Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 109-2 ความปรีดาและลาภลอย ความสิ้นหวังและโศกนาฏกรรม! (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 109-2 ความปรีดาและลาภลอย ความสิ้นหวังและโศกนาฏกรรม! (2)
ความสุขดูเหมือนจะจู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหันโดยที่โจวเหว่ยชิงไม่ทันได้ระวังตัว เขารีบสนับสนุนทั้งสองคนอย่างรวดเร็วโดยพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องประทับตราหรอก ท่านคิดว่าข้าไม่เชื่อใจพวกท่านหรือ? เราทุกคนล้วนเป็นพี่น้องที่รักใคร่และเราก็ยังคงเป็นกลุ่มเดียวกันเสมอ”
เมื่อพูดอย่างนั้น โจวเหว่ยชิงก็หันไปหาหลินเทียนอ้าวและพูดว่า “ข้าจะไม่เรียกท่านว่าหัวหน้าอีก แต่ท่านจะเป็นพี่ใหญ่ของข้าตลอดไป” ทันทีที่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง แสงสีเงินก็สว่างวาบขึ้น และทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็ไปปรากฏตัวข้างๆ หลินเทียนอ้าว ความเร็วของเขาเร็วเกินไปและไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเคลื่อนที่อย่างกะทันหันด้วยทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา ในชั่วขณะนั้น ฝ่ามือของเขาพลันกดลงบนหน้าผากของหลินเทียนอ้าว
แสงสีแดงเข้มสาดส่องออกมา และก่อนที่หลินเทียนอ้าวจะได้ตอบสนองหรือต่อต้าน มันก็สายเกินไปแล้ว
ตราประทับสีแดงเข้มลอยขึ้นเหนือผิวหนังของเขาและถูกลบออกไปอย่างเงียบๆ เมื่อโจวเหว่ยชิงขยับมือขวาออก หลินเทียนอ้าวก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยอาการตกตะลึง คนอื่นๆ ต่างก็แตกตื่นไม่แพ้กัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
นั่นเป็นเพราะ…โจวเหว่ยชิงได้ลบพิธีกรรมเลือด ตราประทับธาตุมืดที่เขามีต่อหลินเทียนอ้าวออก
เย่เป่าเปาจะแทบไม่เชื่อเลยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อหน้าเขา โจวเหว่ยชิงคนนี้ยอมทิ้งผู้ติดตามที่มีอนาคตเช่นหลินเทียนอ้าวไปจริงหรือ!
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ มองเข้าไปในดวงตาของหลินเทียนอ้าวก่อนจะพูดว่า “ข้าพูดไปแล้ว พวกเราจะเป็นพี่น้องกันในอนาคต ท่านจะเป็นพี่ใหญ่ของข้า และไม่ว่าท่านจะตัดสินใจอย่างไร ข้าก็จะเคารพการตัดสินใจของท่าน หากยังมีตราประทับระหว่างพวกเราพี่น้อง ข้าจะเรียกว่าท่านว่าพี่ใหญ่ได้อย่างไร?”
ก่อนที่หลินเทียนอ้าวจะได้พูดอะไร ขี้เมาเป่าก็กอดคอโจวเหว่ยชิงอย่างแรงและหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ขณะพูดว่า “เหว่ยชิง หัวหน้าไม่ได้ตัดสินเจ้าผิดไปอย่างแน่นอน เจ้าทำได้ดีมาก”
เซียวเอี๋ยนและสี่น้อยต่างก็หัวเราะอย่างมีความสุข น่าแปลกที่หลินเทียนอ้าวไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากชะงักไปด้วยความประหลาดใจชั่วครู่ การแสดงออกของเขาก็กลับมาเป็นปกติ เรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ ไม่ว่าเขาจะมีตราประทับธาตุมืดอยู่บนตัวหรือไม่ ภายในใจของเขา เขาก็จะเป็นผู้ติดตามของโจวเหว่ยชิงตลอดไป
ทันใดนั้น เย่เป่าเปาก็พูดว่า “อู่หยา เกิดอะไรขึ้น?” เขาเป็นบุตรชายของเสนาบดีแห่งอาณาจักรเฟยหลี่ และโดยธรรมชาติแล้วเขาย่อมไม่อาจติดตามคนในกลุ่มไปเป็นผู้ติดตามของโจวเหว่ยชิงได้ เขามองไปรอบๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ และก็เหลือบไปเห็นอู่หยาซึ่งเป็นผู้เดียวที่ยังไม่ได้แสดงท่าที เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเฝ้ามองดูอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ตอนนี้เธอกำลังมีสีหน้าทุกข์ระทมปนเสียดาย
อู่หยากล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ข้าก็อยากเป็นพี่น้องกับเจ้า…อยู่กับพวกเจ้าทุกคนตลอดไป แต่…แต่…ข้าต้องไปตามหาคู่หมั้นของข้า…ข้า…ข้า…”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “แม้ว่าเจ้าจะต้องไปตามหาคู่หมั้น แต่นั่นจะหยุดยั้งพวกเราจากการเป็นพี่น้องกันได้อย่างไร? เมื่อเรากลับไปที่อาณาจักรเฟยหลี่ ข้าจะต้องช่วยเจ้าตามหาเขาแน่!”
