Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 61.1 ข้าพร้อมที่จะพ่ายแพ้ (1)
“ข้าแพ้แล้ว…ข้าตั้งใจวางเดิมพันเองแต่แรก เพราะฉะนั้นข้าจึงพร้อมที่จะพ่ายแพ้เช่นกัน มาสิ” หลินเทียนอ้าวพูดซ้ำอีกครั้ง
เมื่อเห็นสีหน้าแน่วแน่ของเขา โจวเหว่ยชิงก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เขาหมุนตัวจากไปโดยไม่รอให้ทั้งสองคนได้เอ่ยอะไรอีก
เมื่อทั้งสามคนออกมาจากสนามประลองใต้ดินได้แล้ว หลินเทียนอ้าวก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ท่านไม่มีทักษะตราประทับธาตุมืดหรือ?”
โจวเหว่ยชิงหยุดและพูดว่า “แน่นอนว่าข้ามี”
หลินเทียนอ้าวขมวดคิ้ว และถามอย่างสงสัย “แล้วทำไมก่อนหน้านี้ท่านไม่ใช้ทักษะนั้นกับข้าล่ะ?”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะเต็มเสียงและกล่าวว่า “อย่าได้รีบร้อนไป พวกเราจะกลับไปที่ร้านหมายเลข 77 ก่อน ไม่จำเป็นต้องเร่งทำเช่นนั้นในห้องของสนามประลอง”
ดวงตาของหลินเทียนอ้าวเผยประกายแวววาวขณะที่เอ่ยว่า “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะกลับคำหรือ? สัญญาผูกมัดของสนามประลองใต้ดินนั้นทรงพลังมาก แต่หากเราออกไปข้างนอกแล้วต่อมาข้าต้องการหลบหนี พวกเขาก็คงจะไล่ตามข้าไม่ทัน”
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ ข้าไม่กลัวหรอก ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนั้น ถ้าเจ้าหนีไปจริงๆ ข้าก็คงต้องโทษสายตาตัวเองที่มองคนผิดไป”
หยุนลี่ที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “งั้นเจ้าจะบอกว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นงั้นรึ? เห็นเจ้าดูกังวลมากเหลือเกินตอนประทับตราข้า”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะและพูดว่า “ก็นิดหน่อย อย่างไรข้าก็ไม่มั่นใจในตัวเจ้ามากเท่าหลินเทียนอ้าวหรอก อีกทั้งตอนนั้นพวกเราทั้งคู่ยังอยู่ในห้องปิด การประทับตราจึงสะดวกกว่าที่นี่มาก ตอนนี้เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ทำไมต้องสนใจเรื่องหยุมหยิมพวกนั้นด้วยล่ะ?!”
หยุนลี่หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หันไปมองหลินเทียนอ้าวที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มกว้างและพูดอย่างติดตลกว่า “อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนที่ต้องทนทุกข์ทรมาณไปกับข้าแล้ว ตอนนี้ข้าจึงรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ”
หลินเทียนอ้าวเอ่ยด้วยความโมโห “ให้ตายสิ! นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร…?”
หยุนลี่ยิ้มและกล่าวว่า “เฮ้…เจ้ายักษ์ โมโหไปก็ไร้ประโยชน์ แม้ว่าข้าจะไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งเท่ากับเจ้า แต่ในแง่ของความเร็ว เจ้าก็สู้ข้าไม่ได้หรอกนะ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นเรอะ? ตอนนี้พวกเราเป็นพี่น้องที่ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราทั้ง 2 คนถูกเจ้าจิ้งจอกน้อยหลอกมาที่นี่ เฮ้อ แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องยอมรับว่าเจ้ามีพลังมากกว่าข้ามาก ถ้าแม้แต่เจ้าก็ยังแพ้ให้กับเจ้าเด็กกลิ้งกลอกผู้นี้ ทำไมข้าจะต้องรู้สึกผิดกับตัวเองอีก? ฮ่าๆๆๆ…”
จากนั้นหลินเทียนอ้าวก็ตระหนักถึงบางอย่างได้ทันที เขาโพล่งถามอย่างสงสัย “เจ้ากำลังจะบอกว่าตนเองแพ้การเดิมพันก่อนหน้านี้ ในการประลองสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระหว่างเจ้ากับเขาน่ะหรือ? แถมยังโดนเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ประทับตราไปแล้วด้วย?”
