Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 122
ตอนที่ 122 ไม่มีทางพ่ายแพ้
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่มู่อี้ก็ส่ายหัวขึ้นมาทันที ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงส่ายหัวขึ้นมา แต่เมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นสายตาของคนอื่นๆที่มองมาที่เขาก็แตกต่างกันไปเล็กน้อย
เพราะในตอนนี้ไม่มีใครรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติเลยนอกจากเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสั่งให้ต้าหนิวโยนก้อนหินออกไปก่อนหน้านี้ศัตรูที่ซุ่มโจมตีอยู่ก็คงไม่ออกมาและอย่างน้อยมันก็ทำให้โม่หรูเยียนได้มีเวลาเตรียมตัวมากยิ่งขึ้น
ท่านลุงไฉรีบวิ่งตามเข้าไปที่เนินเขาลูกนั้นอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้โม่หรูเยียนได้พุ่งเข้าไปหากลุ่มคนที่บุกเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งของเนินเขาและสังหารไปทีละคน ฝีมือของศัตรูแตกต่างจากนางอย่างสิ้นเชิง หอกอันแหลมคมเคลื่อนตัวออกไปด้วยความรวดเร็วและเย็นชา มันคร่าชีวิตของมนุษย์ทีละคนพร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายออกมา
“ตึงๆๆ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่เหมือนกับเกือกม้ากระทบกับพื้นอย่างรุนแรงดังขึ้นมาจากด้านหลังของทุกคนทันที เสียงเกือกม้าในตอนนี้ดูเหมือนจะดังขึ้นมาในหูของทุกๆคนแต่พวกเขากลับรู้สึกว่ามันเป็นเสียงที่เหมือนกับสายฟ้าฟาด สีหน้าของพวกเขาก็ซีดขึ้นมาทันที ดูจากเสียงเกือกม้าที่ดังขึ้นพร้อมๆกันนั้นพวกเขารู้ดีว่าจะต้องเป็นกลุ่มคนที่ขี่ม้าเป็นจำนวนมากแน่นอน
พวกเขาย่อมรู้ดีว่าเสียงเกือกม้าจำนวนมากที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังมันหมายความว่าอะไร
ในเวลาเดียวกันโม่หรูเยียนที่ยืนอยู่บนเนินเขาก็รีบหันมาทันทีและนางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะนางยืนอยู่บนที่สูง
ในตอนนี้โม่หรูเยียนเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาทันที นางไม่สงสัยอีกแล้วว่าทำไมศัตรูที่อยู่ตรงหน้าถึงอ่อนแอนัก มันกลายเป็นว่าศัตรูที่แท้จริงไม่ได้อยู่ตรงหน้านาง คนเหล่านี้เป็นเพียงแค่ตัวล่อและหมากตัวหนึ่งเท่านั้น พวกเขาถูกส่งมาที่นี่เพื่อดึงดูดความสนใจของนางและในตอนนี้นางก็ติดกับดักนั้นแล้ว
แม้ว่าโม่หรูเยียนจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาแต่มันก็สายเกินไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงรีบลงมาจากเนินเขาลูกนี้ แม้รู้ดีว่ามันอาจไม่ทันการแต่ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องรีบกลับไปที่ขบวนรถม้า
ท่านลุงไฉก็หน้าซีดขึ้นมาเช่นเดียวกันในตอนนี้ เขาเข้าใจคำพูดที่มู่อี้พูดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่เรื่องตลกแต่มันเป็นการเตือนพวกเขาจริงๆใช่ไหม?
น่าเสียดายที่กว่าพวกเขาจะรู้ตัวมันก็สายไปแล้ว
“รีบถอยกลับ!”
ท่านลุงไฉตะโกนออกมาแล้วรีบถอยกลับไปทันที ผู้คุ้มกันคนที่เหลือต่างก็ไม่สนใจศัตรูที่อยู่ตรงหน้าอีกต่อไปและรีบถอยกลับไปที่ขบวนรถม้า
“ตึงๆๆ!”
