Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 87.2 สถานะปีศาจกลายร่างที่ควบคุมได้ (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 87.2 สถานะปีศาจกลายร่างที่ควบคุมได้ (2)
เมื่อเกราะป้องกันเทพเจ้าสลายไป ศาสตรามณียุทธ์กระจกป้องกันหัวใจสีแดงสดก็ปรากฏขึ้นที่หน้าหน้าอกของเธอ ที่ขอบรอบๆ ตัวเรือนถูกแกะสลักเป็นลวดลายวิจิตรสีม่วงทอง ที่แสนเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์และมีมณีสีเงินแวววาวขนาดใหญ่ฝังอยู่ตรงกลาง มณีสวรรค์ของปีศาจน้อยเซินก็ถูกปลดปล่อยออกมาในเวลาเดียวกันด้วย แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวมีมณียุทธ์หยกแดง 6 ดวง เป็นมณียุทธ์ประเภทการประสานงานเช่นเดียวกับหานปิง
เมื่อแสงสีแดงเจิดจ้าส่องออกมาจากเกราะป้องกันส่วนหัวใจ มันก็ตรงเข้าห่อหุ้มร่างของปีศาจน้อยเซินจนอาบย้อมไปด้วยสีแดง หลังจากศาสตรามณียุทธ์ของเธอถูกปลดปล่อยออกมา มันก็สายเกินไปแล้วที่จะใช้ทักษะอื่นเนื่องจากโจวเหว่ยชิงได้เข้ามาถึงตัวเธอแล้ว
ปีศาจน้อยเซินเหยียดมือทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า แสงสีขาวที่ดูหนาแน่นกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเธอตรงเข้าหาโจวเหว่ยชิงทันที
พลังปราณสวรรค์นั้นมีทั้งหมด 4 ขั้น ได้แก่ ปราณสวรรค์ขั้นพื้นฐาน ขั้นทะลวงพิภพ ขั้นทะลุสวรรค์ และขั้นบรรลุวิถี ความแตกต่างระหว่างปราณสวรรค์ขั้นพื้นฐานและปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพคือความสามารถในการปลดปล่อยพลังปราณออกจากร่างกาย ส่วนปราณสวรรค์ขั้นทะลุสวรรค์จะเหนือไปอีกขั้นโดยการใช้พลังปราณโจมตีระยะไกลโดยตรง
แน่นอนว่าปีศาจน้อยเซินได้มาถึงขั้นทะลุสวรรค์แล้ว พลังปราณสวรรค์อันหนักอึ้งของเธอจึงพุ่งลงมาที่โจวเหว่ยชิงราวกับภูเขาลูกย่อมๆ
ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวก็เปิดฉากการจู่โจม กระจกป้องกันหัวใจสีแดงพลันระเบิดออกมาในชั่วพริบตานั้น โจวเหว่ยชิงสัมผัสพลังได้ว่าพลังปราณที่ไหวเวียนอยู่ในอากาศรอบๆ ตัวของพวกเขาค่อยๆถูกอีกฝ่ายดูดกลืนเข้าไปรวมตัวที่ร่างของปีศาจน้อยเซินด้วยอัตราความเร็วที่บ้าคลั่ง
หากเธอใช้มันต่อสู้กับเขา โจวเหว่ยชิงก็รู้ดีว่าตัวเองย่อมไม่อาจต่อกรกับสิ่งตรงหน้าได้แน่ ไม่เว้นแม้แต่ในสถานะปีศาจกลายร่างก็ตาม ถึงอย่างไรก็เห็นได้ชัดว่าช่องว่างระหว่างพลังปราณสวรรค์ของพวกเขานั้นกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะเขาจะเอาชนะได้
ท่ามกลางแสงสีเงินเจิดจ้า ร่างของโจวเหว่ยชิงพลันหายวับไปทันที ในเวลาต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งด้านหลังปีศาจน้อยเซิน แทบจะแนบชิดร่างกายอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
ปฏิกิริยาของปีศาจน้อยเซินนั้นรวดเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังไม่อาจป้องกันไม่ให้โจว เหว่ยชิงวางฝ่ามือลงบนไหล่ของเธอได้อยู่ดี
