Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 114-2 พลังของสาวน้อยจอมมึน (2)
ในขณะที่หม่าฉุนเริ่มฝันกลางวันเกี่ยวกับอนาคตที่สวยงามของตน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงได้รับบาดเจ็บและไอออกมาเป็นเลือด หม่าฉุนซึ่งอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์จึงไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนจะพุ่งออกไปข้างนอก จนกระทั่งเขายืนอยู่เบื้องหน้าโจวเหว่ยชิงอย่างออกโรงปกป้อง ทันใดนั้นชายหนุ่มก็จำได้ว่าตนเองเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 2 ชุด โดยที่ไม่มีศาสตรามณียุทธ์แม้แต่ชิ้นเดียว…
“พี่น้องที่ดี…” เสียงของโจวเหว่ยชิงดังมาจากด้านหลัง ทำให้หัวใจที่สั่นไหวของหม่าฉุนกลับมามั่นคงเล็กน้อย
สำหรับการพบกันครั้งแรกของโจวเหว่ยชิงกับหม่าฉุน หม่าฉุนถูกอุบายอันชาญฉลาดของเขาล่อล่วงในขณะที่พยายามจะเล่นงานเขา ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงไม่มีความประทับใจกับหม่าฉุนตั้งแต่แรกพบและไม่คาดหวังเกี่ยวกับตัวเขาไว้สูงนัก ทว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็เริ่มมองหม่าฉุนในฐานะพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่ง
ศัตรูชุดดำระดับปรมะที่เหลืออีก 3 คนและยอดฝีมือที่มีมณี 7 ชุดพลันหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นการปรากฏตัวของหม่าฉุน โจวเหว่ยชิงทำให้พวกเขาตกตะลึงมากเกินไป และพวกเขาก็คาดการณ์ไปโดยไม่รู้ตัวว่าใครก็ตามที่อยู่กับโจวเหว่ยชิงจะต้องมีพลังสูงส่งเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขารับรู้ถึงการมีอยู่ของหลินเทียนอ้าวซึ่งเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทการป้องกันขั้นสูงสุด เมื่อเห็นแสงสีเหลืองที่เรืองรองออกมารอบๆ ร่างกายขนาดใหญ่ของหม่าฉุน ทุกคนจึงหยุดชะงักไปในทันทีและไม่ฝืนพุ่งไปข้างหน้าอีก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาได้เห็นมณียุทธ์ 2 ดวงที่รอบข้อมือของหม่าฉุน และใบหน้าของทุกคนก็ดูกระดากอายขึ้นมาเล็กน้อย ชายชุดดำทั้งหมดอยู่ในระดับปรมะขั้นสูงสุดเป็นอย่างน้อย ทว่าพวกเขากลับถูกเพื่อนตัวน้อยที่เป็นเพียงจ้าวมณีระดับ 2 ชุดข่มขู่เอาได้ นั่นทำให้ทุกคนเสียหน้าเป็นอย่างมาก
ในขณะนี้สถานการณ์ของโจวเหว่ยชิงไม่สู้ดีนัก จริงๆ แล้วการไอออกมาเป็นเลือดนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่อย่างใด ขณะอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่างเช่นนี้ ความแข็งแกร่ง ความอึดทน และความสามารถในการโจมตีของเขาก็ยังไม่ควรถูกมองข้ามง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายและความสามารถในการรักษาของเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เกราะเทพอมตะได้ช่วยป้องกันความเสียหายส่วนใหญ่เอาไว้และการโจมตีของศัตรูก็ไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลังเช่นกัน ด้วยเหตุนี้แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะได้รับบาดเจ็บ แต่นั่นก็ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนัก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่แท้จริงคือในการโจมตีครั้งนั้นทำให้พลังปราณสวรรค์ที่ถูกกลืนกินเข้าไปภายในร่างของโจวเหว่ยชิงเกิดปัญหา หลุมดำพลังปราณของเขาหมุนช้าลงจนเกือบจะหยุดชะงัก ทำให้พลังปราณสวรรค์ของเขาตกอยู่ภายใต้ความยุ่งเหยิง และเด็กหนุ่มก็ไม่สามารถควบคุมพลังปราณสวรรค์ภายนอกที่กลืนกินเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตกอยู่ในสภาวะปั่นป่วนภายใน แม้แต่เกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางของเขาก็ใกล้จะสูญเสียการควบคุมและสลายไปแล้ว
ทำอย่างไรดี?! สมองของโจวเหว่ยชิงขบคิดอย่างรวดเร็ว ถ้าหม่าฉุนไม่อยู่ที่นี่ เขาก็เชื่อว่าตนจะยังสามารถพยายามหลบหนีออกไปได้ และบางทีก็อาจจะทำสำเร็จได้อย่างหวุดหวิด ตราบเท่าที่เขาสามารถหลบหนีออกไปได้ ด้วยอัตราการฟื้นตัวและทักษะมากมาย โจวเหว่ยชิงจะมีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน ทว่าหม่าฉุนกลับอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว…ในเวลานี้…เขาจะวิ่งหนีไปได้อย่างไร ถ้าเขาทำเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงย่อมไม่มีวันให้อภัยตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ฝืนอยู่ที่เดิมและสู้ต่อไป
หลังตัดสินใจได้แล้ว โจวเหว่ยชิงก็สลายเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางทันที จากนั้นเด็กหนุ่มก็นำธนูอุษาดำออกมาจากแหวนมิติของเขาและพาดลูกศรลงไป ในสถานการณ์ตอนนี้ เด็กหนุ่มไม่สามารถใช้ศาสตรามณียุทธ์ได้อีกต่อไป เขาจึงต้องต่อสู้ด้วยการยิงธนูเท่านั้น แม้ความพยายามของเขาอาจจะดูเหมือนไร้ค่า แต่เมื่อเขาต่อสู้อย่างสุดกำลัง…โจวเหว่ยชิงก็ยังมีความหวังเล็กๆ อยู่เสมอ
ทันใดนั้นเอง ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ประตูห้องเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างก็เปิดออก และโตวโตวก็เดินออกมาในสภาพที่กำลังสับสน “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่…เสียงดังจังเลย…ข้าเผลอหลับลึกเกินไปหน่อย…”
เมื่อเห็นท่าทางสะลึมสะลือของเธอ โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก พวกเขาต่อสู้กันเสียงดังอยู่ข้างนอก แต่เด็กผู้หญิงคนนี้กลับยังสามารถนอนหลับสนิทได้
ด้วยการปรากฏตัวของสาวน้อยจอมมึน ชายชุดดำทั้ง 4 ที่กำลังจะเปิดฉากโจมตีก็ต้องหยุดมือลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้พวกเขาก็ไม่ต้องรอนานนักเพราะท้ายที่สุดแล้ว โตวโตวก็ดูเหมือนจะไม่เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงเท่าหม่าฉุน และพวกเขาก็เลิกให้ความสนใจหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้นชายชุดดำทั้ง 4 พลันกระโดดขึ้น ก่อนจะดาหน้าเข้าหาหม่าฉุนและโจวเหว่ยชิงอย่างรวดเร็ว
“ท่านจะตีเขาไม่ได้นะ!” โตวโตวกล่าวอย่างรีบร้อน ในขณะที่หญิงสาวพูดเช่นนั้นก็ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอเคลื่อนไหวอย่างไร และท่ามกลางแสงสีเงินเจิดจ้า โตวโตวก็ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหม่าฉุนและโจวเหว่ย ชิง ขวางเส้นทางของชายชุดดำทั้ง 4 เอาไว้ในชั่วพริบตา และในวินาทีต่อมานั้นเอง แสงสีเงินก็สว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง ไม่นานเสียงอู้อี้ 4 เสียงก็ดังขึ้น และชายชุดดำทั้ง 4 ก็กระเด็นถอยหลังกลับไปประมาณ 10 หลาและตกกระแทกลงพื้นอย่างยากลำบาก
โตวโตวกางแขนน้อยๆ ที่บอบบางของเธอออกจากกัน ทำท่าทางเหมือนแม่ไก่กางปีกปกป้องลูกไก่ หญิงสาวไม่ได้สูงนัก รูปร่างของเธอเหมือนน้องสาวตัวเล็กๆ ทว่าการกระทำของเธอกลับตรงกันข้ามกับรูปร่าง นั่นทำให้ดูค่อนข้างน่าตลกสำหรับคนมอง แต่ทว่าในขณะนั้นกลับไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขำเลยแม้แต่น้อย เห็นได้จากการที่ข้อมือซ้ายอันแสนบอบบางของเธอมีหยกหินมังกร 7 ดวงหมุนวนอยู่รอบๆ ในขณะเดียวกันก็มีมณีธาตุสีเขียวอมฟ้า 7 ดวงกำลังหมุนรอบข้อมือขวาเช่นกัน
เป็นสีเขียวอมฟ้าที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มณีที่หายากกระทั่งชายชุดดำก็ไม่สามารถแยกแยะมันได้ในครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงสามารถจดจำมันได้ในทันทีเพราะพวกมันคือไพฑูรย์สองสี!
ไพฑูรย์สองสีหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ? มันหมายความว่ามณีธาตุของโตวโตวมีอยู่อย่างน้อย 2-4 ธาตุ!
ดังนั้นคนที่ตกใจที่สุดไม่ใช่ศัตรูของพวกเขา แต่เป็นโจวเหว่ยชิงและหม่าฉุนต่างหาก!
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสาวน้อยจอมมึนที่ดูเหมือนจะรู้จักเพียงแค่การกินตลอดทั้งวันจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่เช่นนี้
ในแง่ของอายุ โตวโตวนั้นแก่กว่าพี่น้องซ่างกวนเพียงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหว่ยชิงก็ไม่คาดคิดว่าเธอจะอยู่ในระดับมณี 7 ชุด
สำหรับศัตรูชุดดำทั้ง 4 คน การแสดงออกของพวกเขาดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก หลังจากตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดพวกเขาก็จำไพฑูรย์สองสีที่หายากได้ และเธอก็เพิ่งใช้ทักษะธาตุมิติกับพวกเขาไปก่อนหน้านี้เช่นกัน
ถึงอย่างไรอาจารย์ของโตวโตวก็เป็นปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบันอย่างสิงเทียนอี้ การที่เขาจะสนใจพรสวรรค์ของเธอมากพอจนกระทั่งรับตัวมาเป็นศิษย์ ความสามารถของเธอจะต่ำต้อยได้อย่างไร?
ในความเป็นจริง มณีธาตุของโตวโตวคือธาตุมิติและธาตุลม โดยที่มีมณียุทธ์เป็นประเภทความว่องไว แม้ว่าในแง่ของพรสวรรค์ด้านการสร้างศาสตรามณียุทธ์เธอจะไม่สามารถเทียบโจวเหว่ยชิงที่มีทักษะธาตุกาลเวลาเพิ่มเข้ามาอีก 1 ชนิดได้ แต่เธอก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลมากพรสวรรค์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี นอกจากนี้ ในแง่ของลักษณะนิสัยและการใฝ่เรียนตามธรรมชาตินั้น โตวโตวมีความได้เปรียบเหนือโจวเหว่ยชิงอย่างแน่นอน เธอเป็นคนเรียบง่ายและมีความคิดใสซื่อบริสุทธิ์ และสำหรับคนเช่นนี้ การจะมุ่งความสนใจไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งและไม่ถูกรบกวนจากสิ่งเร้าภายนอกนั้นย่อมง่ายดายกว่ามาก ถ้าไม่ใช่เพราะสิงเทียนอี้ยอมรับในตัวโจวเหว่ยชิงและตระหนักถึงนิสัยส่วนตัวของเขา ชายชราย่อมไม่ยอมปล่อยให้ลูกศิษย์แสนล้ำค่าของเขาจากไปพร้อมกับโจวเหว่ยชิงแน่นอน!
สำหรับระดับพลังปราณของโตวโตว นี่ยิ่งง่ายกว่าด้วยซ้ำ ในฐานะศิษย์สายหลักเพียงคนเดียวของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เธอจะขาดวิชาและตำราฝึกปราณได้อย่างไร นอกจากนี้เธอยังอายุมากกว่าซ่างกวนเสว่ เอ๋อร์ ด้วยนิสัยที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนของเธอ หญิงสาวจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกปราณเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ของตำหรับยาลับบำรุงร่างกายและอาหารเสริมสำหรับการฝึกปราณ สิงเทียนอี้ที่หนุนหลังหญิงสาวอยู่จะปล่อยให้โตวโตวขาดสิ่งเหล่านั้นไปได้อย่างไร?
