น พวกเบื้องบนคงแจ้งเราไปแล้ว’
‘ฉันรู้สึกไม่ดีอย่างมาก”พี่ใหญ่ส่ายหัว
“เห้ย คิดมากไปแล้วยังไง เราไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว แค่ทำตามกำหนดการของกองยานเถอะ”หนึ่งในนั้นกล่าว
ทันใดนั้น น้องชายคนสุดท้องก็โพล่งขึ้นมา”พี่ใหญ่พูดถูก มีบางอย่างผิดปกติกับเส้นทางที่กองยานใช้ เรากำลังตรงกลับไปในทิศที่เราจากมา”ทุกคนมองมาที่เขา
“อย่าพูดอะไรไร้สาระ นายรู้ได้ไง” ไอรีนโนเวล
น้องชายคนเล็กชี้หน้าต่างและทุกคนก็มองตาม บนนั้นคือการวาดวงกลมง่ายๆ จากอันเล็กไปใหญ่ ครั้งนี้ ดาวด้านนอกหน้าต่างเข้ากันได้ดีกับวงกลมตรงกลาง
เมื่อเห็นแบบนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
การอาศัยในห้องเดียวกันทำให้พวกเขาไม่เก็บความลับกัน เมื่อไม่นานมานี้ ดาวได้ปรากฏด้านนอกหน้าต่าง ดังนั้นน้องเล็กจึงวาดโครงร่างของดาวไว้บนหน้าต่างและเขาก็ทำแบบนี้ทุกวัน ขนาดของวงกลมจะเปลี่ยนไปทุกวันจากเล็กไปใหญ่ จากนั้นก็เล็กลงอีกครั้ง ซึ่งแสดงว่าพวกเขาอยู่ไกลแค่ไหน
ครั้งนี้ โครงร่างของดาวดวงนี้สอดคล้องกับภาพวาดไม่กี่วันก่อนอย่างสมบูรณ์และทุกคนก็รู้ความหมาย
“ฉันจะไปถามเรื่องนี้!”
พี่ใหญ่ไม่สามารถนั่งเฉยได้อีก คนอื่นรีบตามเขาไป
พวกเขาเดินผ่านห้องโดยสารแออัดที่ดูเหมือนค่ายผู้ลี้ภัย มาถึงห้องโดยสารกลาง พบทหารและอธิบายสถานการณ์
“เส้นทางผิดปกติ?”ทหารแคะหูและหมดความอดทน”นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกนายต้องกังวล”
“มันเป็นความจริง ผมสามารถแสดงหลักฐานให้คุณได้ ผม..”“เอาละ เอาละ”ทหารโบกมือ”ยานลำนี้มีแผนที่ดาว หากเราเบี่ยงไปจากเส้นทางจริง มันจะได้รับการปรับเปลี่ยนทันที กลับไปรอซะ”
พี่ใหญ่ไม่มีทางเลือกนอกจากพาน้องๆเขากลับห้องไป
แต่ทว่า สามวันผ่านไปและพวกเขาก็มองภาพบนหน้าต่างทุกวัน ตระหนักว่ากองยานยังกำลังกลับไปทิศทางเดิมจริงๆ เส้นทางไม่ได้ปรับเปลี่ยนเลย
พี่ใหญ่พยายามติดต่อเพื่อเขาที่ให้ข้อมูลทุกวันและสามารถติดต่อได้แค่ในวันที่สาม แต่ทว่า คำตอบของเพื่อนเขาก็ยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจ
“เราเบี่ยงไปจากเส้นทาง?ไม่ ไม่ ไม่ แผนที่ดาวเราแสดงว่าเส้นทางที่เราใช้นั้นแม่นยำ…เราไม่ได้พบกับดาวที่ฉันพูดถึง?โอ้ นั่นคือความผิดพลาด แผนที่ดาวไม่แม่นยำเล็กน้อย ฉันได้ปรับแผนที่ดาวใหม่แล้ว มันไม่มีปัญหาอะไร…ภาพวาด?อืม พวกนายอาจผิด นั่นคือดาวใหม่ ไม่ใช่อันที่เราเห็นก่อนหน้านี้หรอก”
หลังปิดอุปกรณ์สื่อสารด้วยใบหน้าดำมืด พี่ใหญ่ก็เงียบไปนาน
ทันใดนั้น ราวกับเขาตัดสินใจได้”พวกนายเชื่อใจฉันหรือพวกทหาร?”
