Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 105 ผู้ชนะ! (1)
โจวเหว่ยชิงพบกับเอ้าเล่อเป็นคนแรกท่ามกลางฝูงชน โดยไม่ต้องเอ่ยวาจาใดๆ เขาเดินไปหาเอ้าเล่อและวางมือไปที่ไหล่ของเขาก่อนจะปล่อยทักษะกลืนกินออกมาจากภายใน
หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็หมุนตัวกลับและเดินไปหาจ้านหลิงเทียน กระบวนการเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งอย่างเงียบๆ และพิษก็ถูกดึงออกมาจากร่างกายของจ้านหลิงเทียนได้สำเร็จ ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็หันไปหาซ่างกวนหลงหยิน โค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับและเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ซ่างกวนหลงหยินเฝ้ามองดูเขาจากไปด้วยอาการคิ้วขมวดเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็ตาม
หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ผู้อาวุโส หากไม่ใช่เพราะโจวเหว่ยชิงคนนี้ บางทีเราอาจจะประสบความสำเร็จไปแล้ว นั่นคือซากศพของมังกรและไข่มังกรเชียวนะขอรับ! นอกจากนี้ ไข่มังกรนั้นจะต้องเป็นไข่ที่กลายพันธุ์แน่ มิฉะนั้นมันก็ไม่ควรใหญ่ขนาดนี้”
ซ่างกวนหลงหยินมองเขาอย่างเย็นชา และสมาชิกที่พูดประโยคนั้นออกมาก็รู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูกสันหลัง เขาจึงรีบปิดปากตนเองอย่างรวดเร็ว
ซ่างกวนหลงหยินกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นำหลิงเทียนไปรักษา มือของเขาต้องการการดูแลโดยเร็วที่สุด ไปขอให้ผู้อาวุโสหกช่วย”
สมาชิกกลุ่มนักรบส่งเสียงตอบรับและมุ่งหน้าไปทางวังสวรรค์ไพศาลทันที ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ค่อยๆ ย่องตามไปด้วยหวังว่าจะแอบหนีไปกับคนอื่นๆ ในกลุ่มได้
“เฟยเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน…”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สะดุ้งเล็กน้อย เธอหยุดฝีเท้ากลางคันก่อนจะหันมาและพูดอย่างอ่อนหวานว่า “ท่านลุงสี่ มีอะไรให้ข้าช่วยหรือ?”
ซ่างกวนหลงหยินจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า “เจ้าชักจะใจกล้าขึ้นทุกวันๆ! ถึงกับแอบเข้าไปในงานประลองมณีสวรรค์! รู้หรือไม่ หากไม่ใช่เพราะเจ้าแอบเข้าไปในงานประลองและทำผิดกฎด้วยตัวเอง ข้าอาจจะลงโทษแม่มดน้อยจากนิกายปีศาจสวรรค์และพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จากภูเขาหิมะสวรรค์อย่างรุนแรงไปแล้ว”
ตามกฎที่ทั้ง 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้กำหนดไว้สำหรับงานประลอง ทายาทสายเลือดหลักของพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขัน และรอบนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามีคนทำผิดกฏ
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ลดศีรษะลงและเงียบเสียง ทว่าดวงตาของเธอยังคงสอดส่องไปรอบๆ เพื่อมองดูร่างของโจว เหว่ยชิงที่กำลังถอยห่างออกไป
ซ่างกวนหลงหยินกล่าวต่อไปอย่างเคร่งขรึม “โจวเหว่ยชิง เด็กคนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับนิกายปีศาจสวรรค์และภูเขาหิมะสวรรค์จริงๆ ทว่านี่ก็เป็นไปตามความคาดหมายของข้า จากการสังเกตของเจ้าในเขตแดนมิติสะท้อน บอกได้หรือไม่ว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเขากับ 2 คนนั้นเป็นอย่างไร?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดออกมาในที่สุด “จากสิ่งที่ข้าเห็น เขาไม่ได้สนิทกับแม่มดน้อยจากนิกายปีศาจสวรรค์มากนัก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างใกล้ชิดกับพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จากภูเขาหิมะสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแม้แต่สมาชิกภูเขาหิมะสวรรค์คนอื่นๆ ก็ไม่รู้เช่นกันว่านางอยู่กับเขา เมื่อนางปรากฏตัว สมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่วทุกคนต่างตกตะลึงกันไปหมด เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่การแสดงและพวกเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนแน่นอน”
