Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 50.2 ประมือ จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 50.2 ประมือ จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด (2)
นั่นเป็นไปได้อย่างไร? เขาอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรเชียวนะ! ตอนนี้โจวเหว่ยชิงกำลังตื่นตระหนกมาก ร่างกายของเขากำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศทว่าก็ยังสามารถบิดตัวกลับไปมองได้ สิ่งที่เขาเห็นคือหมิงอู๋กำลังพุ่งเข้าหาเขาและแรงดึงดูดมหาศาลนั้นก็มาจากดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ของอีกฝ่าย
มันคือดอกไม้แห่งยมโลกที่คล้ายกับของหมิงฮัว แต่ดอกไม้ของหมิงอู๋กลับมีขนาดใหญ่กว่าและมีพลังมากกว่าหมิงฮัว 10 เท่า ไม่สิ อาจจะ 100 เท่า! โจวเหว่ยชิงไม่สามารถต้านทานแรงดูดนั้นได้ เขาถูกมันลากกลับไปหาอีกฝ่ายโดยไม่เต็มใจ ด้วยวิธีนี้ หมิงอู๋ก็จะสามารถจับตัวเขาได้ในไม่ช้าแน่นอน
ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ต้องยอมเผยพลังทั้งหมดของเขาออกมา มือซ้ายของเขากวาดไปทางด้านหลัง จากนั้นเสียงฉีกขาดของอากาศก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสีเงินเจิดจ้า นั่นก็คือทักษะกระชากมิติ
แน่นอนว่าทักษะกระชากมิตินั้นทรงพลังอย่างมาก ด้วยพลังเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่สามารถรับมือกับพลังดูดกลืนที่แข็งแกร่งของดอกไม้แห่งยมโลกได้อย่างเต็มที่ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถต้านทานพลังส่วนใหญ่เอาไว้ได้และทำให้โจว เหว่ยชิงสามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้ง ในเวลาเดียวกันเขาใช้ทักษะธาตุมิติอีกชนิด นั่นก็คือทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาที่สามารถส่งร่างของเขาออกไปได้ไกลถึง 10 เมตร เนื่องจากเขามีมณี 3 ชุดแล้ว ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของเขาจึงพัฒนาขึ้นจากระยะ 3 เมตรเป็น 10 เมตร อีกทั้งเวลาที่ใช้ฟื้นตัวก็น้อยลงเช่นกัน
เขาไม่เพียงแต่ปลดปล่อยทักษะทั้ง 2 ชนิดนี้ออกมา ขณะที่กำลังใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาอยู่ หยกน้ำแข็งดวงแรกของโจวเหว่ยชิงก็เปล่งแสงสว่างออกมาเช่นกัน ท่ามกลางหมอกน้ำแข็งสีขาวที่ลอยวนอยู่รอบๆ ไม่นานธนูราชันก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นในมือของเขา
เหตุผลที่โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยธนูราชันออกมาเป็นเพราะเขารู้ดีว่าการพยายามวิ่งหนีนั้นไม่มีประโยชน์ ความหวังเดียวของเขาคือพยายามขัดขวางหมิงอู๋ด้วยการโจมตีเพื่อมองหาโอกาสหลบหนี ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องงัดทั้งทักษะธาตุที่กักเก็บไว้และศาสตรามณียุทธ์ของตนออกมาใช้
ขาขวาของเขาสะบัดออกไปกลางอากาศจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้างขึ้น พริบตานั้นร่างของเขาก็พุ่งทะยานเข้าหากำแพงเมืองอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันเขาก็ง้างธนูราชันขึ้นจนสุดสาย ร่างกายบิดไปมากลางอากาศในขณะที่เขาหมุนคันธนูราชันในมือ สายธนูที่สร้างขึ้นมาจากพลังปรานสวรรค์บริสุทธิ์หมุนวนอยู่รอบๆ ลูกศรโลหะผสมไททาเนียมที่เขาพาดไว้กับสายธนู ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็ปล่อยสายธนูอย่างรวดเร็ว ลูกศรดอกนั้นพลันพุ่งออกไปพร้อมกับเสียงแหวกอากาศที่ดังสนั่นหวั่นไหว
ทักษะการยิงธนูที่โจวเหว่ยชิงใช้เป็นทักษะพิเศษของมู่เอิน นี่คือการหมุนสายธนูเป็นเกลียวขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มอานุภาพของลูกศรและเป็นรูปแบบการบังคับคันธนูที่เป็นเอกลักษณ์ที่ใช้เพื่อปลดปล่อยพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกไปกับลูกศร
มู่เอินเป็นเพียงจ้าวมณียุทธ์ระดับมณี 6 ดวงเท่านั้น แต่เขาสามารถใช้ทักษะการยิงธนูเช่นนี้ทำร้ายอสูรสวรรค์ระดับเทวะให้บาดเจ็บหนักได้ ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่ารูปแบบการยิงธนูของเขาทรงพลังแค่ไหน นอกจากนี้ แม้ว่าพลังปรานสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงจะเทียบไม่ได้กับอาจารย์ของเขา แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขากลับเหนือกว่ามู่เอินมานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีธนูราชันซึ่งเป็นศาสตรามณียุทธ์ที่ทรงพลังมาก มีเพียงจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถใช้ได้
ลูกศรที่ยิงออกไปโดยวิธีดังกล่าวให้ผลลัพธ์ร้ายกาจอยู่แล้ว ทว่าเมื่อเพิ่มพลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชันเข้าไปด้วย นั่นจะทำให้ลูกศรดอกนี้มีพลังโจมตีมากกว่าปกติ หรือก็คือเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า!
ไม่ควรลืมว่าโจวเหว่ยชิงไม่ใช่จ้าวมณีสวรรค์ที่ถนัดต่อสู้ระยะประชิด แต่เขาเป็นนักธนู! แม้ว่าทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของเขาจะค่อนข้างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน แต่เขาก็ยังไม่ได้เชี่ยวชาญและไม่ได้ฝึกฝนการใช้งานพวกมันอย่างเต็มที่เหมือนคันธนูที่อยู่ในมือ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าเขาสามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อใช้ธนู
สำหรับหมิงอู๋ การที่เขากล้าให้โจวเหว่ยชิงเริ่มวิ่งนำออกไปก่อนเช่นนี้ เขาเองย่อมมีความมั่นใจว่าจะจับตัวอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ด้วยระดับพลังปราณของเขา หากโจวเหว่ยชิงสามารถเข้าไปในเมืองได้โดยที่เขาไม่สามารถขัดขวางได้ นั่นก็คงจะกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับผู้อื่นแล้ว
หากสถานการณ์ปัจจุบันยังคงดำเนินไปเช่นนี้ ด้วยพลังการดึงดูดที่แข็งแกร่งของดอกไม้แห่งยมโลก อีกไม่กี่อึดใจโจวเหว่ยชิงคงจะต้องถูกดึงมาถึงตัวหมิงอู๋ในระยะ 30 เมตรแล้ว ทันทีที่เป็นเช่นนั้น หมิงอู๋ก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถกำราบโจวเหว่ยชิงได้อย่างอยู่หมัดและบดทำลายความคิดต่อต้านของอีกฝ่ายทิ้งไป
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากำลังคิดว่าทุกอย่างนั้นช่างดำเนินไปได้ด้วยดี การเปิดใช้ทักษะกระชากมิติอย่างกะทันหันของโจวเหว่ยชิงก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเรื่องนี้จากลูกสาวของเขามาก่อน แต่เมื่อได้ประสบกับตัวเอง เขาก็รู้สึกว่านี่มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง! หมิงอู๋มีความรู้และประสบการณ์มากกว่าหมิงฮัว ดังนั้นเขาจดจำทักษะนี้ได้ แม้ว่าลูกสาวของเขาจะไม่รู้ก็ตาม
ทักษะกระชากมิติของจักรพรรดิสีเงิน!! นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?…ด้วยระดับพลังปราณของเจ้าเด็กเหลือขอนี่ เขาจะกักเก็บทักษะเช่นนี้จากจักรพรรดิสีเงินได้อย่างไร! ทันใดนั้นหมิงอู๋ก็ต้องรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง จักรพรรดิสีเงินคือสิ่งใดน่ะหรือ? มันก็คืออสูรสวรรค์ระดับราชา!!! หากพูดตามมุมมองของคนทั่วไปแล้ว แม้แต่คนที่มีพลังและระดับพลังปราณสูงส่งเช่นหมิงอู๋ แม้เขาจะกลายไปเป็นจ้าวมณีสวรรค์ทักษะธาตุมิติ เขาก็ยังไม่มีความสามารถมากพอจะกักเก็บทักษะจากจักรพรรดิสีเงินได้อยู่ดี!
