Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 115 กลศึกทรมานตน! (1)
“ยกเลิกข้อตกลง?” หม่าฉุนลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ไม่ ไม่มีทาง ไม่แน่นอน” คำพูดคราวนี้ไม่ใช่สิ่งที่โจวเหว่ยชิงสอนเขา แม้หม่าฉุนจะรู้ว่ามันยากที่จะยอมรับในขนาดตัวของอู่หยา แต่การทำให้งานแต่งเป็นโมฆะก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ประการแรก นี่เป็นเรื่องร้ายแรงมาก ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องส่วนตัว แต่มันเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเผ่าด้วย ที่สำคัญกว่านั้น เขายังรู้ด้วยว่าเมื่อผู้หญิงเผ่าอีกาทองคำถูกยกเลิกการหมั้นหมายจะเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดไหน กฎของเผ่าอีกาทองคือไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผู้หญิงที่ถูกยกเลิกงานแต่งจะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ซื่อสัตย์ อู่หยาไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเป็นทายาทของหัวหน้าเผ่าอีกาทองได้อีกต่อไป แต่ชีวิตของเธอก็ยังอาจตกอยู่ในอันตรายด้วย แม้หม่าฉุนจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่เขาก็ไม่อาจทำลายชีวิตของอู่หยาเช่นนั้นได้! นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะหลบหนีไปแทนที่จะยกเลิกงานแต่งงาน
อู่หยามองเขาอย่างเย็นชาก่อนจะพูดว่า “ทำไมล่ะ? หากเจ้าไม่ชอบข้า ข้าก็จะคืนอิสรภาพให้แก่เจ้า”
หม่าฉุนส่ายหัวในใจ นึกย้อนไปถึงแผนขั้นที่ 3 ซึ่งโจวเหว่ยชิงได้บอกเขา ก่อนหน้านี้เขายังลังเลเล็กน้อย แต่ตอนนี้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าตนไม่อาจลังเลได้อีกต่อไป
“อู่หยา ที่ข้าหนีออกมาตอนแรก มันเป็นความผิดของข้าจริงๆ ในเวลานั้นข้าไม่ได้คิดให้รอบคอบและข้าก็ไม่อยากแต่งงาน ข้าเกลียดการถูกยัดเยียดให้คนอื่นเพราะคำสั่งของเผ่า อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข้าก็ได้กรุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆ อย่างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าเจ้าหรือข้า เราต่างก็มีภาระที่แบกอยู่บนไหล่ สิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบ สิ่งนี้ชัดเจนมากขึ้นสำหรับข้าหลังจากได้ก้าวออกมาสู่โลกภายนอก ได้เห็นว่าจ้าวมณีสวรรค์มีพลังได้อย่างไร และข้าก็เกลียดตัวเองอย่างแท้ จริงเพราะความเกียจคร้านและความไร้ประโยชน์ของข้าในอดีต ตอนนี้ข้าจึงได้เริ่มทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักแล้ว ความจริงข้าวางแผนไว้แล้วว่าจะฝึกให้สำเร็จก่อน อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าก่อนที่จะกลับไปหาเจ้า ไม่ว่ายังไง…อย่างน้อยข้าก็ต้องมีพลังเท่าเทียมกับผู้หญิงของตัวเอง…”
“ก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลาที่ข้าเห็นเจ้า ข้าก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมากจนไม่สามารถเผชิญหน้ากับใครได้ แทบจะหวังให้แผ่นดินสูบข้าลงไปเสียด้วยซ้ำ ข้ารู้ว่าสมาชิกเผ่าอีกาทองของเจ้าจะไม่ยอมละทิ้งบ้านเกิดมาง่ายๆ และข้าก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้เจ้ามาที่นี่นอกจากตามหาข้า สำหรับหญิงสาวเช่นเจ้า การที่ต้องออกจากบ้านคนเดียวและเดินทางไกลมาเช่นนี้ ข้ารู้สึกซาบซึ้งจริงๆ”
“สำหรับความผิดพลาดที่ข้าได้ทำในตอนนั้น ข้าไม่รู้ว่าจะชดเชยให้เจ้าอย่างไร ข้าแค่หวังว่าจะมีโอกาสได้ทำ ความเข้าใจเจ้า เพื่อตอบสนองเจ้า รักและทะนุถนอมเจ้า…”
ในขณะที่เขาพูดถึงประเด็นนี้ หม่าฉุนก็ยิ้มอย่างเศร้าๆ และขมขื่นก่อนจะพูดต่อ “แน่นอน ข้ารู้ว่าคนๆ หนึ่งต้องชดใช้ความผิดพลาดของตนเอง ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้โอกาสข้า ข้าก็เข้าใจ แต่อย่างน้อยขอให้ข้าได้ปกป้องชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ของเจ้า นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดที่ข้าจะสามารถชดใช้บาปของตนเอง”
