Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 129
ตอนที่ 129 ชายชราและแมลง
แฝดผีแห่งเหอเจี้ยนคือใครกัน? มูอี้ไม่เคยได้ยินชื่อของพวกเขามาก่อนเลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังมากเพียงใดแต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจอยู่ดี
ในความคิดของเขานั้น แฝดผีแห่งเหอเจี้ยนที่ปรากฏตัวออกมาในตอนนี้ถูกส่งมาโดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ทั้งหมดและไม่มีค่ามากพอที่โม่หรูเยียนจะออกไปปะทะกับศัตรูด้วยตนเอง
หลังจากได้ยินคําสั่งของมู ต้าหนิวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและเดินตรงเข้าไปหาทั้งสองคนพร้อมกับขวานยักษ์ในมือทันที การอยู่บนกําแพงสูงนั้นอาจจะทําให้ทั้งสองคนได้เปรียบคนอื่นๆอยู่เล็กน้อยแต่ไม่มีผลอะไรสําหรับตาหนิวเลย
แม้ว่าปีศาจเหยาฟางจะดูโกรธที่มูอี้ทําลายแผนการของตนเองไป แต่เมื่อเขาเห็ นว่าตาหนิวปรากฏตัวขึ้นมาในตอนนี้เขาก็ดระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที แม้ว่าบางครั้งขนาดร่างกายจะไม่ใช่ตัวบ่งบอกทุกอย่าง แต่ต้าหนิวที่กําลังก้าวออกมาในตอนนี้ก็ทําให้เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม
แม้แต่ผีหิวโหย เหยาไค ก็ลืมตาขึ้นมาและจ้องมองมาที่ตาหนิว
“ระวังตัวด้วย!”
ในตอนที่ต้าหนิวกําลังก้าวเดินเข้ามาหานั้น เหยาฟางก็ตะโกนออกมาเสียงดังทันทีและทั้งสองคนก็หายไปจากด้านบนกําแพงอย่างรวดเร็ว
“ตุ้ม!”
ในตอนที่ทั้งสองคนหายตัวไปนั้น กําแพงที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาก่อนหน้านี้ก็พังทลายลงมาเสียงดังและมีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาบนกําแพงทันที ในขณะที่ต้าหนิวยืนอยู่ที่หน้ากําแพงและ ค่อยๆดึงขวานยักษ์ในมือของตนเองกลับมาช้าๆ
ส่วนแฝดแห่งเหอเจี้ยนทั้งสองคนนั้นไม่มีใครบาดเจ็บอะไรแต่พวกเขาก็ต้องถอยกลับมาข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ในลานหน้าโรงเตี้ยมแห่งนี้มีผู้คุ้มกันของสํานักคุ้มกันไม่หยวนอยู่เป็นจํานวนมาก และพวกเขาต่างก็รวมตัวกันไม่มีใครแยกตัวออกไปไหน
ต้าหนิวมีท่าทีที่สงบนิ่งมาก หลังจากที่มันทําลายกําแพงลงไปแล้วมันก็ตรงเข้าไปสังหารทั้งสองคนนั้นต่อทันที
แฝดผีแห่งเหอเจี้ยนหันมามองหน้ากันและจากนั้นพวกเขาก็พุ่งตัวเข้ามาหาต้าหนิวพร้อมๆกัน
“ตุ้ม!”
ในตอนที่ทุกๆคนกําลังให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ หน้าต่างของโรงเตี้ยมที่อยู่ด้านหลังก็เปิดออกมาอย่างกะทันหันและมีศีรษะของใครบางคนพุ่งออกมาจากในหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
ผู้คุ้มกันจํานวนมากต่างก็รู้สึกตกตะลึงเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“นั่นมันอะไรกัน?”
“นั่นมันเสี่ยวเอ๋อกับเจ้าของโรงเตี้ยมนี่นา”
หลังจากได้เห็นศีรษะที่กระเด็นลอยออกมาทางหน้าต่างนั้นทุกๆคนต่างก็ส่งเสียงออกมาทันที่และจากนั้นก็มีคนที่รู้ว่าศีรษะนี้เป็นของใคร
“ถอยออกไปให้หมด” ในตอนที่ทุกคนกําลังจะเข้าไปตรวจสอบดูนั้นมู่อี้ก็ตะโกนออกมาทันที
เมื่อได้ยินคําพูดของมู่อี้ผู้คุ้มกันบางคนก็สะดุ้งขึ้นมาตามสัญชาตญาณทันที พวกเขารีบถอยกลับมาอย่างเชื่อฟัง แต่ก็มีอยู่ประมาณ 2 คนที่ไม่อาจถอยกลับมาได้ทัน
ในตอนนั้นเองหนึ่งในศีรษะที่หล่นลงมานั้นก็ระเบิดออกมาทันที เงาดําเล็กๆก็พุ่งออกมาและตรงเข้าไปที่ระหว่างคิ้วของผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด
“อะไรกัน!”
ผู้คุ้มกันคนนั้นส่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวแต่จากนั้นเขาก็ล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูเจ็บปวดอย่างยิ่ง ตรงกลางระหว่างคิ้วของเขามีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาและเลือดจํานวน มากก็ไหลออกมาจากรูนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทําให้ทุกๆคนรู้สึกหวาดกลัว ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีอันตรายซ่อนอยู่ในศีรษะของคนที่ตายไปแล้ว ส่วนผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ที่สุดอีกคนหนึ่งก็รีบถอยกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูหวาดกลัวอย่างยิ่ง
แต่มีอี้ก็ยังไม่อาจเบาใจได้ในตอนนี้และส่งยันต์ปราบปีศาจในมือของเขาออกไปทันที จากนั้นแสงสีขาวก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและเป้าหมายของมันก็คือผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ที่สุดอีกคนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้
ในตอนที่ทุกๆคนคิดว่ามู่อี้โจมตีผิดเป้าหมายนั้น เงาดําที่ได้สังหารผู้คุ้มกันคนแรก ไปก็ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งหนึ่งและเป้าหมายของมันในตอนนี้ก็คือผู้คุ้มกันอีกคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
แต่ตอนนี้แสงสีขาวที่พุ่งออกไปก่อนหน้านั้นก็โจมตีเข้าไปที่เงาดําอย่างแม่นยํา
“อ้าก!”
เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นมาทันทีและแม้ว่าเงาดําจะไม่ได้สลายไปเพราะพลังของยันต์ปราบปีศาจ แต่ก็ต้องกระเด็นไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันมูอี้ก็ใช้โอกาสนี้ตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของเงาดําตรงหน้านี้
มันมีลักษณะเหมือนกับหนอนไหมตัวหนึ่ง มีนิ้วที่ยาว ทั่วทั้งร่างกายมีสีดํามืด มีเงี่ยง อยู่ทั่วทั้งตัวมากมายและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมาก
เมื่อได้เห็นเช่นนี้แม้แต่มู่อี้ก็ต้องรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา ไม่ใช่เพราะว่าเขารู้สึกกล้วแต่เป็นเพราะว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้แม้ว่าจะมีขนาดร่างกายที่ไม่ใหญ่นักแต่ก็ยังสามารถทนต่อพลังของยันต์ปราบปีศาจได้
ต้องรู้ก่อนว่ามในตอนนี้ได้ก้าวเข้าสู่ระดับความยากขั้นที่ 2 ของการฝึกฝนจิตใจแล้วและยันต์ปราบปีศาจของเขาก็ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป พูดได้เลยว่าแม้แต่ยอดฝีมือมากมายในยุทธภพแห่งนี้ก็ไม่อาจรับการโจมตีของยันต์ปราบปีศาจของเขาได้
แต่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้กลับดูไม่เป็นอะไรเลย
ผู้คุ้มกันจํานวนมากต่างก็มีสีหน้าที่ดูหวาดกลัว แม้แต่โม่หรูเยียนและท่านลุงไฉก็มีสีหน้าที่ดูตกตะลึงแต่พวกเขาไม่ได้ตกตะลึงเพราะเงาดําที่พุ่งออกมาก่อนหน้านี้แต่เป็นเพราะแสงสีขาวที่มอี้ปล่อยออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นมู่ลงมือด้วยตนเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะรู้สึกตกตะลึงภาพลักษณ์ของมู่ในใจของพวกเขาก็ดูสูงส่งขึ้นมาอีกครั้ง
“ใครกันที่กล้าทําร้ายเด็กน้อยของข้า”
ในตอนที่ทุกๆคนกําลังตกตะลึงอยู่นั้น ก็มีเสียงที่ดูเกรี้ยวกราดดังขึ้นมาจากภายในโรงเตี้ยมทัน
จากนั้นเป็นชายชราคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดหลากสีก้าวเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ดูโกรธเกรี้ยวสายตาของเขากวาดมองทุกๆคนและจากนั้นก็จ้องมองมาที่มอี้
เพราะแม้ว่าจะมีคนมากมายที่อยู่ที่นี่แต่ก็มีเพียงเท่านั้นที่เขาตรวจสอบไม่ได้และชายหนุ่มคนนี้จะต้องเป็นคนที่ทําร้ายเด็กน้อยของเขาแน่นอน
“นักพรตเต๋น้อย เจ้าทําร้ายเด็กน้อยของข้างั้นหรือ?” ชายชราถามขึ้นมาตรงๆ
“แล้วไง?” ถามกลับไป
“เช่นนั้นเจ้าก็สมควรตาย” ชายชราตะโกนกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูโกรธมากยิ่งขึ้น
“ทุกคนระวังตัวด้วย” โม่หรูเยียนก็ตะโกนออกมาในเวลาเดียวกัน
แต่ดูเหมือนว่าคําพูดของนางจะสายไปแล้วหรือไม่ก็เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายลงมือได้ รวดเร็วจนเกินไปจากนั้นนางก็เห็นว่ามีควันสีดําลอยออกมาจากร่างกายของทุกๆคน
ทันทีที่ควันสีดําเกิดขึ้นนี้ก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดตามมาทันที
มีอี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยเช่นกันและมือขวาของเขาในตอนนี้เอื้อมไปที่ด้านหลังของตนเองทันที่พร้อมกับดึงอะไรบางอย่างออกมาจากด้านหลังศีรษะอย่างรวดเร็ว ตะขาบสีเข้มตัวยาวถูกจับเอาไว้ในระหว่างนิ้วมือของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขี้ยวสีฟ้าที่ยื่นออกมาจากปากของมัน แค่มองครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าตะขาบตัวนี้ต้องมีพิษร้ายแรงอย่างแน่นอน
ถ้าหากมู่อี้ถูกมันกัดเข้าไปก่อนหน้านี้ เขาคงจะเสียชีวิตในเวลาไม่นาน
ส่วนควันสีดําที่ปรากฏออกมาจากร่างกายของคนอื่นๆนั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่ใช้ดึงดูดความสนใจของมู่อี้ แต่สิ่งที่จะมาสังหารเขาจริงๆคือตะขาบตัวนี้
นี่เป็นการแสดงที่แนบเนียนอย่างยิ่งจนยากจะดูออก
น่าเสียดายที่ศัตรูไม่รู้ว่ามู่ยิ้มีพลังแห่งจิตใจ แม้ว่าจะเข้ามาด้วยความเงียบมากเพียงใดก็ไม่อาจหลบซ่อนตัวได้แน่นอน
“กรอบ!”
มู่อื้ออกแรงเพียงเล็กน้อยและบดขยี้ตะขาบที่อยู่ในมือทันที แม้ว่าตะขาบตัวนี้จะมีพิษที่ร้ายแรงมากแต่เปลือกของมันก็ไม่ได้แข็งมากนัก
หลังจากนั้นอี้ก็สะบัดมือของเขาออกไปทันที ยันต์สะกดวิญญาณพุ่งเข้าไปหาควันดําที่อยู่บนร่างกายของทุกๆคนที่ละคนและควันดําก็สลายไปทันที
เมื่อผู้คุ้มกันได้สติกลับมานั้น ทุกๆคนต่างก็คิดว่าโชคดีมากแล้วที่พวกเขารอดชีวิตจากวันนี้ไปได้และรีบถอยห่างออกไปจากชายชราทันที
ในตอนนี้ชายชรามีสีหน้าที่ดูอับอายเล็กน้อย เพราะเพียงแค่ยันต์สะกดวิญญาณและยันต์ปราบปีศาจของมู่อี้ก็สามารถทําลายแผนการทั้งหมดของเขาได้แล้ว
แม้ว่าจะมีหมอกสีดําปกคลุมอยู่บนพื้นดินในตอนนี้แต่ยันต์ปราบปีศาจก็พุ่งเข้ามาโจมตีเขาได้อย่างแม่นยํา
มอไม่ได้รู้สึกประหลาดใจที่ศัตรูสามารถรับการโจมตีของยันต์ปราบปีศาจได้ อย่างน้อยที่สุดในคืนนี้ไม่ว่าแฝดผีแห่งเหอเจี้ยนหรือชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งและแตกต่างจากยอดฝีมือคนอื่นๆ อย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องพยายามอย่างหนักในคืนนี้ แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการสิ่งที่อยู่ภายในรถม้ามากเพียงใด
แม้แต่มอี้ก็ยังรู้สึกสงสัยว่าสินค้าที่ขนส่งมานั้นคืออะไร ทําไมอีกฝ่ายถึงต้องทุ่มเทมากขนาดนี้เพื่อแย่งชิง?