Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป - ตอนที่ 98
ตอนที่ 98 หญิงสาวทั้งสองคน
ไม่มีเหตุผลที่กูเหยาเซินจะปฏิเสธสิ่งที่มู่อี้พูดอยู่แล้ว ในความคิดของเขานั้นมู่อี้ก็หวังดีต่อภรรยาของเขาด้วยใจจริง
แม้ว่าบนภูเขาแห่งนี้จะปลอดภัย แต่กูเหยาเซินก็ยังกังวลว่าภรรยาของเขาอาจจะรู้สึกเบื่อได้เมื่อต้องมาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวและมู่อี้ก็ไม่ใช่คนที่จะคอยชวนคนอื่นๆพูดคุยอยู่แล้ว กลับกันเขาก็ไม่อยากให้ภรรยาของตนเองรบกวนสมาธิของมู่อี้เมื่อนางมาอยู่ที่นี่
ถ้าหากให้น้องสาวของนางมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยได้ย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่กูเหยาเซินก็ไม่อาจร้องขอเรื่องเช่นนี้ออกไปได้
ดังนั้นเมื่อกูเหยาเซินได้ยินคำพูดของมู่อี้เขาก็รีบพยักหน้าทันทีและกล่าวขอบคุณอยู่หลายครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็ยังคงจ้องมองมาที่มู่อี้ต่อและหวังว่ามู่อี้จะพูดสิ่งที่เขาต้องการจริงๆออกมา
“อย่างที่สองก็คือ ข้าอยากจะยืมตัวคนของท่านสักสองคน” มู่อี้พูดออกมา
“ยืมตัวหรือ?” กูเหยาเซินรู้สึกงุนงงขึ้นมาทันทีและเขาก็มองไปที่มู่อี้ด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“ใช่แล้วขอรับ ข้าอยากจะยืมตัวเซี่ยเจิ้งและซี่ยเหมี่ยวจากท่านสักหน่อย” มู่อี้พูดออกไปตามตรง
“เซี่ยเจิ้งและเซี่ยเหมี่ยวหรือ?” กูเหยาเซินถามย้ำอีกครั้ง แม้ว่าจะยังรู้สึกงงๆแต่เขาก็รีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “ย่อมได้อยู่แล้ว ข้าจะให้ทั้งสองคนเดินทางมาที่นี่เพื่อทำตามคำสั่งของท่านทันที”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมากขอรับ แต่สิ่งที่ข้าต้องการให้พวกเขาทำในครั้งนี้คงใช้เวลานานหน่อยนะขอรับ” มู่อี้พูดพร้อมรอยยิ้ม
เขายืมตัวเซี่ยเจิ้งและหลานชายเพราะเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นก็คือให้ทั้งสองคนเดินทางไปที่เมืองฉางโจวเพื่อตามหาสิ่งที่เขาต้องการ
เพราะเจี่ยเหรินได้พูดเอาไว้ก่อนตายว่า ให้ไปที่เมืองฉางโจวที่นั่นเขาจะได้พบเบาะแสของหลี่เฉียจื่อที่เขากำลังตามหาอยู่
แม้ว่าจะมีข้อมูลมากมายแต่มู่อี้ก็ไม่คิดว่าเมื่อเขาไปถึงเมืองฉางโจวหรือเจอตัวเจ้าของบ้านที่เจี่ยเหรินพูดถึงเขาจะสามารถหาตัวหลี่เฉียจื่อได้อย่างง่ายดาย
หลังจากได้เห็นฝีมือของเซี่ยเจิ้งและเซี่ยเหมี่ยว มู่อี้ก็มีความคิดนี้ในใจของเขาทันที ถ้าหากมีสองคนนี้คอยช่วยเหลือเขาคงตามหาตัวหลี่เฉียจื่อได้ง่ายดายมากขึ้นแน่นอน
แม้ว่าเขาจะเคยมีบุญคุณจากการช่วยชีวิตสองลุงหลานคู่นี้เอาไว้แต่ทั้งสองคนก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกูเหยาเซิน ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตจากกูเหยาเซินก่อนและมู่อี้ก็ไม่อยากให้ทั้งสองคนต้องลำบากใจเพราะการช่วยเหลือเขา ดังนั้นเขาจึงบอกเรื่องนี้กับกูเหยาเซินได้ทราบก่อน
นี่คงทำให้ทั้งสองคนไม่ต้องลำบากใจที่จะช่วยเหลือเขา เพราะแม้ว่าพวกเขาจะออกเดินทางไปแต่ครอบครั้วของพวกเขาก็ยังอาศัยอยู่ที่นี่และพวกเขาก็ย่อมต้องการคนมาดูแลครอบครัวของตนเองอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ด้วยความเคารพที่มีต่อมู่อี้แม้ว่าเซี่ยเจิ้งและเซี่ยเหมี่ยวจะออกเดินทางไปทำภารกิจแต่กูเหยาเซินก็ต้องดูแลตระกูลเซี่ยเป็นอย่างดีแน่นอน
แน่นอนว่ากูเหยาเซินย่อมยอมรับสิ่งที่เขาร้องขออย่างแน่นอน
ในตอนบ่ายกูเหยาเซินก็จากไปทันที เซี่ยเจิ้งและเซี่ยเหมี่ยวคุ้มกันภรรยาของกูเหยาเซินและเผิงมี่เดินทางขึ้นมายังภูเขาแห่งนี้พร้อมๆกัน
อายุครรภ์ของเผิงมี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วตอนนี้และหน้าท้องของนางก็เริ่มนูนออกมาจนเห็นได้ชัด แม้ว่านางจะไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่นักแต่ก็สามารถเดินทางขึ้นมาบนภูเขาแห่งนี้ได้สำเร็จ
ครั้งนี้กูเหยาเซินไม่ได้ตามมาด้วย
หลังจากเผิงมี่และภรรยาของกูเหยาเซินมาถึงที่นี่พวกนางก็มอบของกำนัลให้กับมู่อี้ โดยเฉพาะภรรยาของกูเหยาเซินที่รู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางสามีของนางก็คงไม่ต้องมารบกวนท่านนักพรตเต๋าเช่นนี้และคงไม่มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายแบบนี้
เดิมทีนางเองก็รู้สึกผิดหวังและเศร้าใจที่ไม่อาจให้กำเนิดบุตรหลานแก่ตระกูลกูได้ แต่ในตอนนี้นางกลับทำให้สามีของตนเองต้องเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น ถ้าหากกูเหยาเซินเป็นอะไรขึ้นมานางคงไม่อาจใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้แน่นอน
หลังจากมู่อี้จัดห้องภายในวัดให้เป็นที่พักผ่อนชั่วคราวของหญิงสาวทั้งสองคนแล้ว เขาก็ออกมาหาเซี่ยเจิ้งและเซี่ยเหมี่ยว
ครั้งก่อนนั้นมู่อี้รีบเดินทางกลับมาที่นี่เซี่ยเจิ้งจึงไม่มีโอกาสได้บอกลาและขอบคุณมู่อี้เลย หลังจากได้ขึ้นมาที่ภูเขาแห่งนี้เขาก็รีบพูดขอบคุณทันที กูเหยาเซินยังบอกอีกด้วยว่ามู่อี้มีเรื่องบางอย่างที่ต้องการให้เขาไปทำให้
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นเซี่ยเหมี่ยวก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะยังคงเหมือนเดิมแต่สายตาของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้เติบโตขึ้นแล้ว
มู่อี้รีบบอกแผนการของตนเองให้ทั้งสองคนได้ฟังทันที
เมื่อได้ยินว่าต้องไปที่เมืองฉางโจวลุงหลานทั้งสองคนนี้ก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ไม่เต็มใจเลย กลับกันพวกเขาต่างก็รู้สึกยินดีที่สามารถทำอะไรเพื่อตอบแทนมู่อี้ได้บ้าง
ความจริงแล้วเซี่ยเจิ้งอยากให้เซี่ยเหมี่ยวออกไปเผชิญโลกกว้างนานแล้ว แต่เพราะว่าเขาเองก็ยังไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยจึงไม่ได้ให้หลานชายของตนเองออกเดินทางไปไหน หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นดูเหมือนว่าเซี่ยเหมี่ยวจะเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากไม่มีมู่อี้ เซี่ยเหมี่ยวคงต้องอาศัยอยู่ในมณฑลหลินอานไปอีกนาน
แต่ครั้งนี้สิ่งที่มู่อี้ต้องการนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทั้งสองคน
แม้ว่ามณฑลหลินอานจะอยู่ห่างจากเมืองฉางโจวหลายพันลี้ แต่เซี่ยเหมี่ยวก็ไม่ได้กังวลอะไรกลับกันเขากลับรู้สึกคาดหวังถึงอะไรบางอย่าง เขาเติบโตมาในมณฑลหลินอานและไม่เคยได้ออกเดินทางไปไหนไกลมากนักอย่าว่าแต่เมืองฉางโจวเลย
พูดได้เลยว่าเมืองฉางโจวนั้นกว้างใหญ่ยิ่งกว่ามณฑลหลินอานหลายเท่าและยังอยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากอีกด้วย มันจึงเป็นเหมือนกับศูนย์กลางของโลกใบนี้
มู่อี้อธิบายรายละเอียดต่างๆและมอบยันต์ให้ทั้งสองคนติดตัวเอาไว้ รวมไปถึงเงินทองอีกนิดหน่อย
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีค่ามากนักสำหรับมู่อี้ แต่สำหรับเซี่ยเจิ้งและเซี่ยเหมี่ยวมันถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง พวกเขารับปากมู่อี้ในการเดินทางครั้งนี้และอีก 2 วันหลังจากนี้พวกเขาจะเริ่มออกเดินทางไปที่เมืองฉางโจวทันที
การเดินทางไกลหลายพันลี้ถือว่าเป็นระยะทางที่ไกลมากไม่ว่าจะขี่ม้าไปหรือนั่งเรือก็ถือว่าลำบากอย่างยิ่งและพวกเขาทั้งสองคนก็ต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี
เมื่อมองมายังเซี่ยเจิ้งในตอนนี้ มู่อี้ก็พูดออกมาเบาๆว่า “ท่านผู้อาวุโส อีกไม่นานหลังจากนี้เมื่อข้าได้ก้าวเข้าสู่ระดับความยากขั้นที่ 2 ของการฝึกฝนจิตใจแล้ว ข้าจะตามท่านไปที่นั่นและพาท่านกลับบ้านเอง”
มู่อี้กําหมัดแน่น ร่างกายของเขามีขนาดเล็กอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับภูเขาแห่งนี้
และเผิงมี่ก็กำลังจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนนี้
ในตอนนี้มีหญิงสาวอีก 2 คนที่มาอาศัยอยู่ร่วมกันกับเขาและมู่อี้ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อตอนที่เป็นเด็กนั้นเขาอยู่กับท่านปู่มาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่ท่านปู่ของเขานั้นไม่มีภรรยาจึงทำให้เขาแทบจะไม่เคยใกล้ชิดกับหญิงสาวคนใดมาก่อนเลย
หลังจากมาอาศัยอยู่ที่ภูเขาฟุเนียวหญิงสาวที่เขาพูดคุยด้วยมากที่สุดก็หนีไม่พ้นซูหยิงหยิง แต่ส่วนใหญ่แล้วเรื่องที่พูดคุยกันก็เป็นเรื่องของตระกูลซูเท่านั้น
สำหรับเนี่ยนหนิวเอ้อร์นั้นเขายังไม่นับว่านางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง อย่างน้อยก็ในตอนนี้
ดังนั้นมู่อี้จึงไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวเลย มันไม่ใช่ความผิดของหญิงสาวทั้งสองคนที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ แต่มันเป็นความรู้สึกอึดอัดใจบางอย่างที่เขาไม่อาจอธิบายได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังแห่งจิตใจของมู่อี้ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าระหว่างห้องของเขากับห้องของหญิงสาวนั้นจะมีโถงทางเดินขั้นกลางเอาไว้อยู่แต่มู่อี้ก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวภายในห้องของหญิงสาวและมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นในคืนนี้สีหน้าของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกไม่พอใจที่หญิงสาวทั้งสองคนนั้นมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ในใจของนางนั้นที่แห่งนี้ควรมีแค่นางกับมู่อี้เท่านั้น ห้ามใครเข้ามาอยู่อาศัยที่นี่โดยเฉพาะหญิงสาวที่งดงาม
มู่อี้ยิ้มให้กับความรู้สึกที่ไม่พอใจของเนี่ยนหนิวเอ้อร์และเขาก็ไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้มากนัก
ในวันแรกนั้นเวลาได้ผ่านไปด้วยความอึดอัดใจและมู่อี้ก็ค่อยๆปรับตัวได้