เป็นอีกครั้งที่พลังอันน่าสะพรึงกลัวจากทักษะกลืนกินของเขาเริ่มต้นขึ้น และร่างกายของปีศาจน้อยเซินก็สั่นสะท้านเมื่อรู้สึกว่าตนเองกำลังอ่อนกำลังลง
“ไปให้พ้น!!” เธอตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว ในขณะที่ปีศาจน้อยเซินกำลังจะระเบิดพลังออกมาเพื่อหลบหนีจากการกอบกุมของเขา ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็แข็งกระด้างไปชั่วขณะ ปราณขั้นทะลุสวรรค์ที่รวบรวมมาได้พลันเลื่อนหลุดออกจากการควบคุม ทำให้หญิงสาวไม่สามารถปลดปล่อยมันออกมาได้อย่างที่ตั้งใจ
ผู้ชมทันเห็นว่าแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งได้พวยพุ่งออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิง ทำให้แสงสีขาวที่รวมตัวกันรอบๆ ปีศาจน้อยเซินหายไป
แน่นอนว่านั่นคือทักษะโซ่ตรวนวายุ ทักษะควบคุมที่พิสูจน์ความสามารถของมันครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าระยะการใช้งานของทักษะจะสั้นจนแทบจะไม่มีผลเนื่องจากระดับพลังที่แตกต่างกันมาก แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะยืดระยะเวลาให้ทักษะกลืนกินระบายพลังปรานของเธอออกมาได้จำนวนมหาศาล อย่างที่รู้กันดี ถึงอย่างไรมันเป็นทักษะควบคุมที่มีระดับดาวสูงมาก!
หลังจากปลดล่อยทักษะโซ่ตรวนวายุ โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้หยุดอยู่นิ่งและดื่มด่ำกับความได้เปรียบของเขา เห็นได้ชัดว่าด้วยระดับพลังปราณและพลังของปีศาจน้อยเซิน เว้นแต่ว่าเขาจะเตะเธอด้วยเท้าขวาได้ ไม่เช่นนั้นการทำร้ายหญิงสาวตรงหน้าก็เป็นเรื่องยากลำบากมากทีเดียว
เมื่อโจวเหว่ยชิงต้องเข้าใกล้ปีศาจน้อยเซินเพื่อดูดกลืนพลังปรานของเธอ เขาก็ไม่สามารถใช้ขาขวาปล่อยลูกเตะใส่อีกฝ่ายได้ในเวลาเดียวกัน นั่นเป็นเพราะเมื่อเขาเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง ขาขวาของเขาก็โค้งอย่าง ‘ผิดรูป’ และไม่สามารถงอได้เหมือนปกติ แม้ว่าเขาจะยังคงขยับมันไปมาได้ แต่ภายใต้ท่าทางเกือบจะแนบชิดเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถขยับขาเข้าที่เพื่อฟาดลูกเตะใส่อีกฝ่ายให้ถูกท่าได้
กระนั้น ปฏิกิริยาของปีศาจน้อยเซินก็รวดเร็วเกินไป หากโจวเหว่ยชิงไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ๆเช่นนี้ เขาก็คงจะไม่สามารถโจมตีเธอได้เลย ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงใช้ตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าในการโจมตี นั่นก็คือการอาศัยทักษะกลืนกินเข้าช่วย
ในเวลาเดียวกัน แสงสีฟ้าพลันเจิดจ้าออกมาจากฝ่ามือของโจวเหว่ยชิง และด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ทั้งคู่จึงถูกบังคับให้กระเด็นแยกออกจากกันทันที
เมื่อทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมา มันก็สามารถขัดขวางการประสานระหว่างจ้าวมณีและศาสตรามณียุทธ์ของคนผู้นั้นได้และบังคับให้ศาสตรามณียุทธ์กลับเข้าสู่รูปมณีดังเดิม นี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมปีศาจน้อยเซินจึงไม่สามารถปล่อยการโจมตีออกมาได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่องว่างระหว่างระดับพลังปราณของพวกเขาทั้งสองนั้นห่างชั้นกันมากเกินไป และศาสตรามณียุทธ์กระจกป้องกันส่วนหัวใจที่อยู่รอบๆ หน้าอกของเธอก็เป็นถึงศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า ดังนั้นทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์จึงทำลายได้เพียงแค่ดาบสั้นในมือของเธอและทำให้มันหายไปเท่านั้น
ไม่นานแสงสีเงินจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าปีศาจน้อยเซิน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำที่เรืองรองด้วยแสงสีเงินเหล่านั้นแทน ทั้งหมดมาพร้อมกับแรงดึงดูดขนาดมหาศาล เห็นได้ชัดว่านั่นคือทักษะกระชากมิติของโจวเหว่ยชิง
ปีศาจน้อยเซินหมุนตัวต่อยออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แสงสีขาวพลันแข็งตัวรอบร่างของเธออีกครั้ง เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นกึกก้อง ทำให้มิติกระชากทั้งหมดถูกทำลายไปในหมัดเดียวทันที
ก่อนหน้านี้ปีศาจน้อยเซินได้พยายามสงบสติอารมณ์ลงเพื่อตั้งสมาธิต่อสู้ แต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอกลับมาพุ่งพล่านอีกครั้ง ในฐานะอัจฉริยะอันดับต้นๆ ของหุบเขาอเวจีสีเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่ตนเองมีมณี 6 ชุดและฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงจ้าวมณีระดับ 3 ชุด เมื่อถูกกดดันให้อยู่ในต้องรับมือกับสถานะที่น่าอึดอัดเช่นนี้ กระทั่งไร้ทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้เกราะป้องกันเทพเจ้าเพื่อช่วยชีวิตตนเอง ทั้งหมดนั่นเป็นการดูถูกเหยียดหยามฝีมือและทำให้เธออับอายอย่างมาก
แสงสีทองเข้มข้นส่องกระกายออกมาจากร่างของเธอในฉับพลันนั้น พวกมันเจิดจ้าขึ้นไปกลางอากาศ ส่องสว่างไปทั่วเวทีเป็นสีทองอร่าม ภายใต้แสงสีทองเหล่านั้น โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อยบนร่างกายของเขา
ทักษะธาตุแสง…แท้จริงแล้วมณีธาตุของปีศาจน้อยเซินเป็นมณีประเภทไพฑูรย์สองสีเช่นเดียวกับที่ซ่างกวนเทียนซินได้กล่าวไว้…ทายาทสายตรงของหุบเขาอเวจีสีเลือดนั้นมีธาตุไฟและธาตุแสง
ทักษะที่ปีศาจน้อยเซินใช้เรียกว่าเกราะป้องกันปีศาจ พลังของมันทำให้ทักษะธาตุปีศาจและทักษะธาตุมืดอ่อนกำลังลง ในขณะเดียวกัน มันก็จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสของผู้ใช้ด้วย มันเป็นทักษะที่ดีที่สุดที่ใช้ต่อกรกับทักษะธาตุปีศาจ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้สถานะปีศาจกลายร่าง
อนิจจา สิ่งที่ปีศาจน้อยเซินไม่รู้ก็คือสถานะปีศาจกลายร่างของโจวเหว่ยชิงนั้นค่อนข้างมีเอกลักษณ์ เพราะไม่เพียงแต่เขาจะเป็นจ้าวปีศาจสวรรค์รุ่นแรกซึ่งหมายความว่าทักษะธาตุปีศาจของเขามีพลังเทียบเท่ากับทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ แต่สถานะปีศาจกลายร่างของเขายังวิวัฒน์พลังไปแล้วครั้งหนึ่ง! หากหญิงสาวมีทักษะธาตุเทวา บางทีมันอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้มาก ดังนั้นทักษะธาตุแสงของเธอเพียงอย่างเดียวจึงไม่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสถานะปีศาจกลายร่างของโจวเหว่ยชิงได้
