Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 88.2 ตะขอหางแมงป่อง! สายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืด! (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 88.2 ตะขอหางแมงป่อง! สายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืด! (2)
สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่และกลุ่มนักรบตันตุ้นมีปฏิกิริยาตอบสนองแทบจะในทันที ทั้งสองฝ่ายต่างกระโดดขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะคว้าชัยชนะมาได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกอยู่ในสภาวะเลวร้ายเช่นกัน เพื่อให้สามารถปลดปล่อยทักษะสุดท้ายออกมาได้ ทักษะที่ไม่เพียงแต่จะทำให้การโจมตีครั้งสุดท้ายของปีศาจน้อยเซินสลายไป แต่ยังทำให้เธอสลบไปเช่นนี้ ร่างกายของเขาในปัจจุบันจะทนต่อพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร?
หลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆ ไม่มีเวลาตื่นเต้นกับชัยชนะของพวกเขา สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของพวกเขาตอนนี้คือโจวเหว่ยชิงสุขสบายดีหรือไม่
เมื่อสมาชิกของทั้งสองฝ่ายกระโดดขึ้นไปบนเวที ทันใดนั้นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งลงมาที่เวที จู่ๆ สมาชิกที่กำลังทะยานขึ้นมากลางอากาศก็ถูกบังคับให้ร่วงลงไปที่พื้น ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือแม้แต่หายใจได้
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่หรืออย่างไร แต่เวลานั้นก็มีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนเวทีแล้ว
รูปลักษณ์ของเขาดูเรียบง่าย ดวงตาคมกริบและกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังเช่นนั้น ชายคนนี้เป็นผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตลอดการต่อสู้ ซ่างกวนหลงหยิน
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ล้มลงไปกับพื้น มองไปที่ซ่างกวนหลงหยินด้วยความสับสน ไม่ว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่หรือกลุ่มนักรบตันตุ้น ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าผู้ตัดสินจึงปรากฏตัวบนเวทีในเวลานี้
ซ่างกวนหลงหยินกวาดสายตามองไปที่พวกเขาทุกคน ก่อนที่จะเรียกคืนกลิ่นอายทรงพลังของตนกลับไปในที่สุด
“ทั้งสองฝ่ายได้โปรดใจเย็นก่อน พวกเขาทั้งสองย่อมไม่ตายง่ายๆ ในฐานะผู้ตัดสินหลัก ข้าจำเป็นต้องตรวจสอบบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้แน่ใจถึงความศักดิ์สิทธิ์และความยุติธรรมของงานประลองครั้งนี้”
เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็ยกมือขึ้นโบกไปทางโจวเหว่ยชิง ร่างของอีกฝ่ายถูกยกลอยมาหาเขาทันที
โจวเหว่ยชิงยังคงมีสติ แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆ ได้ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่เฝ้าดูขณะที่ร่างของเขาลอยไปทางซ่างกวนหลงหยิน
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนหลงหยิน ใบหน้าของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็เปลี่ยนไปทันที ตอนนั้นเองที่พวกเขาจดจำขึ้นมาได้ว่าโจวเหว่ยชิงเพิ่งปลดปล่อยสถานะปีศาจกลายร่างออกมา…และสิ่งนั้นเป็นของต้องห้ามของแผ่นดินใหญ่!
เนื่องจากกลุ่มนักรบเฟยหลี่สามารถตระหนักได้อย่างรวดเร็ว โดยธรรมชาติแล้วกลุ่มนักรบตันตุ้นเองก็พอเข้าใจเรื่องราวได้เช่นกัน ใบหน้าที่ถูกกระตุ้นของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทุกคนต่างก็รอคอยให้ซ่างกวนหลงหยินประกาศว่าโจวเหว่ยชิงเป็นบุคคลนอกรีตจากนิกายปีศาจสวรรค์ และสถานการณ์ที่ดีที่สุดคือโจวเหว่ยชิงถูกฆ่าทันทีเพื่อระงับความโกรธและความเกลียดชังของพวกเขา ผู้นำของพวกเขาจะพ่ายแพ้ให้กับจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดได้อย่างไร…นี่เป็นความอัปยศอดสูที่ไม่เพียงแต่ทำให้หุบเขาอเวจีสีเลือดขายหน้า แต่ยังรวมถึงอาณาจักรตันตุ้นทั้งหมดด้วย
สำหรับแม่มดน้อยที่ยืนอยู่ที่ทางเข้าเรือนพักกลุ่มนักรบคาลิเซ สีหน้าของเธอเผยแววโล่งใจ มีเพียงเธอเท่านั้นที่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าซ่างกวนหลงหยินกำลังทำอะไรและผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ร่างของโจวเหว่ยชิงถูกดึงตรงมาตรงหน้าซ่างกวนหลงหยิน และเขาก็รู้สึกราวกับว่าอากาศรอบตัวของเขาถูกปิดผนึกและหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทำให้เขายืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างมั่นคงโดยไม่ต้องพยายาม โจวเหว่ยชิงไม่ได้รู้สึกอ่อนแอเป็นพิเศษ เพียงแค่รู้สึกชาหนึบไปทุกส่วน ราวกับว่าร่างกายของเขาไม่ได้เป็นของเขาเท่านั้น
