Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 104 ผนึกมังกรเงียบ! (3)
เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ท้ายที่สุดมังกรตัวผู้ก็ไม่ได้พุ่งเข้าชนโจวเหว่ยชิงโดยตรง แต่กลับลงจอดห่างจากเขาประมาณ 50 หลา และเมื่อทำเช่นนั้น แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นก็ทำให้โจวเหว่ยชิงต้องล้มลงก้นจ้ำเบ้า
สายตาที่รุนแรงและเกือบบ้าคลั่งของมังกรตัวผู้จับจ้องมาที่เขา มันไม่ได้ซ่อนความเป็นศัตรูเอาไว้แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นแม่มังกรซึ่งนอนอยู่บนพื้นก็ร้องเรียกออกมาอย่างร้อนใจ มันยกกรงเล็บขึ้นหนึ่งข้างเพื่อพยายามดึงคนรักของตัวเองกลับไป แต่ตอนนี้มันอ่อนแอมากและไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างเต็มรูปแบบได้
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของภรรยา มังกรตัวผู้ก็เลิกมองโจวเหว่ยชิงอย่างคุกคามและหันกลับไปหาคู่ของมันอย่างรวดเร็ว แสงจากทักษะธาตุเทวาพุ่งออกมาจากร่างกายของมันชั้นแล้วชั้นเล่า แสงสีทองที่ส่องแสงเป็นประกายพลันตรงเข้าสู่ร่างกายของแม่มังกรอย่างรวดเร็ว
ด้วยความช่วยเหลือจากคู่ของตน ดวงตาของแม่มังกรตัวนี้จึงอ่อนโยนขึ้นขณะมองดูมังกรตัวผู้อีกครั้งด้วยความรักและความรู้สึกที่เปี่ยมล้น ดวงตาของมันค่อยๆ ปิดลงขณะที่มันวางหัวขนาดใหญ่ไว้บนปีกของมังกรตัวผู้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แม่มังกรก็ยังไม่ลืมไข่ที่เกือบจะทำให้มันจบชีวิตลง ปีกของมันห่อหุ้มเปลือกไข่ไว้รอบๆ และโอบเข้าไปในอ้อมแขน
นี่เป็นความรักและการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ความรักของผู้เป็นแม่!
เมื่อได้เห็นครอบครัวมังกรรวมตัวกัน กลายเป็นภาพสงบสุขขณะที่พวกมันอาบแสงสีทองศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะมองด้วยอารมณ์อ่อนไหว เขารู้อย่างชัดเจนว่าการกระทำของเขาในวันนี้อาจสร้างความขุ่นเคืองให้กับวังสวรรค์ไพศาลอย่างรุนแรง และอาจกลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อตัวเขาและปิงเอ๋อร์
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้มองเห็นภาพตรงหน้า เด็กหนุ่มยิ่งไม่รู้สึกเสียใจขึ้นไปอีก เขาได้ช่วยชีวิตของแม่ผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อมองไปยังแม่มังกร เขาก็อดคิดถึงแม่ของตัวเองไม่ได้ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้กลับบ้าน…ข้าคิดถึงท่านแม่จริงๆ เมื่อข้ากลับจากงานประลองมณีสวรรค์และภาคการศึกษานี้จบลง ข้าจะต้องกลับไปหาท่านแม่อย่างแน่นอน
ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเปียกรื้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
พลังของมังกรตัวผู้และทักษะธาตุเทวาของมันเหนือกว่าเทียนเอ๋อร์มาก และไม่นานเกล็ดของแม่มังกรก็เปล่งประกายอีกครั้งอย่างสดใสแข็งแรง