หลังจากปะทะกันไม่นาน โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักได้ว่าทักษะกลืนกินนั้นทรงพลังเพียงใด และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างน่าประหลาด
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้กลืนกินพลังปราณสวรรค์ของปีศาจน้อยเซิน โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกเติมเต็มจนเกือบล้นทะลักออกมา เส้นชีพจรของเขาคล้ายจะได้รับบาดเจ็บจากพลังส่วนเกินนั้น อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาปลดปล่อยทักษะออกไปอย่างต่อเนื่อง พลังปรานภายนอกนี้พลันแปรเปลี่ยนเป็นพลังของเขาเองอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพร้อมให้เขานำไปใช้ได้ในเวลานี้แล้ว กล่าวคือ แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะใช้ทักษะหลายอย่างมาจนถึงตอนนี้ นอกเหนือจากการรักษาสถานะปีศาจกลายร่างเอาไว้แล้ว พลังที่เขาใช้ล้วนมาจากพลังปราณที่ปีศาจน้อยเซินเป็นคน ‘มอบให้’ ส่วนพลังปราณสวรรค์ของตัวเขาเอง พวกมันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ขั้นสูงสุด!
แม้ไม่ได้คำนึงถึงความจริงที่ว่าทักษะกลืนกินสามารถช่วยพัฒนาระดับพลังปราณของเขา แต่เพียงแค่ความสามารถของมันในสนามรบก็น่าทึ่งอยู่แล้ว เนื่องจากมันเป็นประโยชน์ต่อพลังในการต่อสู้ของเขาเป็นอย่างมาก โจวเหว่ยชิงจึงตระหนักว่าทักษะการกลืนกินนี้น่าจะมีระดับดาวสูงกว่าทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ด้วยซ้ำ!
“ย๊าาาาาาาา!” หลังจากที่ปีศาจน้อยเซินทำลายทักษะกระชากมิติลงได้ในหมัดเดียว เธอก็ไม่ได้ไล่ตามโจวเหว่ยชิงไปอีก ทว่าหญิงสาวกลับกางแขนออกกว้างและส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมากลางอากาศ
หลังจากนั้นพลันเกิดภาพที่น่าอัศจรรย์ตามมา เมื่อพลังปราณสวรรค์ของเธอระเบิดออก แสงสีขาวรอบตัวก็ดูคล้ายจะมอดดับลงเล็กน้อย แต่แสงสีขาวจากทักษะเกราะป้องกันปีศาจที่ห่อหุ้มตัวโจวเหว่ยชิงเอาไว้กลับเข้มข้นขึ้น ในเวลาเดียวกัน แสงสีแดงเจิดจ้าพลันพุ่งทะลุออกมาจากกระจกป้องกันหัวใจของเธอทันที
ไฟ มันคือเปลวไฟ พลังปราณสวรรค์สีแดงที่ระเบิดออกมาเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่เติมเต็มให้กับเปลวไฟที่พุ่งออกมาจากกระจกนั้น ในเวลาเดียวกัน แสงสีทองสุกใสในอากาศก็ทวีความรุนแรงขึ้น และเมื่อมันสัมผัสกับเปลวไฟสีแดง มันก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทองเข้มข้นในพริบตา
อุณหภูมิในอากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ โจวเหว่ยชิงได้แต่ยืนตกตะลึงและสาปแช่งตัวเองอยู่ในใจ บัดซบ! นี่มันเป็นทักษะผสานทักษะธาตุสองชนิด!
สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ ความแตกต่างระหว่างมณี 6 ชุดและ 7 ชุด เช่นเดียวกับมณี 9 ชุดและ 10 ชุด ถือเป็นปัญหาที่สำคัญในแง่ของช่องว่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างพลัง
สำหรับปัญหาระหว่างจ้าวมณีมณี 6 ชุดและ 7 ชุด นอกเหนือจากความแตกต่างของพลังปราณสวรรค์ในแง่ปริมาณ คุณภาพ รวมถึงจำนวนของมณีแล้วนั้น ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างพวกเขาคือถ้าจ้าวมณีสวรรค์ผู้นั้นมีทักษะธาตุมากกว่าหนึ่งชนิด มันจะกลายเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้พวกเขาจะสามารถใช้ทักษะผสานได้ แน่นอนว่าเมื่อมาถึงระดับเทวะ จ้าวมณีสวรรค์ก็มักจะหลอมรวมทักษะได้เพียง 2 ทักษะเท่านั้น สำหรับความแตกต่างระหว่างจ้าวมณี 9 ชุดและ 10 ชุดนั้น ความแตกต่างยังรวมถึงความสามารถในการผสาน 3 ทักษะและอื่นๆ อีกมากมาย แน่นอนว่านั่นรวมอยู่ในกรณีที่ว่าจ้าวมณีสวรรค์ผู้นั้นต้องมีทักษะธาตุที่จะใช้ผสานอยู่ด้วย
ทักษะผสานมักจะถูกสร้างขึ้นเองโดยเจ้าของ ขึ้นอยู่กับทักษะธาตุที่จ้าวมณีผู้นั้นมีในครอบครอง
แน่นอนว่าจ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะธาตุหลายชนิดนั้นไม่ได้หาได้ดาษดื่นทั่วไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นทักษะผสานเช่นนี้
ดังนั้นที่ถังเซียนบอกโจวเหว่ยชิงว่าเขาจะสามารถปกป้องตัวเองได้เมื่อไปถึงระดับมณี 6 ชุดนั้นก็เป็นเพราะว่าเขามีทักษะธาตุมากมาย ด้วยเหตุนี้เธอจึงคาดว่าเขาจะสามารถเริ่มสร้างและใช้ทักษะผสานของตัวเองได้ที่ระดับมณี 6 ชุดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ปีศาจน้อยเซินที่อยู่ตรงหน้าเขาเพิ่งจะมาถึงระดับมณี 6 ชุด แม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับที่ 7 แต่เธอก็สามารถใช้ทักษะผสานได้แล้ว! เมื่อเปรียบเทียบกับคนอย่างโจวเหว่ยชิงที่ไม่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ใดๆ ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แสดงฝีมือให้ทุกคนประจักษ์เสียที
ความจริงมีเหตุผล 2 ประการที่ปีศาจน้อยเซินสามารถใช้ทักษะผสานนี้ได้ ประการแรกคือหญิงสาวใช้พลังปราณขั้นทะลุสวรรค์ได้จนเชี่ยวชาญแล้ว นั่นจึงเปลี่ยนแปลงคุณภาพของพลังปราณภายในร่างของเธอไป ส่วนประการที่สองนั้นยิ่งสำคัญกว่าเพราะหญิงสาวสามารถใช้ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าของตนเองได้อย่างดีเยี่ยมนั่นเอง!
เวลานั้น ร่างของปีศาจน้อยเซินก็ดูเหมือนจะบินโฉบอยู่กลางอากาศในขณะที่โจวเหว่ยชิงพุ่งตกลงกระแทกพื้นเวทีอย่างแรง
เกราะแสงขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเปลวไฟปกคลุมไปทั่วเวทีนั้นเรียกว่าเปลวไฟธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ และนั่นก็เป็นหนึ่งในทักษะที่มีชื่อเสียงของหุบเขาอเวจีสีเลือด
การเคลื่อนไหวของปีศาจน้อยเซินนั้นรวดเร็วเกินไปและเธอก็ใช้พลังไปเป็นจำนวนมากในการปลดปล่อยทักษะนี้ สังเวยทุกอย่างที่มีเพื่อเร่งให้พลังของมันปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและทรงพลังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อกำจัดโจวเหว่ยชิงที่น่ารำคาญให้ตายตกไปในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะสามารถใช้ทักษะผสานได้ในตอนนี้ แม้แต่ซ่างกวนหลงหยินที่ซ่อนตัวอยู่ เขาก็ยังไม่อาจตอบสนองได้ทันเวลา