Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 87.1 สถานะปีศาจกลายร่างที่ควบคุมได้ (1)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 87.1 สถานะปีศาจกลายร่างที่ควบคุมได้ (1)
เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ของโจวเหว่ยชิง ปีศาจน้อยเซินก็ต้องตะลึงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อนิจจา โจวเหว่ยชิงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฉวยโอกาส และเพียงแค่เสี้ยววินาทีนั้น เขาก็สามารถคว้ากำปั้นของเธอเอาไว้ในขณะที่ฝ่ามือของเขาค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น
แรงดึงดูดมหาศาลที่ปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือของโจวเหว่ยชิงพุ่งเข้าหาร่างของปีศาจน้อยเซินทันที หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าฝ่ามือของเขาเป็นเหมือนหลุมดำขนาดมหึมา คล้ายกับหุบเหวในห้วงนรกที่สูบกลืนวิญญาณ และพลังปราณสวรรค์ที่อยู่ในร่างของเธอก็ไหลทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก
เห็นได้ชัดว่ามีแสงสีขาวพุ่งทะลักออกมาจากร่างของปีศาจน้อยเซิน หมุนวนรอบๆ ร่างเพรียวลมก่อนจะพุ่งเข้าหามือขวาของโจวเหว่ยชิงอย่างน่าพิศวง ในเวลาเดียวกัน ร่างกายของเขาก็พลันขยายใหญ่ขึ้นด้วย
ชุดเครื่องแบบบนร่างกายส่วนบนของเขาปริขาดออกจากกันทันที เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่บึกบึนสมส่วนของโจวเหว่ยชิง ไม่เพียงแค่นั้น แขนซ้ายและมือซ้ายก็ยังเกิดการเปลี่ยนแปลง พวกมันขยายปูดโปนขึ้นเหมือนกับแขนข้างขวาอย่างน่าอัศจรรย์
ลายเสือสีดำ เทาพลันปรากฏและเคลื่อนไหวไปมาคล้ายระรอกคลื่นบนผิวหนังของเขา คำว่า “ราชา” และรัศมีอันน่าเกรงขามของมันก่อเกิดบนหน้าผากของเขาในเวลาเดียวกัน เปล่งประกายแสงเจิดจ้าด้วยความสง่างาม
“ปีศาจกลายร่าง!”
กระแสความแตกตื่นกระเพื่อมไหวไปทั่วทั้งจตุรัส ผู้ชมทั่วไปและกลุ่มนักรบในเรือนพัก แม้แต่แท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่ส่งเสียงอุทานออกมา
ในเรือนพักของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ สมาชิกในกลุ่มที่กำลังรู้สึกกระวนกระวายใจต่างก็ตกตะลึงจนกรามค้าง ความกังวลพลันแปรเปลี่ยนเป็นความแตกตื่นเช่นกัน
แม้แต่หลินเทียนอ้าวก็ไม่รู้เกี่ยวกับสถานะปีศาจปลายร่างของโจวเหว่ยชิง และไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าใช้มันต่อหน้าผู้คนจริงๆ!
เมื่อมาถึงจุดนี้ สมาชิกของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็รู้แล้วว่าทำไมแม่มดน้อยจากนิกายปีศาจสวรรค์จึงพยายามเข้าใกล้โจวเหว่ยชิง นั่นเป็นเพราะเขาไม่เพียงแต่มีทักษะธาตุปีศาจ แต่ยังมีสถานะปีศาจกลายร่างด้วย!
ในเรือนพักอาณาจักรคาลิเซ แม่มดน้อยที่เฝ้าดูการต่อสู้อย่างใจจดจ่อได้ลุกพรวดขึ้นทันทีที่ได้เห็นแขนและมือขวาที่ขยายใหญ่ขึ้นของโจวเหว่ยชิงขณะต่อสู้กับปีศาจน้อยเซิน
ในฐานะหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายปีศาจสวรรค์ ในบรรดาผู้ชมทั้งหมด แม้แต่กับยอดฝีมือบนแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง เธอก็ยังเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมทักษะธาตุปีศาจได้อย่างแท้จริง ณ เวลานั้น ไม่มีใครบอกได้ว่าโจวเหว่ยชิงกำลังทำอะไรอยู่ แต่เธอรู้ว่าเขาสามารถแยกสถานะปีศาจกลายร่างออกไปใช้เฉพาะที่แขนขวาของเขาได้ นั่นพิสูจน์แล้วว่าเขา…สามารถสามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างได้จริงๆ!