ก่อนหน้านี้สาเหตุที่มังกรตัวผู้อารมณ์ร้ายก็เป็นเพราะแม่มังกรต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยตัวเอง และถึงแม้มันจะใช้พลังทั้งหมด มันก็ไม่สามารถออกค้นหาเพื่อช่วยคู่รักของมันได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สี่น้อยจึงกลายเป็นวิญญาณโชคร้ายคนแรกที่ถูกส่งออกไปจากเขตแดนมิติสะท้อน
มังกรตัวผู้เฝ้าดูแลภรรยาของมันตลอดเวลาด้วยความรู้สึกวิตกกังวล และเมื่อเห็นว่าแม่มังกรกำลังจะออกไข่… ลูกของมัน…มันก็เริ่มเตรียมการรักษาและช่วยชีวิตคู่ของมันโดยเร็วที่สุด ใครจะรู้ว่าในช่วงเวลาวิกฤตนั้น เขตแดนมิติทั้งหมดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด และมังกรทั้งสองก็ถูกแยกออกจากกันอย่างไร้ความปราณี นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้สมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนและกลุ่มนักรบเป่าโปได้มีโอกาสได้ลงมือฉกฉวยผลประโยชน์จากแม่มังกร
เวลาดูเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบรรยากาศเช่นนี้ หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าแมวอ้วนก็กระโจนออกจากแหวนมิติของโจวเหว่ยชิง เมื่อเห็นว่าตนเองยังอยู่ในเขตแดนมิติสะท้อน เธอก็รู้สึกตกใจอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็เห็นครอบครัวมังกรและสภาพของพวกมันก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เทียนเอ๋อร์ที่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิงและพูดด้วยเสียงพร่ำบ่นเบาๆ ว่า “ในกรณีนี้เจ้าก็ขวัญกล้าเกินไปแล้ว”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “หากมีมณีสะท้อนอยู่ในมือ นั่นยังไม่ถือเป็นความเสี่ยงมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากข้าใช้ทักษะผนึกมังกรเงียบ มันก็จะไม่สามารถใช้ทักษะใดๆ ได้ แน่นอนว่านั่นจะไม่ส่งผลต่อความแตกต่างของพลังระหว่างข้ากับมังกรมากนัก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือมันจะไม่สามารถหยุดข้าจากการใช้มณีสะท้อนได้ ในกรณีเช่นนี้ หากมันสงบลงแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของแม่มังกร ข้าก็ไม่ควรมีอันตรายใดๆ เจ้าก็รู้ว่าข้ากลัวตายแค่ไหน นี่เป็นความเสี่ยงที่ข้าตัดสินใจที่จะทำด้วยตัวเอง ข้าย่อมไม่ล้อเล่นกับชีวิตของตัวเอง!”
เทียนเอ๋อร์จับแขนของโจวเหว่ยชิงและพูดเบาๆ ว่า “เหว่ยชิง สิ่งที่เจ้าทำในวันนี้ทำให้ข้ามองเจ้าในมุมที่แตกต่างออกไปอย่างแท้จริง ข้าต้องขอขอบคุณเจ้าอย่างสุดหัวใจสำหรับสิ่งที่เจ้าทำเพื่อแม่มังกรตัวนั้น หากก่อนหน้านี้เจ้าเลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายตรงข้าม ข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าข้าจะทำอะไรลงไปบ้าง แต่ข้าก็รู้ว่าหัวใจของข้าคงจะแตกสลาย ข้าไม่ได้คาดหวังว่าหัวใจของเจ้าจะอ่อนโยนเช่นนี้ เมื่อพวกเราออกไปแล้ว ข้าจะต้องให้รางวัลแก่เจ้าแน่นอน”
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างพลางกล่าวว่า “เหๆ รางวัลอะไร? ข้าไม่รังเกียจหรอกนะหากของรางวัลคือตัวเจ้า!”