หยุนลี่แค่นเสียงตอบอย่างฉุนเฉียว “ใช่…เจ้าเด็กนี่เจ้าเล่ห์เกินไปจริงๆ”
“เฮ้ยๆๆ…ข้าแค่จะบอกว่า…เจ้าทั้ง 2 คนน่ะ…มีปัญหาอะไรกับเด็กเหลือขออย่างข้าคนนี้งั้นรึ!! อย่างไรข้าก็เป็นเจ้านายของพวกเจ้าแล้วนะ! อย่างน้อยก็ให้ความเคารพเจ้านายของเจ้าบ้าง” โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากสอดบทสนทนาของคนทั้งคู่
หยุนลี่และหลินเทียนอ้าวประสานเสียงพร้อมกัน “เคารพก้นข้าน่ะสิ!”
เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของพวกเขา โจวเหว่ยชิงก็คร้านจะใส่ใจ เขาหัวเราะออกมาและพูดว่า “หึๆ…เฮ้ออออ คนบางคนเพิ่งจะสูญเสียอิสรภาพไปตลอดชีวิตนี่นะ…ข้าเข้าใจดีว่าต้องให้เวลาปรับตัวกันบ้าง ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา พี่ใหญ่คนนี้ใจดีมาก เจ้าทุกคนสามารถทำตัวสบายๆต่อไปได้เช่นเดิม ฮ่าๆ…มาเถอะ กลับไปที่ร้านหมายเลข 77 เพื่อซื้อของและประทับตราให้พี่หลินในห้องที่เป็นส่วนตัวกว่านี้ ฮ่าๆๆๆ”
ฝ่ายซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่รออยู่ที่ร้านหมายเลข 77 เธอจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างบริเวณเส้นทางที่ทั้ง 3 คนหายไปก่อนหน้านี้อย่างใจจดใจจ่อ
ในที่สุดร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา เมื่อเธอเห็นสภาพยุ่งเหยิงและสะบักสะบอมของเขาเป็นครั้งแรก เธอก็รู้สึกตกใจมาก ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มพอใจบนใบหน้าของเขา เธอจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ฉินเฟิงก็รู้ข่าวการมาถึงของพวกเขาอย่างรวดเร็วจากพนักงานภายในร้าน เขารีบร้อนลงไปข้างล่างเพื่อต้อนรับพวกเขาร่วมกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์
“อาจารย์โจว การเดิมพันของท่าน…?” ฉินเฟิงถามอย่างสงสัย
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดว่า “อ่า…เสมอ…เสมอกันอีกครั้งยังไงล่ะ…ฮ่าๆๆๆๆ” เขามีความสุขมากเกินไปจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างชื่นมื่น
เป็นอีกครั้งที่หยุนลี่และหลินเทียนอ้าวมีความคิดเดียวกัน…ในชีวิตของข้าไม่เคยอยากต่อยคนเท่านี้มาก่อน…
“พี่ใหญ่ฉิน พวกเราคงต้องขอยืมห้องของท่านอีกครั้ง พวกเรา 3 คนมีบางเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน ท่านสะดวกหรือ ไม่?” โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ฉินเฟิงเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เชิญด้านนี้” ตอนนี้เขามีข้อสงสัยมากมายเพราะการเสมอในครั้งที่ 2 นี้ดูง่ายดายเกินไปหน่อย อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้จักหลินเทียนอ้าวและไม่รู้ว่าเขาทรงพลังแค่ไหน ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อให้มากความ
หยุนลี่หยุดชะงัก เขาหันไปหาโจวเหว่ยชิงและพูดว่า “พวกเจ้าไปกันเถิด ข้าจะไม่เข้าไปกับพวกเจ้าทั้ง 2 คนหรอก ข้ายังต้องไปกล่าวลาพี่โจวฉางซี” เขากลัวว่าถ้าได้เห็นพิธีประทับตราอีกครั้ง ความทรงจำเลวร้ายจะผุดขึ้นมาและเขาจะต้องกลับไปรู้สึกหดหู่อีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าชมในครั้งนี้