พี่น้องมองหน้ากันอย่างลังเล
น้องคนเล็กอดถามไม่ได้”พี่อยากทำอะไร?”“ลางสังหรณ์ไม่ดีของฉันยิ่งรุนแรงขึ้น มันต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแน่ บางทีพวกเบื้องบนอาจกำลังส่งเราเข้ากองไฟ”พี่ใหญ่ลดเสียง”ฉันไม่อยากอยู่บนยานอีก ฉันวางแผนจะขโมยเสบียงและใช้กระสวยหลบหนี”“นายเสียสติไปแล้วหรือยังไง?!”อีกคนกล่าว”นั่นเท่ากับการฆ่าตัวตาย!กองยานจะต้องจับเราแน่ ต่อให้เราทำสำเร็จ เสบียงที่เราขโมยจะหมดลงไม่ช้าก็เร็ว เราจะทำยังไงหากเราไม่มีอาหารและเชื้อเพลิง?นอกจากนี้ นายมีแผนที่ดาวไหม?ถ้าไม่มีแผนที่ดาวแล้วเราจะหนียังไง?”“ฉันสามารถได้รับแผนที่ดาวและสิทธิ์สำหรับกระสวยจากเพื่อนฉันได้ สำหรับเสบียง…กระสวยช่วยชีวิขนาดกลางมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ตราบเท่าที่เราไปถึงดาว เราจะใช้อุปกรณ์เพื่อเติมเชื้อเพลิงได้ ซึ่งจะอยู่ได้นานหลายปี สำหรับอาหาร เราจะต้องมีตู้อบเรือนกระจก เมล็ดพืช และสารอาหารเหลว ซึ่งสามารถหาได้บนยานนี้ เมื่อหว่านเมล็ด เราก็สามารถพักผ่อนในห้องแช่แข็งได้”พี่ใหญ่กล่าวเงียบๆ”ฉันได้คิดแผนสำรองมาหลายวันแล้ว นี่ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างกะทันหัน”
คนอื่นยังส่ายหัว
ออกกองยานหลักเพื่อเอาชีวิตรอดในจักรวาลด้วยคนแค่ไม่กี่คน?
แผนนี้บ้าเกินไป!
“ผมจะไปกับพี่”ครั้งนี้ น้องคนเล็กก้าวออกมาและยักไหล่”พี่รู้จักผม ผมไม่ชอบถูกจำกัดโดยกฏ ในเมื่อเราออกบ้านเกิดมาแล้ว ผมก็ไม่คิดใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่ออีกตามสิ่งที่คนอื่นวาดไว้ ผมอยากสำรวจจักรวาลกว้างด้วยตัวเอง พี่สามารถพูดได้ว่าผมชอบการผจญภัย หรือสามารถบอกได้ว่าผมรักความตื่นเต้น ไม่ว่ายังไง นับผมไปด้วย”พี่ใหญ่พยักหน้า มองน้องชายคนอื่น”พี่รู้ถึงความกังวลของพวกนายดี จักรวาลกว้างใหญ่ไป แค่เราไม่กี่คน เราจะต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวและความกลัว บางทีพี่อาจคิดผิด แต่พี่ไม่เต็มใจนั่งเฉยๆ พี่จะไม่บังคับทุกคนให้ไปด้วย”
พี่ชายคนรองลังเลก่อนพูดขึ้น”พี่ใหญ่ ผมจะไปกับพี่ด้วย พี่คือคนที่ผมไว้ใจสุด ผมเชื่อพี่”
เมื่อเห็นพวกเขาสองคนตัดสินใจ คนอื่นก็ยิ่งหวั่นไหว
หนึ่งในนั้นรส่ายหัว”เห้อ เอาละ มาลุยกั ตั้งแต่ที่เราออกจากบ้าน ฉันก็ได้พิจารณาถึงความตายไว้แล้ว เราคือพี่น้องกัน เราไม่สามารถแยกจากกันได้หรอก”
พี่น้องเหล่านี้โตมาด้วยกันและเกาะติดกันมาก หลังลังเลสักพัก สุดท้าย ทุกคนก็เห็นด้วยกับแผนของพี่ใหญ่ สิ่งที่น่าทึ่งคือหลังจากพวกเขาตัดสินใจแล้ว ความลังเลและความไม่สบายใจกลับหายไป แทนที่ด้วยความตื่นเต้น
“พี่ใหญ่ ผมมีแผน อย่างน้อยเราก็ควรพาผู้หญิงไปด้วยคนหนึ่งสิ?”ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะ บรรยากาศหนักหน่วงหายไป และห้องก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน
“ถูกต้อง ไม่ใช่แค่หนึ่ง เราควรพาไปมากกว่านั้น”“ฮ่าๆ เราอาจกลายเป็นอารยธรรมที่หลงเหลือในอนาคต”…
ไม่กี่วันต่อมา พี่น้องเหล่านี้ก็ใช้เส้นสายตนเพื่อเตรียมแผนเงียบๆ เนื่องจากยานอพยพมีเสบียงมากมาย พวกเขาจึงสามารถหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายๆ คำถามเดียวคือ…พวกเขาจะรับมันมาได้ยังไง?
