Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 111-2 ผนึกมืดแช่แข็งชะตา! (2)
หมิงฮัวยืนอยู่ที่ด้านนอกฝูงชน อดไม่ได้ที่จะจ้องมองโจวเหว่ยชิงอย่างสับสน หลายเดือนแล้วที่เธอไม่ได้เห็นเขา ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะสูงและมีกล้ามเนื้อบึกบึนมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนหน้า เวลานี้ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงไม่ได้ฉาบด้วยรอยยิ้มใสซื่อตามแบบฉบับของตนอีกต่อไป อีกทั้งดวงตาของเขายังดูเหมือนจะซ่อนความเศร้าโศกเอาไว้ข้างในลึกๆ ภาย นอกเขาไม่ได้ดูแตกต่างไปจากเดิมมากนัก แต่สำหรับหญิงสาวที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยแรกแย้มเช่นหมิงฮัว โจวเหว่ยชิงในปัจจุบันกลับดูมีแรงดึงดูดมากกว่า
“ทุกคนสบายดีไหม?” โจวเหว่ยชิงโอบแขนรอบไหล่ของโข่วรุ่ย เมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นและความกระตือรือร้นได้จากเพื่อนร่วมชั้นของเขา รอยยิ้มน้อยๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของโจวเหว่ยชิง อย่างน้อยความพยายามของเขาก็ไม่สูญเปล่า แม้ตนจะจากไปหลายเดือน แต่เพื่อนร่วมชั้นก็ยังไม่ลืมเขา
โข่วรุ่ยหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “หัวหน้า พวกเราไม่เคยรู้สึกดีเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ในโรงเรียนไม่มีใครเทียบห้องเรียนเอกสามัญของเราได้อีกต่อไป และแม้แต่พวกชนชั้นสูงก็ยังไม่กล้าตอแยพวกเรา เราเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันอย่างแท้จริง และถ้าใครกล้าแตะต้องพวกเราคนใดคนหนึ่ง ทุกคนก็จะร่วมมือกันตอบโต้อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว นี่คือสิ่งที่ท่านสอนพวกเรา ความสามัคคีคือความแข็งแกร่ง!”
หยางเจ๋อชียังคงพยายามเบียดตัวแทรกฝูงชนเข้ามาหาโจวเหว่ยชิงและพูดว่า “หัวหน้า ในที่สุดท่านก็กลับมา พวกเราทุกคนย่อมไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน! ตอนนี้จากห้องเรียนของเราทั้งหมด 29 คน นอกจากท่านและพี่สะใภ้แล้ว อีก 27 คนที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจ้าวมณีสวรรค์ มณียุทธ์หรือจ้าวมณีธาตุ พวกเราต่างก็เลื่อนขึ้นไปถึงระดับมณี 2 ชุดแล้ว จากในนั้น 11 คนมีศาสตรามณียุทธ์อย่างน้อยหนึ่งชิ้น และจ้าวมณีธาตุ 3 คนก็กักเก็บได้คนละ 1 ทักษะเช่นกัน ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์และเงินที่ท่านทิ้งไว้ไม่ได้ถูกใช้ไปทั้งหมด ข้าจึงจะส่งที่เหลือคืนให้ท่านหลังจากนี้”
โจวเหว่ยชิงเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนกลับไปรอข้าที่ห้องเรียนก่อน ข้าเพิ่งกลับมาถึงและต้องไปรายงานตัวกับท่านผู้อำนวยการไช่ไช่ก่อน หลังจากนั้น ข้ามีเรื่องจะต้องคุยกับพวกเจ้าทุกคน”
โข่วรุ่ยหัวเราะและพูดว่า “ได้ขอรับหัวน้า ไม่มีปัญหา! เราจะกลับไปที่ห้องเรียนเพื่อรอท่านแน่นอน แม้จะปวดท้องจนฉี่ราด พวกเราก็จะอั้นเอาไว้ก่อน!”
หยางเจ๋อชีตะโกนออกมาเสียงดัง “ห้องเรียนเอกสามัญทุกคนกลับเข้าห้องเรียน!”
เสียงขานรับดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ภายใต้การนำของหยางเจ๋อชีและโข่วรุ่ย ทุกคนจึงกลับไปที่ห้องเรียนทันที อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงก็ยังสามารถมองเห็นแสงไฟที่ลุกโชนในดวงตาของเพื่อนร่วมห้องทุกคนได้อย่างชัดเจน
แท้จริงแล้วพวกเขายังไม่ลืมข้า…น่าเสียดาย…น่าเสียดายจริงๆ แต่ข้าจะต้องจากไปในไม่ช้าแล้ว
โจวเหว่ยชิงถอนหายใจอยู่ภายในลึกๆ เขาเชื่อว่าหากตนมีเวลาอยู่กับพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกเพียงหนึ่งปี เขาจะสามารถเอาชนะใจเพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้ ชักนำพวกเขาไปยังอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ และท้ายที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของโจวเหว่ยชิง ด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มคนเหล่านี้ การจะทำให้อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์กลายเป็นขุมกำลังที่ไม่อาจมองข้ามก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
อนิจจา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไปจนไม่มีเวลาให้ได้ตั้งตัว
เมื่อสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นออกไป โจวเหว่ยชิงก็มองเห็นหมิงฮัวอยู่ตรงหน้าเขา เธอพยักหน้าให้เขาและพูดว่า “เจ้ากลับมาแล้วสินะ ข้าได้ยินเรื่องราวทั้งหมดมาก่อนหน้านี้แล้ว คราวนี้เจ้าสามารถพิสูจน์ตัวเองในงานประลองมณีสวรรค์ได้จริงๆ”
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า “ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ ข้าต้องไปคุยกับท่านผู้อำนวยการก่อน” ขณะพูดเช่นนั้น เขาก็ดึงโตวโตวไปที่บันได
เมื่อร่างของเขาหายลับตาไปแล้ว หมิงฮัวถึงได้ตอบสนอง อะไรนะ? ข้าเป็นอาจารย์ แต่น้ำเสียงของเขากลับเหมือนว่ากำลังพูดสั่งสาวใช้ สหายน้อยคนนี้กล้าดีขึ้นมากเลยจริงๆ!
…
ถึงห้องทำงานของไช่ไช่ โจวเหว่ยชิงก็เคาะประตูและรออยู่ข้างนอก ไม่ช้าเสียงของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขาม แต่ทว่าก็ดูเกียจคร้านเล็กน้อย นั่นทำให้คนฟังรู้สึกสบายหูแต่ก็ดูเหมือนจะทำให้ต้องตั้งใจมองหญิงสาวตรงหน้าเสมอด้วย “เข้ามา”
โจวเหว่ยชิงเปิดประตูและเดินเข้าไปพร้อมกับโตวโตว
ไช่ไช่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ของเธอและกำลังอ่านอะไรบางอย่าง คิ้วของหญิงสาวขมวดเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง เธอยังคงงดงามเหมือนครั้งสุดท้ายที่เขาเห็น ความงามสง่าที่สูงส่งราวกับว่าความโสมมใดๆ ก็ไม่อาจกล้ำกรายเธอได้
“มีอะไร?” ไช่ไช่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายขณะที่เอ่ยปากถาม
“ท่านผู้อำนวยการไช่ไช่ โจวเหว่ยชิงกลับมาแล้ว” โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“อืม?” จากนั้นไช่ไช่ก็มองขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอเห็นโจวเหว่ยชิง ใบหน้าของเธอก็ฉายแววประหลาดใจแกมยินดี “ในที่สุดเจ้าก็กลับมา เจ้าไม่รู้หรือว่าไม่กี่วันนี้เหล่าราชวงศ์แห่งอาณาจักรเฟยหลี่ต้องกระสับกระส่ายกับข่าวของเจ้ามากแค่ไหน?” สีหน้าซับซ้อนปรากฏบนใบหน้าของเธอ
“กระสับกระส่ายเพราะข้า?” โจวเหว่ยชิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถามอย่างสงสัย “ทำไมล่ะ?”
ไช่ไช่ถอนหายใจเสียงดังและเดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะทำงานของเธอ หญิงสาวชี้ไปที่เบาะนั่งด้านข้างและส่งสัญญาณให้โจวเหว่ยชิงนั่งลง
โตวโตวที่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิงพลันจ้องมองไปที่ไช่ไช่ เมื่อเธอเดินออกมาด้านหน้า โตวโตวก็ก็อุทานออกมาด้วยความชื่นชมว่า “พี่สาว ท่านสวยมาก!”
