Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 51.3 เทียนเอ๋อร์ (3)
หญิงสาวพูดอย่างเฉยเมย “เป็นเรื่องดีที่เจ้ายังรู้จักยอดเขาของเรา เจ้าทั้ง 2 คนไปได้แล้ว เขาได้รับการปกป้องจากพวกเรา” น้ำเสียงของเธอไพเราะน่าหลงใหล แต่ก็มีความเย็นชาแฝงอยู่ภายในหลายส่วน ความเยือกเย็นนั้นดูเหมือนจะสามารถแทรกซึมเข้าไปถึงไขกระดูกได้
หลังจากตกใจได้ไม่นาน หมิงอู๋ก็ฟื้นคืนสติกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “แม่นางท่านนี้ ยอดเขาสูงสุดทิศเหนือและยอดเขาปีศาจทิศตะวันตกของเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางซึ่งกันและกัน ทั้งยังทำงานร่วมกันในบางครั้ง โปรดอย่าสอดมือเข้ามายุ่งกับธุระส่วนตัวของเรา…นั่นจะเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
หญิงสาวหัวเราะเยาะและพูดว่า “เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดเช่นนั้นกับข้า…บางทีถ้าอู๋สิงเทียนเป็นคนพูด เรื่องนี้อาจจะแตกต่างออกไปก็ได้”
หมิงฮัวพูดอย่างเย็นชา “จองหองเกินไปแล้ว เจ้าไม่อวดอ้างตนเกินไปหน่อยหรือ?” ตามที่โบราณกล่าวไว้ ผู้หญิงสวยๆมักจะอิจฉากันได้อย่างง่ายดาย หลังจากรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่พักหนึ่ง เธอก็จ้องมองไปที่หญิงสาวในชุดสีขาวด้วยความอิจฉาริษยา
อย่างไรก็ตาม เมื่อหมิงอู๋ได้ยินคำพูดของหญิงสาวผู้นี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง เขาจึงถามออกไปอย่างรวดเร็วว่า “ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่?”
เธอตอบอย่างเฉยเมย “ข้าชื่อเทียนเอ๋อร์…”
เมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่าย สีหน้าของหมิงอู๋ก็ดูน่าเกลียดขึ้นในพริบตา เขาขมวดคิ้วมุ่นขณะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
เทียนเอ๋อร์กล่าวต่ออย่างเฉยเมย “ภูเขาหิมะสวรรค์ของเราเฝ้าจับตาดูบุคคลนี้มานานแล้ว แม้ว่าระดับพลังปราณของเจ้าจะสูงกว่าข้า แต่ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ว่าเจ้าทั้งคู่จะร่วมมือกัน พวกเจ้าก็ยังไม่สามารถเอาชนะข้าได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น หากเจ้ากล้าลงมือกับข้า…ยอดเขาปีศาจทิศตะวันตกของเจ้าก็จะได้หายไปแน่นอน”
ขณะที่พูดเช่นนั้น เธอก็ยกมือซ้ายขึ้นแล้วกวาดมือไปทางโจวเหว่ยชิง
เมื่ออยู่ในสภาพบาดเจ็บเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจะหลีกเลี่ยงการโจมตีของหญิงชุดขาวได้อย่างไร ทว่าสิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้คือแสงสีทองวูบวาบ และความรู้สึกอบอุ่นที่ตรงเข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเขา วินาทีต่อมาเด็กหนุ่มก็หมดสติไปทันที
“ทักษะธาตุเทวา!” เมื่อหมิงอู๋สังเกตเห็นแสงสีทองจากมือของเทียนเอ๋อร์ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ได้…พอก็พอ เนื่องจากเขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของภูเขาหิมะสวรรค์ ข้าจึงไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป”
“แม่นางเทียนเอ๋อร์ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เปิดเผยเรื่องในวันนี้”
เทียนเอ๋อร์พยักศีรษะเล็กน้อยเป็นการยอมรับ หมิงอู๋มองไปที่โจวเหว่ยชิงอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจก่อนจะคว้าตัวลูกสาวกระโดดขึ้นกลางอากาศและหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