ด้วยความกล้า เงิน เส้นสายและโชคเล็กน้อย พวกเขาใช้ลหายวิธีเพื่อให้ได้ของที่พวกเขาต้องการ
ไม่ช้า วันลงมือก็มาถึง มันราบรื่นกว่าที่พวกเขาคิด ตามข้อมูลที่พวกเขามี พวกเขาต้องลอบเข้าไปจุดปลดกระสวยช่วยชีวิต ก้าวไปในกระสวยขนาดกลาง จากนั้นก็ปิดแกนปัญญาประดิษฐ์ สับเป็นโหมดควบคุมด้วยมือ
มือของพี่ใหญ่หยุดเหนือปุ่มปลด แต่ไม่กดมันทันที
“พวกนายตัดสินใจกันแล้วนะ?ทันทีที่ฉันกดปุ่มนี้ จะไม่มีการย้อนกลับอีก หากเราถูกจับ เราจะกลายเป็นนักโทษ”
“ตอนนี้เราก็ไม่ต่างอะไรกับนักโทษ มันแค่ว่าเราได้รับชื่อว่าเป็นแหล่งประชากร ผมอยากกำจัดตัวตนนี้มานานแล้ว”น้องเล็กยิ้ม
“ไร้สาระ”พี่ใหญ่ส่ายหัวและหัวเราะก่อนกดปุ่ม
หวือ!
กระสวยพลันตกลงและยิงไปในอวกาศ
เมื่อพวกเขาออกยาน พวกเขาก็มองออกไปนอกหน้าต่างและตกตะลึง
สิ่งที่พวกเขาเห็นคือกระสวยช่วยชีวิตจำนวนมากที่ยิงออกมาเหมือนดอกไม้ไฟจากยานลำอื่นของกองยานอพยพ
…
ครึ่งเดือนต่อมา
อีกด้านของพรมแดนเผ่าคุนเด้ กองยานหลักเผ่าคุนเด้ได้ออกจากประตูดาว พวกเขาหันกลับมาและรื้อประตูดาวที่ใช้สำหรับการถอยนี้
“เอาละ เรามาถึงพื้นที่เป้าหมายแล้ว ตามคำสั่งที่ส่งไปก่อนหน้า กองยานที่รอดชีวิตจะมารวมกันที่นี่”
ภายในห้องบัญชาการ เบื้องบนของเผ่าคุนเด้มารวมกันและค้นข้อความที่พวกเขาได้รับจากกองยานอื่นก่อนตัดการเชื่อมต่อเครือข่าย
“ทีมผืนดินมอดไหม้ส่งรายงานมาครับ ระเบิดไซโอนิคในสถานที่ต่างๆจุดชนวนเรียบร้อยแล้ว และแผนก็ลุล่วง กองยานอื่นยังส่งรายงานมาว่าพวกเขากำลังถอยมาตำแหน่งเรา ฮู่ สถานการณ์ยังควบคุมได้”
ผู้นำเผ่าคุนเด้ถอนหายใจโล่งอก
เมื่อเห็นแบบนี้ ทุกคนก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนพวกเขา
ด้วยความที่พวกเขากังวลว่าข้อมูลจะรั่วไหล พวกเขาจึงไม่กล้ารักษาการเชื่อมต่อเป็นเวลานาน ดังนั้น พวกเขาจึงเลิกใช้การสื่อสารสดและไม่กล้าแม้แต่จะส่งคำสั่งแบบธรรมดา กังวลว่าอาจถูกศัตรูแทรกแซง คำสั่งทั้งหมดจะอยู่ในรหัสพิเศษ
แต่ทว่า ก่อนที่พวกเขาจะได้หายใจ สัญญาณเตือนก็ดังขึ้น!
“คำเตือน คำเตือน!ตรวจพบกองยานนิรนามขนาดใหญ่!”
ทุกคนตกตะลึง
“เราเจอกองยานที่นี่ได้ยังไง?!ซุ่มโจมตี?!”“ดูสิว่าใช่ศัตรูหรือเปล่า!”
พวกเขารีบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่วินาที รายงานก็ส่งมาจากกัปตันกองยาน
“ทุกคน เราได้ยืนยันแล้ว พวกเขาไม่ใช่ศัตรูแต่เป็นกองยานเรา”
เบื้องบนถอนหายโล่งอก พวกเขาเกือบหัวใจวาย
“ฟู่”
“มันควรเป็นทีมที่ได้รับคำสั่งให้มาพบกันที่นี่ เร็วกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย”
ครั้งนี้ กัปตันกองยานพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
“พวกคุณเข้าใจผมผิดแล้ว พวกเขาไม่ใช่กองยานติดอาวุธแต่เป็นกองยานอพยพที่เราส่งไปนานแล้ว ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขากลับมากันหมด!”
ทั่วห้องตกอยู่ในความเงียบ
พวกเบื้องบนตกตะลึงก่อนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง!