Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 122 หา! ข้าเอาชนะผู้บัญชาการกรมทหาร! (1)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 122 หา! ข้าเอาชนะผู้บัญชาการกรมทหาร! (1)
หญิงสาวในชุดม่วงส่งเสียงร้องอย่างโกรธเคืองและกล่าวว่า “ข้าชื่อเซินปู้[1] เมื่อเจ้าพร้อมแล้ว เราก็มาจบเรื่องนี้กันเถอะ” ขณะพูดเช่นนั้น เธอก็จ้องมองไปที่ผู้บัญชาการกองร้อยซึ่งกำลังรับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินอีกครั้ง
“ระ…เริ่ม การต่อสู้เริ่มได้!” ผู้บัญชาการกองร้อยผู้น่าสงสารซึ่งต้องรับบทผู้ตัดสินชั่วคราวอีกครั้งอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องในใจอย่างขมขื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสายตาของเซินปู้จับจ้องอยู่ที่ตัวเขา ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงตะโกนว่าการต่อสู้เริ่มได้อย่างตะกุกตะกักก่อนจะถอยกลับไปที่ด้านข้างของเวที
บรรยากาศของโดมท้าประลองเงียบกริบและแปลกประหลาดมาก ทันทีที่เซินปู้ขึ้นไปบนเวที ทั่วทั้งสนามก็เงียบเสียงลง นอกจากเสียงหายใจแล้วก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอื่นอีก
เกือบจะทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้บัญชาการกองร้อย กลิ่นอายอันแสนรุนแรงก็ระเบิดออกมาจากร่างของเซินปู้ แผ่ขยายออกมากดทับโจวเหว่ยชิงเอาไว้
จิตสังหารที่รุนแรงนั้นกำลังกดทับจิตวิญญาณของโจวเหว่ยชิง ราวกับว่ามีภูเขาร่วงหล่นลงมาใส่ตน
เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ เขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังมาแล้วมากมายในชีวิต รวมถึงซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ จ้านหลิงเทียน และปีศาจน้อยเซิน อัจฉริยะรุ่นเยาว์เหล่านี้มาจากสถานที่ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเซินปู้ผู้นี้กลับทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกกดดันมากที่สุด
นั่นไม่ได้หมายความว่าเซินปู้จะทรงพลังมากกว่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์คนอื่นๆ แต่เป็นเพราะการปรากฏตัวของเธอได้แผ่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามเช่นนี้ออกมาต่างหาก นั่นเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์คนอื่นๆไม่มี แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะประสบการณ์อันโชกโชนในสนามรบของเธอ
มีเพียงผู้ที่ถูกหล่อหลอมขึ้นด้วยเลือดเนื้อและเปลวไฟกลางสนามรบเท่านั้นที่สามารถแผ่บรรยากาศเช่นนี้ออกมาได้ และด้วยแรงกดดันอันมหาศาลของหญิงสาว คงเป็นเรื่องยากมากที่ศัตรูจะต่อสู้อย่างเต็มที่ในขณะที่เธอดึงศักยภาพทั้งหมดที่มีออกมาใช้
แม้ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ปะทะกัน แต่โจวเหว่ยชิงกลับต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของเขาแล้วมองไปที่เซินปู้อย่างใจเย็น เป็นเพราะสถานะปีศาจกลายร่าง เขาจึงไม่กลัวรัศมีกดดันของเซินปู้นัก แต่กลังจากสำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เด็กหนุ่มก็บอกได้ชัดเจนว่าหากไม่มีสถานะปีศาจกลายร่าง เขาก็คงไม่อาจแผ่จิตสังหารและแรงกดดันออกมาได้เทียบเท่า กับหญิงสาวตรงหน้า หากจะเปรียบเทียบกันแล้ว เซินอี้ย่อมไม่อาจเทียบเคียงเซินปู้ได้เลย หลังจากมาถึงโดมท้าประลองแห่งนี้ ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบกับคู่ต่อสู้ซึ่งอาจคุกคามเขาได้เสียที
มณีสวรรค์ 6 ชุดปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเซินปู้พร้อมกับกลิ่นอายที่เข้มข้นขึ้น และเหมือนกับเซินอี้ที่มีมณียุทธ์หยกหินมังกรประเภทความว่องไวและมณีธาตุไฟทับทิมแดงดารา
จ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุด! รูม่านตาของโจวเหว่ยชิงพลันหรี่แคบลง ด้วยระดับมณี 4 ชุดของโจวเหว่ยชิง หากไม่สามารถใช้สถานะปีศาจกลายร่าง ชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าและทักษะธาตุอื่นๆ ของตนได้ เขาจะสามารถเอา ชนะจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดผู้นี้ได้หรือไม่? ภายในใจของเด็กหนุ่ม เขารู้ว่าคำตอบก็คือ ยากมาก
อย่างไรก็ตาม แม้จะยากลำบากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลย เขาย่อมไม่มีทางรู้แน่ชัดเว้นแต่จะได้ลองด้วยตัวเอง! นิสัยของโจวเหว่ยชิงคือคนที่ฮึดสู้กับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ยิ่งถูกทำร้ายเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งตอบโต้ได้หนักขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการต่อสู้ที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ หากพบกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เขาก็สามารถยอมแพ้และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองร้อย ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มจึงจะไม่เปิดเผยความลับของตนออกไปง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะธาตุอื่นๆ หรือศาสตรามณียุทธ์ของเขาก็ตาม เนื่องจากนั่นจะเป็นการดึงดูดความสนใจและสร้างความน่าสงสัยมากเกินไป ทั้งหมดจะส่งผลเสียต่อแผนการของเขาอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นหลังจากการเปรียบเทียบจุดแข็งของทั้งคู่แล้ว โจวเหว่ยชิงจึงตัดสินใจที่จะต่อสู้ด้วยพลังธาตุลมของเขา
ในขณะนั้น เซินปู้เองก็เริ่มลงมือเช่นกัน ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวของเธอได้อย่างชัดเจน ทั้งร่างของหญิงสาวพลันเลื่อนไถลไปกับพื้น และในพริบตาเดียว เธอก็มาอยู่ตรงหน้าโจวเหว่ยชิง ฝ่ามือมุ่งเป้าไปที่ศีรษะของเขาแล้ว
โจวเหว่ยชิงย่อมรู้ดีว่าเธอเคลื่อนไหวอย่างไรแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นชัดเจนนักก็ตาม เพื่อที่จะเคลื่อนไหวอย่างมั่นคงด้วยความเร็วเช่นนี้ เธอต้องมีทักษะเคลื่อนที่ควบคู่ไปกับกล้ามเนื้อขาและการควบคุมที่ทรงพลัง
แม้ว่าเซินปู้จะไม่ได้ใช้ทักษะใดๆ แต่ฝ่ามือที่ดูราวกับขวานขนาดใหญ่ฟาดลงมาก็ทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกประทับใจมาก นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายของเธอได้แปรเปลี่ยนจากความกดดันแสนรุนแรงไปสู่ความลื่นไหลที่เขาไม่สามารถคว้าจับได้ง่ายๆ แน่นอนว่าฝ่ามือนี้เป็นเพียงการทดสอบเท่านั้น ภายนอกเซินปู้ดูเหมือนว่ากำลังโมโหร้าย แต่เมื่อลงมือจริงๆ หญิงสาวกลับมีท่าทีระมัดระวังเป็นอย่างมาก ความมุ่งมั่นของคนผู้นี้ได้รับการหล่อหลอมขึ้นมาจากเปลวไฟในสนามรบ ทรหดและแน่วแน่อย่างแท้จริง
*ปัง* โจวเหว่ยชิงปิดกั้นการโจมตีด้วยมือทั้งสองข้าง หลังจากเกิดเสียงดังอื้ออึงนั้น เขาก็ต้องเดินเซถอยหลังไป 4 ก้าวก่อนจะกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง นี่ไม่ใช่การแสดงละคร เนื่องจากตอนนี้ระดับพลังปราณของพวกเขาห่างกันเกือบ 8 ระดับและนั่นก็ไม่ใช่ช่องว่างที่สามารถเต็มเติมได้ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพเพียงอย่างเดียว เพราะถึงอย่างไรเมื่อระดับพลังปราณของจ้าวมณีสวรรค์เพิ่มขึ้น ความแตกต่างระหว่างพลังในแต่ละระดับก็กว้างขึ้นเช่นกัน สำหรับโจวเหว่ยชิงที่สามารถป้องกันการโจมตีของเธอได้ด้วยระดับมณี 4 ชุดก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้ว