เทียนเอ๋อร์เฝ้าดูพวกเขาจากไปอย่างสงบก่อนที่ดวงตาจะส่องแสงเจิดจ้าออกมา ไม่นานแสงสีเงินสว่างวาบขึ้นและนกตัวน้อยก็ปรากฏบนไหล่ของเธอ มันคือจักรพรรดิสีเงินที่หลบหนีออกมาจากวังกักเก็บทักษะนั่นเอง! หากก่อนหน้านี้หมิงอู๋ไม่แสดงความเคารพต่อภูเขาหิมะสวรรค์ เทียนเอ๋อร์ย่อมไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่
เมื่อหันไปหาโจวเหว่ยชิง ความสงบนิ่งและความเฉยเมยในดวงตาของเธอก็หายไปทันที เธอยกขาเรียวยาวขึ้นเตะบั้นท้ายของเขาไป 2-3 ที อย่างโมโห ในที่สุดเธอก็บิดหูของเขาและพูดว่า “ฮึ่ม! เจ้าคนไร้ยางอายนี่ ถ้าข้ามาไม่ทันเวลา เจ้าก็คงจบสิ้นไปแล้ว พลังของเจ้ายังแข็งแกร่งไม่มากพอด้วยซ้ำ แต่ความสามารถในการสร้างปัญหานั้นกลับมีเหลือเฟืออย่างไม่น่าเชื่อเชียว แม้แต่กับนิกายปีศาจสวรรค์ เจ้าก็ยังชักนำปัญหามาได้! เจ้ายักษ์ทึ่ม!” เมื่อเธอพูดจบก็อดไม่ได้ที่จะเตะก้นเขาอีก 2 ครั้งก่อนจะหยุด
จักรพรรดิสีเงินมองดูการกระทำของเธออย่างสนอกสนใจ แต่เธอก็ส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าเงินน้อย จงมุ่งหน้าไปยังภูเขาหิมะสวรรค์ นำป้ายของข้าไปเพื่อรับรองตัวเองด้วย กลิ่นอายของเจ้าเด่นชัดเกินไปและวังกักเก็บทักษะคงจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่ นี่คือดินแดนของพวกเขา หากพวกเขาพบเรา นั่นจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้น เมื่อเจ้าไปถึงภูเขาหิมะสวรรค์ ท่านพ่อของข้าจะดูแลเจ้าเอง อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าเจ้าต้องไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์อีก เข้าใจหรือไม่?”
*จิ๊บ* *จิ๊บ* จักรพรรดิสีเงินร้องรับเบาๆ 2 ครั้งก่อนที่จะบินหายไปบนท้องฟ้า
หลังจากเฝ้าดูมักจากไป ในที่สุดเทียนเอ๋อร์ก็คว้าร่างของโจวเหว่ยชิงและหายตัวไปในความมืดเช่นกัน
…
อีกฝั่งหนึ่ง หมิงอู๋พาลูกสาวของเขากลับไปที่คฤหาสน์ด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม ทันทีที่พวกเขากลับไปถึงบ้านอย่างปลอดภัย หมิงอู๋ก็มุ่งเน้นความสนใจไปที่การรักษาไหล่ของตนทันที แม้ว่าเขาจะมีทักษะธาตุชีวิต แต่การที่กระดูกของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆก็ไม่ใช่สิ่งที่จะรักษาได้ง่ายๆ ดังนั้นการจัดการมันให้เร็วที่สุดก็สำคัญมากเช่นกัน ด้วยความช่วยเหลือของ หมิงฮัว กระดูกจึงค่อยๆ ถูกประกอบกลับเข้าด้วยกัน ทว่าถึงกระนั้นก็ยังต้องใช้เวลาฟื้นฟูและพักฟื้นอย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อให้บาดแผลหายสนิท
“ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ทำไมท่านถึงไม่ลงมือล่ะ? ผู้หญิงที่ชื่อเทียนเอ๋อร์นั่นเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ดวงเท่านั้น แม้ว่าท่านจะบาดเจ็บ แต่ท่านก็ยังมีพลังมากกว่านาง!” หลังจากช่วยบิดาทำแผล หมิงฮัวก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาอย่างสงสัย
หมิงอู๋ส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่น เขากล่าวว่า “ถ้ามันง่ายดายเช่นนั้นก็คงจะดี ถ้ามันเป็นแค่เรื่องของพลัง แม้ว่าข้าจะบาดเจ็บ บางทีข้าก็ยังสามารถเอาชนะนางได้ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าหรือจับนาง ยอดเขาสูงสุดทิศเหนือ…ภูเขาหิมะสวรรค์…เจ้าคิดว่าพวกเขารับมือได้ง่ายดายเช่นนั้นเลยหรือ? หากเราไม่ระวัง นั่นอาจจะนำความพินาศมาสู่นิกายของเราก็เป็นได้”
หมิงฮัวกล่าวอย่างสงสัย “พวกเขาคือยอดเขาสูงสุดทิศเหนือ แต่เราก็เป็นยอดเขาปีศาจทิศตะวันตกเช่นกัน พวกเราทั้งคู่ถือว่าเป็น 1 ใน 5 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ในทวีปและถือได้ว่าเท่าเทียมกัน ทำไมพวกเราถึงต้องเกรงกลัวพวกเขาด้วย?”