ซ่างกวนหลงหยินพยักหน้าและกล่าวว่า “แล้วโจวเหว่ยชิงล่ะ? เจ้าคิดยังไงเกี่ยวกับเขา?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวโดยไม่ลังเล “เขาดีกว่าที่ข้าคิดไว้ตอนแรกมาก เขาเข้าไปช่วยเหลือมังกรตัวเมียที่กำลังจะตาย เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ เพียงแค่ต้องการช่วยเหลือแม่ลูกอ่อนที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น นั่นทำให้ข้าประหลาดใจมาก ค่อนข้างห่างไกลจากความประทับใจแรกของข้าที่มีต่อเขาทีเดียว ลุงสี่ ท่านน่าจะรู้ว่าข้ามีสายตาที่เฉียบคมเสมอโดยเฉพาะเรื่องการมองคน ในช่วงเวลานั้น ขณะที่เขากำลังลงมือช่วยเหลืออีกฝ่าย การกระทำและสายตาของเขาไม่สามารถโกหกใครได้อย่างแน่นอน”
ในช่วงเวลาที่หญิงสาวพูด เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสายตาที่แน่วแน่ของโจวเหว่ยชิงขณะที่เขากำลังลงมือช่วยเหลือ ทันใดนั้นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าความอยากรู้อยากเห็นของเธอได้ตรงเข้าครอบงำความโกรธที่มีต่อเขาโดยไม่ทราบสาเหตุ…ขณะที่หญิงสาวนึกถึงดวงตาที่เด็ดเดี่ยวเหล่านั้น การปรากฏตัวของเขาขณะปลดปล่อยทักษะผนึกมังกร ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุมได้
ซ่างกวนหลงหยินพยักหน้ากล่าวว่า “อืม…แต่เขาทำลายโอกาสที่หายากยิ่งของพวกเรา…บางทีอาจเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเราด้วยซ้ำ ข้ากลัวว่าในอีกร้อยปีหรือสองสามพันปีข้างหน้า เราก็จะไม่ได้รับโอกาสแบบนั้นอีกแล้ว นอกจากนี้ จากวิธีที่เขารีบร้อนออกจากเขตแดนมิติสะท้อนและท่าทีที่เขาแสดงออกมาก็เป็นไปได้ว่าเขาจะไม่ได้รับอะไรจากมังกรเหล่านั้นเลย และนั่นก็เป็นอีกครั้ง…ที่เขาทำเกินความคาดหมายของข้า”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หัวเราะคิกคักขณะที่เธอพูดว่า “จากการแสดงออกของเขา ข้าก็รู้เช่นกัน ท่านไม่เห็นหรือว่าตอนที่เขาออกมา เขาก็วางท่าเหมือนทุกคนเป็นหนี้เขา ปิงเอ๋อร์ได้พบกับสามีที่น่าสนใจเข้าแล้ว”
ซ่างกวนหลงหยินส่งเสียงหึในลำคอและกล่าวว่า “เจ้าซุกซนเกินไปแล้ว คราวนี้ข้าจะต้องรายงานเรื่องเจ้าต่อรองจ้าววังอย่างแน่นอน…เจ้าทำเกินไป! ถ้าเขาไม่สอนบทเรียนเจ้าสักสองสามวัน เจ้าก็คงจะไม่มีวันเรียนรู้!”
“ม่ายยย! ลุงสี่ ได้โปรดเถิด อย่าทำเช่นนั้นเลย ข้ารู้ว่าข้าทำผิดไปแล้ว!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ร้องออกมาอย่างช้ำใจ จากนั้นเธอก็หันหลังหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปที่ร่างที่กำลังวิ่งหนีของเธอ รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏบนริมฝีปากของซ่างกวนหลงหยิน สำหรับ ‘ปีศาจน้อย’ ที่ซุกซนของพวกเขา แม้แต่จ้าววังและรองจ้าววังก็ยังไม่สามารถทำอะไรเธอได้ นับประสาอะไรกับตัวเขาเองล่ะ
…
เมื่อเขากลับไปที่โรงเตี๊ยม โจวเหว่ยชิงไม่ได้พูดอะไรกับสหายของเขาอีก แต่กลับเดินตรงไปที่ห้องของตนเองทันที ความจริงเขาเป็นคนง่ายๆ สบายๆ มาโดยตลอด และถึงเวลานี้ ความโกรธส่วนใหญ่ของเขาก็สลายไปแล้ว แค่เขาไม่รู้สึกอยากพูดอะไรในเวลานี้เท่านั้นเอง โจวเหว่ยชิงจึงนั่งขัดสมาธิบนเตียงและเริ่มฝึกปราณอีกครั้ง
ในเขตแดนมิติสะท้อนครั้งนี้ เขาได้ประสบกับการต่อสู้ที่ยากลำบากหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปะทะกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขา นั่นทำให้เด็กหนุ่มได้รับประสบการณ์การต่อสู้ที่มีค่า โดยเฉพาะการใช้ทักษะและการผสานทักษะที่หลากหลายของเขา ตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบและหลอมรวมประสบการณ์เหล่านั้นเข้ากับรูปแบบการต่อสู้ของเขาเอง
ก่อนหน้านี้ใครจะคิดว่าผู้ชนะคนสุดท้ายของงานประลองมณีสวรรค์จะเป็นกลุ่มนักรบเฟยหลี่? แม้แต่ในกลุ่มของพวกเขาเองก็ยังไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ อาจกล่าวได้ว่าเขาได้นำทุกคนไปสู่เส้นชัยดังกล่าวด้วยตัวเอง บังคับลากจูงพวกเขาไปยังจุดสูงสุดด้วยพลังที่แท้จริง โชคชะตา และการตัดสินใจ มิฉะนั้นด้วยพลังโดยรวมของกลุ่ม พวกเขาจะเอาชนะอีก 3 กลุ่มได้อย่างไร?