หม่าฉุนยกมือขวาขึ้น ไม่มีใครรู้ว่ากริชสั้นปรากฏขึ้นในมือของเขาเมื่อใด และชายหนุ่มก็แทงมันลงไปยังหน้าอกซ้ายของเขาอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ลังเล
คำพูดที่หม่าฉุนเอ่ยนั้นมาจากใจของเขาอย่างแท้จริง และแผนขั้นที่ 3 ที่โจวเหว่ยชิงได้สอนเขานั้นเรียกว่ากลศึกทรมานตนเอง
โจวเหว่ยชิงบอกว่าถ้าอู่หยาไม่ตบตีเขาหลังจากเข้าไปในห้อง นั่นหมายความว่าเธอมีความรู้สึกบางอย่างกับเขา หากเป็นเช่นนั้น เขาก็สามารถใช้กลศึกทรมานตนเองเพื่อหลอกล่อเธอได้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะใช้แผนนี้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขาทั้งสิ้น
เมื่อหม่าฉุนพูดประโยคก่อนหน้านี้กับอู่หยา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจและสำนึกผิดอย่างแท้จริงเมื่อมองเห็นหญิงสาวที่จิตใจแตกสลาย กลศึกทรมานตนของเขาจึงเปลี่ยนจากการแสดงละครไปสู่ความเป็นจริง เดิมทีโจวเหว่ยชิงเคยบอกให้เขาแทงเข้าที่หน้าอกด้านขวาเพราะนั่นจะทำให้เขาเพียงแค่บาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ถึงแก่ชีวิต ทว่าหม่าฉุนกลับแทงลงไปทางหน้าอกด้านซ้าย ที่ๆ มีหัวใจอยู่จริงๆ
สำหรับเผ่าอีกาทอง หากสามีของฝ่ายหญิงเสียชีวิต สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของผู้หญิง และเธอก็จะสามารถแต่งงานใหม่ได้ ในการทำเช่นนี้ หม่าฉุนจึงใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อแลกกับชื่อเสียงของอู่หยา
“เจ้ากำลังทำอะไร?!” เมื่อเห็นหม่าฉุนแทงตัวเองด้วยกริชอย่างเด็ดเดี่ยว หัวใจของอู่หยาก็อ่อนยวบ มือของเธอยกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อจับข้อมือของหม่าฉุนเอาไว้
จริงๆ แล้วเธอค่อนข้างรู้ชัดเกี่ยวกับพลังของหม่าฉุน และเมื่อมือของพวกเขาสัมผัสกัน อู่หยาก็บอกได้ทันทีว่าเขาแทงลงไปอย่างรุนแรงด้วยกำลังทั้งหมดของตัวเอง และมันก็ไม่ใช่การแสดงอย่างแน่นอน ดูจากกำลังที่เขาใช้ แม้ว่าเธอจะจับข้อมือของเขาเอาไว้ได้ทันเวลา แต่กริชของหม่าฉุนก็ยังคงแทงลึกเข้าที่กล้ามเนื้อหน้าอกของเขา และเลือดก็ไหลทะลักออกมาทันที
อู่หยารีบคว้ากริชจากมือของเขาและเหวี่ยงมันออกไปก่อนจะอุดปากแผลไว้อย่างรีบร้อน ในเวลานั้น หม่าฉุนก็แสดงความสามารถในการเกี้ยวผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะไม่ด้อยไปกว่าโจวเหว่ยชิงเลยด้วยซ้ำ เขาหันหน้ากลับไปกอดอู่หยาไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหายไป
ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพของหม่าฉุน การกอดหญิงสาวอย่างสุดกำลังเช่นนี้ บางทีอาจมีเพียงอู่หยาเท่านั้นที่สามารถต้านทานได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้พลังปราณสวรรค์
ณ ลานบ้าน หยุนลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิงเอ่ยออกมาเบาๆ “อันธพาลน้อยหม่าฉุน…เขาจะยังอยู่ดีไหม? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยง่ายๆ!” ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นความสามารถในการต่อสู้ของอู่หยามาแล้วขณะต่อสู้กับชายชุดดำ ไม่กี่วันมานี้อู่หยาได้ทะลุไปยังระดับมณี 4 ชุดแล้ว และนั่นก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพและพลังของขวานในตำนานเป็นอย่างดี หญิงสาวย่อมสามารถฝากรอยประทับไว้ในใจของทุกคนได้อย่างแน่นอน
โจวเหว่ยชิงแสยะยิ้มและกล่าวว่า “หึๆ เขาจะอยู่ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาเรียนรู้จากเทพราคะผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไปมากแค่ไหน”
หยุนลี่หัวเราะอย่างดูถูกและพูดว่า “เทพราคะบ้านเจ้าน่ะสิ เจ้าที่โผล่กลับมาคนเดียวและทำคนรักหายเนี่ยนะ… ”
หลินเทียนอ้าวที่ยืนอยู่ด้านข้างมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าโจวเหว่ยชิงคนเก่าที่ซุกซน เจ้าเล่ห์และไร้ยางอายได้กลับมาแล้ว
โจวเหว่ยชิงและหลินเทียนอ้าวสามารถเข้าใจกันและกันได้เป็นอย่างดี เมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาของเขา โจวเหว่ยชิงก็ยิ้มและกล่าวว่า “แม้วันนี้ข้าจะถูกขับไล่ออกไปจากที่นี่ แต่ข้าก็ได้รับข่าวดีที่สุดที่ข้าไม่ได้ยินมาเป็นเวลานาน ราชวงศ์แห่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของข้ายังไม่ได้ถูกทำลายไปทั้งหมด และอย่างน้อยท่านพ่อของข้าและคนที่เหลือก็ยังมีชีวิตอยู่” ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอธิบายสิ่งที่เขาได้ยินจากไช่ไช่ให้คนที่เหลือฟัง
“สิบปี…พวกเรายังมีโอกาส” หลินเทียนอ้าวกล่าวอย่างเคร่งขรึมหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
โจวเหว่ยชิงพยักหน้า “ใช่ เรามีโอกาสอย่างแน่นอน 10 ปีข้างหน้าจะเป็นเวลาที่เราจะผงาดขึ้น ข้าจะทำให้พวกเขาชดใช้ทุกอย่างที่เอาไปจากข้าคืนเป็น 10 เท่า!”
ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องอย่างแตกตื่นของอู่หยาจากภายในห้อง
สีหน้าของหยุนลี่เปลี่ยนไปทันที “พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ ราวกับว่าเข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว “ทุกอย่างเรียบร้อยดี เราไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา หม่าฉุนคนนี้…พรสวรรค์ของเขาไม่เลวเลย!” จากเสียงร้องตกใจของอู่หยาและน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย โจวเหว่ยชิงก็รับรู้ได้แล้วว่ากลศึกทรมานตนของเขาได้ผล และทั้งคู่ก็ค่อนข้างจะสบายดี
หากกลศึกทรมานตนได้ผลเช่นนี้แล้วจะยังมีอะไรให้ต้องพูดถึงอีก? สิ่งที่เหลืออยู่นั่นมีเพียงหม่าฉุนที่จะจัดการได้ มันไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะสอนได้อีกต่อไป
*ก๊อก* *ก๊อก* *ก๊อก* เสียงเคาะดังขึ้นจากประตูหน้าบ้าน ก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะทันได้เอ่ยอะไร สี่น้อยก็พลันพุ่งไปข้างหน้าเพื่อจะเปิดประตูในขณะที่คนอื่นๆ ต่างก็ตั้งท่าระวังตัว ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าชายชุดดำก่อนหน้านี้เป็นใคร หากอาณาจักรเฟยหลี่กำลังจะลงมือกับโจวเหว่ยชิงจริง พวกเขาคงไม่มีโอกาสให้หลบหนีแล้ว
มีคนมากกว่า 10 คนยืนอยู่ข้างนอก โดยทั้งหมดมีซ่างหลางยืนอยู่ด้านหน้าสุด นอกจากเขาแล้ว โจวเหว่ยชิงยังจำคนอื่นๆ ได้อีกสองสามคน รวมถึงรุ่นพี่หัวโล้นคนนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม จำนวนจริงๆ ของพวกเขาก็น้อยกว่าที่ซ่างหลางเคยบอกโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้ เมื่อรวมซ่างหลางแล้วก็เหลือเพียง 10 กว่าคนที่ยืนอยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นผู้คนมากมายในลานบ้าน ซ่างหลางก็ส่งเสียงแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพาบรรดาสหายพี่น้องเข้าไปข้างใน
“หัวหน้าโจว เรามาแล้ว” ซ่างหลางเดินไปหาโจวเหว่ยชิงก่อนจะหยุดพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่เดิมมีพวกเราอีกสองสามคน แต่เมื่อพวกเขาบางคนได้ยินว่าท่านถูกไล่ออกจากโรงเรียน…”
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ที่เจ้าสามารถนำคนมาได้จำนวนมากขนาดนี้ข้าก็รู้สึกประหลาดใจมากแล้ว”
ซ่างหลางสูดหายใจเข้าลึก แม้ไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าโจวเหว่ยชิง เขาก็มักจะรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหน “…หัวหน้าโจว เรามาที่นี่เพื่อเป็นผู้ติดตามตลอดชีพของท่าน นอกจากข้าแล้ว พวกเขาที่เหลือล้วนเป็นจ้าวมณียุทธ์ การได้ติดตามอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นถือเป็นเกียรติและโชคดีของเรา อย่างไรก็ตาม พวกเรามีกันหลายคนและเราก็กังวลเล็กน้อยว่าท่านจะช่วยพวกเราทุกคนเกี่ยวกับศาสตรามณียุทธ์ได้หรือไม่ ในความคิดของท่าน…”
ท้ายที่สุดมันก็คือการติดตามตลอดชีพและพวกเขาก็ต้องถูกประทับตรา ซ่างหลางจึงต้องรับผิดชอบเหล่าพี่น้องที่ติดตามตนมาด้วย เมื่อพูดคำเหล่านั้นออกมา ชายหนุ่มก็ไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของโจวเหว่ยชิงอีก หากจะพูดตรงๆแล้ว เมื่อโจวเหว่ยชิงถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียนในครั้งนี้ ซ่างหลางเองก็ยังลังเลกับการจะตัดสินใจติดตามเขา ทว่าแรง ดึงดูดของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่มีความสามารถนั้นก็ยอดเยี่ยมเกินไป โดยเฉพาะคนที่อายุน้อยๆ เช่นโจวเหว่ยชิง
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเมื่อเขามาถึงที่นี่และเห็นผู้คนมากมายในลานบ้าน เขาก็เริ่มกังวลแล้วว่าตัวเองและพี่น้องของเขาจะได้รับการสนับสนุนจากโจวเหว่ยชิงในการหลอมรวมม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์หรือไม่
หยุนหลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างอดจะพูดอย่างโกรธเคืองไม่ได้ “เขาคนเดียวอาจทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่ด้วยความช่วยเหลือของข้า มันจะเป็นไปไม่ได้อย่างไร?”
ก่อนหน้านี้ซ่างหลางกังวลมากเกินไปและไม่ได้สังเกตเห็นหยุนลี่ที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นดังนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปด้วยความประหลาดใจ “อาจารย์หลี่ ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”
นับตั้งแต่หยุนหลี่เข้าสอนในโรงเรียนทหารเฟยหลี่ เขาก็ค่อนข้างทะนงตัวและเย่อหยิ่งกับคนอื่นๆ มาโดยตลอด นอกจากนี้ยังไม่ใช่ว่าเขาจะสั่งสอนนักเรียนคนอื่นได้ง่ายๆ ในความเป็นจริง เขาได้สอนห้องเรียนเอกสามัญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หยุนลี่เหลือบมองไปที่โจวเหว่ยชิงชั่วขณะก่อนจะพูดอย่างเฉยเมย “เขาเป็นเจ้านายของข้า หากเขาอยู่ที่นี่ ข้าก็ย่อมต้องอยู่ที่นี่เช่นกัน เจ้าคิดว่าผู้ติดตามของเขาจะมีเพียงแค่พวกเจ้าเพียงไม่กี่คนหรือ?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “ด้วยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงที่เพิ่มเข้ามา อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะทำจิตใจให้สบายได้แล้ว”
ก่อนที่ซ่างหลางจะพยักหน้าเห็นด้วย หยุนลี่ก็ขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงอะไรกัน เจ้านายที่รักของข้า ข้ามาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว!”
ถึงคราวที่โจวเหว่ยชิงก็ต้องสะดุ้งไปบ้าง “เร็วขนาดนั้นเลย?!”
หยุนลี่กล่าวอย่างร่าเริงว่า “เดิมทีข้าก็กำลังจะก้าวไปสู่ขั้นปรมาจารย์แล้ว หลังจากได้แข่งขันกับเจ้า แลกเปลี่ยนสมุดบันทึกและประสบการณ์ต่างๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเคี่ยวกรำตัวเองอย่างหนักหน่วง และในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ก่อนอายุ 30 ปี! เจ้าเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนหรือไม่? ฮ่าๆ แน่นอน ข้าจะไปถึงระดับเทพเจ้าก่อนเจ้า และในเวลานั้น ใครจะรู้ บางทีเจ้าอาจจะอยากเป็นผู้ติดตามของข้าก็ได้
โจวเหว่ยชิงมองไปที่ชายหนุ่มครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดอย่างจริงจัง “หยุนลี่ ข้าคิดว่าเมื่อใครบางคนทะนงตัวมากเกินไป มันย่อมส่งผลร้ายต่อการฝึกของเขา ในความเป็นจริง แน่นอนว่ามันย่อมไม่ดีเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจที่จะช่วยเจ้าให้ไม่ตกหลุมพรางความสำเร็จและความภาคภูมิใจนั้น สาวน้อยจอมมึน มานี่ซิ”