นั่นเป็นไปได้อย่างไร? แม้จะไม่มีวิธีฝึกทักษะธาตุปีศาจที่สมบูรณ์จากนิกาย เขาก็ยังสามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างได้? เมื่อไม่นานมานี้ขณะที่เขาได้ต่อสู้กับหมิงอู๋ เขาก็ยังไม่มีความสามารถเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ!
จู่ๆ แม่มดน้อยก็ระลึกถึงสิ่งที่หมิงอู๋กล่าวในรายงานเกี่ยวกับโจวเหว่ยชิงได้ และยังจำได้ดีว่าหมิงอู่กล่าวชมเชยเขาอย่างไรบ้าง ตอนนี้ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหมิงอู๋พูดถูกต้องจริงๆ สมแล้วที่บิดาของเธอเชื่อใจเขา การส่งเธอไปคุยกับโจวเหว่ยชิงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ แม้พวกเขาจะประเมินพรสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงสูงมากเกินไปอยู่แล้ว แต่ความสามารถของเขาก็ยังทะลุเกินขีดจำกัดที่พวกเขาคาดเอาไว้ไปได้อีก ในช่วงเวลานี้ อารมณ์ของแม่มดน้อยจึงปั่นป่วนอย่างรุนแรง
บนแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง เมื่อซ่างกวนเสว่เอ๋อร์เห็นโจวเหว่ยชิงใช้สถานะปีศาจกลายร่าง เธอก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นสมาชิกของนิกายปีศาจสวรรค์ แต่เธอก็เป็นทายาทลำดับหนึ่งที่จะได้รับตำแหน่งหัวหน้าวังสวรรค์ไพศาลคนต่อไป หญิงสาวจึงไม่ได้รู้น้อยไปกว่าท่านลุงของเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ
“สถานะปีศาจกลายร่าง! เขาสามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างได้จริงๆ” ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์พึมพำกับตัวเองด้วยสายตาซับซ้อน
ซ่างกวนเทียนซินจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิง หัวใจของเขาลุกเป็นไฟด้วยความคิดมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในสมอง เขารู้ว่าการที่โจวเหว่ยชิงสามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างได้หมายความว่าอย่างไร…หากสิ่งที่ปิงเอ๋อร์พูดเป็นความจริงและโจวเหว่ยชิงไม่ได้เข้าร่วมนิกายปีศาจสวรรค์ การที่เขาสามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างของตนเองได้หมายความว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นจ้าวปีศาจสวรรค์รุ่นแรก มีเพียงบุคคลเช่นนั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้ได้โดยไม่ต้องอาศัยการฝึกฝนและเรียนรู้จากผู้อื่น นั่นหมายความว่าทักษะธาตุปีศาจของเขาคือ 1 ใน 4 ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์จริงๆ และไม่ได้เป็นเพียงแค่การคาดเดาลอยๆ ของพวกเขา! ที่สำคัญกว่านั้นคือถ้าเขาและปิงเอ๋อร์มีลูกด้วยกันในอนาคต…เด็กพวกนั้นจะไม่ใช่จ้าวปีศาจสวรรค์รุ่นที่ 2 หรอกหรือ? วังสวรรค์ไพศาลนั้นถูกกดดันมาโดยตลอด พวกเขาเดือดเนื้อร้อนใจเพราะตนเป็นมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงแห่งเดียวที่ไม่มีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ในครอบครองเลย แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับนี้มีถึง 2 ชนิดใน ร่าง! นี่อาจเป็นโอกาสทองที่หาได้ยากยิ่งแล้ว!