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “เอาล่ะ เชิญตามสบาย เช่นนั้นก็เจอกันหลังจากนี้ พี่ฉิน ข้ามีอีกอย่างต้องรบกวน ข้าต้องการซื้อสินค้าตามรายการพวกนี้ ท่านช่วยจัดเตรียมให้ข้าหน่อยได้หรือไม่? ข้าจะจ่ายเงินให้ท่านหลังจากพวกเราพูดคุยกันเสร็จแล้ว ขอบคุณมาก” เขาหยิบรายการสินค้าที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา เนื่องจากเขากำลังอารมณ์ดี เขาจึงไม่ได้ซักถามเรื่องราคาจากอีกฝ่าย
โจวเหว่ยชิง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และหลินเทียนอ้าวมุ่งหน้าไปยังห้องๆ หนึ่งที่ดูเงียบสงบ หลินเทียนอ้าวเป็นคนเที่ยงธรรมและไม่ได้พยายามผิดคพูดของตนเช่นเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงคาดเอาไว้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดในหัวใจ แต่เขาก็ไม่พยายามขัดขืนและอนุญาตให้โจวเหว่ยชิงใช้พิธีเลือด ตราประทับธาตุมืดกับตนโดยดี ด้วยเหตุนี้ จ้าวมณีสวรรค์ที่มีพลังป้องกันอันน่าเกรงขามจึงกลายเป็นผู้ติดตามของโจวเหว่ยชิงไปอีกหนึ่งคน
“พี่หลิน ในอนาคตท่านสามารถเรียกชื่อข้าตรงๆ ได้เลย วันนี้ข้าโชคดีเกินไปจริงๆ แต่ว่าท่านก็เป็นคนที่คิดการเดิมพันครั้งนี้ขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นจะโทษข้าก็ไม่ได้ บอกตามตรงว่าท่านมีระดับพลังปราณสูงกว่าข้ามาก ถ้าวันหนึ่งระดับของท่านสูงกว่าข้าไป 12 ระดับ ผนึกระหว่างพวกเราก็จะสลายไปเองทันที”
หลังจากประทับตราเสร็จสิ้น โจวเหว่ยชิงก็ยังคงยิ้มแย้มพูดคุยกับหลินเทียนอ้าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลินเทียนอ้าวถอนหายใจเหยียดยาวและพูดว่า “วันนี้ความโลภของข้าสร้างหายนะให้ตนเองอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าท่านทั้งคู่เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่มีความสามารถมาก ข้าจึงเกิดความคิดที่จะชักนำให้พวกท่านคนใดคนหนึ่งมาเป็นผู้ติดตามของข้า ทั้งหมดเป็นเพราะหวังว่าในอนาคตท่านจะช่วยสร้างชุดโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของข้าให้สมบูรณ์ได้ อนิจจา ใครจะรู้ว่านอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว ข้ายังต้องสูญเสียอิสรภาพของตัวเองไปแทน แท้จริงแล้วข้าไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับท่าน แต่ข้าพ่ายแพ้ให้กับความประมาทของตัวเอง ไม่ต้องกังวลไป อย่างไรข้าก็พ่ายแพ้ให้ท่านไปแล้ว ในอนาคตข้าก็คือคนของท่าน”
ปากของโจวเหว่ยชิงกระตุก เขาอดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า คำว่า “เจ้าเป็นคนของข้า” นี้หมายถึงอะไรกันแน่?! อย่าทำให้มันฟังดู…สองแง่สองง่ามจะได้ไหมหา!? อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าหลินเทียนอ้าวกำลังอารมณ์ไม่ดี เขาจึงไม่ได้พยายามจะล้ออีกฝ่ายเล่นและพยักหน้าให้เขาแทน
“เจ้านาย ข้าอยากจะขอร้องบางอย่าง” หลินเทียนอ้าวกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลง ยกมือวางไว้บนหน้าอกในท่าโค้งคำนับ
โจวเหว่ยชิงรีบกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วพี่หลิน ท่านสามารถพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้เลย ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ท่านสามารถพูดคุยกับข้าเหมือนพี่น้องได้”
หลินเทียนอ้าวส่ายหัวและพูดว่า “ข้าแพ้การเดิมพันแล้ว ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงเป็นผู้ติดตามของท่าน ส่วนท่านก็คือเจ้านายของข้า ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง เจ้านาย ข้ามีธุระสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จสิ้น ขอเวลาข้า 3 เดือนได้หรือไม่? หลังจาก 3 เดือนนี้ผ่านพ้นไป ข้าจะกลับมาอยู่เคียงข้างท่านและเป็นผู้ติดตามตลอดชีพของท่านแน่นอน”
โจวเหว่ยชิงรู้สึกอยากจะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่ายจริงๆ แม้ว่าเขาจะมาอยู่เมืองเฟยหลี่ได้ไม่นาน แต่เขาก็ถูกหลายคนจ้องคุกคามชีวิตเสียแล้ว เมื่อมีจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังอยู่เคียงข้างคอยปกป้องเขา นั่นย่อมช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัยกว่าเดิมมาก ทว่าในท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้ายอมรับ อย่างไรหลินเทียนอ้าวก็เพิ่งสูญเสียอิสรภาพของเขาไปทั้งชีวิต โจว เหว่ยชิงจะไม่ให้เขาได้สะสางปัญหาของตนเองก่อนได้อย่างไร? ดังนั้นเขาจึงจัดแจงบอกเวลาและสถานที่เพื่อนัดพบหลินเทียนอ้าวในอีกสามเดือนข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนอ้าวมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสายตาลึกล้ำก่อนจะกล่าวคำอำลาและเดินจากไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม แต่โจวเหว่ยชิงก็ยังมองเห็นสายตาแสดงความซาบซึ้งได้อย่างชัดเจน
เวลา 3 เดือนไม่นานก็ผ่านพ้นไปแล้ว อย่างมากข้าก็แค่พยายามไม่ทำตัวโดดเด่นในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้ โจว เหว่ยชิงคิดกับตนเอง
ร้านหมายเลข 77 ของฉินเฟิงเปิดทำการมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว เขาจึงมีสินค้ามากมายสำรองเอาไว้ แม้ว่าร้านของเขาจะขาดของบางอย่างที่โจวเหว่ยชิงต้องการ แต่ก็ยังมีร้านค้าอื่นๆ อีกมากมายให้เขาไปเลือกหาของมาให้ ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เขาก็เตรียมสินค้าที่บันทึกไว้ในรายการสินค้าของโจวเหว่ยชิงเสร็จเรียบร้อย
“เจ้ามีธุระส่วนตัวที่ต้องทำอีกหรือไม่? ถ้ามี ข้าก็จะให้เวลาเจ้าไปสะสางให้เสร็จสิ้น” เมื่อเห็นหยุนลี่กลับมายังร้านหมายเลข 77 โจวเหว่ยชิงก็ถามเขาหลังจากพูดคุยกันได้สั้นๆ
หยุนลี่ส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้ข้าอยู่ตัวคนเดียวบนโลก ข้ากำพร้าตั้งแต่อายุยังน้อย และได้อาจารย์ช่วยเลี้ยงดูข้ามาจนเติบใหญ่ 2 ปีก่อนอาจารย์ของข้าเสียชีวิตลง ตอนนี้ข้าจึงไม่เหลือคนอื่นอีกแล้ว เพราะฉะนั้นข้าจึงสามารถติดตามเจ้าไปได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย” ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็แอบขยับเข้าไปใกล้โจวเหว่ยชิงและกระซิบข้างหู “หลังจากนี้ให้ข้าตรวจดูค้อนคู่ในตำนานของเจ้าด้วย ข้าก็อยากจะค้นคว้าเกี่ยวกับพวกมันเหมือนกัน”
