Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 101
ตอนที่ 101 วิชาควบคุมพื้นดิน
ชายคนนั้นรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นว่ามู่อี้สามารถหลุดออกจากภวังค์ได้สำเร็จแต่จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ตะเกียงทองแดงในมือของมู่อี้ด้วยความสนใจและเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมมู่อี้ถึงสามารถหลุดออกจากภวังค์ได้
“เจ้าคิดเช่นไร? จะยอมก้มหัวให้กับข้าหรือไม่?” ชายคนนั้นถามต่อ แต่ในครั้งนี้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดที่สัมผัสได้ในน้ำเสียงของเขานั้นได้หายไปแล้ว แต่เสียงของเขานั้นก็ยังคล้ายกับเสียงของหญิงสาวเหมือนเดิม
“ยอมก้มหัวให้กับเจ้างั้นหรือ? เช่นนั้นในอนาคตเจ้าจะได้เป็นฮ่องเต้หรือไม่?” มู่อี้พูดประชดประชันทันที
“สามราชาห้าจักรพรรดิก็ล้วนจุติลงมาจากสวรรค์ไม่ใช่หรือ? ตั้งแต่ราชวงศ์ฉินล่มสลายลงไปนั้นโลกใบนี้ก็ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกแมนจูเข้ามายึดครองแผ่นดินนี้เลย โลกใบนี้เป็นของชาวฮั่นเท่านั้นและมีเพียงชาวฮั่นเท่านั้นที่จะปกครองโลกใบนี้ต่อไปได้” ชายคนนั้นมองมาที่มู่อี้และพูดต่อไปทันทีแต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง เห็นได้ชัดว่าการพูดเช่นนี้เขาเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว
“เช่นนั้นเจ้าจะยอมเป็นกบฏต่อราชวงศ์ชิงและรื้อฟื้นราชวงศ์หมิงขึ้นมาอีกครั้งหรือไง?” มู่อี้พูดต่อไป นับตั้งแต่พวกแมนจูได้เข้ายึดครองแผ่นดินกลุ่มชาวฮั่นที่ไม่ยอมก้มหัวให้ก็ต้องกลายเป็นกบฏทันที จากมุมมองของมู่อี้นั้นเรื่องนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
“ราชวงศ์หมิงงั้นหรือ? หลังจากที่ข้าทำลายราชวงศ์ชิงไปทั้งหมดแล้วข้าจะตั้งราชวงศ์เหยียนขึ้นมาอีกครั้ง ราชวงศ์ต้าเหยียนที่ยิ่งใหญ่ของข้า” ชายคนนั้นส่ายศีรษะและพูดออกมาเสียงดัง
“ราชวงศ์ต้าเหยียนงั้นหรือ?” มู่อี้มองมาที่ชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ ในตอนนี้เขาสงสัยว่าราชวงศ์เหยียนที่อีกฝ่ายหมายถึงนั้นจะใช่ตระกูลเหยียน 1 ใน 7 วีรบุรุษในยุคสงครามแห่งรัฐหรือไม่หรือว่าจะเป็นคนอื่นแต่ในความคิดของมู่อี้นั้นไม่ว่าฮ่องเต้องค์ไหนก็ล้วนแต่มีจิตใจที่บ้าคลั่งทั้งสิ้น
แต่ความบ้าคลั่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีเสมอไปเพราะเมื่อได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วหากไม่มีความบ้าคลั่งก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ถึงมีท่าทีที่ดูบ้าคลั่งเช่นนี้ แต่มู่อี้ก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย อะไรที่ทำให้เขามั่นใจขนาดนั้น? หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพธิดาพันบุตร?
“ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ยอมก้มหัวให้กับข้าหรือตาย” ชายคนนั้นพูดต่อไป
“ต้องขอโทษด้วยแต่ข้าจะเลือกทางเลือกที่ 3 นั่นคือสังหารเจ้าซะ” ทันทีที่มู่อี้พูดจบ ยันต์สายฟ้าที่อยู่ในมือของเขาก็ถูกสะบัดออกไปทันที
“ตู้ม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างกึกก้องพร้อมกับสายฟ้าที่ตรงเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
มู่อี้คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าศัตรูของตนเองคงไม่พ่ายแพ้ง่ายขนาดนั้น พลังของชายคนนี้มากยิ่งกว่าชิวเยวี่ยถงเสียอีกอย่างน้อยชิวเยวี่ยถงก็ยังถือเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่ในตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับชายที่บ้าคลั่งและไม่รู้ว่ายักษ์ตนนั้นจะใช่มนุษย์หรือไม่
ในตอนนี้มู่อี้ย่อมมีแผนการในใจอยู่แล้ว เขาจะเปิดการโจมตีด้วยยันต์สายฟ้านี้และจากนั้นก็ใช้ยันต์สายฟ้าโจมตีศัตรูไปเรื่อยๆโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ศัตรูได้โจมตีสวนกลับมา
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้นอกเหนือจากการฝึกฝนจิตใจแล้วมู่อี้ก็ใช้เวลาวาดยันต์สายฟ้ามาโดยตลอด แม้ว่าโอกาสที่จะสำเร็จได้นั้นต่ำมากแต่ในตอนนี้ยันต์สายฟ้าของมู่อี้นั้นมีอยู่ถึง 5 แผ่น
ไม่ใช่ว่ามู่อี้ไม่มีเวลาเขียนยันต์มากพอ แต่เขาพบว่าเมื่อเก็บยันต์สายฟ้าติดตัวเอาไว้เกิน 5 แผ่นมันจะส่งผลต่อร่างกายของเขาอย่างแปลกประหลาด ดังนั้นมู่อี้จึงไม่กล้าที่จะลองเสี่ยงและเก็บยันต์สายฟ้าติดตัวไว้เพียง 5 แผ่นเท่านั้น
แต่ในความคิดของเขานั้นยันต์สายฟ้า 5 แผ่นก็ถือว่ามากพอแล้ว เพราะถ้าหากว่าเขายังเอาชนะศัตรูไม่ได้แม้ว่าจะใช้ยันต์สายฟ้าออกไปแล้วถึง 5 แผ่นนั่นหมายความว่ายันต์สายฟ้าย่อมใช้ไม่ได้ผลกับศัตรู
หลังจากใช้ยันต์สายฟ้าออกไปมู่อี้ก็ไม่รีรออีกต่อไปและใช้ยันต์สายฟ้าแผ่นที่ 2 และแผ่นที่ 3 ตามออกไปทันที
“ตู้ม ตู้ม!”
เสียงระเบิดเกิดขึ้นมาถึง 2 ครั้ง แสงสว่างที่เกิดขึ้นนั้นก็เจิดจ้ามากยิ่งขึ้นจนมู่อี้ต้องก้าวถอยหลังออกไปทันที
การใช้ยันต์สายฟ้าติดต่อกันถึง 3 แผ่นนั้น แม้แต่ในตอนที่เขาต่อสู้กับชิวเยวี่ยถงเขาก็ไม่ได้ทำขนาดนี้เลยแต่ในวันนี้มู่อี้ได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่ต่างจากปีศาจตนหนึ่ง แม้ว่ามู่อี้จะมั่นใจในยันต์สายฟ้าของตนเองอย่างยิ่งแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทในตอนนี้ ตราบใดที่ผลลัพธ์ยังไม่ออกมาก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะ
ยันต์สายฟ้าที่เหลืออีก 2 ใบนั้น มู่อี้ยังไม่ได้ใช้ออกไปและเขาคิดว่าจะรอดูผลที่ออกมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจในตอนนั้น เขารู้สึกได้ว่ายักษ์ตนนั้นล้มลงมาแล้วในตอนนี้
เมื่อเขาจ้องมองไปอีกครั้งก็เห็นว่ามีร่างหนึ่งที่กำลังโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินในตอนนี้ ชายคนนี้คือคนที่ต้องโดนสายฟ้าของมู่อี้แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงสามารถหลบหนีจากการเล็งเป้าหมายด้วยพลังแห่งจิตใจและลงไปหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ดินได้สำเร็จ
