The Legendary Mechanic - ตอนที่ 998 พายุที่กำลังก่อตัว
“รูปแบบการต่อสู้ของฉันถือว่าสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่เพียงจะอึด แต่ยังมีพลังระเบิดและทักษะควบคุม ขนาดของกองทัพจักรกลยังมากมหาศาล สามารถร่วมมือกันได้ด้วยกองทัพเรือนแสน ยังมีเครืองจักรระดับสูงเช่นกายสถิตรวมถึงอาวุธอัครฑูต ความต้านทานทางจิตฉันก็ยังสูง ฉันมีจ้าวแห่งเสมือนเป็นการโจมตีทางจิต และสายเลือดมิติก็ช่วยให้ทักษะพิเศษแก่ฉัน…”
เมื่อวิเคราะห์ไพ่ในมือ หานเซี่ยวก็รู้สึกว่าตัวเองเก่ง
ท่ามกลางระบบสายอาชีพทั้งห้า เอสเปอร์มีพลังสู้สูงสุดในตอนแรก แต่ช่วงหลัง จอมเวทย์กับช่างกลนับว่าเปล่งแสงสุด เทียบกับอีกสามสาย จอมเวทย์และช่างกลจะใช้ความรู้เป็นแหล่งพลังและมีความสามารถที่ครอบคลุม ทำให้มีข้อบกพร่องน้อย สำหรับช่างกล พลังชีวิตต่ำและความต้านทานจิตถือเป็นจุดอ่อนเดียว
แต่ทว่า ในพจนานุกรมของหานเซี่ยว ไม่มีคำว่า’พลังชีวิตต่ำ’หรือ’ความต้านทานทางจิตต่ำ’
แต่ตอนนี้ เขายังมีทักษะ[ชาร์จ-ศักยภาพไร้สิ้นสุด] ทักษะเป้าหมายเดี่ยวเช่นนี้จะทำให้วิธีต่อสู้เขาสมบูรณ์แบบขึ้น ร่างหลักหรือกายสถิตของเขามักสัญจรไปมาอยู่แล้วและจะไม่ก้าวไปสู่ระยะประชิด ด้วยทักษะสะสมศักยภาพนี้ ระยะทางที่เขาท่องสามารถเปลี่ยนเป็นความเสียหายได้ ทำให้เขามีตัวเลือกมากขึ้น
เขาชื่นชมความสามารถนี้อยู่นานก่อนปิดหน้าต่างสถานะไป
เมื่อกลับห้อง เขาก็ระงับความยินดี นำอุปกรณ์สื่อสารออกมา หลังสูดหายใจ เขาก็โทรหาผู้ปกครองเพื่อถามจุดยืน
หลังดังไม่กี่ครั้ง ใบหน้าของเออแรนเรลก็ปรากฏบนจอ มันดูเหมือนว่าเธอจะคาดไว้อยู่แล้ว “แบล็คสตาร์ คุณโทรมาแล้ว”
“ท่านผู้ปกครอง”หานเซี่ยวตรงเข้าเรื่อง”คุณรู้เกี่ยวกับเบโครอดี้ไหม?”
“อืม”เออแรนเรลพยักหน้า
เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของเธอ หานเซี่ยวก็ยืนยันความสงสัยได้ แม้แต่ผู้ปกครองก็ยังยืนอยู่ข้างอีกฝ่าย
หานเซี่ยวหยุดก่อนพูด”คุณมีข้อเสนอแนะอะไรไหม?”
“ฉันหวังว่าคุณจะสามารถมอบลูกบาศก์วิวัฒนาการมา สิ่งนี้สำคัญมากต่อจักรวรรดิ”
“เกี่ยวกับการขายโทเท็มต่อสาธารณะ?ถ้าผมส่งมอบมันให้คุณ สิ่งที่ผมจะเสียคือกำไรจำนวนมหาศาล”หานเซี่ยวทดสอบน่านน้ำ
เออแรนเรลส่ายหัว อธิบายช้าๆ”จักรวรรดิยังไม่มีเจตนาจะขายมันต่อสาธารณะ การตัดสินใจนี้พิจารณาตามความเสี่ยง สำหรับคุณ ผลประโยชน์มีมากกว่าเสียสหพันธ์และศาสนจักรกำลังเพิ่มแรงกดดัน และขณะที่จักรวรรดิกำลังทนรับส่วนใหญ่ไว้ ตราบเท่าที่คุณยังถือมัน มันก็ยากจะรับประกันว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำการซุ่มโจมตีรอบใหม่”
“ฉันเชื่อว่าคุณเองก็เข้าใจเรื่องนี้ ในมือคุณ ลูกบาศก์วิวัฒนาการคือมันฝรั่งร้อน การจัดการกับคุณนั้นง่ายกว่าการบังคับจักรวรรดิเราให้ประนีประนอม ถ้าลูกบาศก์ถูกส่งมอบให้จักรวรรดิ ศัตรูก็จะไร้โอกาส.
“คุณดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวผม”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว”ผมคิดว่าคุณจะมองผมสูงมาตลอด”
“ฉันมองเช่นนั้นจริงๆ แต่คุณก็ยังเป็นแค่คนคนหนึ่ง”เออแรนเรลตอบ”หลังบทเรียนครั้งก่อน ถ้าศาสนจักรและสหพันธ์ลงมือ พวกเขาต้องนำคนอย่างแมนิสัน และคาซูยิมาแน่ สำหรับตอนนี้ คุณยังไม่ใช่คู่มือจักรพรรดิช่างกลเลย แล้วถ้าผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดอีกคนเข้ามาร่วมด้วย ความเสี่ยงก็จะมาก” “นี่สมเหตุสมผล แต่ในเมื่อพวกเขาเลือกไม่ลงมือตลอดหลายปี มันก็ยากจะพูดในอนาคตเช่นกัน”หานเซี่ยวยังไม่ตัดสินใจ
“สถานการณ์ต่างออกไปแล้ว ปกติผู้อยู่เหนือจะกระจายไปตามทุ่งดาวต่างๆ ดังนั้นเมื่อระดมพล เราจึงได้รับการเตือนล่วงหน้า แต่ทว่า เมื่อโลกริบหรี่เปิด มันจะเป็นโอกาสชั้นดีสำหรับสหพันธ์และศาสนจักร ผู้อยู่เหนือของทั้งจักรวาลจะรุดหน้ามาวงแหวนดาวกระจาย และด้วยคนมากขนาดนั้น มันจึงง่ายที่ฐานคุณจะถูกโจมตี เพราะพวกเขามีเหตุผลที่ถูกต้องในการเรียกรวม มันจึงยากที่เราจะเฝ้าระวัง”
หานเซี่ยวลูบคาง มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะข่าวการเปิดของโลกริบหรี่ องค์กรทั้งหมดจึงเริ่มรวมกันภายในวงแหวนดาวกระจาย
ในอดีต ผู้อยู่เหนือเหล่านี้จะกระจายตัวตามทุ่งดาวต่างๆ มันจึงยากที่จะเรียกรวมพลมาจัดการกับเขา แต่ทว่า ด้วยโอกาสสถานการณ์จึงอันตรายขึ้น
มันสามารถเห็นได้ว่าในช่วงเวลานี้ วงแหวนดาวกระจายจะตกอยู่ในความโกลาหล ไม่ว่าเขาจะเป็นงูเจ้าถิ่นหรือไม่ มันยากจะจัดการ
เมื่อเห็นแบล็คสตาร์ไม่พูด เออแรนเรลก็โน้มน้าวเขาต่อ”แบล็คสตาร์ แม้ผลกำไรในอนาคตของลูกบาศก์วิวัฒนาการจะสูงและการแลกมันก็ไม่คุ้ม แต่ก็ยังดีกว่าการเสียมันไป”
“ขอผมคิดก่อน”หานเซี่ยวพยักหน้า ขณะนี้ เขาตัดสินใจไม่เผาสะพานทั้งหมดของเขา
“ไม่จำเป็นต้องรีบให้คำตอบ”เออแรนเรลเปลี่ยนเรื่อง”ฉันมีเรื่องอยากให้คุณทำเช่นกัน”
“อะไร?”
