Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 113-3 ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนาน! เกราะมือวิญญาณยักษ์หยินหยาง! (3)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 113-3 ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนาน! เกราะมือวิญญาณยักษ์หยินหยาง! (3)
หลังจากสังหารศัตรู 3 คนติดต่อกันอย่างรวดเร็ว ดวงตาของโจวเหว่ยชิงก็แดงก่ำและเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่รุนแรง ไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้งความกังวล ความเจ็บปวด ความเสียใจ อารมณ์เชิงลบทั้งหมดที่รุมเร้าจิตใจของเขาล้วนถูกชำระออกไปขณะลงมือสังหารในครั้งนี้
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นทุบหน้าอกก่อนจะตะโกนออกมาดังลั่น หันไปหาศัตรูทั้ง 3 คนที่ทะลวงผ่านกำแพงทักษะวงแหวนไฟแห่งการขับไล่มาได้ ในที่สุดเขาก็เอ่ยเสียงดัง “เข้ามา!”
เมื่อเห็นร่างที่ถูกฉีกกระชากของสหายตรงหน้าและแขนขาที่ไร้ชีวิตของคนเหล่านั้นยังคงกระตุกอยู่เป็นพักๆ กระแสไอเย็นก็ตรงเข้าเกาะกุมกระดูกสันหลังชายชุดดำที่เหลืออีก 3 คนทันที เมื่อมาถึงจุดนี้ เลือดของพวกเขาก็เย็นเฉียบด้วยความกลัว ในสายตาของพวกเขา โจวเหว่ยชิงไม่ได้เป็นเพียงแค่จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 4 ชุดอีกต่อไป แต่เป็นปีศาจกระหายเลือดตนหนึ่ง พลังทำลายล้างที่รุนแรงและแสนอันตรายของเด็กหนุ่มนั้นสูงเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มาก มากเกินกว่าที่จะสามารถปิดช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ นอกจากนี้ ทักษะที่แปลกประหลาด ทรงพลัง และไม่มีใครรู้จักเหล่านั้น เด็กหนุ่มก็ยังสามารถใช้มันได้ไกลเกินกว่าที่จินตนาการของพวกเขาจะเอื้อมถึงด้วยซ้ำ
*สวบ* *สวบ* เงาร่างอีก 2 ร่างถลาออกมาจากบริเวณหลังบ้าน เป็นสมาชิกชายชุดดำอีก 2 คนที่เตรียมซุ่มโจมตีโจวเหว่ยชิงจากอีกด้านหนึ่งนั่นเอง พวกเขาได้ยินเสียงการปะทะกัน รวมถึงเสียงร้องจากฝั่งลานหน้าบ้านชัดเจนและรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรระดับพลังของสองฝ่ายก็แตกต่างกันมาก พวกเขาคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้ควรจะจบลงได้แล้ว แต่เสียงการต่อสู้กลับยังคงดำเนินต่อไป นอกจากนี้ เสียงร้องที่เจ็บปวดนั้นดูเหมือนจะไม่ได้มาจากคนอื่นๆ แต่เป็นสหายที่พวกเขาคุ้นเคยดี
เมื่อได้ยินเสียงการปะทะกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดทั้ง 2 ก็อดทนรอที่เดิมไม่ไหวอีกต่อไปและรีบโผล่ออกมาตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นทันที ตอนนี้พวกเขาได้มาปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิงแล้ว…เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดคนหนึ่งและจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 7 ชุดคนหนึ่ง การปรากฏตัวของพวกเขามาพร้อมกับเสียงสั่นสะเทือนของม่านพลังปราณสวรรค์ในขณะโผล่เข้ามารวมตัวกับสหายที่เหลืออีก 3 คน
“เกิดอะไรขึ้น?!” เมื่อเห็นคราบเลือดและเศษชิ้นเนื้อที่กระจายอยู่บนพื้น จ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 7 ชุดก็ร้องออกมาด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว
“หัวหน้า ระวังตัวด้วย มีบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าเด็กสารเลวนั่น…พี่รองและคนอื่นๆ ตายหมดแล้ว…” ชายชุดดำที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดและมีทักษะยุทธ์ประเภทยืดหยุ่นเอ่ยออกมา น้ำเสียงของเขาสั่นเทาอย่างชัดเจนเนื่องจากความหวาดกลัว
กวาดตามองเพียงแวบเดียว จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 7 ชุดก็มองเห็นศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 2 ชิ้นของโจวเหว่ยชิง เกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยาง เขาย่อมรู้ชัดว่าแสงสีทองเหลือบดำบ่งบอกถึงอะไร รูม่านตาของชายหนุ่มจึงหดตัวขึ้น “…พวกเจ้าทุกคนมีสมาธิกับการโจมตีระยะไกล อย่าเข้าไปใกล้เขา อย่าสนใจว่าจะสิ้นเปลืองพลังปราณสวรรค์มากแค่ไหน โยนทุกสิ่งที่เจ้ามีออกมาให้หมด! เจ้าพวกขยะ มีกันตั้งหลายคนที่โจมตีเจ้าเด็กมณี 4 ชุดนี่ แต่พวกเจ้า 3 คนก็ยังตายได้…”
มองเพียงปราดเดียว เขาก็สังเกตเห็นจุดอ่อนของโจวเหว่ยชิงได้ทันที เป็นเรื่องจริงที่ความแตกต่างระหว่างระดับพลังปราณสามารถทดแทนได้ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพ ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บ แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ให้โอกาสเด็กหนุ่มใช้ทักษะของตนและโจมตีเขาด้วยทักษะอันทรงพลังจากระยะไกล โจวเหว่ยชิงจะสามารถป้องกันตัวได้อยู่หรือ?
ในขณะที่พูดเช่นนั้น จ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 7 ชุดก็ลงมือทันที จู่ๆ ชายหนุ่มก็ใช้เท้ากระแทกพื้น แสงสีเหลืองหนาทึบพลันพุ่งออกมาจากเท้าของเขาอย่างรวดเร็วและลุกลามไปตามพื้นขณะตรงเข้าหาโจวเหว่ยชิง ขณะที่มันกำเร่งความเร็วไปข้างหน้า หนามแหลมคมก็พุ่งออกมาจากพื้นดินอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นทักษะผลกระทบวงกว้างและการจะหลบพวกมันก็ต้องอาศัยการกระโดดขึ้นไปบนอากาศเท่านั้น อนิจจา ถ้าโจวเหว่ยชิงทำเช่นนั้น…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกเล็งได้ง่ายๆ สำหรับศัตรูคนอื่นๆ
รอยยิ้มเหยียดหยามถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปากของโจวเหว่ยชิง ทันใดนั้นเอง จู่ๆ กลิ่นอายอันแสนสูงส่งและเย่อหยิ่งก็ราวกับจะปรากฏขึ้นทันที ภาพเงาสูง 5 เมตรปรากฏขึ้นข้างหลังเขา มองลงมายังโลกมนุษย์ราวกับราชินีบนสรวงสวรรค์ ตัวเป็นมนุษย์ ทว่ามีหางเป็นงู ผมยาวสลวย…มันคือปีศาจมังกรสาวนั่นเอง!