เทียนเอ๋อร์ตวัดสายตาไปที่เขาและหน้าแดงขณะพึมพำแผ่วเบาว่า “เจ้าคนขี้โกงนี่”
นับตั้งแต่ที่โจวเหว่ยชิงได้พบกับเทียนเอ๋อร์ในร่างมนุษย์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอในท่าทางที่เกือบจะเป็นผู้หญิงจริงๆ เมื่อรวมกับรูปร่างที่น่าดึงดูด ความเขินอายและเสน่ห์ของเธอ นั่นเป็นย่อมเป็น ‘อันตรายถึงตาย’ เลยทีเดียว
ทันใดนั้นมังกรตัวผู้ก็เงยหน้าขึ้นมองมาที่เทียนเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิง แม้ว่ามันจะไม่ได้แผ่รัศมีความเป็นศัตรูอีกต่อไป แต่กลิ่นอายเผ่ามังกรที่ทรงพลังและบริสุทธิ์นั้นก็ยังคงทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นรัว
“พวกเจ้าทั้งสองคน มาทางนี้หน่อย” เสียงก้องกังวานที่ทุ้มลึกดูเหมือนจะดังมาจากทั่วทุกทิศทาง
เทียนเอ๋อร์ยังคงจับแขนของโจวเหว่ยชิงราวกับคนจมน้ำที่เจอผู้ช่วยชีวิต พวกเขาทั้ง 2 สามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่ามังกรไม่ได้มีเจตนาร้ายกับพวกเขา แต่แม้ว่าทั้งคู่จะกำลังเดินเข้าไปใกล้มัน พวกเขาก็ยังรู้สึกราวกับว่าขาของตนกำลังสั่นไหวและโคลงเคลง
พวกเขาทั้ง 2 คนเดินช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่ห่างจากครอบครัวมังกรในระยะ 10 หลา
มังกรหันมาจ้องไปที่เทียนเอ๋อร์ก่อนพยักหน้าให้เธอขณะที่พูดว่า “เจ้าเป็นสายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม? ข้าต้องขอขอบคุณเจ้าด้วยใจจริง สหายของข้า สำหรับการยื่นมือเข้าช่วยเหลือในช่วงเวลาอันตรายที่สุดของภรรยาและลูกน้อยของข้า ภรรยาข้าบอกว่าเจ้าและพวกพ้องของเจ้าช่วยกันขัดขวางการโจมตีของศัตรู”
เทียนเอ๋อร์ปล่อยแขนของโจวเหว่ยชิงและแสดงความเคารพต่ออีกฝ่าย “ท่านมังกรอาวุโส พวกเราพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นสหายที่ดีและเป็นพันธมิตรกับมังกรเสมอ แน่นอนว่ามันเป็นหน้าที่ของเราในฐานะสายเลือดหลักของภูเขาหิมะสวรรค์ที่จะต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
มังกรตัวผู้หันมาจ้องไปที่โจวเหว่ยชิงพลางพูดว่า “ แล้วเจ้าล่ะ? ภรรยาของข้าบอกว่าเจ้าเป็นผู้พลิกสถานการณ์อย่างแท้จริง แม้พลังของเจ้าจะอ่อนแอมาก แต่ข้าก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปีศาจมังกรสาวและอสูรตัวอื่นๆ อีกมาก มายในร่างของเจ้า กลิ่นอายแปลกประหลาดของพยัคฆ์ที่ข้าไม่รู้จัก…สายเลือดที่ทำให้ใจของข้าสั่นไหว หนุ่มน้อย ทำไมเจ้าถึงช่วยภรรยาและลูกของข้า?”
โจวเหว่ยชิงรู้ดีว่ามังกรตัวผู้นี้ฉลาดไม่น้อยไปกว่ามนุษย์คนใด คำถามของมันคือแบบทดสอบในตัวมันเอง หากเขาตอบไม่ถูกต้อง ความพยายามทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้ก็คงจะสูญเปล่า