เมื่อแสงสว่างจากสายฟ้าหายไปนั้นเขาก็ได้เห็นว่าชายคนนี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนหน้านี้ก็โดนร่างแหของพลังแห่งสายฟ้าไปพร้อมๆกัน ด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่มีทางที่เขาจะรอดไปได้เลยและร่างกายของเขาก็ไหม้เกรียมกลายเป็นตอตะโกไปแล้ว
ส่วนยักษ์ตนนั้นมันคุกเข่าลงกับพื้นในตอนนี้และเก้าอี้ที่ตั้งอยู่บนแขนของมันก่อนหน้านี้ก็ถูกทำลายไปแล้ว ผิวหนังส่วนบนของมันมีรอยไหม้เกรียมและร่างกายบางส่วนก็มีกระดูกปรากฏออกมาให้เห็น
แต่ตอนนี้มันยังไม่ตายเพราะหน้าอกของมันยังสามารถขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจได้
เมื่อมองไปที่ชายคนนั้นอีกครั้ง หลังจากที่เขาขึ้นมาจากพื้นดินได้สำเร็จเขาก็จ้องมองมาที่มู่อี้ด้วยสายตาที่โกรธแค้นทันที สีหน้าของเขาเหมือนต้องการจะฉีกร่างของมู่อี้ออกเป็นชิ้นๆ
เขาคงไม่ได้คิดว่าตนเองจะต้องตกอยู่ในความน่าอับอายเช่นนี้
มู่อี้กระโดดกลิ้งตัวลงไปกับพื้นและในตอนที่เขายืนขึ้นมานั้นยันต์สายฟ้าในมือของเขาก็ถูกส่งออกไปทันที
ชายคนนั้นไม่รอช้าอีกต่อไปเมื่อมู่อี้ใช้ยันต์สายฟ้าอีกแผ่นนึงออกมานั้น เขาก็ใช้ฝ่ามือของตนเองทุบลงไปที่พื้นดินและพื้นดินก็ถล่มลงไปจนร่างกายของเขาจมลงไปใต้ดินทันที
หลังจากศัตรูจมลงไปใต้ดินแล้วมู่อี้ก็ไม่อาจเล็งเป้าหมายของเขาด้วยพลังแห่งจิตใจได้อีกต่อไป สายฟ้าผ่าลงมาบนพื้นดินและไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้น
“หรือว่านี่จะเป็นวิชาควบคุมพื้นดินในตำนานงั้นหรือ?” มู่อี้รู้สึกตกตะลึงในใจและสมองของเขาก็คิดประมวลผลทันทีนอกจากวิชาควบคุมพื้นดินในตำนานแล้วเขาก็นึกไม่ออกว่าชายคนนั้นจมลงไปใต้ดินได้ยังไงกันและยังสามารถหลบการโจมตีจากยันต์สายฟ้าของเขาได้อีกด้วย
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เขาต้องเรียนรู้ มู่อี้ไม่กล้าจะยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอีกต่อไปและในตอนนี้เขาก็วิ่งออกไปทันทีจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปเหยียบบนไหล่ของยักษ์ตนนั้น ก่อนที่ยักษ์ตนนี้จะรู้สึกตัวเขาก็ใช้โอกาสนี้กระโดดต่อไปที่ก้อนหินใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ในเวลาเดียวกันตำแหน่งที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ก็พังทลายลงไปทันทีและจากนั้นชายคนนั้นก็ปรากฏตัวออกมาจากใต้พื้นดิน
“ฆ่ามันซะ” ชายคนนั้นมองมาที่มู่อี้ที่สามารถหนีจากการโจมตีของเขาได้สำเร็จ ในตอนนี้สีหน้าของเขาแสดงความโกรธแค้นออกมาจนดูน่าสะพรึงกลัว
เมื่อได้รับคำสั่งจากชายคนนั้น ยักษ์ตนนั้นก็ลุกขึ้นมาทันที แม้ว่าร่างกายของมันจะยังคงเอนเอียงไปมาแต่ความสูงใหญ่ของมันนั้นก็ทำให้มู่อี้รู้สึกได้ถึงความกดดันแล้ว
“หึ!”
เมื่อเห็นว่ายักษ์ตนนั้นจ้องมองมาที่เขามู่อี้ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด เขาถอนหายใจออกมาและยกตะเกียงทองแดงในมือของตนเองขึ้นมาทันที!