ในบรรดาทักษะทั้งหมดของโจวเหว่ยชิง มีเพียงทักษะเดียวที่สามารถทำให้ภาพทักษะสวรรค์ปรากฏขึ้นได้ เมื่อมาถึงระดับมณี 4 ชุด เด็กหนุ่มก็เริ่มคิดที่จะตามหาอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าเพื่อนำมากักเก็บทักษะเช่นกัน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จ น่าเสียดาย อสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้านั้นน่าเกรงขามเกินไป และในระดับพลังปัจจุบันของเขา แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากเทียนเอ๋อร์ เขาก็ยังไม่อาจทำสำเร็จได้ นอกจากนี้ กฎของเกาะมณีสวรรค์ก็ยังชัดเจนอย่างยิ่ง หากไม่ได้รับอนุญาตจากจ้าววังสวรรค์ไพศาลก็จะไม่สามารถทำการแลกเปลี่ยนซื้อขายเกี่ยวกับการกักเก็บทักษะจากอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าได้
แท้จริงแล้ว ทักษะของอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้านั้นอยู่เหนือกว่าไปอีกขั้นโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากทักษะผนึกมังกรเงียบของโจวเหว่ยชิง ในความเป็นจริงนั้น ทักษะผนึกมังกรเงียบไม่ได้ถูกจัดอยู่ในระดับเทพเจ้า และในทางทฤษฏีก็ถือว่าเป็นระดับเทพเจ้าเพียงครึ่งหนึ่ง ทั้งยังเป็นพลังขั้นล่างๆ ของระดับเทพเจ้าด้วย แต่ถึงกระนั้น ทักษะนี้ก็ยังคงทรงพลังและสามารถใช้พลิกสถานการณ์การต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย เช่นนี้ก็สามารถจินตนาการได้แล้วว่าทักษะระดับเทพเจ้าที่แท้จริงจะน่ากลัวสักเพียงใด
เมื่อเห็นศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่โผล่ออกมาผนึกกำลังกันมากขึ้น โจวเหว่ยชิงก็ไม่อาจเก็บงำพลังทั้งหมดไว้ได้อีกต่อไป และเมื่อภาพทักษะสวรรค์ของมังกรปีศาจสาวปรากฏขึ้น ศัตรูทั้งหมดก็ตกตะลึงไปจนถึงก้นบึ้งของจิตใจ
หากโจวเหว่ยชิงอยู่ในระดับมณี 6 ชุด เขาก็มั่นใจว่าตนจะสามารถฆ่าศัตรูทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ ถึงอย่างไรข้อได้เปรียบของเขาในแง่มณียุทธ์และมณีธาตุก็ยิ่งใหญ่มากอยู่แล้ว เมื่อรวมกับสถานะปีศาจกลายร่าง ทักษะกลืนกิน และชุดในตำนานของเขา จ้าวมณีสวรรค์ธรรมดาๆ จะต่อกรกับเด็กหนุ่มได้อย่างไร? สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ในระดับเดียวกันที่จะสามารถต่อสู้กับเขาได้ คนผู้นั้นจะต้องเป็นสาวกชั้นในของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ใดที่หนึ่งและครอบครองศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าที่มีพลังเท่าเทียมกันหรือมากกว่า! ทักษะผนึกมังกรเงียบของโจวเหว่ยชิงนั้นยโสโอหังมากเกินไป และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงพ้น มีเพียงทักษะเฉพาะบางอย่างเท่านั้นที่อาจจะพอช่วยได้ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสองฝ่ายจะใช้งานและควบคุมทักษะของพวกเขาอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโจวเหว่ยชิงก็อยู่ในระดับมณี 4 ชุดเท่านั้น และเขาก็เพิ่งเลื่อนขึ้นมาถึงระดับนี้เมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าเด็กหนุ่มจะสามารถสู้ต่อไปได้เป็นเวลานานเนื่องจากความช่วยเหลือของทักษะกลืนกิน แต่หลังจากที่หยิบยืมพลังปรานที่ไม่ได้เป็นของตนเองมาใช้ พลังปราณสวรรค์ของเขาเองก็หมดลงจนเหลือน้อยมากเช่นกัน ในขั้นตอนนี้ ร่างกายของเขาจะต้องแบกรับภาระมากเกินไปและเด็กหนุ่มก็จะไม่สามารถทำเช่นนี้ไปได้ตลอด
ภาพทักษะสวรรค์ ทักษะที่ไปถึงระดับเทพเจ้า จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดหรือ 7 ชุดจะเคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนได้อย่างไร? สิ่งเหล่านี้ล้วนมีแต่ในนิทานและตำนานปรัมปราเท่านั้น!