เซินปู้ส่งเสียงหึในลำคอ ไม่ให้โอกาสโจวเหว่ยชิงได้ฟื้นตัวและฟาดฝ่ามือของเธอออกไปอีกครั้งทันที
ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงเผยแววประหลาดและตกใจ เวทีนี้ไม่ใหญ่มากนัก และหากเขาถอยร่นไปไกลกว่านี้ เด็กหนุ่มก็จะตกขอบสนามออกไปแน่นอน เขาตีลังกาไปด้านข้างผลักตัวเองขึ้นด้วยมือเดียวในสภาพตื่นตระหนกเพื่อหลบการโจมตีครั้งต่อไปของเซินปู้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ในเวลาเดียวกัน ทักษะสายฟ้าทะลวงจักรพรรดิสีเงินที่ได้ผลดีกับเซินอี้ก็ถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ใบมีดแสงสีเขียวปรากฏขึ้นรอบแขน เด็กหนุ่มพุ่งตัวเข้าหาขาทั้งสองของเซินปู้ทันที
เซินปู้หัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางคิดในใจ เจ้าเพิ่งใช้ทักษะนี้เอาชนะน้องสาวของข้า คิดว่าจะใช้ได้ผลกับข้าเหมือนกันงั้นรึ? ไม่ว่าทักษะนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ข้าก็สามารถหาจุดอ่อนของมันได้เมื่อให้เวลามองสำรวจโดยละเอียด ในเวลานั้น เธอจึงตัดสินได้ว่าทักษะสายฟ้าทะลวงจักรพรรดิสีเงินนี้เป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของโจวเหว่ยชิง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ามันคือทักษะอะไรก็ตาม
เซินปู้ไม่แม้แต่จะพยายามหลบ ในทางตรงกันข้าม ทั้งร่างของเธอกลับก้มหมอบลงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นมือของหญิงสาวก็พุ่งเข้าหาฝ่ามือของโจวเหว่ยชิงทันที ในเวลาเดียวกัน บรรยากาศโดยรอบก็แปรเปลี่ยนเป็นร้อนจัดเมื่อดาบสีน้ำเงินยาว 4 ฉื่อ 2 เล่มปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่ทักษะสายฟ้าทะลวงจักรพรรดิสีเงินของโจวเหว่ยชิง
เป็นดาบเพลิงกัลป์ที่มีลักษณะคล้ายกับก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าทั้งเซินอี้และเซินปู้มีทักษะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าดาบของเซินปู้ในระดับมณี 6 ชุดนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าดาบเพลิงกัลป์สีเขียวที่เซินอี้มี
หลังจากการระเบิดครั้งใหญ่ ร่างของโจวเหว่ยชิงก็ถูกพลิกกลับ จากนั้นคลื่นกระแทกก็ส่งเขากระเด็นออกไปไกล ใบหน้าของเซินปู้ดูประหลาดใจมาก แต่เธอกลับไม่ได้ไล่ตามเขาออกไป ไม่ใช่ว่าหญิงสาวไม่ต้องการตามไปซ้ำอีกครั้ง แต่ความจริงแล้ว การโจมตีของโจวเหว่ยชิงนั้นแข็งแกร่งเกินความคาดหมายของเธอไปมาก ทักษะสายฟ้าทะลวงจักรพรรดิสีเงินนั้นทรงพลังสมกับระดับดาวของมันและทำให้เธอต้องรู้สึกตื่นตะลึงไปชั่วขณะ แม้ว่าหญิงสาวจะสามารถทำให้โจวเหว่ยชิงกระเด็นออกไปได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะความแตกต่างในด้านระดับพลังและคุณภาพของพลังปราณสวรรค์เท่านั้น แต่ในเวลาเดียวกัน ทักษะสายฟ้าทะลวงจักรพรรดิสีเงินก็ทำให้ดาบเพลิงกัลป์ของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ และเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากพลังของมัน เธอจึงไม่สามารถไล่ตามไปซ้ำโจวเหว่ยชิงได้ในเวลาที่แสนจะลงตัวเช่นนี้
ถึงกระนั้น เซินปู้ก็ยังคงพุ่งไปต่อข้างหน้าหลังจากหยุดชะงักไปชั่วขณะ เมื่อมองไปที่โจวเหว่ยชิง สายตาของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม แค่ใช้ทักษะที่ทรงพลังครั้งเดียว เจ้าก็ทำให้ข้าไปต่อไม่ได้เชียวรึ? เจ้ามีความสามารถก็จริง แต่เป็นแค่ระดับปรมะขั้นแรก ริจะมาท้าทายระดับปรมะขั้นสูงสุด? ฮึ่ม!