ริมฝีปากของโจวเหว่ยชิงสั่นสะท้านเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เฒ่าสิงบอกว่าโตวโตวสามารถปกป้องตัวเองได้ จากสิ่งที่หญิงสาวแสดงออกมาตอนนี้ เธออาจจะมีพลังมากกว่าเขาด้วยซ้ำ
“โตวโตว ตบพวกเขาให้คว่ำซะ แล้วข้าจะหาอาหารดีๆ ให้กิน” หลังจากได้ใช้เวลาสองสามวันมานี้ร่วมกับหญิงสาว โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักถึงความต้องการของโตวโตวเป็นอย่างดี และเขาก็โยน ‘ไม้ตาย’ ที่แสนดึงดูดใส่หญิงสาวทันที
โตวโตวกระพริบตามองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างอึดอัดใจและพูดว่า “แต่…แต่…พี่ใหญ่อ้วนน้อย ข้าไม่รู้ว่าจะตบตีคนอื่นอย่างไร! แต่ข้าก็จะไม่ยอมให้พวกเขาตีท่านเช่นกัน…ถ้าพวกเขาตีท่านจนตาย ข้าก็จะไม่มีอะไรกินน่ะสิ”
“หนีกันเถอะ” ศัตรูระดับเทวะขั้นแรกไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนั้นได้อีกต่อไป เมื่อเห็นพลังของโตวโตว เขาก็ไม่คิดว่าหญิงสาวกำลังพูดความจริงอยู่และคิดว่าเธอกำลังล้อเลียนพวกเขา
อนิจจา ณ เวลานี้มันสายเกินไปสำหรับพวกเขาแล้ว
ที่กำแพงบ้านมีเงาร่างปรากฏกายขึ้น และเสียงของหลินเทียนอ้าวก็ดังออกมาจากด้านบน “หลังจากลงมือในเมืองเฟยหลี่ของเรา เจ้าคิดว่าจะออกไปได้ง่ายๆ งั้นรึ? จัดการพวกมัน!”
ไม่ใช่แค่หลินเทียนอ้าว อู่หยา สี่น้อย เซียวเอี๋ยน ขี้เมาเป่า และหยุนลี่ต่างก็มาถึงแล้ว
เหตุผลที่ทุกคนใช้เวลานานก็เป็นเพราะพวกเขาได้รับรางวัลชนะเลิศจากงานประลองมณีสวรรค์ พวกเขาล่าช้าเนื่องจากงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นในโรงเรียน หลังจากนั้น พวกเขาก็เข้าร่วมกับหยุนลี่ก่อนที่จะมุ่งหน้ามายังบ้านของโจว เหว่ยชิง โชคดีที่ในระหว่างเดินทางพวกเขาได้เห็นภาพทักษะสวรรค์ของมังกรปีศาจสาวในระยะไกลอย่างชัดเจน และทุกคนก็เร่งรุดมาที่นี่ในแทบจะทันทีเพื่อให้ทันเวลา
หลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆ ไม่มีเวลาให้ตกตะลึงเกี่ยวกับพลังของสาวน้อยจอมมึน และพวกเขาก็เริ่มเปิดฉากโจมตีอย่างรวดเร็ว
เมื่อสหายของเขามาพร้อมกันทั้งหมดที่นี่แล้ว โจวเหว่ยชิงจึงไม่จำเป็นต้องอดกลั้นอีกต่อไป แน่นอน ด้วยสถานะปัจจุบันของเขา เด็กหนุ่มย่อมไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มากนัก ถึงกระนั้น ทักษะผนึกมังกรก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังปราณสวรรค์เพื่อเปิดใช้งาน และเขาก็ใช้ทักษะผนึกมังกรที่เหลือ 3 ครั้งสุดท้ายกับจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นแรกและจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดอีก 2 คนทันที
ชายชุดดำเหล่านี้อาจมีระดับพลังปราณสูงส่ง แต่ในแง่ของศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บ พวกเขาย่อมด้อยกว่าสมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่
อาจกล่าวได้ว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่เป็นหัวกะทิในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหมดของอาณาจักรเฟยหลี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหลินเทียนอ้าวผู้ซึ่งผ่านไปสู่ระดับมณี 6 ชุดเมื่อวันก่อนและหลอมรวมโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ชิ้นที่ 6 เรียบร้อยแล้ว
นับประสาอะไรกับจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6-7 ชุดคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 8-9 ชุดก็ยังยากที่จะฝ่าด่านป้องกันของหลินเทียนอ้าวไปได้ นอกจากนี้ ชายชุดดำเหล่านั้นยังผลาญพลังปราณสวรรค์ไปเป็นจำนวนมากขณะต่อสู้กับโจวเหว่ยชิง และในเวลานี้ ภายใต้ผลของทักษะผนึกมังกร พวกเขาก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นเสือที่ไร้เขี้ยวเล็บ ทันใดนั้น ชายชุดดำทั้งหมดก็ตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นสหายของเขาตรงเข้าโอบล้อมและโจมตีศัตรู โจวเหว่ยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ภายใต้การคุ้ม ครองของหม่าฉุนและโตวโตว เขาเอนหลังลงไปด้านข้างและนั่งขัดสมาธิเพื่อเริ่มฝึกปราณและฟื้นฟูร่างกาย ก่อนหน้านั้นเขาไม่ลืมที่จะเรียกหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็ง 2 ตัวให้มุ่งหน้าไปดักรอที่กำแพงเพื่อเป็นการป้องกันในกรณีที่ศัตรูทั้ง 4 พยายามจะหลบหนี
ในการต่อสู้วันนี้ โจวเหว่ยชิงได้ใช้ทักษะของตนเองออกไปแล้วมากมาย และถ้าเป็นไปได้ เขาไม่ต้องการให้ศัตรูคนใดหลบหนีออกไปเพื่อรายงานให้อาณาจักรป่ายต้าเรียนรู้เกี่ยวกับความสามารถของเขาเพิ่ม ดังนั้นเมื่อหลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆ พุ่งไปออกไปข้างหน้า โจวเหว่ยชิงก็ได้ส่งสัญญาณให้สังหารชายชุดดำทั้งหมด สำหรับคนของอาณาจักรป่ายต้า เขาไม่ได้มีความเมตตาใดๆ เนื่องจากพวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอยู่แล้ว
…
ในท้ายที่สุดหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งของโจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ภายใต้ผลของทักษะผนึกมังกร จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะ 7 ชุดผู้นั้นจึงไม่สามารถต่อกรกับหลินเทียนอ้าวได้เลย และชายชุดดำอีก 4 คนก็ไม่มีโอกาสเอาชนะคนที่เหลือเช่นกัน
เซียวเอี๋ยนสามารถสังหารชายชุดดำได้คนหนึ่ง ในขณะที่อู่หยาก็สับอีกคนด้วยขวานของเธอ ส่วน 2 คนสุดท้ายก็ถูกคนอื่นๆ ร่วมกันโค่นลง อาณาจักรป่ายต้าประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในวันนี้ กลุ่มจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังทั้ง 8 ซึ่งพวกเขาส่งไปลอบสังหารโจวเหว่ยชิงกลับถูกสังหารตายทั้งหมด
ในท้ายที่สุดการเก็บกวาดสนามรบก็เป็นงานง่ายๆ หลินเทียนอ้าวเป็นจ้าวมณีสวรรค์ทักษะธาตุดิน เขาจึงสั่งให้ผืนดินแยกออกและกลืนกินซากศพทั้งหมดเข้าไป ก่อนจะสั่งให้ทั้งหมดกลับคืนสู่สภาพเดิม
“เหว่ยชิง เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” หลังจากกำจัดศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินเทียนอ้าวก็เดินขึ้นไปหาโจวเหว่ยชิง ณ เวลานี้ ไม่มีใครรู้ว่าทำไม แต่หม่าฉุนกลับหนีไปหลบอยู่ที่อีกมุมหนึ่ง โดยที่ศีรษะของเขากำลังก้มต่ำลงและมีเพียงโตวโตวเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างโจวเหว่ยชิง