หัวใจหลักของกลุ่มนักรบเฟยหลี่เปลี่ยนไปแล้ว กลุ่มยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่ด้วยแกนหลักอย่าง ‘เฟยหลี่’ อีกต่อไปเพราะโจวเหว่ยชิงได้เข้ายึดครองตำแหน่งนั้นไว้แล้ว
การที่เขาได้รับการสนับสนุนจากสหายเหล่านี้ มันก็มากเกินกว่าความช่วยเหลือที่เขาจะได้รับจากทั้งชั้นเรียนของเขาที่โรงเรียนทหารเฟยหลี่แล้ว
“โจวเหว่ยชิง” ในขณะที่บรรยากาศกำลังดำเนินไปด้วยความครึกครื้น น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกก็ดังออกมาจากข้างนอก
โจวเหว่ยชิงหันไปมอง และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์มายืนอยู่ด้านนอกประตูแล้ว เธอยังคงมีกลิ่นอายที่เยือกเย็นและไร้อารมณ์ ชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่เธอสวมใส่ขับเน้นให้บรรยากาศเย็นชาแผ่ออกมาจากร่าง
“ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์?” โจวเหว่ยชิงมองไปที่อีกฝ่ายอย่างสงสัย จากการแสดงออกและกลิ่นอายของเธอ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ปิงเอ๋อร์ เพราะปิงเอ๋อร์จะไม่ปฏิบัติกับเขาแบบนี้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับพี่สาวคนไหนของเธอ ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์หรือซ่างกวนเฟนเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
ทั้งสองคนเป็นพี่สาวของปิงเอ๋อร์ และด้วยความสัมพันธ์ดังกล่าว เขาจึงไม่สามารถทำอะไรกับพวกเธอได้แม้จะอยากทำก็ตาม เพราะถึงอย่างไรพวกเธอก็ดูเหมือนปิงเอ๋อร์เสียขนาดนี้ เขาจึงตัดใจทำไม่ลง แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหว่ยชิงก็ยังได้รับความเดือดร้อนมากมายจากน้ำมือของพวกเธอ ก่อนหน้านี้ ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ตบเขาอย่างหนักหน่วง ในขณะที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เตะเขาด้วยเท้า เกือบจะทำให้เขาล้มฟาดพื้นจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนสองคนนี้ ความจริงแล้วถ้าเป็นไปได้เขาควรรักษาระยะห่างไว้จะดีกว่า
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์พยักหน้าไปทางโจวเหว่ยชิงและพูดอย่างเฉยชา “มากับข้า” หลังจากพูดเช่นนั้น เธอก็ไม่ได้หยุดรอและหันหลังจากไปทันที
โจวเหว่ยชิงเดินตามเธอไปอย่างลังเล และเธอก็หยุดหลังจากเลี้ยวที่หัวมุมหนึ่งของทางเดินในโรงเตี๊ยม รอให้เขาเดินตามทันอย่างเงียบๆ
“แม่สาวภูเขาน้ำแข็ง ทำไมเจ้าถึงตามหาข้าล่ะ?” โจวเหว่ยชิงหยุดห่างจากเธอประมาณ 2 เมตร ก่อนจะถามอย่างหยอกล้อ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความปรารถนาในตัวซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเป็นทายาทสายตรงและจ้าววังสวรรค์ไพศาลคนต่อไป แต่อันธพาลน้อยคนนี้ก็ไม่สามารถหยุดจินตนาการถึงอดีตที่เขาเคย ‘เอาเปรียบ’ พี่น้องทั้ง 3 ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่รู้ว่าพวกเธอเป็นแฝดสาม…หึหึ…
แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงจินตนาการที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของเขา ไม่เช่นนั้น หากซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้ว่าอ้วนน้อยโจวที่รักของเรากำลังคิดถึงพี่สาวของเธอเช่นนั้น เธอคงต้องไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
ความจริงแล้วก็อาจจะเป็นเรื่องปกติที่โจวเหว่ยชิงมีความคิดเช่นนี้ ผู้ชายธรรมดาๆ คนไหนก็คงต้องเพ้อฝันถึงเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอน!