“คาราวะท่านมังกรผู้อาวุโส พูดตามตรง ข้าไม่มีทางตอบคำถามของท่านได้เพราะข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงลงมือเช่นนั้น ความจริงการทำเช่นนี้ย่อมขัดกับตรรกะทั้งหมดของข้า แต่เมื่อข้าเห็นมังกรอาวุโสท่านนี้มองไปที่ลูกของนาง ดวงตาของนางทำให้ข้านึกถึงแม่ของข้า ตอนนั้น ข้าคิดได้แค่เพียงว่าหากท่านแม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน นางก็คงจะใช้ชีวิตของนางเป็นเดิมพันเพื่อปกป้องข้า ดังนั้นข้าจึงอยากจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ตอนนี้ครอบครัวของท่านได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งแล้ว ดังนั้นจึงถึงเวลาที่พวกเราต้องจากไป”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้น โจวเหว่ยชิงก็จับมือของเทียนเอ๋อร์และ “ผลัก” เธอเข้าสู่แหวนมิติของเขา เด็กหนุ่มเปิดใช้งานมณีสะท้อนในมือโดยไม่ยอมพูดอะไรอีก
ในเวลานั้นเขากำลังโกรธมาก เพราะทันทีที่มังกรตัวผู้ถามคำถามออกมา เขาก็รู้ว่ามันกำลังสงสัยแรงจูงใจในการช่วยแม่มังกรของเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาอยู่ต่อเพราะต้องการรางวัล ทว่าระหว่างที่เขาลงมือช่วยเหลือแม่มังกร สิ่งนี้ก็ไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ครอบครัวมังกรกลับมารวมตัวกันอีกครั้งและปลอดภัยดีแล้ว อย่างน้อยเป้าหมายเดิมของเขาก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เหตุใดเขาจะต้องขอสิ่งใดจากมังกรด้วย? เมื่อถึงเวลานั้น ระหว่างผลประโยชน์และเกียรติยศ โจวเหว่ยชิงเลือกอย่างหลัง เพราะแม้ว่าเขาจะยังอ่อนแอ แต่เขาก็ยังมีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของตนเองอยู่
มังกรตัวผู้ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นมันก็ยกกรงเล็บซ้ายขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงสีทองหนาแน่นห่อหุ้มร่างของโจว เหว่ยชิง บังคับให้การเคลื่อนย้ายของมณีสะท้อนหยุดชะงักและเวลา 30 วินาทีของทักษะผนึกมังกรเงียบได้สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน
โจวเหว่ยชิงสะดุ้ง มองมังกรอย่างสงสัย “ผู้อาวุโส ท่านมีอะไรอีกหรือ?”
มังกรตัวผู้จ้องมองอย่างอ่อนโยนและกล่าวอย่างขอโทษ “ข้าขอโทษด้วยเจ้าด้วยหนุ่มน้อย ข้าไม่ควรสงสัยในแรงจูงใจของเจ้า เผ่ามนุษย์มีชื่อเสียงในด้านการฉลาดแกมโกงมากเกินไป และมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะเชื่อใจพวกเจ้าคนใดคนหนึ่ง”
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะเชื่อหรือไม่ ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่สิ่งที่ข้าสนใจคือการเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับตัวเอง ผู้อาวุโสมังกร หากไม่มีอะไรแล้วโปรดอนุญาตให้ข้าน้อยจากไปด้วยเถิด”
ไม่ว่าภายนอกเขาจะเป็นอย่างไร ความภาคภูมิใจที่โจวเหว่ยชิงได้รับมาจากแม่ทัพโจวก็ฝังลึกอยู่ในกระดูกดำของเขา ในตอนนี้เขาไม่มีเจตนาจะกอบโกยผลประโยชน์ใดๆ จากมังกรตัวผู้อีกต่อไป แรงจูงใจของเขาถูกสงสัยอยู่ก่อนแล้ว หากเขายังคงพยายามหากำไรจากอีกฝ่าย มันจะไม่เป็นการบอกใบ้ว่าเขาไม่บริสุทธิ์ใจจริงๆ หรือ?
ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของโจวเหว่ยชิงทำให้เขาไม่อยากรีรออีกต่อไป และเด็กหนุ่มก็เปิดใช้มณีสะท้อนอีกครั้งโดยไม่ลังเล
มังกรจ้องมองเขาอย่างว่างเปล่าขณะที่แสงสีทองพุ่งออกมาอีกครั้ง มันรู้สึกได้ถึงความทะนงตัวในสายตาและสีหน้าของโจวเหว่ยชิง มังกรเงยศีรษะขึ้นและก้มลงเพื่อใช้การกระทำแทนคำพูด ในช่วงเวลานั้น สัตว์ร้ายที่ทรงพลังพลันมีความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในใจ
นี่เป็นเพียงมนุษย์ที่คล้ายแมลงเล็กจ้อย แต่เขาก็ยังภาคภูมิใจในตัวเองและไม่ยอมเอ่ยขออะไรกับมันเพิ่มอีก
ท่ามกลางประกายแสงสีทอง ขณะที่ร่างของโจวเหว่ยชิงกำลังจะเลือนหายไป มังกรตัวใหญ่ก็ดูเหมือนจะตัดสินใจบางอย่างได้ สายฟ้าสีแดงพุ่งออกมาจากกรงเล็บของมันและกระทบเข้ากับแผ่นหลังของโจวเหว่ยชิง กลายเป็นร่องรอยเครื่องหมายบางอย่าง ในช่วงเวลาต่อมา โจวเหว่ยชิงก็หายตัวไปจากเขตแดนมิติสะท้อนทันที
โจวเหว่ยชิงไม่ได้เห็นหรือสัมผัสถึงสิ่งที่มังกรได้ทำลงไป ในระหว่างที่กระบวนการทั้งหมดดำเนินไป เขาก็รู้สึกถึงความร้อนเล็กน้อยที่แผ่นหลังของเขาก่อนจะถูกเคลื่อนย้ายออกมา และในช่วงเวลานั้น เขาก็หายตัวไปท่ามกลางแสงสีทองของมณีสะท้อน เขาไม่ได้สนใจมันมากนักเนื่องจากคิดว่านั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนย้ายมิติ ทว่ากลับไม่มีใครรู้ ตอนนี้มีเครื่องหมายสีแดงเข้มติดอยู่ที่แผ่นหลังของเขาแล้ว
เมื่อเขตแดนมิติสะท้อนกลับสู่ความสงบตามปกติอีกครั้ง มังกรตัวผู้ก็หันกลับมาจ้องมองคู่รักของมันอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน หากมีใครบางคนอยู่ที่นั่นเพื่อสังเกตอย่างใกล้ชิด เขาก็อาจค้นพบว่าหนึ่งในเกล็ดย้อนที่สว่างที่สุดรอบคอของมังกรได้หายไปแล้ว
เมื่อแสงสีทองสว่างวาบ สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวโจวเหว่ยชิงก็เริ่มชัดเจนขึ้น ทันใดนั้นเอง เขาก็ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ส่วนที่ถูกคุ้มกันของเกาะมณีสวรรค์ บริเวณที่ซึ่งพวกเขาได้เริ่มออกเดินทาง
ด้านหน้าของซ่างกวนหลงหยินคือจ้านหลิงเทียนที่กำลังอยู่ในท่านั่งสมาธิ
ปัจจุบันจ้านหลิงเทียนกำลังหลับตา ร่างกายทุกส่วนของเขาปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีดำ น้ำเงิน
นอกจากเขาแล้ว สมาชิกกลุ่มนักรบอื่นๆ ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ทันทีที่โจวเหว่ยชิงปรากฏตัว เขาก็กลายเป็นจุดสนใจในทันทีเมื่อทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ความโกรธ ความอาฆาตพยาบาท ทั้งเจตนาดีและเจตนาร้าย มวลของอารมณ์ที่แตกต่างกันนั้นเห็นได้ชัดเจนกลางอากาศ อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงกำลังอารมณ์ไม่ดีและเขาก็ไม่สนใจสิ่งที่คนอื่นกำลังคิดในขณะนั้นด้วย
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงปรากฏตัวขึ้น ซ่างกวนหลงหยินก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ โจวเหว่ยชิงเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากเขตแดนมิติสะท้อน ผู้ชนะงานประลองมณีสวรรค์คือกลุ่มนักรบเฟยหลี่ อันดับที่ 2 คือกลุ่มนักรบวั่นโซ่ว อันดับที่ 3 คือกลุ่มนักรบจ้งเทียน และอันดับที่ 4 คือกลุ่มนักรบเป่าโป งานประลองมณีสวรรค์รอบนี้จบลงแล้ว เจ้าสามารถกลับไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อนได้ในตอนนี้ ทิ้งกลุ่มคนบาดเจ็บไว้ที่นี่ ข้าจะดูแลพวกเขาเอง”
สมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่วมองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างแฝงความนัยก่อนจะเดินออกไป สมาชิกกลุ่มนักรบเป่าโปก็เดินจากไปเช่นกัน และมีเพียงพวกเดียวที่เหลืออยู่ นั่นก็คือสมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนและกลุ่มนักรบเฟยหลี่
………………………………………………………