ด้วยเหตุนี้ จ้าวมณีสวรรค์จากอาณาจักรป่ายต้าจึงแสดงออกในทางตรงกันข้าม พวกเขาไม่ได้ประทับใจและตกตะลึงเท่ากับสมาชิกกลุ่มนักรบอื่นๆ ในรอบชิงชนะเลิศงานประลองมณีสวรรค์ ดั่งโบราณว่าไว้ คนโง่มักจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด และนี่ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนอย่างแท้จริง
สัญลักษณ์กระแสน้ำวนสีม่วงอมแดงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 7 ชุดทันที ในเวลาต่อมา ทักษะแผ่นดินหนามก็ค่อยๆ หายไปท่ามกลางแสงสีม่วงแดงนั้น
จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นแรกที่วางแผนจะฆ่าโจวเหว่ยชิงอย่างหยิ่งผยองเมื่อครู่นี้ต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ไม่เพียงแต่ทักษะที่เขาปลดปล่อยออกมาก่อนหน้านี้จะหายไปอย่างกะทันหันเท่านั้น ทว่าแม้แต่ศาสตรามณียุทธ์ที่เขาเรียกออกมาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน และชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองติดอยู่ท่ามกลางวงล้อมพายุที่แปลกประหลาด ไม่สามารถติดต่อกับมณียุทธ์และมณีธาตุของเขาได้เลย
เมื่อทักษะผนึกมังกรเงียบมีผลกับชายหนุ่มและขัดขวางทักษะแผ่นดินหนามของเขา สหายชุดดำอีก 4 คนก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อทั้งหมดมองไปยังผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดของตน พวกเขาก็รู้สึกตกใจทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังถูกย้อมไปด้วยแสงสีแดงอมม่วง อนิจจา ในช่วงเวลาแห่งความตกตะลึงนั้น โจวเหว่ยชิงก็ได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง
เมื่อเปิดใช้งานทักษะผนึกมังกรเงียบสำเร็จก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของโจวเหว่ยชิง ในชั่วพริบตานั้นเอง ทักษะพายุสลาตันก็ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง
ด้วยความเร็วดุจพายุ โจวเหว่ยชิงพลันเพิกเฉยต่อศัตรูชุดดำอีก 4 คนไปโดยสิ้นเชิง และพุ่งเป้าไปที่จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 7 ชุดเพียงคนเดียว สภาพที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเด็ดเดี่ยวและเต็มไปด้วยจิตสังหารที่หนักหน่วงเช่นนี้เป็นภาพที่ยังคงสดใหม่ในใจของเหล่าชายชุดดำ วิธีที่โจวเหว่ยชิงใช้เข่นฆ่าสหายอีก 3 คนของพวกเขาพลันก่อให้เกิดอาการหนาวสั่นจับขั้วหัวใจทันที
ถึงกระนั้น พวกเขาก็ร่วมต่อสู้ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว และการทำงานเป็นกลุ่มของพวกเขาก็เป็นไปเองตามสัญชาตญาณ แม้จะมีความหวาดกลัวและความตกตะลึงซุกซ่อนอยู่ภายในใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาขยับตัวช้าลงแม้แต่น้อย แต่ละคนต่างเปิดใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองเข้าใส่โจวเหว่ยชิงในพริบตานั้นทันที
ข้อดีของทักษะพายุสลาตันนั้นชัดเจนมาก ความเร็วในการจู่โจมกะทันหันและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการโจมตี อย่างไรก็ตาม มันก็มีข้อเสียเช่นกัน ระหว่างเปิดใช้งาน ผู้ใช้จะต้องพุ่งออกไปเป็นเส้นตรงเท่านั้นและไม่สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางได้ง่ายๆ
สำหรับทักษะที่มีระดับดาวสูงและทรงพลังที่โจวเหว่ยชิงใช้นั้น ส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รู้จักสำหรับชายชุดดำ แต่ทว่าทักษะพายุสลาตันเป็นทักษะทั่วไปที่พวกเขายังสามารถแยกแยะได้ ด้วยเหตุนี้ เนื่องจากโจวเหว่ยชิงกำลังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง พวกเขาจึงมั่นใจว่าเมื่อปลดปล่อยการโจมตีของตนออกไป มันจะต้องอยู่ในเส้นทางการเคลื่อนที่ของโจวเหว่ยชิงแน่นอน