“ตอนนี้ จักรวรรดิกำลังสร้างประตูดาวทุ่งดาวเพื่อเชื่อมต่อวงแหวนดาวกระจายกับโลกริบหรี่ ก่อนเราจะเปิดมันอย่างเป็นทางการ องค์กรจำนวนมากภายในทั้งจักรวาลจะแห่กันมา ซึ่งส่งผลต่อทุ่งดาวนี้ ฉันอยากให้คุณรักษากฏระเบียบ ยับยั้งองค์กรอื่นทั้งหมดและผู้อยู่เหนือเพื่อป้องกันความวุ่นวาย”
หานเซี่ยวสนใจเรื่องนี้”แต่ผมจำได้ว่าวงแหวนดาวกระจายเป็นของสหพันธ์”
“ถูกต้อง แต่ทว่า จักรวรรดิเราก็มีอำนาจมากขึ้นในนั้น และการรักษาความมั่นคงก็เป็นประโยชน์ต่อเรา ฉันไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุและส่งผลต่อการเปิดโลกริบหรี่”
“คุณสามารถพูดเรื่องนี้กับฮีเบอร์ได””ฮีเบอร์ไม่มีชื่อเสียงเท่าคุณและมีแค่คุณถึงมีคุณสมบัติในการยับยั้งผู้อยู่เหนือที่จะเข้ามา”
เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็อดหัวเราะไม่ได้
ไม่คิดเลยว่าผู้ปกครองที่นั่งอยู่เหนือทุกคนจะรู้จักการประจบด้วย
หน้าต่างสถานะเขาปล่อยการแจ้งเตือน ซึ่งแสดงภารกิจกองกำลังเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักของโลกริบหรี่ ข้อกำหนดคือรักษาความสงบของวงแหวนดาวกระจายก่อนเปิดตัว และรางวัลก็ค่อนข้างน่าพอใจ มอบค่าประสบการณ์ แต้ม อีนาสและทรัพยากรจากจักรวรรดิ
“เอาละ ผมจะเป็นหางเสือในวงแหวนดาวกระจาย และหวังว่าผู้อยู่เหนือคนอื่นจะไว้หน้าผมบ้าง”
แม้จะไม่มีภารกิจ เขาก็คิดทำแบบนั้น วงแหวนดาวกระจายคือที่ที่กองทัพเขาตั้ง และการรักษาสวนหลังบ้านก็คือสิ่งจำเป็น เขาจะไม่ยอมให้คนนอกมาอาละวาดในทุ่งกระเทียมเขา
นี่โดยเฉพาะผู้อยู่เหนือหน้าใหม่ ในช่วงเวลานี้ พวกเขาต้องทำเรื่องให้ใหญ่โตเพื่อรับอิทธิพลกับชื่อเสียง
หลังวางสาย หานเซี่ยวก็ถอนหายใจ และกระตุ้น[การจุติของผู้ปกครอง] ส่งจิตสำนึกเขาไปยังดาวอารยธรรมจักรกลของเขา
เนื่องจากเขากำลังจะกลับไปยึดป้อมกองกำลังที่เหลือในศูนย์ใหญ่จึงไม่พอ และกำลังเสริมก็คือสิ่งจำเป็น
มันเป็นเรื่องดีที่อารยธรรมจักรกลพัฒนามากว่ายี่สิบปีแล้ว เขากำลังจะดึงกลุ่มอาวุธอัครฑูตกลับ
ฉากตรงหน้าเขาเปลี่ยนไปอีกครั้งและตอนนี้ก็อยู่ภายในวังจักรกล ด้วยกายสถิตที่นั่งบนบัลลังก์ของวัง ไอลีนโนเวล
หานเซี่ยวทิ้งกายสถิตไว้ในอารยธรรมจักรกลเพื่ออำนวยความสะดวกตัวเอง ดังนั้น ไซโอนิคไพรม์และพรรคพวกจึงสร้างวังที่คล้ายกับเจดีย์สูงนับหมื่นเมตรไว้
เขาควบคุมกายสถิต เดินออกวัง ยืนมองทั้งดาว เขาเห็นเมืองจักรกลกับสิ่งมีชีวิตจักรกลนับไม่ถ้วนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
นี่คือดาวหลักของอารยธรรมจักรกล ดาวอัครฑูต ซึ่งดีกว่าก่อนมาก
หลังผ่านการพัฒนากว่ายี่สิบปี อารยธรรมจักรกลก็เปลี่ยนดาวนี้ไปโดยสิ้นเชิง สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายบนพื้นผิวและใต้ดิน ด้วยกำลังผลิตที่ดี พวกเขาจึงเริ่มพัฒนาดาวใกล้ๆด้วย