ไช่ไช่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตัวเอง “พี่สาว? เหว่ยชิง เจ้ายังไม่ได้แนะนำนางเลย นี่คือ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “นี่คือโตวโตว เพื่อนของข้า นางกลับมากับข้าในครั้งนี้ ท่านผู้อำนวยการไช่ไช่ สถานการณ์ในอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง?” เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไปโดยตรงเกี่ยวกับสิ่งที่กวนใจเขามากที่สุด โดยไม่แม้แต่จะใส่ใจเกี่ยวกับความสำเร็จที่น่าพึงพอใจอย่างอื่น
หลังจากถามคำถามนั้น หัวใจของโจวเหว่ยชิงก็เต้นแรงขณะที่หยุดรอฟังนิ่งๆ ครั้งแรกที่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์บอกข่าวร้ายกับเขา เธอได้กล่าวว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์กำลังถูกปิดล้อมและบุกจู่โจม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นยังไม่เป็นที่รู้แน่ชัด เวลาไปผ่านไปหลายวัน สิ่งที่สมควรเกิดก็น่าจะเกิดไปแล้ว แม้ว่าเขาพอจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะได้รับการยืนยัน เด็กหนุ่มก็ยังคงมีความหวังอยู่ในใจลึกๆ
ไช่ไช่มองไปที่โจวเหว่ยชิง ทว่ากลับยังคงนิ่งเงียบ เมื่อได้เห็นดวงตาของเธอ หัวใจของโจวเหว่ยชิงก็จมดิ่งลงสู่หุบเหวลึก เขารู้ว่าสิ่งที่ตนกลัวที่สุดน่าจะได้เกิดขึ้นแล้ว
ไช่ไช่ถอนหายใจและกล่าวว่า “แต่เดิมบิดาของเจ้าและองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์มีโอกาสหลบหนีก่อนที่อาณาจักรคาลิเซจะปิดล้อมพวกเขาเอาไว้ได้ทุกทิศทาง พวกเขามีโอกาสให้ตีฝ่าวงล้อมและหลบหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าพวกเขากลับไม่ได้เลือกที่จะทำเช่นนั้น ในทางตรงกันข้าม พวกเขากลับยืนหยัดต่อสู้ในเมืองหลวงจนถึงวินาทีสุดท้าย”
โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าตนกำลังจะหมดสติ เด็กหนุ่มทรุดลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ขบฟันจนเห็นสันกรามและกำหมัดแน่น
ไช่ไช่กล่าวว่า “เหว่ยชิง ฟังข้าก่อน สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ได้ถึงขั้นเลวร้ายที่สุด”
“หืม?” เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ โจวเหว่ยชิงก็เบิกตากว้างทันที
ไช่ไช่กล่าวว่า “เมืองหลวงเกาทัณฑ์สวรรค์ถูกยึดครองไปแล้ว และอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ก็ถูกทำลาย ทว่าบิดาของเจ้าและจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็ในเวลานี้”
“สิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริงหรือไม่!? พวกเขาถูกขังไว้ในคุกหรือ?” โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกยินดีขึ้นมา ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะที่อุทานออกมาเสียงดัง
ไช่ไช่ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ พวกเขาไม่ได้ถูกขังคุก ด้วยนิสัยดื้อรั้นของบิดาของเจ้า เจ้าก็รู้ว่าเขาจะยอมหักแต่ไม่ยอมงอ เช่นนั้นเขาจะถูกจับเข้าคุกได้อย่างไร? ในเวลานั้น เมื่อพระราชวังกำลังจะถูกถล่มจนพังทลาย บิดาของเจ้าฝืนใช้พลังทั้งหมดของเขาปลดปล่อยทักษะที่ทรงพลังที่สุดซึ่งเป็นทักษะที่เขาไม่เคยใช้มาก่อนออกมา นั่นก็คือทักษะธาตุมืดสังเวยตนเอง อาจเป็นเพราะความกดดันที่เขาเผชิญอยู่ในขณะนั้นใหญ่หลวงเกินไป และในเวลานั้น แม่ทัพโจวก็ได้ทะลวงไปสู่ระดับมณี 9 ชุดเช่นกัน ทำให้เขาสามารถใช้ทักษะสุดท้ายที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาทักษะสังเวยธาตุมืด ผนึกมืดแช่แข็งชะตา”
ผนึกมืดแช่แข็งชะตา?! หัวใจของโจวเหว่ยชิงเต็มไปด้วยคำถามเนื่องจากไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะนี้มาก่อน
ไช่ไช่อธิบายว่า “ผนึกมืดแช่แข็งชะตาเป็นผนึกขั้นสูงสุดในบรรดาทักษะสังเวยธาตุมืดทั้งหมด แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับราชาที่ปลดปล่อยทักษะนี้ออกมา มันก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้ ด้วยระดับพลังปราณของบิดาเจ้า อัตราความสำเร็จของมันน้อยกว่า 2 ใน 10 ด้วยซ้ำ แต่บางทีในเวลานั้นสวรรค์อาจกำลังประทานพรให้เขา หรือบางทีความดื้อรั้นและความมุ่งมั่นที่แท้จริงของเขาอาจกลายเป็นแรงผลักดันขั้นสูงสุด และตอนท้ายเขาก็ทำสำเร็จจนได้”