เสียงของเกือกม้ากระทบกับพื้นดังขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆและดูเหมือนว่ามันจะใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน เศษฝุ่นมากมายกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้า
มู่อี้หันไปมองรอบๆ สีหน้าของเขายังคงปราศจากอารมณ์ใดๆ แต่ใบหน้าของเขาก็ดูซีดเซียวและดูอ่อนแอด้วยเช่นกัน
แต่ข้างๆเขานั้นผู้คุ้มกันทุกๆคนดูหน้าซีดและสีหน้าของพวกเขาต่างก็ดูสิ้นหวัง
ทันใดนั้นผู้ที่บุกเข้ามาก็ผ่านเศษฝุ่นที่ฟุ้งกระจายเข้ามาให้เห็นทันที ผู้ที่นำทัพเข้ามานั้นเป็นชายร่างใหญ่ที่ถือดาบขนาดใหญ่และแวววาวเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยมากมาย
กลุ่มของเขาก็ขี่ม้าตามมาติดๆและใบหน้าของพวกเขาก็ดูอำมหิตอย่างยิ่ง พร้อมที่จะสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่
“กลุ่มโจรขี่ม้า!” ไม่รู้ว่าเสียงของใครที่ตะโกนขึ้นมาในตอนนี้
“ต้าหนิว เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว” มู่อี้หันไปมองสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้และพูดขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่อี้ ต้าหนิวก็ก้าวออกไปทันทีแต่ความเร็วของมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้มันกำลังวิ่งเข้าไปหากลุ่มโจรขี่ม้ากลุ่มนั้น
สีหน้าของผู้คุ้มกันทุกๆคนที่ดูสิ้นหวังก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปทันที พวกเขาหันมามองหน้ากันและจากนั้นเกือบทุกคนก็รีบตามหลังต้าหนิวไปเพื่อสังหารศัตรู
ในตอนที่ต้าหนิววิ่งไปถึงรถม้าที่อยู่ปลายสุดนั้น มันก็หยิบกระสอบใบหนึ่งที่อยู่ภายในรถม้าออกมาและโยนออกไปทันที
กระสอบที่มีน้ำหนักมหาศาลนั้นถูกโยนเข้าไปหาคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มโจรขี่ม้าอย่างรุนแรง ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของต้าหนิวกระสอบก็ฉีกขาดออกจากกันทันที ม้าที่พวกเขาขี่อยู่นั้นก็ร้องครวญครางออกมาทันทีและพวกมันก็รีบหยุดวิ่งอย่างกะทันหันพร้อมกับล้มลงไปที่พื้น
กลุ่มโจรขี่ม้าถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว พวกเขากระเด็นออกมาจากหลังม้าอย่างรุนแรงจนต้องส่งเสียงร้องออกมา
ม้าที่ถูกต้าหนิวโจมตีต่างก็ล้มลงไปนอนที่พื้น
เมื่อมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันม้าตัวที่ตามมาด้านหลังก็ชนเข้ากับม้าและคนที่นอนอยู่ด้านหน้าโดยที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้เลย
ในตอนที่เกิดความวุ่นวายขึ้นมานั้นกลุ่มโจรขี่ม้าที่ตามมาด้านหลังก็รีบบังคับม้าของตนเองให้หยุดวิ่งต่อทันที
“สำนักคุ้มกันโม่หยวน!”
“ย่าห์!”
เมื่อกลุ่มผู้คุ้มกันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้นทันทีและพวกเขาต่างก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมๆกัน
หลังจากที่โจมตีครั้งแรกออกไปต้าหนิวก็ไม่ได้หยุดนิ่ง มันพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วและจากนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ทั้งสองข้างของมันก็คว้าไปที่คนและม้าที่อยู่ใกล้ที่สุดและโยนออกไปทันที
ม้าและคนที่ถูกโยนออกไปนั้นต่างก็ส่งเสียงโหยหวนออกมา ต้าหนิวได้แสดงพลังของมันออกมาต่อหน้าทุกๆคนแล้วในตอนนี้
หลังจากนั้นต้าหนิวก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มโจรขี่ม้าทันทีและทุกๆคนต่างก็ถูกมันโยนออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่ากลุ่มโจรขี่ม้าจะพยายามโจมตีมันมากเพียงใดแต่ก็ทำได้แค่ทำให้เสื้อผ้าของมันฉีกขาดและรอยสีขาวที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของมันเท่านั้น แม้แต่การทะลุผิวหนังของมันเข้าไปก็ดูเหมือนจะยากมาก
ในตอนนั้นมู่อี้ใช้ยันต์สายฟ้าของเขาออกไปถึง 3 แผ่นแต่ก็ทำได้เพียงสร้างบาดแผลภายนอกให้กับต้าหนิวเท่านั้นนี่แสดงให้เห็นว่าพลังป้องกันของมันมีมากมายมหาศาลขนาดไหน