ด้านล่างเวที ท่ามกลางผู้ชมจำนวนมาก ทหารร่างสูงที่พาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิงมาที่โดมท้าประลองกำลังยืนอ้าปากค้างอยู่ที่เดิม ในช่วงไม่กี่นาทีที่ผ่านมาชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความแตกตื่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือในสิ่งที่เกิดขึ้น เขายังจำได้ชัดเจนว่าตนเองล้อเลียนโจวเหว่ยชิงเกี่ยวกับการคิดที่จะท้าทายผู้คุมสังเวียนระดับสูงสุดก่อนหน้านี้อย่างไร ถึงกระนั้น…ในตอนนี้…ไม่ใช่ว่าฉากนั้นกำลังปรากฏต่อหน้าต่อตาเขาหรือ?!
“เฮือกก!!! ตายล่ะ ข้าลืมบอกเขาว่าสำหรับการท้าผู้คุมสังเวียนระดับสูง แค่ยืนอยู่บนสนามได้ครึ่งก้านธูปก็ถือว่าชนะแล้ว และเขาก็จะสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองพันได้ทันที เพราะถึงอย่างไร ผู้คุมสังเวียนระดับสูงสุดก็คือ…”
แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่สามารถได้ยินเสียงพึมพำของทหารร่างสูงที่อยู่ด้านล่างเวทีได้ มิฉะนั้นเขาก็คงจะเปลี่ยนกลยุทธ์และจะไม่เปิดเผยไพ่ตายในมือมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เด็กหนุ่มมุ่งมั่นไปที่การต่อสู้อย่างเต็มกำลังและจับจ้องเซินปู้ไม่วางตา เมื่อเห็นเซินปู้กำลังพุ่งเข้ามาหาตนพร้อมกับรอยยิ้มเย็นชา เขาก็ยิ้มกริ่มอยู่ภายในใจ ได้ผล!
หลังจากหลีกเลี่ยงทักษะสายฟ้าทะลวงจักรพรรดิสีเงินของโจวเหว่ยชิงได้แล้ว เซินปู้ก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเต็มพิกัด คราวนี้เธอไม่ยอมยั้งมือแม้แต่น้อย และความเร็วของหญิงสาวก็ทะยานขึ้นไปมากกว่าการจู่โจมครั้งก่อน 2 เท่า เซินปู้รู้ชัดแล้วว่าแม้ทักษะสายฟ้าทะลวงจักรพรรดิสีเงินของโจวเหว่ยชิงจะมีพลังมหาศาล แต่เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้อีกทันทีหลังจากใช้ไปเมื่อสักครู่ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงต้องรีบฉวยโอกาสขณะที่ทักษะนั้นกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว หญิงสาวต่อสู้ในสนาม รบมานานกว่า 10 ปี และต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีพลังแตกต่างกันนับไม่ถ้วน เซินปู้จึงมั่นใจว่าตนเองสามารถตัดสินเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ได้ดี อ้วนน้อยโจวที่อยู่ต่อหน้าเธอไม่ควรมีทักษะอื่นที่สามารถคุกคามเธอได้อีกนอกจากทักษะแปลกประหลาดชนิดนั้น
ขณะที่ร่างกายของเซินปู้ไถลเข้ามาตามพื้น คราวนี้หญิงสาวไม่เพียงแต่เรียกดาบเพลิงกัลป์ออกมาเท่านั้น ปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่งซึ่งเกิดจากเปลวไฟก็ยังแผ่สยายออกมาทั่วแผ่นหลังของเธอด้วย ปีกที่งดงามนั้นยาวเกือบ 4 ฟุต แผ่แสงสีแดงสดใสออกมาจนสว่างไสวไปทั่วทั้งโดมท้าประลอง