หมิงอู๋กล่าวว่า “เท่าเทียม? บางทีอาจเท่าเทียมกันในแง่ของชื่อเสียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รู้ความจริงแล้ว ในแง่ของพลังพวกเราไม่ได้ใกล้เคียงกันเลย ยอดเขาปีศาจทิศบูรพาของเราอยู่ลำดับล่างสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ในขณะที่ภูเขาหิมะสวรรค์อยู่บนยอดสุด ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นก็ถึงเวลาที่ข้าจะบอกความลับกับเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดอาณาจักรวั่นโซ่วจึงสามารถต่อสู้กับอาณาจักรอื่นๆ ในทวีปได้ด้วยตัวเอง? เป็นเพราะภูเขาหิมะสวรรค์ตั้งอยู่ที่นั่นและหนุนหลังพวกเขาอยู่ยังไงล่ะ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งไหนกล้าต่อสู้กับพวกเขาเลย”
“ก่อนหน้านี้หญิงสาวชื่อว่าเทียนเอ๋อร์ใช้ทักษะธาตุเทวาซึ่งเป็น 1 ใน 3 ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่หายาก นอกจากนี้มณีธาตุของนางยังเป็นไพฑูรย์ตาแมวสองสี! และชื่อของนางยังมีคำว่า ‘เทียน’ อยู่ด้วย ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่านางมีสายเลือดของกษัตริย์ หรืออาจเป็นถึงลูกสาวของราชาหิมะสวรรค์! มีข่าวลือว่าเขามีลูกสาวเพียงคนเดียวและหากเราแตะต้องนาง… อย่าพูดถึงการทำร้ายนางเลย…แม้แต่แย่งโจวเหว่ยชิงไปจากนาง นั่นก็อาจสร้างปัญหาใหญ่และทำให้นิกายของเราถูกทำลายลงได้”
เมื่อฟังคำอธิบายของบิดา หมิงฮัวก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง “ท่านพ่อ แต่ข้าไม่อยากจะยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆเช่นนี้ พวกเราเกือบจะทำสำเร็จแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้น ท่านก็เห็นว่าโจวเหว่ยชิงมีทักษะธาตุปีศาจและเป็นจ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจรุ่นแรก…เขาควรจะเป็นของนิกายปีศาจสวรรค์!!”
หมิงอู๋พูดอย่างเฉยเมย “เจ้าอาจพูดถูก แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าสามารถบิดพลิ้วกับโจวเหว่ยชิงได้ก็ไม่ใช่เพราะข้ามีพลังมากกว่าเขาหรอกหรือ?”
“ในกรณีนี้ก็เหมือนกัน ความแตกต่างระหว่างภูเขาหิมะสวรรค์กับนิกายปีศาจสวรรค์ของเราก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างระดับพลังของข้ากับโจวเหว่ยชิง พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
“เพียงเพราะเช่นนั้น…เราถึงต้องยอมแพ้อย่างนั้นหรือ?” หมิงฮัวนึกถึงเรื่องที่เขาทำก่อนหน้านี้ในอุโมงค์และกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
หมิงอู๋ถอนหายใจและกล่าวว่า “พวกเราทำอะไรได้บ้าง? ตอนนี้มีเพียงแผนเดียวที่ข้าคิดออก เจ้าควรหาทางเข้าหาเขาและพยายามกลับไปอยู่เคียงข้างเขา…ถ้าเป็นไปได้…พยายามมีลูกกับเขา…อย่างน้อยเด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นจ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจรุ่นที่ 2 ซึ่งจะยังคงช่วยนิกายของเราได้มาก เจ้าหนุ่มคนนั้นมีความสามารถและอันตรายเกินไป เราได้ทำให้เขาขุ่นเคืองเข้าแล้ว และเพราะเราไม่อาจทำให้เขาเข้าร่วมกับเราได เราจึงต้องรักษาความสัมพันธ์กับเขาไม่ให้แย่ลงไปกว่านี เจ้าเป็นอาจารย์ของเขา ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะพยายามแก้ไขความสัมพันธ์ของพวกเจ้าอย่างไร แม้ว่าเขาจะไม่เข้าร่วมกับเรา แต่เราก็ไม่อาจเป็นศัตรูกับเขาได้”
หมิงฮัวพูดอย่างไม่เต็มใจ “ ท่านพ่อ ข้าไม่ทำหรอก! มีอะไรดีๆ เกี่ยวกับเขาบ้าง? ท่านถึงกับต้องการให้ลูกสาวตัวเองถวายตัวให้… ”