ในเวลานั้น แม้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิ แต่ซ่างกวนเทียนซินก็ยังคงจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสายตาอิจฉาริษยา
การต่อสู้บนเวทียังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดแม้ผู้ชมจะกำลังตะโกนถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนก็ตาม
แท้จริงแล้วโจวเหว่ยชิงได้เปิดใช้สถานะปีศาจกลายร่างของเขาทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอก จากทำเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ได้เห็นพลังของหานปิงด้วยตาตัวเองมาก่อนแล้ว ที่สี่น้อยสามารถฆ่าหานปิงได้นั้นเกิดจากความโชคดีและความประมาทของหานปิง สิ่งนี้ยังทำให้โจวเหว่ยชิงตระหนักว่าเขาไม่อาจดูถูกคนจากอาณาจักรตันตุ้นได้เพราะพวกเขาเป็นถึงกลุ่มคนที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่
ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม ปีศาจน้อยเซินย่อมมีพลังมากกว่าหานปิงอย่างแน่นอน อีกทั้งยังอยู่ในระดับมณี 6 ชุด แต่ก็เหมือนกับที่หลินเทียนอ้าวคาดเดาไว้ก่อนหน้า พลังปราณสวรรค์ของเธอเข้าสู่ขั้นทะลวงพิภพได้นานแล้ว ภายใต้สถาน การณ์เช่นนี้ โจวเหว่ยชิงรู้ดีว่าเขาย่อมไม่มีโอกาสชนะเลย โอกาสเดียวที่เขามีคือต้องทำให้เธอตกตะลึง ชิงรักษาความได้เปรียบและพุ่งเข้าใส่อย่างเต็มที่จนกว่าจะได้รับชัยชนะ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเห็นปีศาจน้อยเซินพุ่งเข้ามาหาเขา โจวเหว่ยชิงจึงตัดสินใจทำตามแผนทันที เขาปลดปล่อยสถานะปีศาจกลายร่างและในพริบตาที่พวกเขาปะทะกัน เขาก็ใช้ทักษะกลืนกินอย่างรวดเร็ว
ปีศาจน้อยเซินมีพลังปราณสวรรค์มากกว่าเขาจำนวนมหาศาล พลังปราณของเธอแข็งแกร่งกว่าและมีคุณภาพสูงกว่า อาจเรียกได้ว่ามากกว่าหมาป่าโลกันตร์ที่เขาเคยกลืนกินในครั้งแรกที่ใช้ทักษะนี้ด้วยซ้ำ เมื่อใช้ทักษะนี้อย่างกะทันหัน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านมือที่กำหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้ มันมากมายเสียจนเกือบจะเอ่อล้นร่างของเขา
อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้หยุดการกระทำของตนเอง เขาบังคับร่างกายให้ดูดกลืนพลังของฝ่ายตรงข้ามต่อไปเรื่อยๆ ด้วยรู้ชัดว่าเขาต้องฉวยโอกาสขณะที่เธอกำลังตกอยู่ใต้ผลของทักษะ ด้วยระดับพลังปราณที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องยากที่เขาจะลงมือเช่นนี้ได้อีกครั้ง และระยะใช้งานของทักษะก็อยู่ได้ไม่นานเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ที่สุด
ระหว่างอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง ความสามารถทางกายภาพของเขาก็ไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้นสูงสุด ประสาทสัมผัสและปฏิกิริยาของเขาก็ว่องไวขึ้นมากเช่นกัน โจวเหว่ยชิงฉวยโอกาสที่ปีศาจน้อยเซินถูกเขาควบคุม สะบัดขาขวาปีศาจออกไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า ฟาดฟันใส่อีกฝ่ายด้วยลูกเตะอันแสนเหี้ยมโหดของเขา
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ฆ่าคนไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของกันและกันไปโดยปริยาย ดังนั้นการสังหารอีกหนึ่งชีวิตก็คงไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมากนัก ในขณะที่เขาฟาดขาออกไปพร้อมรังสีสังหารเต็มเปี่ยม โจวเหว่ยชิงก็รู้ดีว่าหากขาขวาปีศาจที่ผ่านการวิวัฒน์ครั้งที่สองของเขาเตะโดนร่างที่ไร้การป้องกันเช่นนี้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าคนผู้นั้นเป็นปีศาจน้อยเซิน แม้แต่ซ่างกวนหลงหยินเองก็ยากที่จะรับแรงปะทะเช่นนี้ได้
ผู้ชมเห็นแค่เพียงว่าขาขวาของโจวเหว่ยชิงบิดงอเป็นแสงสีดำพร่ามัวก่อนจะตวัดออกมาเหมือนแส้ พุ่งตรงไปที่หน้าท้องของปีศาจน้อยเซิน
โดยธรรมชาติแล้วปีศาจน้อยเซินกำลังตกใจเมื่อรู้ว่าพลังปราณสวรรค์ของเธอถูกกลืนกิน แต่หลังจากที่ตกตะลึงอยู่ไม่นาน ในช่วงเวลาวิกฤตนั้นหญิงสาวก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ประกายสีทองเข้มส่องสว่างออกมาจากร่างกายของปีศาจน้อยเซินและทำลายพันธนาการของโจวเหว่ยชิงได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน แสงนั้นก็ปิดกั้นเท้าที่กำลังจะปะทะร่างของเธอเอาไว้ด้วย
แท้จริงแล้วมันคือเกราะป้องกันเทพเจ้า เป็นผลที่เกิดจากศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้านั่นเอง!