เหล่าอสูรสวรรค์นั้นมีการจัดระดับคล้ายกับจ้าวมณีสวรรค์และระยะห่างระหว่างระดับเทวะและระดับราชานั้นกว้างมาก ไม่ใช่แค่ปริมาณพลังที่เพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นศักยภาพการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล การเพิ่มระดับในขั้นนี้จึงถือว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมาก จากที่หมิงอู๋รู้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีจ้าวมณีสวรรค์ที่มีระดับต่ำกว่าราชาคนไหนสามารถกักเก็บทักษะจากอสูรสวรรค์ระดับราชาได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย!
ทว่าในเวลาเดียวกันหมิงอู๋ก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาไม่ได้คิดผิด อีกทั้งนั่นก็ไม่ใช่ภาพลวงตา ทักษะที่โจวเหว่ยชิงใช้เป็นทักษะธาตุมิติของจักรพรรดิสีเงินจริงๆ! ในขณะเดียวกันเขาก็ทราบดีว่าสำนักกักเก็บทักษะเพิ่งจับจักรพรรดิสีเงินได้และต้องเสียเงินไปเป็นจำนวนมากในการทำเช่นนั้น
แม้ความรู้สึกตื่นตกใจและความสับสนจะทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง แต่การกระทำของหมิงอู๋ก็ไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย แม้ว่าทักษะดอกไม้แห่งยมโลกจะถูกขัดขวางโดยทักษะกระชากมิติ แต่ด้วยระดับพลัง 9 ดวงของเขา เขาก็ยังมั่นใจว่าจะเอาชนะโจวเหว่ยชิงได้ก่อนที่เขาจะหนีไป
ในขณะนั้นเอง ธนูราชันของโจวเหว่ยชิงก็ส่งลูกศรออกมา จู่ๆ หมิงอู๋ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อมองเห็นพลังในลูกศรที่กำลังพุ่งเข้าหาเขา หากตัดสินด้วยสายตา เขาก็ไม่กล้าปล่อยให้มันโจมตีใส่ร่างของเขาแน่นอน ไม่อย่างนั้น นั่นคงจะสร้างความเสียหายให้กับเขาอย่างหนักหน่วงเป็นแน่
ขณะที่เขากำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ หมิงอู๋ก็เคลื่อนมือขวาออกไปเพื่อใช้ป้องกันตนเอง เขาใช้นิ้วฟาดไปที่ลูกศรในเวลาที่เหมาะเจาะ ในเวลาเดียวกันแสงสีขาวก็ปะทุออกมาจากมือของเขาตรงจุดที่พลังของทั้งคู่ปะทะกัน ค่อยๆ ตรงเข้าไปโอบล้อมพลังระเบิดลูกใหญ่และป้องกันร่างของเขาจากแรงระเบิดเอาไว้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม้ใช้ธนูราชันและทักษะการยิงธนูที่น่าทึ่งของเขา โจวเหว่ยชิงก็ยังไม่สามารถทำร้ายหมิงอู๋ได้ ทว่าจู่ๆ ก็มีบางอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้น ในพริบตานั้นร่างกายของหมิงอู๋กลับกำลังแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ! แม้ว่าร่างกายของเขาจะยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยแรงส่งก่อนหน้า