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้เห็นโจวเหว่ยชิงควงค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน ในใจของเขาพลันรู้สึกคันยิบๆ ท้ายที่สุดแล้วสำหรับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์จะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าศาสตรามณียุทธ์ที่ทรงพลังและหายากเช่นนี้อีก? แม้แต่ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียอิสรภาพก็ยังลดลงไปมากเพราะความปรารถนาที่จะตรวจสอบค้อนคู่ชิ้นนั้น
“ไม่มีปัญหา ข้าจะให้เจ้าลูบคลำพวกมันภายหลังแน่นอน” โจวเหว่ยชิงเอ่ยปากรับคำอย่างง่ายดาย ในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เขาย่อมเข้าใจว่าตอนนี้อีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร นอกจากนี้ เขายังอยากจะหารือและแลกเปลี่ยนความรู้กับหยุนลี่อีกด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากฮูเหยียนเอ้าป๋อ แต่หลายสิ่งนั้นก็ยากที่จะจดจำ เขายังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสามารถตกตระกอนความรู้ทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่าหยุนลี่มีประสบการณ์มากกว่าเขา อีกทั้งความรู้ของอีกฝ่ายก็ยังมาจากคนละสำนักกับโจวเหว่ยชิง การแลกเปลี่ยนความรู้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่ายและโจวเหว่ยชิงก็จะสามารถเลื่อนระดับเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงได้เร็วกว่าเดิมมาก
“พี่ฉิน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมเป็นเท่าไหร่หรือ?” โจวเหว่ยชิงเก็บวัตถุดิบต่างๆ ที่ฉินเฟิงเตรียมไว้ใส่แหวนมิติ จากนั้นก็ไม่ลืมถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ฉินเฟิงลังเลสักพักก่อนจะกัดฟันพูดว่า “น้องชาย ข้าคิดเพียง 260,000 เหรียญทองสำหรับเจ้า”
โจวเหว่ยชิงชะงักและพูดว่า “แพงมาก!” เขามีเงินเพียง 450,000 เหรียญทองและใส่เงินไว้ในบัตรสมาชิกทั้งหมด 400,000 เหรียญทอง ก่อนหน้านี้เขาได้จ่ายค่าซ่อมแซมสนามประลองไปแล้ว 100,000 เหรียญทอง และหากต้องจ่ายเงินอีก 260,000 เหรียญทอง อาจกล่าวได้ว่าเขาใกล้ถังแตกแล้ว
หยุนลี่มองไปที่ใบหน้าเศร้าสร้อยของโจวเหว่ยชิงและสะกิดบอกเขาด้วยความเดือดดาล “หยุดพูดเหมือนพวกไม่รู้ความได้แล้ว! รู้ไว้เสียด้วยว่าเถ้าแก่ฉินให้ราคาที่น่าอัศจรรย์กับเจ้าแล้ว สินค้าที่เจ้าต้องการมีราคาตามท้องตลาดประมาณ 400,000 เหรียญทอง นี่อาจเป็นไปได้ว่าเถ้าแก่ฉินขายของให้เจ้าในราคาทุนด้วยซ้ำ รีบๆ จ่ายเงินเร็วเข้า”
โจวเหว่ยชิงยิ้มแย้มและกล่าวอย่างร้อนรน “ฮ่าๆ…ขออภัยด้วยขอรับพี่ฉิน…ข้าไม่รู้ราคาสินค้าตามท้องตลาดมากนัก โปรดรับเงินจากข้าด้วย” เขาส่งทั้งบัตรสมาชิกของเขาและของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ให้อีกฝ่ายเพื่อจ่ายเงินค่าสินค้า