*ปัง*
ภาพน่าอัศจรรย์พลันปรากฏแก่สายตาของผู้ชมทันที ทุกคนต่างรู้ดีว่าเกราะป้องกันเทพเจ้านั้นทรงพลังเพียงใด เกือบจะถือได้ว่าเป็นโล่ไร้เทียมทานด้วยซ้ำ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ก็คือหากระดับพลังระหว่างทั้งสองฝ่ายห่างกันมากกว่า 12 ขั้น เกราะป้องกันเทพเจ้านี้ก็ยังสามารถแตกหักได้ แน่นอนว่าแม้จะห่างกันเกิน 12 ระดับ แต่หากต่อสู้กันจริงๆ เกราะนี้ก็ยังคงสามารถป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่เอาไว้ได้ ทว่าเวลานี้กลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม เพราะพลังงานสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงนั้นต่ำกว่าปีศาจน้อยเซินมาก!
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อขาขวาของโจวเหว่ยชิงปะทะเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อเท้าที่บิดงอเข้าไปจนดูคล้ายตะขอสีดำของเขาชนเข้ากับเกราะป้องกันเทพเจ้าของอีกฝ่าย เสียงของแข็งแตกกระจายก็ดังเสียดหูไปทั่วทั้งบริเวณ
เกราะป้องกันเทพเจ้าของปีศาจน้อยเซินซึ่งถูกเตะโดยโจวเหว่ยชิงพลันปรากฏรอยร้าวขึ้นเป็นรัศมี 1 ฉื่อ! ในเวลาเดียวกัน เธอถูกส่งให้กระเด็นออกไปในอากาศเกือบ 20 เมตรจากผลของการปะทะในครั้งนั้น
“นั่นคือความแข็งแกร่งทางกายภาพเพียงอย่างเดียวรึ?!” ซ่างกวนเทียนซินยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจและจ้องมองไปที่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ “หลังเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง ร่างกายสามารถสร้างความแข็งแกร่งระดับนี้ได้จริงหรือ!”
สำหรับคำถามของซ่างกวนเทียนซิน ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ไม่สามารถให้คำตอบได้ เธอเองก็ยังตกใจมากเช่นกัน นั่นคือเกราะป้องกันเทพเจ้าของจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุด! แต่ถึงกระนั้น มันกลับเกือบจะถูกทำลายเพราะลูกเตะของโจว เหว่ยชิง?
ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ!
นับประสาอะไรกับคนนอก แม้แต่โจวเหว่ยชิงก็ยังตกใจกับลูกเตะของเขาเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าลูกเตะของเขาจะสามารถทำให้เกราะป้องกันเทพเจ้าเกิดรอยแตกร้าวได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่เช่นกัน เกราะป้องกันเทพเจ้าไม่ใช่โล่ที่ไร้เทียมทานเสมอไป ทั้งยังมีข้อจำกัดบางประการอยู่ด้วย
ด้วยความคิดนั้น โจวเหว่ยชิงจึงไม่ลังเลที่จะใช้ประโยชน์จากมันทันที หลังจากลงแตะพื้นได้แล้ว ขาขวาของเขาก็กระแทกกลับลงไปที่พื้นอีกครั้งอย่างรุนแรง ใช้แรงดีดกลับส่งร่างของเขาทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่แทบไม่มีใครมองเห็น ในช่วงเริ่มต้นการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ขณะที่โจวเหว่ยชิงพุ่งเข้าใส่ปีศาจน้อยเซิน เขาก็ได้ปกปิดความเร็วที่แท้จริงของตนเองเอาไว้เพื่อหลอกล่อเธอ และนี่เป็นเวลาที่จะปลดปล่อยความเร็วเต็มที่ของเขาออกมาแล้ว ภายในพริบตาเดียว เขาก็ไล่ตามร่างที่กำลังกระเด็นกลับไปในอากาศได้ทัน และในขณะนี้เกราะป้องกันเทพเจ้าของเธอก็สลายไปแล้วเช่นกัน
รูปร่างของโจวเหว่ยชิงในปัจจุบันดูแปลกตาออกไปมาก กล้ามเนื้อของเขาปูดโปนจนแทบไม่เป็นธรรมชาติ ผมสีดำขลับของเขาลอยชี้สูงขึ้นไปด้านหลังขณะที่ดวงตาแดงก่ำของเขาเรืองรองอย่างน่าขนลุก แขนของเขาใหญ่ผิดมนุษย์จนแทบดูไม่ได้สัดส่วน มือของเขาก็เกือบจะดูเหมือนอุ้งเท้าเสือขนาดใหญ่ มีกรงเล็บงอกออกมายาวถึง 2 นิ้ว ทั้งคมกริบและวาววับเป็นประกาย ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความกลัว เสื้อผ้าท่อนบนของเขาไม่เพียงแต่ขาดออกไปทั้งตัว ขากางเกงข้างขวาก็ขาดวิ่นเช่นกัน ด้านขาขวาที่ปูดโปนขึ้นของเขากลายก็เป็นสีดำสนิท ทั้งยังมีความยาวกว่าขาซ้าย จนกลายเป็นความไม่สม่ำเสมอที่แสนแปลกประหลาด ในขณะนี้มีเพียงพื้นที่ “ลับ” และขาซ้ายของเขาเท่านั้นที่มีเสื้อผ้าปกปิดเอาไว้!
หากเป็นสถานการณ์อื่น บางทีทุกคนอาจจะหัวเราะหรือเยาะเย้ยโจวเหว่ยชิงไปแล้ว ทว่าในตอนนี้ โดยเฉพาะหลังจากเห็นลูกเตะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น ใครจะกล้าหัวเราะเยาะเขาได้อีก? การใช้สถานะปีศาจกลายร่างได้ในระดับนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน แม้กระทั่งตัวแม่มดน้อยเองก็ตาม ขณะยืนอยู่ที่ประตูเรือนพักนักรบคาลิเซ อารมณ์ของเธอพลุ่งพล่านจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อถึงจุดนี้ ความสำคัญของโจวเหว่ยชิงก็ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในใจของเธอ
สำหรับแม่มดน้อยหรือหญิงสาวที่มีชื่อจริงว่าอู๋เยว่หานนั้น อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้สิ่งหนึ่งว่าสถานะปีศาจกลายร่างของโจวเหว่ยชิงนั้นทรงพลังยิ่งกว่าบิดาของเธอ! บิดาของเธอเป็นใครน่ะรึ! นายใหญ่สูงสุดแห่งนิกายปีศาจสวรรค์ยังไงล่ะ! ยิ่งไปกว่านั้น เธอจะจดจำทักษะที่โจวเหว่ยชิงใช้ไม่ได้ได้อย่างไร เพื่อให้เขาสามารถกักขังปีศาจน้อยเซินและดูดกลืนพลังปราณสวรรค์ของเธอเข้าไป นั่นไม่ใช่ทักษะกลืนกินที่มีชื่อเสียงของผู้ก่อตั้งคนแรกของนิกายปีศาจสวรรค์หรอกหรือ? เขาเป็นนายใหญ่คนแรกของนิกายปีศาจสวรรค์ และในช่วงเวลานั้นเขาก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับต้นๆของโลกซึ่งมีฝีมือเทียบได้กับราชาแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ และในช่วงเวลานั้นวังสวรรค์ไพศาลก็มีสถานะและอำนาจต่ำกว่าในปัจจุบันมาก
ไม่ว่าอู๋เยว่หานจะพยายามทำให้ลมหายใจสงบลงแค่ไหน หัวใจของเธอก็ยังเต้นแรงอยู่ดี
จากคำอธิบายของหมิงอู๋ เธอรู้ว่าสถานะปีศาจกลายร่างของเขาต้องวิวัฒน์ขึ้นแล้วอย่างแน่นอน ในขณะนั้น เธอก็ตัดสินใจได้ทันที ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เธอก็จะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปจากเธอได้เด็ดขาด!
ย้อนกลับไปที่เวที โจวเหว่ยชิงกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจน้อยเซินกลางอากาศ เกราะป้องกันเทพเจ้าของเธอสลายหายไปแล้ว อีกทั้งเธอก็เพิ่ง ‘ตื่น’ จากสภาวะมึนงงเสียด้วย