หมิงอู๋ส่งเสียงฮึ่มในลำคอและพูดว่า “เจ้าเด็กโง่…ปกติเจ้าฉลาดมาก แต่เมื่อพูดถึงโจวเหว่ยชิง ทำไมเจ้าถึงซื่อบื้อได้ขนาดนี้ เจ้าไม่เห็นพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาดของเขาหรือ? แม้ว่าเจ้าจะหาจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 3 ดวงมาอีกเป็นหมื่นๆคน พวกเขาทั้งหมดก็ไม่อาจทำร้ายข้าได้ แต่ทว่าเขากลับทำได้ ในการต่อสู้กับเขา ข้าได้เห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยนั่นมีทั้งทักษะธาตุลม สายฟ้า มิติ และปีศาจเป็นอย่างน้อย มณีธาตุที่แท้จริงของเด็กนั่นควรเป็นไพฑูรย์ตาแมวสองสีอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้เขายังอาจมีทักษะธาตุอื่นๆ ที่พวกเราไม่รู้จักอยู่อีก ด้วยระดับพลังปราณของเขา เขากลับสามารถทำให้ข้าช้าลงได้เป็นเวลา 3 วินาที ทักษะที่น่าเหลือเชื่อเช่นนั้นคืออะไรกันแน่? นอกจากนี้ เมื่อดูจากทักษะทั้งหมดที่เขาใช้ ไม่มีชนิดไหนต่ำกว่าระดับ 8 ดาวด้วยซ้ำ! ยังไม่รวมความจริงที่ว่าเขามีชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า…อนาคตของเขามีอะไรอีกบ้างที่พวกเราบอกไม่ได้ ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรที่เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ภูเขาหิมะสวรรค์เป็นผู้หนุนหลังที่แท้จริงของเขานั่นเอง ถ้าข้าเดาไม่ผิด ลูกสาวของราชาหิมะสวรรค์คนนั้นอาจจะตกหลุมรักเขา ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะคิดอย่างไรกับเขา แต่ในโรงเรียนเจ้าควรทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับโจวเหว่ยชิง เข้าใจหรือไม่?”
หมิงฮัวหน้ามุ่ยอย่างไม่เต็มใจ ทว่าก็พยักยอมรับ ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอที่มีต่อโจวเหว่ยชิงคืออะไร บางทีมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้อยู่ลึกๆ ข้างใน
…
เมื่อโจวเหว่ยชิงตื่นจากการหลับใหล เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนอบอุ่นและเบาสบายมาก เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาขึ้น เริ่มกระพริบตาและลุกขึ้นนั่ง เขาก็ประหลาดใจที่พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในห้องของตัวเองและกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อย
ในห้องเงียบสงบมาก แสงแรกของวันสาดส่องเข้ามาบ่งบอกว่ากำลังเป็นเวลารุ่งสาง เจ้าแมวอ้วนนอนหลับสนิทอย่างเกียจคร้านอยู่ที่เดิมและทุกอย่างดูปกติดีราวกับว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น…เมื่อคืนข้าฝันไปหรือ?” โจวเหว่ยชิงพึมพำกับตนเอง
ในขณะนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ “อ้วนน้อย ได้เวลาตื่นแล้ว วันนี้เป็นวันแรกที่เข้าเรียน เราไม่ควรไปสาย ข้าจะไปทำอาหารเช้าแล้ว” น้ำเสียงอ่อนโยนของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ดังลอดเข้ามาจากภายนอกทำให้หัวใจของเขาพลันอบอุ่นขึ้น
“เข้าใจแล้ว ข้าตื่นแล้ว” โจวเหว่ยชิงตอบกลับ
เมื่อรวบรวมพลังปรานเพื่อตรวจสอบสภาพของตัวเอง เขาก็พบว่าพลังปรานสวรรค์ของเขาเหลืออยู่เต็มเปี่ยม ทว่าโจวเหว่ยชิงก็มั่นใจเช่นกันว่าตนไม่ได้ฝันถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้และทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแน่นอน เขายังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาใส่ออกไปเมื่อคืนและมันก็ยังหลงเหลือกลิ่นหอมจางๆ ของหมิงฮัวอยู่
หญิงสาวชุดขาวคนนั้นเป็นใครกันแน่?! ยอดเขาสูงสุดทิศเหนือและยอดเขาปีศาจทิศตะวันตกคืออะไร? จากคำพูดของเทียนเอ๋อร์และหมิงอู๋ ยอดเขาปีศาจทิศตะวันตกน่าจะเป็นนิกายปีศาจสวรรค์ เห็นได้ชัดว่ากองกำลังหลักของนิกายปีศาจสวรรค์น่าจะอยู่ทางตะวันตกของทวีปซึ่งส่วนใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ของอาณาจักรป่ายต้าและอาณาจักรเฟยหลี่
…………………………