การฝึกปราณของเขากินเวลาไปตลอดทั้งคืน จวบจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น โจวเหว่ยชิงก็ตื่นขึ้นจากสมาธิและอัดแน่นไปด้วยพลังปราน ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้ว่าตนใกล้จะทะลุไปอีกระดับแล้ว
ทันทีที่เขาทะลุผ่านจุดตายที่ 15 พลังปราณสวรรค์ของเขาจะไปถึงระดับที่ 15 พอดี ซึ่งนั่นทำให้เขาเข้าใกล้มณีชุดที่ 4 ไปอีกหนึ่งก้าว
“เหว่ยชิง เจ้าตื่นหรือยัง?” ทันใดนั้นเสียงของหลินเทียนอ้าวก็ดังออกมาจากนอกประตูห้องของเขา
โจวเหว่ยชิงเอ่ยตอบ “หัวหน้า? เข้ามาข้างในสิ”
ประตูเปิดออกและหลินเทียนอ้าวก็เดินเข้ามาข้างในคนเดียว ขณะชายหนุ่มเดินไปหาโจวเหว่ยชิง เขาก็อ้าแขนและกอดเด็กหนุ่มเอาไว้ทันที
โจวเหว่ยชิงตกตะลึงไปชั่วขณะจนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ในที่สุดหลินเทียนอ้าวก็ปล่อยเขาและพูดว่า “ขอบคุณนะเหว่ยชิง ขอบคุณที่ให้ข้าจบชีวิตก่อนหน้านี้ลงอย่างสมบูรณ์แบบ”
“เจ้ารู้ไหม? ในตอนนั้น ตอนที่ข้าแพ้พนันให้เจ้าและกลายเป็นผู้ติดตามตลอดชีวิตของเจ้า ข้ารู้สึกหดหู่ใจมาก ราวกับว่าความหวังและความฝันทั้งหมดของข้าถูกลบทิ้งไปหมดแล้ว เกือบ 30 ปี…ที่ข้าทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก ฝึกปราณมาทั้งชีวิต และยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า ข้ามีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ ทั้งหมดนั้นหายไปเมื่อข้ากลายเป็นผู้ติดตามของบางคน และทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะข้าโลภเกินไป ในตอนนั้น เมื่อข้าขอเวลาเจ้า 3 เดือนสำหรับงานประลองมณีสวรรค์ครั้งนี้ ข้าหวังว่าจะสามารถปลดปล่อยพลังออกไปทั้งหมดเพื่อทดสอบขีดจำกัดของตัวเอง ทำให้ดีที่สุดในงานประลองครั้งนี้ อย่างน้อยก็ให้ชีวิตที่ผ่านมาของข้าจบลงอย่างสวยงาม”
“ทว่าในที่สุดเจ้าก็เข้าร่วมกลุ่มนักรบเฟยหลี่ด้วยเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งข้าได้พูดคุยกับเจ้ามากเท่าไหร่ ข้าก็ค่อยๆ ตระหนักได้ว่าการเป็นผู้ติดตามของเจ้าไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แม้ระดับพลังปราณของเจ้าจะยังต่ำกว่าข้ามาก แต่เมื่ออยู่ใกล้ๆ เจ้า ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะน่าตื่นเต้นอยู่เสมอ นั่นทำให้เลือดของข้าลุกเป็นไฟ นอกจากนี้ ลักษณะนิสัยของเจ้ายังสามารถเชื่อถือได้ และเจ้าก็มีพรสวรรค์ที่สูงเกินกว่าตัวข้าเอง มากเกินกว่าที่ข้าจะจินตนาการได้ด้วยซ้ำ บางทีการเป็นผู้ติด ตามของเจ้าอาจจะเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของข้า หากได้อยู่ร่วมกับเจ้า ข้าเชื่อว่าอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ข้าก็จะได้เห็นปาฏิหาริย์เกิดขึ้น…เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดกับเจ้าเท่านั้น…”
……………………………………