เมื่อซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ได้ยินเขาเรียกเธอว่า ‘สาวภูเขาน้ำแข็ง’ ด้วยสายตาที่กวาดมองมองร่างของเธอราวกับพวกหื่นกาม ความโกรธในใจของเธอก็พวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
เช่นเดียวกับที่ซ่างกวนเทียนเยว่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อเผชิญหน้ากับโจวเหว่ยชิง หญิงสาวที่ถูกขโมยจูบครั้งแรกโดยอันธพาลน้อยคนนี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ทว่าซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็ไม่ได้วู่วาม นั่นเป็นเพราะ…วันนี้เป็นสถานการณ์ที่พิเศษ ไม่ว่าวันนี้เขาจะทำตัวน่าเกลียดชังแค่ไหน เธอก็จะไม่ยอมหลุดอารมณ์เสียใส่เขา
“เจ้ามาจากอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์…ใช่ไหม?” ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชา
โจวเหว่ยชิงชะงักไป เขาไม่คาดคิดว่าซ่างกวนเสว่เอ๋อร์จะถามคำถามเช่นนี้ เขามองด้วยความสงสัยขณะพูดว่า “ใช่! ทำไม? ปิงเอ๋อร์ ไม่ได้บอกเจ้านานแล้วหรือ?”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว นิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เธอพูดเบาๆ “ข้าหวังว่าเจ้าจะสงบสติอารมณ์ได้หลังจากได้ยินคำพูดของข้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ หัวใจที่เบิกบานแต่เดิมของโจวเหว่ยชิงก็พลันรู้สึกหนักอึ้งเหมือนโดนก้อนหินถ่วง ความรู้สึกราวกับท้องถูกกัดแทะพุ่งทะยานขึ้นสูง ถ้าคนที่พูดเรื่องนี้กับเขาคือซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ บางทีเขาอาจจะไม่สนใจ ทว่านี่คือซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ ผู้สืบทอดแห่งวังสวรรค์ไพศาล ด้วยสถานะของเธอ เธอจะไม่ยอมเล่นตลกพล่อยๆ แบบนี้กับเขาแน่ เหตุผลเดียวที่เธอจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา…หมายความว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์จริงๆ
ด้วยหัวข้อสนทนาที่เกี่ยวข้องกับบ้านเกิด ท่าทางไร้มารยาทและใบหน้าล้อเลียนของโจวเหว่ยชิงก็หายไปทันที เขาหยุดพักไปชั่ววินาทีเพื่อสงบสติอารมณ์ ในที่สุดเขาก็หันไปหาซ่างกวนเสว่เอ๋อร์และพูดว่า “อืม โปรดบอกข่าวให้ข้าฟังเถอะ”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์มองเขาอย่างลึกล้ำก่อนจะพูดว่า “เมื่อวานนี้เราเพิ่งได้รับข่าวว่าอาณาจักรคาลิเซได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรป่ายต้า พวกเขาฉวยโอกาสที่แม่ทัพโจวกลับไปยังเมืองหลวงอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เปิดฉากการโจมตีอย่างฉับพลัน เข้าจู่โจมด้วยกองกำลังที่มีจำนวนมากกว่าทหารที่ชายแดนอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ถึง 10 เท่าและพุ่งเข้าสู่หัวใจหลักของอาณาจักรอย่างรวดเร็ว บุกลึกเข้าไปในดินแดนของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ ที่เมืองหลวง…”
“อะไรนะ?!” แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะเตรียมพร้อมสำหรับข่าวร้ายแล้ว แต่นี่ก็กะทันหันและใหญ่โตเกินไป ราวกับได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ใบหน้าของเขาพลันซีดเซียว
ในตอนนี้โจวเหว่ยชิงลืมไปโดยสิ้นเชิงเกี่ยวกับ ‘อันตราย’ ของซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าและจับเข้าไหล่บอบบางของเธอ ก่อนจะตะโกนว่า “อะไรนะ!…เจ้าพูดว่าอะไร?!”