ในเวลาเดียวกัน เหมือนกับกิ้งไม้ที่ผลิใบจำนวนมาก ประชากรพวกเขาเพิ่มขึ้น นี่เป็นแหล่งกองทัพจักรกลในอนาคตของหานเซี่ยว
เมื่อพูดถึงความก้าวหน้าของอารยธรรม ความเร็วการพัฒนาของอารยธรรมจักรกลคล้ายกับการเดินทางโดยใช้ไฮเปอร์ไดรฟ์ แต่ทว่า เทียบกับเผ่าแบล็คสปิริต อย่างหลังก็ไม่ได้ช้าเช่นกัน
หลังจากศึกษามาหลายปี กลุ่มนักวิชาการและนักวิจัยก็ปรากฏภายในเผ่าแบล็คสปิริต และพวกเขายังเริ่มบูรณาการความรู้จากสาขาต่างๆที่กองทัพสอน เนื่องจากลักษณะพิเศษของเผ่า เมื่อมีคนเรียนรู้ข้อมูล มันก็จะกระจายไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยทรัพยากรและอุปกรณ์ที่กองทัพจัดหาให้อย่างใจกว้าง เผ่าแบล็คสปิริตจึงไม่ต้องสะสมประสิทธิภาพการผลิตและสามารถนำความรู้ที่ใช้มาได้ดดยตรง ดังนั้น ในเวลาแค่ยี่สิบปี พวกเขาจึงเข้าสู่ยุคไฟฟ้าโดยตรงจากยุคชนเผ่า ก้าวกระโดดถึงสามขั้น ความสามารถแสนน่ากลัวของเผ่าเริ่มปรากฏ
นุมมองของเขา ถ้าเผ่าแบล็คสปิริตเริ่มในจุดเดียวกับสหพันธ์และศาสนจักร มันอาจเป็นอารยธรรมจักรวาลแห่งที่สี่
พรสวรรค์ของเผ่าแบล็คสปิริตมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้และศึกษษ นี่ถือเป็นเผ่าที่มีคุณสมบัติพอจะใช้คำพูดที่ว่า’ทุกคนสามารถเป็นมังกรได้’
สำหรับเผ่าคุนเด้ พวกเขายังต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม
ตอนนี้ แวดวงภายในของเผ่าคุนเด้แสดงถึงการบูชาผู้ศรัทธาจักรกลแล้ว การต่อสู้ในอดีตจะทิ้งบาดแผลไว้และพวกเขาก็ไม่แปลงเป็นศาสนานี้เต็มที่ รากก็ได้หยั่งลงไปแล้ว
หานเซี่ยวมองรอบดาว ในเวลาอันสั้น จุดสีดำกว่าสิบก็ปรากฏ ด้านหลังจุดดำเหล่านั้น ซึ่งคืออาวุธอัครฑูตเขา มีเงาคล้ายภูเขาค่อยๆบินมา นี่คือคิงคองยักษ์
“น้อมพบนายท่าน”
ไซโอนิคไพรม์นำอาวุธอัคiฑูต บินมาที่ประตู หยุดตรงหน้าหานเซี่ยว
ช่วงนี้ หานเซี่ยวใช้ช่องอาวุธเขาจนเต็ม ขยายทีมเขา เพราะ[สัมผัสจักรกลสมบูรณ์]รวมถึงชุดพรสวรรค์กับความสามารถที่เพิ่มขีดจำกัดสูงสุดของทักษะ อาวุธอัครฑูตเขาจึงมีมากกว่าสิบสองแล้ว
เขาพบว่าตอนนี้อาวุธอัครฑูตเขามีเกราะกับอาวุธดีกว่ายี่สิบปีก่อน ในเวลาเดียวกัน แหล่งพลังงานยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สิ่งมีชีวิตจักรกลทั้งหมดสามารถเติบโตได้เมื่อพัฒนาตัวเอง นี่โดยเฉพาะกับพวกรุ่นแรก ซึ่งมีประกายไฟชีวิตจักรกลที่บริสุทธิ์สุด
“ไซโอนิคไพรม์ ประกายแสงสีเงิน นักล่าฟ้าคลั่ง เพลิงแดง ราชาทองคำ ผีไร้ร่าง ธงข่มสวรรค์และวิญญาณฟ้าม่วง..นำกองทัพพวกแกกลับไปศูนย์ใหญ่ในวงแหวนดาวกระจาย ฉันอาจต้องให้พวกแกสู้”หานเซี่ยวถ่ายทอดคำสั่ง
“ครับ”ไซโอนิคไพรม์ตอบรับ สำหรับเขา คำพูดของหานเซี่ยวคล้ายกับหลักคำสอนของพระเจ้า
…
ที่ขอบประตูดาวของวงแหวนดาวกระจาย กองยานสัญลักษณ์ศาสนจักรค่อยๆออกจากประตูดาว