นอกจากนั้น บนร่างกายของเซินปู้ก็ยังมีม่านพลังที่เป็นเอกลักษณ์พวยพุ่งออกมาพร้อมกับปีกขนาดใหญ่เหล่านั้นด้วย ลูกไฟสีน้ำเงินเข้มพลันเริ่มลุกไหม้ในฝ่ามือของเธอ
ซวยแล้ว! นางกำลังพยายามจะฆ่าข้าจริงๆ เหรอเนี่ย! โจวเหว่ยชิงหน้าซีดด้วยความตกใจ เขาสามารถสัมผัสพลังอันน่าสะพรึงกลัวภายในลูกไฟสีน้ำเงินนั้นได้อย่างชัดเจน พวกมันมีพลังเหนือกว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุดทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปีกด้านหลังของเซินปู้สามารถเพิ่มพลังโจมตีของเธอได้ชั่วคราว ถึงอย่างไรหญิงสาวตรงหน้าก็ตระหนักแล้วว่าพลังของเขาด้อยกว่าตัวเอง แล้วทำไมถึงยังใช้การโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้อีกล่ะ!
ขณะที่โจวเหว่ยชิงสบถด่าอีกฝ่ายในใจ ที่ภายนอก เขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาแล้ว เด็กหนุ่มไม่อาจปล่อยให้เซินปู้ปลดปล่อยทักษะนั้นได้สำเร็จและทำให้มันระเบิดต่อหน้าเขา หากเป็นเช่นนั้น แม้ว่าเรียกทักษะธาตุอื่นๆ ของตัวเองออกมาได้ มันก็คงจะสายเกินไป ทั้งยังมีเพียงเกราะป้องกันเทพเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้
เด็กหนุ่มกระแทกเท้าขวาลงบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม แสงสีเขียวพุ่งออกมาล้อมรอบตัวของโจวเหว่ยชิงในเวลาเดียวกันทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทันที มันคือทักษะพายุสลาตันนั่นเอง
ทักษะพายุสลาตันให้พลังเร่งความเร็วที่มุ่งหน้าไปเป็นเส้นตรงเท่านั้น แม้ว่ามันจะเพิ่มความรุนแรงของการโจมตีเป็น 2 เท่าด้วยก็ตาม ประโยชน์ของทักษะนี้ชัดเจนมาก แต่ข้อเสียของมันก็ยังกระจ่างแจ่มแจ้งสำหรับผู้อื่นที่รู้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเส้นทางการโจมตีของมันเป็นเพียงเส้นตรงและไม่อาจหยุดชะงักกลางทางได้ ทั้งยังต้องพุ่งเข้าไปเป็นระยะทางอย่างน้อย 10 หลาก่อนที่จะปลดปล่อยการโจมตี
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงใช้ทักษะพายุสลาตัน เซินปู้ก็ชะงักไป ในความเป็นจริง เธอไม่ได้วางแผนที่จะใช้ทักษะทรงพลังในมือเพื่อโจมตีโจวเหว่ยชิงจริงๆ ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็มีตำแหน่งเป็นถึงระดับนั้น หญิงสาวจะโจมตีทหารใหม่ได้อย่าง ไร?
…………………………………………………………
[1] เซินปู้ เป็นกึ่งเล่นคำเกี่ยวกับจำนวน พ้องกับชื่อน้องสาว เซินอี้ ที่แปลว่าชุดของเทพเจ้า(หลายชิ้น) ส่วนชื่อเซินปู้แปลว่าชุดของเทพเจ้า(ชิ้นเดียว)