แต่ความเร็วก็เปรียบได้กับการก้าวของหอยทากเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร?! สีหน้าของหมิงอู๋เปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก มีทั้งความตกใจ ความไม่เชื่อ และแม้แต่ความกลัวที่ปรากฏบนใบหน้าของเขา แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะรู้สึกประหลาดใจกับโจวเหว่ยชิงหลายครั้ง แต่นั่นก็ยังไม่ส่งผลต่อเขามากเช่นครั้งนี้ ขณะที่หมิงอู๋จัดการกับลูกศรระเบิดทำลายล้างก่อนหน้า เขาก็ได้ใช้พลังปราณสวรรค์ของเขาเพื่อสลายพลังที่อยู่ภายในลูกศรไปแล้ว ทว่าเมื่อมันระเบิดขึ้นมาจริงๆ ความแรงของมันกลับส่งผลประทบต่อความเร็วของเขาอย่างน่าตกใจ นั่นทำให้เขาเคลื่อนที่ได้ช้าลงมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขากำลังหมุนเวียนพลังปรานสวรรค์ทั้งหมดของเขาอยู่ด้วย แม้กระทั่งใช้มณีธาตุชีวิตของเขาเข้าช่วย แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขอาการแข็งทื่อของร่างกาย…ซึ่งกินเวลาทั้งหมด 3 วินาทีได้
3 วินาทีอาจดูเหมือนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่บางครั้งก็อาจดูเหมือนนานมาก ในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ที่ร้อนระอุเช่นนี้ มันเป็นช่วงเวลาแห่งการตัดสินแพ้ชนะอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม หลังจากยิงธนูออกไปแล้ว โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้หันไปชายตามองหมิงอู๋เลยด้วยซ้ำ เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำแค่เพียงหันหลังกลับแล้วกระแทกเท้าขวาลงกับกำแพงเมืองอย่างแรง ร่างของเขาโผทะยานขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง ในช่วงเวลาสั้นๆ 3 วินาทีเขาก็สามารถกระโจนขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้อย่างรวดเร็วราวกับลมกระโชกแรงสายหนึ่ง หลังจากเขาทำเช่นนั้น เขาก็โบกมือให้หมิงอู๋ก่อนที่จะกระโดดลงไปในเมือง ในเวลาเดียวกันก็ร้องโวยวายออกมาด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาดเพื่อดึงดูดความสนใจและก่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ทหารรักษากำแพงเมือง เขากำลังพยายามสร้างความวุ่นวายขนานใหญ่เพื่อช่วยให้ตนสามารถหลบหนีไปได้
เมื่อ 3 วินาทีสิ้นสุดลง พริบตาต่อมาหมิงอู๋ก็เข้ามาอยู่ในเมืองเฟยหลี่แล้ว ตอนนี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียดมาก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าโจวเหว่ยชิงใช้ทักษะอะไรทำให้เขาเคลื่อนที่ช้าลงเป็นเวลา 3 วินาที ด้วยความแตกต่างระหว่างระดับพลังปราณของพวกเขา แต่เดิมนี่ควรเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!