ทุกวันนี้ ผู้อยู่เหนือได้พากันมาที่วงแหวนดาวกระจาย กองยานนี้อุทิศให้กับการคุ้มกันผู้อยู่เหนือคนใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมศาสนจักร
‘ปีศาจแดง’โทเลน เคยเป็นอาชญากรจากแขนเงิน เขามาถึงระดับนี้ได้ไม่กี่ปี จากนั้นศาสนจักรก็รับเข้ามา และการกระทำก่อนหน้าเขาก็ถูกลบจนสะอาด
ในห้องประชุมยานหลัก ผู้อยู่เหนือส่วนใหญ่ของศาสนจักรอยู่ในห้อง แต่มีเพียงโทเลนถึงอยู่ในร่างหลัก
“ฮ่าๆ มันดูเหมือนฉันจะมาถึงคนแรก เมื่อไรพวกนายจะมา?”โทเลนหัวเราะ
“ไม่นาน นายและไซเคอร์ควรรอเราเงียบๆ”นักล่าอาทิตย์มีรูปร่างเล็ก แต่เสียงเขากลับดังเหมือนปืนใหญ่
“อืม รอเฉยๆ?”ดวงตาของโทเลนเป็นประกาย”ในเมื่อไม่มีอะไรให้ทำ ฉันก็จะหาคนมาประลอง”
เขาเพิ่งเข้าสู่อาณาจักรผู้อยู่เหนือได้ไม่นาน ในฐานะเด็กใหม่ เขาไม่มีบันทึกต่อสู้โดดเด่น ดังนั้นเมื่อมาถึงวงแหวนดาวกระจาย เขาจึงรู้สึกอยากพิสูจน์ตัวเอง
“อย่าพยายามทำอะไรตลกในวงแหวนดาวกระจาย”คาซูยิกล่าวเสียงเย็น”มันเป็นอาณาเขตของเขา เราต้องไว้หน้าเขา”
วงแหวนดาวกระจายในอดีตมีแค่ฮีเบอร์ ออสติน เอเมสและไซเคอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ห่างไกลและอ่อนแอ ไม่พอให้ผู้อยู่เหนือขั้นสูงสุดอย่างคาซูยิแลตามอง
แต่ตอนนี้ต่างออกไป ด้วยแบล็คสตาร์อันเป็นตัวแทน
ผู้อยู่เหนือขั้นสูงสุดมีศักดิ์ศรีของตนและผู้อยู่เหนือคนอื่นก็เต็มใจไว้หน้าแบล็คสตาร์และประพฤติตัวอย่างดีในวงแหวนดาวกระจาย แม้จะเป็นเพื่อนผู้อยู่เหนือขั้นสูงสุด แต่ก็ไม่มีใครอยากสร้างปัญหาให้แบล็คสตาร์
ช่วงเวลาที่พูดถึงแบล็คสตาร์ หลายคนก็แสดงสีหน้าไม่สบายใจ พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้บนดาวประภาคารและแพ้อย่างหนัก
ความรู้สึกการถูกขังในกาลอวกาศแอมเบอร์ไม่ดีเลย นั่นโดยเฉพาะดีแลน ผู้ถึงกับตัวสั่นตอนได้ยินชื่อหานเซี่ยว
“ฮ่าๆๆ นายแพ้แค่ครั้งเดียว แต่ก็กลัวถึงขนาดนี้แล้ว?ท่านคาซูยิ ท่านก็คงไม่ได้กลัวเขาเหมือนกันใช่ไหม?”
โทเลนรู้เรื่องนี้และอดหัวเราะประชดประชันไม่ได้ ในฐานะอาชญากร เขาไม่ใช่คนที่ชอบอยู่เฉยๆ
ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ผู้อยู่เหนือจำนวนมากก็ดูอับอายและแค่นเสียงเย็น
“ฉันไม่ได้กลัวเขา”คาซูยิพูดอย่างใจเย็น”แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาสู้ ฉันขอแนะนำให้นายอย่ายั่วโมโหเขา”
“ฉันไม่โง่ขนาดนั้น”โทเลนโบกมือ”สบายใจได้ ฉันไม่ได้อวดดีถึงขนาดเลือกแบล็คสตาร์เป็นเป้าหมาย”
“งั้น นายอยากประลองกับใคร?”
“ฉันเอาชนะแบล็คสตาร์ไม่ได้ และฮีเบอร์ก็อยู่ฝ่ายจักรวรรดิ ซึ่งยั่วยุได้ยาก ไซเคอร์อ่อนแอ แต่เขาก็ยังเป็นพวกเรา มันจึงเหลือแค่สอง”
ดวงตาโทเลนเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
“ออสตินมักซ่อนตัวในวังคาถาลับ ฉันไม่น่าจะเอาชนะเขาได้ แต่สำหรับเอเมส…ฮี่ๆ เธอควรจัดการได้ง่ายๆ ฉันจะใช้เธอเป็นหินเหยียบของฉัน!”