ทว่านั่นกลับเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับพวกเขา เมื่อชายชุดดำตัดสินใจมาที่นี่เพื่อลอบสังหารโจวเหว่ยชิง พวกเขาถูกกำหนดมาให้ล้มเหลวแต่แรกแล้ว นั่นเป็นเพราะพวกเขายังไม่รู้จักโจวเหว่ยชิงดีพอ ทั้งจำนวนทักษะที่เขามี รวมถึงผลของพวกมันด้วย
ทักษะพายุสลาตันนำร่างของโจวเหว่ยชิงพุ่งออกไปในระยะประมาณ 5 หลา แต่เขากลับยังไม่ได้เปิดการโจมตีใดๆ ทันใดนั้นเอง ก่อนที่จะไปถึงเป้าหมายเดิม ร่างกายของเขาพลันเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน เท้าขวาเหยียบลงพื้นอย่างแรงในองศาหนึ่ง
ตามผลการใช้งานของทักษะทักษะพายุสลาตัน หากโจวเหว่ยชิงพยายามจะฝืนทำเช่นนั้น เขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก อย่างไรก็ตาม เขาได้ใช้ทักษะหนึ่งซึ่งโดยปกติถือว่ายากที่จะใช้ให้ได้ผลดีอย่างชาญฉลาด เนื่องจากมันมีผลกับคนอื่นและตัวเองพร้อมๆ กัน มันคือทักษะก่อกวนเวลานั่นเอง
ด้วยทักษะก่อกวนเวลา โจวเหว่ยชิงจึงสามารถขัดจังหวะทักษะของตัวเองและเปลี่ยนทิศทางได้อย่างง่ายดาย สวนทางกับสิ่งที่ทักษะพายุสลาตันดั้งเดิมควรจะเป็นแต่แรก ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถลงมือโดยที่ศัตรูทั้งหมดไม่ทันได้รู้ตัวได้
การเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหันด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ทำให้สมองของจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดทั้ง 4 หยุดทำงานไปโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ร่างของจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 7 ชุดยังคงแข็งทื่อจากทักษะผนึกมังกรเงียบ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากโจวเหว่ยชิงมากและยังสามารถหลุดพ้นจากสภาพนั้นได้โดยอาศัยเพียงแค่พลังปราณสวรรค์ ชายหนุ่มก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี
เกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางพุ่งเข้าหาศัตรูชุดดำที่กำลังมุ่งโจมตีทางอากาศอย่างไม่ลังเล โจวเหว่ยชิงพลันปลดปล่อยทักษะที่เตรียมไว้ออกมา
ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงตอนนี้ โจวเหว่ยชิงไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวเลย เขาไม่เพียงแต่ต้องเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ศัตรูมีโอกาสได้เปรียบเท่านั้น พลังปราณสวรรค์ที่ถูกกลืนกินมาก็ยังต้องใช้ออกไปอย่างรวดเร็วที่สุดเช่นกันหากไม่ได้วางแผนที่จะชำระล้างและหลอมรวมให้เป็นของตัวเองแต่แรก หาไม่แล้ว หากว่าพลังปราณภายนอกอยู่ในร่างกายของเขานานเกินไป มันจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก
ทักษะโซ่ตรวนวายุโฉบเข้าใส่ศัตรูทันที ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นจากเกราะมือยักษ์วิญญาณหยาง แม้ทั้งคู่จะมีระดับพลังปราณที่แตกต่างกันถึงสองระดับ ทักษะนั้นก็ยังสามารถทำให้ศัตรูชุดดำหยุดชะงักไปได้ในทันที แค่ช่วงเวลานั้นก็มากพอจะให้โจวเหว่ยชิงลงมือทำหลายสิ่งหลายอย่างได้แล้ว
สิ่งที่ตามมาหลังจากทักษะโซ่ตรวนวายุคือทักษะการหน่วงเวลาสัมบูรณ์ โดยปกติแล้ว โจวเหว่ยชิงจะพยายามไม่ใช้ทักษะเดิมซ้ำๆ ในการต่อสู้ การทำเช่นนั้นมีข้อดีคือทำให้ศัตรูคาดไม่ถึงและประหลาดใจและเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกจู่โจมในช่วงเวลาที่ทักษะเดิมอยู่ในระยะฟื้นตัว