เมื่อมีต้าหนิวที่บุกทะลวงเข้าไป กลุ่มผู้คุ้มกันของสำนักคุ้มกันโม่หยวนต่างก็ตามเข้าไปสังหารศัตรูได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่รอให้กลุ่มโจรขี่ม้าเหล่านี้ได้ลุกขึ้นมาจากพื้นอีกครั้งและเข้าไปซ้ำจนถึงแก่ความตายทันที
กลุ่มผู้คุ้มกันหลายสิบคนร่วมมือกับต้าหนิวบุกเข่นฆ่าศัตรูเข้าไปอย่างต่อเนื่องและแม้แต่ฝ่ายกลุ่มโจรขี่ม้าก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น
กลุ่มโจรขี่ม้าเหล่านี้คงไม่คิดว่าจะมีสัตว์ประหลาดอย่างต้าหนิวอยู่ในกลุ่มผู้คุ้มกันของสำนักคุ้มกันโม่หยวน เพราะจากแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ โม่หรูเยียนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ถูกแยกตัวออกไปแล้วและผู้คุ้มกันคนที่เหลือต่างก็เป็นเพียงตัวหมากที่ไร้ค่าเท่านั้น เมื่อโม่หรูเยียนกลับมาที่ขบวนรถม้าหาพวกเขาก็คงสังหารกลุ่มผู้คุ้มกันคนอื่นจนหมดแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาก็จะร่วมมือกันสังหารโม่หรูเยียนและภารกิจครั้งนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์ไปได้ด้วยดี
เพียงแต่ว่าแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้นั้นไม่มีมู่อี้และต้าหนิว ทุกสิ่งเป็นไปตามแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ทั้งหมดเพียงแต่ว่าต้าหนิวได้เข้ามาทำลายแผนการและยังทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย
แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นกลุ่มโจรขี่ม้าก็ย่อมต้องมีความสามารถด้วยเช่นกัน หลังจากได้เห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็มีหลายๆคนที่รู้ทันทีว่าพวกเขาควรทำอย่างไรและพวกเขาก็กระโดดลงมาจากหลังม้าทันทีจากนั้นก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับม้าที่วิ่งตามมาข้างๆและใช้ม้าเป็นที่กำบังของตนเอง
จำนวนของกลุ่มโจรขี่ม้ากลุ่มนี้มีทั้งหมดประมาณ 50-60 คน แม้ว่าในตอนแรกจะมีคนบาดเจ็บล้มตายไปบ้างแต่ในตอนนี้พวกเขาก็ยังเหลืออยู่อีกประมาณ 30-40 คน ตอนนี้เมื่อพวกเขาเริ่มโจมตีสวนกลับกลุ่มผู้คุ้มกันของสำนักคุ้มกันโม่หยวนต่างก็เริ่มกลายเป็นฝ่ายบาดเจ็บล้มตายขึ้นมาบ้างแล้ว
แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของกลุ่มโจรขี่ม้ากลุ่มนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นต้าหนิว แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรต้าหนิวได้เลยและด้วยฉายายักษ์คลั่งแห่งลัทธิเทพธิดาพันบุตร มันได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามันมีพละกำลังมากมายเพียงใด อย่างน้อยที่สุดถ้าหากเผชิญหน้ากับคนธรรมดาทั่วไปต้าหนิวเรียกได้ว่าไม่มีทางพ่ายแพ้
“ถอยออกไปซะ!”
ในตอนนี้มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากกลุ่มโจรขี่ม้าที่กำลังบุกเข้ามาและจากนั้นก็เป็นชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่เดินออกมาพร้อมกับขวานขนาดใหญ่
แน่นอนว่าคำว่าชายร่างใหญ่ของเขานั้นคือการเปรียบเทียบกับคนธรรมดาเท่านั้น แม้ว่าร่างกายของเขาจะใหญ่โตกว่าโจรขี่ม้าคนอื่นๆแต่เมื่อเทียบกับต้าหนิวแล้วเขาก็ยังถือว่าตัวเล็กอยู่ดี ศีรษะของเขานั้นอยู่ในระดับหน้าอกของต้าหนิวเท่านั้น
ชายร่างใหญ่คนนี้ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มโจรขี่ม้ากลุ่มนี้ ในตอนที่เขาก้าวออกมานั้นโจรขี่ม้าคนอื่นๆก็รีบถอยออกไปด้านข้างทันที
“หึหึ เจ้าเป็นใครกัน? เหตุใดเจ้าถึงกล้าต่อต้านกลุ่มโจรอาชาทองคำของข้า? ยังไม่รีบบอกชื่อของเจ้าออกมาอีก” ในตอนที่ชายร่างใหญ่ก้าวออกมานั้นเขาก็ตะโกนออกมาเสียงดังและสีหน้าของเขาก็ดูไม่พอใจอย่างยิ่ง
แม้แต่มู่อี้ที่ยืนอยู่ระยะไกลๆก็ต้องจ้องมองมาที่ “ไอ้โง่ตัวหนึ่ง” ที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน