Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 63.2 ตราประทับที่ไม่อาจทำลายได้ (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 63.2 ตราประทับที่ไม่อาจทำลายได้ (2)
หม่าฉุนตบหน้าอกพลางพูดว่า “ไม่มีปัญหา พวกเราหาที่พักเองได้อยู่แล้ว หัวหน้า ดูข้าสิ ข้าจงรักภักดีมากขนาดนี้ ท่านจะเริ่มสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ 6 ชิ้นของข้าได้เมื่อไหร่ล่ะ?”
โจวเหว่ยชิงจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคืองและพูดว่า “เจ้าจงมีสมาธิกับการฝึกปราณเสียก่อน มาคิดดูแล้ว อันที่จริงข้าก็มีแผนการสำหรับเจ้าเช่นกัน ทว่าตอนนี้ข้ายังไม่อาจสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ประเภทนั้นขึ้นมาได้ เจ้าคงต้องรออย่างน้อย 1 ปีสำหรับสิ่งนั้น อย่างไรก็ตาม หากเจ้าไม่อาจทนรอได้นานขนาดนั้น ข้าก็อาจสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ 6 ชิ้นให้เจ้าได้…และอาจจะดีกว่าสำหรับเจ้าด้วย หากเจ้ารอไม่ไหว ข้าก็จะเริ่มสร้างอย่างอื่นให้เจ้าแทน”
เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ โจวเหว่ยชิงก็นึกไปถึงหลินเทียนอ้าวโดยไม่ต้องสงสัย หม่าฉุนมีมณียุทธ์ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับหลินเทียนอ้าว ทั้งคู่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทการป้องกันแบบบริสุทธิ์ หากหม่าฉุนสามารถเดินตามรอยเท้าของหลินเทียนอ้าวได้ นี่อาจเป็นประโยชน์สำหรับเขามาก
หม่าฉุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หัวหน้า ข้าเชื่อใจท่าน ข้าจะรอ”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่ก่อนจะตบไหล่เขาพลางพูดว่า “อืม บางที…รอให้ข้ากลับจากการประลองมณีสวรรค์แล้วข้าจะหาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันให้กับเจ้าโดยเฉพาะ” เมื่อถึงเวลานั้น หลินเทียนอ้าวก็น่าจะกลับมาหลังจากจัดการธุระของเขาแล้วเช่นกัน
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังจะไปทานอาหารเย็นและกลับไปที่หอพักเพื่อเริ่มสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ ทันใดนั้นเขาก็ถูกเหล่ารุ่นพี่หัวโล้นขวางทางเอาไว้อีกครั้ง
ดวงตาของหม่าฉุนและโข่วรุ่ยเผยแววระมัดระวังออกมา แต่โจวเหว่ยชิงเพียงยิ้มจางๆ และพูดว่า “รุ่นพี่ซ่างหลาง ข้าก็คิดไว้แล้วว่าถึงเวลาที่ท่านจะมาตามหาข้าเสียที หม่าฉุน โข่วรุ่ย พวกเจ้าทั้ง 2 คนไปกินข้าวก่อน ส่วนพวกเขาข้าจัดการได้”
ซ่างหลางกล่าวว่า “โจวเหว่ยชิง พวกเราไปหาที่คุยกันเงียบๆ เถอะ”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและนำซ่างหลางไปอีกทาง ทั้งคู่เดินไปที่มุมหนึ่งใกล้บันได
“เอาล่ะ เจ้าตัดสินใจอย่างไร?” โจวเหว่ยชิงยิ้มและเอ่ยออกมา
ซ่างหลางสูดหายใจเข้าลึกและมองไปที่โจวเหว่ยชิงอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามออกมา “ให้โอกาสพวกเราเหมือนเพื่อนร่วมชั้นของเจ้าไม่ได้จริงๆ หรือ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ตัวข้าไม่ได้ทำการกุศล นอกจากนี้เจ้าควรรู้ว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทุกคนมีขีดจำกัดของตนเอง เพราะเจ้าเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนที่ข้าไว้หน้าเป็นพิเศษ ข้าจึงไม่กำหนดกฏเกณฑ์อะไรมากนัก เพราะถึงอย่างไรเจ้าแต่ละคนก็มีสิ่งที่ตนต้องยึดมั่นเอาไว้”
ซ่างหลางถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าพูดถูก โลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาเปล่าๆ ข้าได้ปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมชั้นแล้ว ในบรรดาพวกเรา 44 คนรวมทั้งตัวข้า แต่เดิมมีเพียง 3 คนเท่านั้นที่เต็มใจจะเป็นผู้ติดตามของเจ้า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ห้องเรียนของเจ้าต่อยตีกับห้องชนชั้นสูงพวกนั้นแล้ว ตอนนี้ก็มีพวกเรา 16 คนเต็มใจจะเป็นผู้ติดตามของเจ้า”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับการประลองมณีสวรรค์หรือไม่?”
ซ่างหลางชะงัก ไม่คาดคิดว่า โจวเหว่ยชิงจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างกะทันหันในเวลานี้ “อืม แน่นอนว่าข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนั้น”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ในอีก 2 วัน ข้าจะเป็นตัวแทนของโรงเรียนเข้าร่วมการประลองมณีสวรรค์ในฐานะสมาชิกตัวสำรอง ข้าจะกลับมาในอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบให้คำตอบกับข้า ปล่อยให้เพื่อนร่วมชั้นของเจ้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้นอีก เมื่อข้ากลับมา นั่นจะเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา ในเวลานั้นเจ้าสามารถพาทุกคนที่ต้องการติดตามข้ามาหาข้าได้ทันที” เขาต้องจากไปในไม่ช้าจึงไม่เหลือเวลาและพละกำลังมากพอจะประทับตราให้พวกเขาทั้งหมด อย่างไรเขาก็ไม่รีบร้อนทำสิ่งนี้อยู่แล้ว โจวเหว่ยชิงสามารถรอจนกว่าตนเองจะกลับมาจากการประลองได้
หลังจากได้ยินว่าโจวเหว่ยชิงจะเข้าร่วมการประลองมณีสวรรค์ ซ่างหลางก็ผงะไป เดิมทีเขาคิดว่าโจวเหว่ยชิงเป็นเพียงคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดเกี่ยวกับเขาคือสถานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นมากกว่าแค่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทั่วๆ ไป…อย่างน้อยความสัมพันธ์ของเขากับโรงเรียนก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว! หลังจากต่อยตีกับพวกนักเรียนชนชั้นสูง เขาไม่เพียงทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากบทลงโทษไปได้อย่างง่ายดาย แต่เขายังสามารถเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปเข้าร่วมการประลองเช่นนี้ได้อีกด้วย นี่เป็นเกียรติสูงสุดที่ไม่ใช่ว่าใครจะรับมาได้ง่ายๆ โดยปกติแล้วสิ่งนี้เป็นโอกาสอันมีค่าสำหรับรุ่นพี่ปี 4 เท่านั้น!
“ข้าทราบแล้ว ข้าจะแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอให้เดินทางปลอดภัยและประสบความสำเร็จดั่งที่หวัง” ซ่างหลางยื่นมือไปทางโจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงจับมือเขาและพูดว่า “อย่าลืมฝึกฝนให้หนักก็แล้วกัน ส่วนตัวข้าคิดว่าการเป็นตัวสำรองนั้นไม่คุ้มค่าสักนิด เป้าหมายของข้าคือพยายามเป็นสมาชิกในกลุ่มหลักและนำเพื่อนจากโรงเรียนเจ้ามณีชิงตำแหน่ง 4 อันดับแรกและเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ให้ได้! ฮ่าๆๆๆ…” ขณะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง โจวเหว่ยชิงก็หันหลังและเดินจากไป
เมื่อมองไปยังร่างของโจวเหว่ยชิงที่หายลับไปจากสายตา ซ่างหลางก็รู้สึกสังหรณ์อะไรแปลกๆ…เด็กคนนี้อาจไม่ได้พูดเกินจริงด้วยซ้ำ โจวเหว่ยชิงให้เวลาเขาอีก 2-3 เดือน แต่ซ่างหลางรู้ดีว่าหากเวลานั้นอีกฝ่ายสามารถเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ได้จริงๆ มาตรฐานสำหรับรับผู้ติดตามของเขาก็คงจะสูงขึ้นมาก เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าเขาและเพื่อนร่วมชั้นจะเต็มใจติดตามโจวเหว่ยชิงหรือไม่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือโจวเหว่ยชิงจะยอมรับพวกเขาเป็นผู้ติดตามหรือไม่ต่างหาก
ซ่างหลางถอนหายใจเบาๆ เขาพลันรู้สึกว่าสิ่งที่โจวเหว่ยชิงพูดออกมานั้นถูกต้องที่สุด แทนที่จะกรุ่นคิดให้วุ่นวาย เขาควรตั้งใจฝึกปราณอย่างหนัก เพราะไม่ว่าอย่างไร ท้ายที่สุดความแข็งแกร่งก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ
หลังจากกินอาหารเย็นแล้ว โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้รีบร้อนกลับไปที่หอพัก เขากระโดดข้ามกำแพงแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างลับๆ แทน เป้าหมายของเขานั้นง่ายมาก เพื่อนำหยุนลี่เข้ามาที่โรงเรียนด้วยกัน
หลังจากได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ หยุนลี่ก็ไม่ได้ประท้วงอะไรออกมาอีก คืนก่อนหน้านี้ทั้งเขาและโจวเหว่ยชิงยังคุยกันไม่จบและเขาก็ดีใจมากที่ได้ติดตามโจวเหว่ยชิงเข้ามาในโรงเรียน เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองจึงมุ่งหน้ากลับไปที่โรงเรียนและลักลอบเข้าไปข้างในโรงเรียนด้วยกัน
โจวเหว่ยชิงอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้หยุนลี่ฟังอย่างรวดเร็วจนหยุนลี่อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? สร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้กลุ่มคนจำนวนมาก…โดยไม่คิดเงิน?! เจ้าทำไปเพื่ออะไรกันแน่?”
โจวเหว่ยชิงถอนหายใจและพูดว่า “ข้าจะพูดอย่างไม่ปิดบังเจ้า ทั้งตัวข้าและซ่างกวนปิงเอ๋อร์มาจากอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ อาณาจักรของเราทั้งเล็กและอ่อนแอ…และวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ก็คือการรวบรวมกลุ่มคนที่มีความสามารถจำนวนมากเข้ามาเป็นพวก เพื่อนร่วมห้องเอกสามัญของข้าเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ มีความสามารถอันโดดเด่น! พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นจ้าวมณีเท่านั้น แต่ยังมีความเข้าใจที่ดีเยี่ยมในยุทธวิธีทางการทหาร แผนของข้าคือหาทางนำพวกเขามาเป็นผู้ติดตาม ก็อย่างที่โบราณว่าไว้ เมื่อได้รับความกรุณาก็ต้องอย่าลืมตอบแทนบุญคุณ หาก 1 ใน 3 ของพวกเขาเต็มใจติดตามข้าด้วยใจจริง การลงทุนของข้าก็คือว่าได้รับผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมแล้ว”
หยุนลี่ยักไหล่และพูดว่า “ข้าเป็นแค่ผู้ติดตามของเจ้า ถ้าเจ้าต้องการลงทุนเช่นนี้ ข้าก็จะทำตามที่เจ้าบอก หากเจ้าขอให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็อยู่ที่นี่ในฐานะอาจารย์ แต่อย่างไรก็ตาม ข้าจะไม่สอนอะไรและจะยังคงค้นคว้าเกี่ยวกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ต่อไปอีกด้วย”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะและพูดว่า “ไม่มีปัญหา เหตุผลที่ข้าขอให้เจ้าเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ ส่วนใหญ่ก็เพื่อช่วยปกป้องเพื่อนร่วมห้องของข้าและไม่ปล่อยให้พวกเขาถูกนักเรียนชนชั้นสูงรังแก มาเถอะ พวกเรามาคุยเกี่ยวกับแบบร่างที่ดีที่สุดสำหรับศาสตรามณียุทธ์ของพวกเขากันดีกว่า”
หยุนลี่พยักหน้า แน่นอนว่าเขาสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์อยู่แล้ว
หลังจากการพูดคุยกันเป็นเวลายาวนาน ความจริงก็ปรากฏขึ้นว่าที่แท้ประสบการณ์ของหยุนลี่นั้นเหนือชั้นและหลากหลายกว่าโจวเหว่ยชิงมากนัก โดยเฉพาะในแง่ของการออกแบบร่างม้วนคัมภีร์ หลังจากได้รับข้อมูลที่ได้รับจากนักเรียนสามัญชน ทั้งคู่ก็ช่วยกันวิเคราะห์และพยายามคิดหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน จากนั้นก็เริ่มออกแบบม้วนคัมภีร์ประเภทต่างๆ พวกเขาใช้เวลาทั้งคืนไปกับการพูดคุยและออกแบบม้วนคัมภีร์ โจวเหว่ยชิงได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายจากหยุนลี่ โดยเฉพาะความรู้ขั้นพื้นฐานในการออกแบบม้วนคัมภีร์ให้เสร็จสมบูรณ์ แน่นอนว่านั่นเป็นประสบการณ์ที่มีค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันหยุนลี่ก็ได้เรียนรู้จากโจวเหว่ยชิงเช่นกัน ด้วยแนวคิดแปลกประหลาดของเขาที่ดูเหมือนจะพลิกแพลงไปมาหลายตลบ รวมถึงวิธีการสร้างม้วนคัมภีร์ที่เป็นเอกลักษณ์จากนิกายของโจวเหว่ยชิง เพียงช่วงเวลาระยะสั้นๆ ทั้ง 2 คนก็ได้รับประโยชน์จากการทำงานในคืนนั้นอย่างมาก
ในอีก 2 วันถัดมา โจวเหว่ยชิงก็โดดเรียนโดยใช้เหตุผลเกี่ยวกับการประลองมณีสวรรค์เป็นข้ออ้าง นอกจากจะพาหยุนลี่ไปพบไช่ไช่เพื่อยืนยันการจ้างงานในตำแหน่งอาจารย์ผู้ช่วยแล้ว เขายังพากันแวะออกไปรับประทานอาหารอีกด้วย ทั้งเขาและหยุนลี่พักผ่อนเพียงแค่ 4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และโดยปกติเวลาที่พักก็มักจะถูกนำใช้ไปกับการฝึกปราณนั่นเอง ส่วนเวลาที่เหลือของพวกเขาต่างก็หมดไปกับการออกแบบและสร้างม้วนคัมภีร์
ในแง่ของการออกแบบ โจวเหว่ยชิงยังถือว่าห่างชั้นกับหยุนลี่มากนัก แต่เมื่อมาถึงกระบวนการสร้างม้วนคัมภีร์ขึ้นมาจริงๆ แม้จะมีหยุนลี่อีก 10 คนก็ไม่อาจเทียบเคียงโจวเหว่ยชิงได้ ในช่วงเวลาสั้นๆ 3 วันนี้ หยุนลี่สามารถสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางขึ้นมาได้เพียง 3 ชุด ในขณะที่โจวเหว่ยชิงทำเสร็จไปแล้ว 27 ชุด ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในแง่จำนวนม้วนคัมภีร์ที่เพื่อนร่วมห้องทั้งหมดต้องการเท่านั้น แต่ยังสามารถเหลือสำรองไว้สำหรับขายอีกด้วย!
โจวเหว่ยชิงทิ้งม้วนคัมภีร์เหล่านั้นไว้กับหยุนลี่เพื่อให้เขานำไปขายและซื้อวัตถุดิบที่ต้องการในขณะที่เขาไม่อยู่
เมื่อโจวเหว่ยชิงเหยียบเข้าสู่ห้องเรียนเอกสามัญอีกครั้ง เขาเกือบจะถูกเพื่อนๆ ไล่ออกจากห้อง…เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้
เสื้อผ้าของเขาสกปรกมอมแมมไปหมด หลายจุดเปรอะเปื้อนไปด้วยหมึกศาสตรามณียุทธ์ซึ่งแทบจะไม่สามารถซักออกได้ ผมของเขายุ่งเหยิง มีแม้กระทั่งมีหนวดเครางอกออกมาจนทั่ว ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไม่ได้อาบน้ำมา 3 วันจะมีกลิ่นหอมได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับที่ถุงเท้าของเขาสามารถนำไปแปะติดกับผนังได้ แต่มันก็เป็นภาพที่เห็นแล้ว …เอ่อ
“อ้วนน้อย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เพิกเฉยต่อความสกปรกของโจวเหว่ยชิงและถามด้วยหัวใจที่เจ็บปวด คนอื่นๆอาจมองเห็นแค่เสื้อผ้าและทรงผมของเขา แต่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กลับเห็นชัดว่าใน 3 วันนี้น้ำหนักของโจว เหว่ยชิงลดลงไปอย่างมาก
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาเลย! ไม่กี่วันนี้ข้าเพียงแค่สร้างม้วนคัมภีร์มากเกินไปเท่านั้น อย่าจ้องข้าแบบนั้นสิ ทั้งหมดไม่ใช่เพราะพวกเจ้าทุกคนหรอกหรือไง? มาๆ ได้เวลาแจกม้วนคัมภีร์ของแต่ละคนแล้ว!” ไม่กี่วันนี้เขาได้สร้างม้วนคัมภีร์ไปเป็นจำนวนมากและความเชี่ยวชาญของเขาก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน หลังจากได้เรียนรู้ร่วมกันกับหยุนลี่ เมื่อรวมกับทักษะธาตุกาลเวลาอันทรงพลังของเขา โจวเหว่ยชิงก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเขาพัฒนาความสามารถขึ้นอย่างมาก ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางของเขาเกือบจะมีพลังบางอย่างเทียบเท่ากับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของอัตราความสำเร็จซึ่งเพิ่มขึ้นจากปกติ 3 ใน 1,000 ส่วนเป็นเกือบ 7-8 ใน 1,000 ส่วน ทันทีที่เขาพัฒนาขึ้นไปอีกเล็กน้อย เขาก็จะทะลุไปเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงได้แล้ว!
เมื่อได้ยินว่าถึงเวลาแจกจ่ายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ ดวงตาของนักเรียนทุกคนก็เปล่งประกายแสงเจิดจ้าขึ้นมาทันที คราวนี้โจวเหว่ยชิงแจกม้วนคัมภีร์เกือบ 20 ชุด นอกจากจ้าวมณีธาตุเพียงไม่กี่คนแล้วก็มีซ่างกวนปิงเอ๋อร์ หยางเจ๋อชีและหม่าฉุน จ้าวมณีสวรรค์ทั้ง 3 ที่ไม่ได้รับม้วนคัมภีร์ในครั้งนี้ด้วย
หยางเจ๋อชีและหม่าฉุนไม่ได้ตั้งคำถามกับเขา ทั้งสองคนเดาได้อย่างง่ายดายว่าที่โจวเหว่ยชิงไม่ได้มอบม้วนคัมภีร์ให้แก่พวกเขาในตอนนี้เพราะในอนาคตอีกฝ่ายมีแผนจะสร้างม้วนคัมภีร์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ให้พวกเขา…และนั่นก็อาจจะเป็นชุดศาสตรามณียุทธ์ทั้งชุด!
หมิงฮัวมาถึงเวลาเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงกำลังแจกม้วนคัมภีร์ เมื่อมองเห็นรอยยิ้มกว้างขวางของเขาขณะที่มอบม้วนคัมภีร์ให้กับนักเรียนจ้าวมณียุทธ์ หมิงฮัวก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่กำลังเกาะกุมหัวใจของเธอ เธอสามารถมองเห็นความคลั่งไคล้ในสายตาของเหล่านักเรียนเมื่อพวกเขาได้รับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ นั่นไม่ใช่ความคลั่งไคล้ที่มีต่อม้วนคัมภีร์ในมือของพวกเขา แต่เป็นความคลั่งไคล้ที่มีต่อโจวเหว่ยชิง หัวหน้าห้องของพวกเขา! อย่างไรเสียพวกเขาทั้งหมดก็เป็นเพียงสามัญชน! นี่จึงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทุกคนมีม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับครั้งแรกของเด็กผู้หญิงที่เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดสำหรับเธอ หัวหน้าห้องคนนี้…โจวเหว่ยชิงได้ประทับตราของตนเองไว้ในหัวใจของเพื่อนร่วมห้องเอาไว้แล้ว…ตราประทับที่ไม่อาจทำลายได้!