เมื่อถูกเขย่า ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็ทำเพียงปัดมือของเขาออกไปเบาๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อเธอเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าพุ่งเข้าหาเธอราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ เธอกลับไม่ยอมหลบหลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นดวงตาแดงก่ำจนน่ากลัวของเขา เธอก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในหัวใจเช่นกัน
“ใจเย็นๆ ก่อน” ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ยกมือขึ้นแล้วตบเบาๆ ที่หน้าผากของโจวเหว่ยชิง ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นๆ ก็แผ่มายังศีรษะของเขา ทำให้เลือดที่เดือดพล่านพลันสงบลงเล็กน้อย
จังหวะหายใจของโจวเหว่ยชิงเป็นไปอย่างลำบาก และเมื่อมาถึงจุดนี้ กลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็รีบวิ่งออกจากห้องเพื่อสมทบที่ด้านหลังของเขา นั่นเป็นเพราะทุกคนได้ยินเสียงร้องตะโกนของโจวเหว่ยชิงก่อนหน้าอย่างชัดเจน
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์เพิกเฉยต่อกลุ่มคนเหล่านั้นและกล่าวต่อ “เราได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริงอย่างแน่นอน อาณาจักรป่ายต้าต้องวางแผนเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาใช้อาณาจักรคาลิเซเป็นตัวเปิดฉากและมุ่งโจมตีจากหลายทิศทาง น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของกองทัพอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์นั้นต่ำเกินไปและข้าก็กลัวว่าอาณาจักรของเจ้าอาจจะถูกยึดครองไปแล้วในตอนนี้”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แล้วตอนนี้ล่ะ? เมืองหลวง?”
เมืองหลวงอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขา และทั้งครอบครัวของเขาก็อยู่ที่นั่น ครอบครัวของเขา พ่อแม่ทูนหัวของเขา ท่านพี่หรูเซ่อ อาจารย์ของเขาในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์…คนที่เขารักทุกคน!
สงครามที่เกิดขึ้นกะทันหัน…การรุกรานที่รวดเร็วและฉับพลัน หัวใจและสมองของโจวเหว่ยชิงสับสนและยุ่งเหยิงอย่างที่สุด ในขณะนี้ เขาต้องการที่จะงอกปีกเพื่อบินกลับไปที่อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์และตามหาพ่อของเขา เพื่อต่อสู้ร่วมกับอีกฝ่าย
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์กล่าวว่า “อาณาจักรป่ายต้ามีความมุ่งมั่นและมีการวางแผนมาเป็นอย่างดีในการปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ ผู้ที่นำทัพคือผู้นำอาณาจักรป่ายต้า ยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของพวกเขา เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชา ผู้ที่มาพร้อมกับเขาอีก 6 คนเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด เมื่อข่าวเดินทางมาถึงพวกเรา มันเป็นเวลาประมาณ 5 วันนับจากเริ่มการโจมตี…และด้วยพลังที่แตกต่างกันมาก…ข้ากลัวว่าแม้แต่แม่ทัพโจวก็ไม่อาจช่วยกอบกู้เมืองหลวงเอาไว้ได้ ถึงตอนนี้…เมืองหลวงน่าจะ…”
ร่างกายของโจวเหว่ยชิงซวนเซลง หลินเทียนอ้าวที่อยู่ข้างหลังจึงรีบพยุงเขาอย่างรวดเร็ว หาไม่แล้ว เขาก็คงจะทรุดลงไปนอนลงกับพื้น
ปัจจุบันโจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาอ่อนกำลังและไร้เรี่ยวแรงไปโดยสิ้นเชิง น้ำตาไหลพลันออกมาจากดวงตาของเขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ หลินเทียนอ้าวกำลังช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ และสามารถสัมผัสได้ว่าร่างกายของโจวเหว่ยชิงสั่นเทาอย่างรุนแรง อารมณ์ของเขาแปรปรวนอย่างผิดปกติ และแม้แต่ผิวหนังของเขาก็เริ่มปรากฏลายเสือที่บ่งบอกสสถานะปีศาจกลายร่าง เขากำลังเริ่มสูญเสียการควบคุมตนเอง
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าวและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วและถึงจุดที่ไม่อาจย้อนกลับไป แม้ว่าอาณาจักรเฟยหลี่จะได้รับข่าวและพยายามช่วยตอบโต้ แต่มันก็สายเกินไปที่จะช่วยอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเจ้า ข้ายังไม่ได้บอกข่าวนี้กับปิงเอ๋อร์…นางกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการปิดประตูฝึกฝน และข้าก็ไม่ต้องการให้นางได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ นี่คือเรื่องราวทั้งหมดจนถึงตอนนี้ที่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ ท่านพ่อขอให้ข้าบอกเจ้าว่าอย่ากลับไปที่อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ตอนนี้ ตั๊กแตนไม่อาจหยุดรถม้าได้ และการพยายามทำเช่นนั้นคงไม่ฉลาดนัก เพราะเจ้าคือความหวังสุดท้ายของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์”
………………………………………………………….