ทันทีที่โจวเหว่ยชิงเข้าสู่เมืองเฟยหลี่ เขาก็รีบเผ่นหนีเอาชีวิตรอดทันที หัวใจของเขายังคงเต้นรัวด้วยความกลัว ความคิดเดียวของเขาในตอนนี้คือพาซ่างกวนปิงเอ๋อร์หลบหนีออกไปจากเมืองเฟยหลี่ทันที แม้ว่าการเรียนของเขาจะมีความสำคัญ แต่ก็มีนักเรียนที่เขาวางแผนจะชักจูงมาจากโรงเรียนทหารเฟยหลี่แล้ว ดังนั้นตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอิสรภาพของเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่รีบหนี เขาก็อาจจะต้องเผชิญหน้ากับความตายก็ได้
จู่ๆ โจวเหว่ยชิงก็หยุดฝีเท้า เบื้องหน้าของเขามีเงาร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ คนๆ นั้นก็คือหมิงอู๋
ขณะนี้หมิงอู๋ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาพร้อมกับกอดอกและขมวดคิ้ว สายตาของเขาดูสั่นไหวคล้ายกำลังดิ้นรนกับการต่อสู้ภายในจิตใจ
โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ด้วยความประหลาดใจครู่หนึ่ง ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของเขาในที่สุด…“ผู้อาวุโส ข้าไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับท่านอีกครั้งเร็วขนาดนี้ ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าข้าจะอายุยังน้อยและระดับพลังปราณต่ำกว่าท่าน แต่ข้าก็เป็นคนที่พูดแล้วไม่คืนคำ ข้าจะไม่เปิดเผยเรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับนิกายปีศาจสวรรค์ให้คนอื่นรู้เป็นอันขาด การรักษาสัญญาของข้าคือสิ่งที่ลูกผู้ชายทุกคนต้องทำอยู่แล้ว…”
หมิงอู๋ถอนหายใจและกล่าวว่า “พอแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพยายามเล่นลูกไม้กับข้าอีก ข้ายอมรับว่าวันนี้เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจมากและข้าก็แพ้การเดิมพันระหว่างเรา ข้าไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าจะไม่ได้มีเพียงแค่ทักษะกระชากมิติของจักรพรรดิสีเงิน แต่ยังมีทักษะการควบคุมอันทรงพลังที่ข้าไม่รู้จักด้วย! ถ้าข้าเดาไม่ผิด ทักษะธาตุของเจ้าคือธาตุลม มิติ และปีศาจ…อย่างน้อย 3 ทักษะธาตุ!”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ผู้อาวุโส นี่มันก็ดึกมากแล้ว การเดิมพันของเราก็สิ้นสุดลงแล้ว คนหนุ่มอย่างข้าคนนี้จึงต้องขอตัวกลับบ้านไปนอน” เมื่อพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
อนิจจา เพียงพริบตาเดียวหมิงอู๋ก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง การแสดงออกบนใบหน้าของอีกฝ่ายดูน่าเกลียดมาก เขาถอนหายใจและพูดว่า “ข้าต้องขอโทษด้วยเจ้าหนุ่ม ข้ากลัวว่าจะต้องผิดคำพูดสักครั้ง เพื่ออนาคตของนิกายของข้า เกียรติยศส่วนตัวของข้าจึงไม่นับว่าเป็นอะไรได้ ข้าเต็มใจที่จะแบกรับชื่อเสียงโฉดชั่วนั้นไว้เอง เฮ้อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็ยังต้องการให้เจ้าเข้าร่วมนิกายปีศาจสวรรค์ในวันนี้ให้จงได้ เจ้ามีความสามารถมากเกินไปและพรสวรรค์ของเจ้าเพียงอย่างเดียวทำให้ข้าสั่นสะท้านแล้ว ข้าเชื่อว่าถ้าเจ้าเข้าร่วมนิกายปีศาจสวรรค์ของเรา ในอนาคตเจ้าจะทำให้นิกายของเรามีเกียรติสูงส่ง”
ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเบิกกว้างในขณะที่เขาจ้องมองไปที่หมิงอู๋ ในใจพลันรู้สึกสับสน…สถานการณ์ตรงหน้ากลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดหวัง!
สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุดอย่างหมิงอู๋ ด้วยสถานะของเขาในโลกแห่งมณีสวรรค์ เขาถึงกับยอมกลับคำพูดของตนเอง!
การแบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่นั้นอาจฟังดูง่าย แต่สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุดเช่นเขา ทุกคนย่อมบอกได้ว่านี่คือเรื่องสาหัสแค่ไหนที่เขายอมทำเช่นนี้? เมื่อมาถึงตอนนี้หัวใจของโจวเหว่ยชิงก็พลันรู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินถ่วงอยู่ เพื่อนิกายของเขา ตอนนี้หมิงอู๋ได้ละทิ้งศักดิ์ศรีของเขาไปแล้ว ดังนั้นโจวเหว่ยชิงจึงไม่รู้ว่าตนควรจะทำเช่นไรต่อไปดี
………………………