ด้วยผนึกมืดแช่แข็งชะตา บิดาของเจ้าได้สร้างผนึกสัมบูรณ์ขึ้นล้อมรอบพระราชวังเมืองหลวงอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมดเอาไว้ โดยพื้นที่ทั้งหมดมีรัศมี 100 เมตรรอบตัวเขา ผนึกนั้นมีผลสัมบูรณ์ และในพื้นที่ทั้งหมดบริเวณนั้น ทุกอย่างจะแข็งตัวเพราะถูกแช่แข็ง นั่นรวมถึงกาลเวลา พื้นที่ และแม้แต่สิ่งมีชีวิต ทั้งหมดจะคงอยู่ในสภาพนั้นไปอีก 10 ปี”
“เมื่อผนึกนี้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว ก็มีเพียง 2 วิธีเท่านั้นที่จะทำลายมันได้ อย่างแรกคือต้องใช้พลังอย่างน้อย 10 เท่าที่ใช้ในการปิดผนึกเพื่อบังคับทำลายมัน ในการทำเช่นนั้น ทุกสิ่งภายในผนึกจะถูกทำลายและสลายกลายเป็นความว่างเปล่า อย่างที่สองคือต้องรอ ใน 10 ปีผนึกจะหมดฤทธิ์ไปเอง ทว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในผนึกก็จะอยู่ในสภาพอ่อนแอและไร้กำลัง เพื่อที่จะฟื้นฟูพลังชีวิตของพวกเขา เราต้องใช้ความสามารถในการฟื้นฟูของทักษะธาตุเทวา กล่าวคือบิดาของเจ้าได้ใช้ทักษะของเขาเพื่อถ่วงเวลาและเหลือความหวังสุดท้ายไว้ให้แก่อาณาจักรธนูสวรรค์ ข้าพูดได้แค่ว่าข้าเคารพบิดาของเจ้ามากที่สุดจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของไช่ไช่ ประกายแห่งความหวังก็ถูกจุดขึ้นในใจของโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง คราวนี้มันเป็นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ในที่สุดเขาก็สามารถมองเห็นความเป็นไปได้เสียที อย่างน้อยท่านพ่อและพ่อทูนหัวของเขาก็ยังไม่ตาย หากท่านพ่ออยู่ที่นั่นจริงๆ ก็เป็นไปได้สูงว่าท่านแม่ของเขาก็จะอยู่ที่นั่นเช่นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ และท่านพ่อก็ยังให้เวลาเขาถึง 10 ปี
10 ปี…10 ปี…มันฟังดูยาวนาน แต่สำหรับโจวเหว่ยชิงมันกลับสั้นเกินไป ใน 10 ปีนั้นเขาจะต้องแข็งแกร่งและมีพลังเพียงพอเพื่อตอบโต้เหล่าผู้รุกรานเมืองหลวงเกาทัณฑ์สวรรค์และยึดอำนาจกลับมา ในเวลาเดียวกัน เขาก็จะต้องหาจ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะธาตุเทวาเพื่อช่วยเหลือท่านพ่อ พ่อทูนหัวและคนอื่นๆ ที่ติดอยู่ภายในด้วย
“ท่านผู้อำนวยการไช่ไช่ จะมีใครในอาณาจักรป่ายต้าที่สามารถทำลายผนึกได้โดยตรงหรือไม่?” โจวเหว่ยชิงถามอย่างเป็นกังวล
ไช่ไช่ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ บิดาของเจ้าได้ทะลวงไปสู่ระดับมณี 9 ชุดก่อนที่เขาจะปลดปล่อยผลึกออกมา เพื่อให้มีพลังมากกว่าเขา 10 เท่า อย่างน้อยก็ต้องเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาขั้นสูงสุด หรือแม้แต่ระดับมหาราชา นอกจากนี้ ขณะทำลายผนึกดังกล่าว แรงสะท้อนพลังของมันก็รุนแรงมาก อาณาจักรป่ายต้าไม่มียอดฝีมือเช่นนั้นหรอก แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีจริงๆ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะทำเช่นนั้นเพราะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บสาหัส สำหรับอาณาจักรป่ายต้า เพียงแค่รัศมี 100 เมตรของผนึกรอบๆ พระราชวังย่อมไม่นับว่าเป็นอะไรได้เนื่องจากพวกเขามีอำนาจควบคุมอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ส่วนที่เหลืออยู่แล้ว นอกจากนี้ พวกเขาต้องรอเพียงแค่ 10 ปีจึงจะสามารถฆ่าบิดาของเจ้าและคนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ทำไมพวกเขาถึงต้องตามหายอดฝีมือมาแบกรับความเสี่ยงเช่นนี้ด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ โจวเหว่ยชิงก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เมื่อมองไปที่ไช่ไช่ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความหวังอีกครั้ง เด็กหนุ่มพลันกล่าวอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านผู้อำนวยการไช่ไช่ นี่เป็นข่าวดีที่สุดที่ข้าได้ยินในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา”
ไช่ไช่ส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้ากลัวว่าอีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเกลียดข้าแล้ว ข้าขอโทษนะเหว่ยชิง แม้ว่าข้าจะเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเฟยหลี่ แต่ข้าก็ไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้”
………………………………………………………