ซ่างกวนหลงหยินกดมือขวาของเขาลงบนหน้าผากของโจวเหว่ยชิง ฝ่ามือของเขาส่องประกายสีขาวราวกับผลึกแก้ว มันเป็นเครื่องหมายของปราณสวรรค์ขั้นบรรลุวิถี พลังปราณสวรรค์ขั้นสุดท้ายใน 4 ขั้นตอนใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซ่างกวนหลงหยินคนนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาหรือสูงกว่านั้น
ในขณะนั้นเอง แสงสีขาวพลันห่อหุ้มร่างกายของโจวเหว่ยชิงเอาไว้ทั้งหมด ขณะนี้ไม่เพียงแต่สมาชิกของกลุ่มนักรบเฟยหลี่เท่านั้นที่เฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ แม้แต่จักรพรรดิจ้งเทียนที่นั่งอยู่บนแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง ซ่างกวนเทียนซิน และหลานสาวของเขา ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกประหม่าไม่แพ้กัน
แม้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะบอกพวกเขาว่าโจวเหว่ยชิงไม่มีความเชื่อมโยงกับนิกายปีศาจสวรรค์ แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างได้อยู่ดี หากซ่างกวนหลงหยินพบว่าเขาถูกควบคุมโดยนิกายปีศาจสวรรค์อย่างแท้จริง แผนการของพวกเขาก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิงและจะไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงานของทั้งคู่ในวังสวรรค์ไพศาลแน่นอน
ซ่างกวนเทียนซินรู้ดีว่าคนในตระกูลของเขาประทับใจเด็กคนนี้และหวงแหนพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้อย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันมันก็จุดประกายรังสีสังหารในใจของเขาขึ้นมาด้วย ถ้าโจวเหว่ยชิงมาจากนิกายปีศาจสวรรค์จริงๆ เขาก็จะไม่ลังเลที่จะจัดการกับเด็กคนนี้อย่างแน่นอน พวกเขาไม่อาจเสี่ยงให้คนจากนิกายปีศาจสวรรค์แทรกซึมเข้าไปในวังสวรรค์ไพศาลของพวกเขาโดยการแต่งงานกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เพราะนั่นอาจจะทำให้แผ่นดินของพวกเขาล่มสลายได้
ในทางกลับกัน ถ้าซ่างกวนหลงหยินสามารถพิสูจน์ได้ว่าโจวเหว่ยชิงไม่ใช่สมาชิกของนิกายปีศาจสวรรค์จริงๆ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเด็กหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน ถึงอย่างไรพรสวรรค์และความเป็นอัจฉริยะของโจวเหว่ยชิงปรากฏให้ทุกคนได้เห็นแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่น่ากลัวเลยทีเดียว หากชายหนุ่มคนนี้เติบโตขึ้นมาเพื่อเป็นศัตรูกับพวกเขา วังสวรรค์ไพศาลย่อมไม่อาจนอนหลับได้อย่างสงบสุขแน่นอน! ด้วยเหตุนี้ นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งสำหรับมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นพวกเขา
หลายนาทีผ่านไป ซ่างกวนหลงหยินจึงถอนฝ่ามือขวาออกในที่สุด ใบหน้าที่ตึงเครียดของเขาผ่อนคลายลง จากนั้นก็มองไปที่แท่นนั่งของผู้ชมระดับสูงและพยักหน้าให้ซ่างกวนเทียนซินอย่างลับๆ
ซ่างกวนเทียนซินเอนลงไปในที่นั่งขอตนเองพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก รอยยิ้มจางๆ พลันปรากฏบนริมฝีปากของเขา เนื่องจากซ่างกวนหลงหยินไม่พบสัญลักษณ์หรือคำสาปของนิกายปีศาจสวรรค์ในร่างของโจวเหว่ยชิง นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้อยู่ในนิกายปีศาจสวรรค์อย่างแท้จริง
เขาไม่ได้สงสัยเลยว่านี่อาจเป็นแผนของนิกายปีศาจสวรรค์ เพราะด้วยความสามารถที่โดดเด่นของโจวเหว่ยชิง หากนิกายปีศาจสวรรค์ต้องการเขามาไว้ในอุ้งมือ พวกเขาจะไม่อยากควบคุมเด็กหนุ่มได้อย่างไร? และด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะเสี่ยงเปิดเผยพลังของโจวเหว่ยชิงไปเพื่อเหตุใด?
ถ้าโจวเหว่ยชิงไม่ได้มาจากนิกายปีศาจสวรรค์ นี่ก็จะกลายเป็นข่าวดีอย่างน่าอัศจรรย์สำหรับวังสวรรค์ไพศาล ทักษะธาตุทั้ง 6 และความสามารถในการควบคุมสถานะปีศาจกลายร่าง…ในอีกไม่กี่สิบปี…หึๆ…บางทีภูเขาหิมะสวรรค์อาจจะไม่ได้เปรียบภูเขาหิมะสวรรค์อีกต่อไป
เมื่อเขาคิดถึงจุดนี้ ซ่างกวนเทียนซินก็อารมณ์ดีขึ้นมากทีเดียว แม้ว่าปัจจุบันโจวเหว่ยชิงจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวังสวรรค์ไพศาล แต่พวกเขาก็ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ ถึงอย่างไรเขาเป็นผู้ชายขอซ่างกวนปิงเอ๋อร์! ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไปสนทนาข่าวดีกับพี่รองเสียหน่อยแล้ว!
กลับมาที่เวทีการแข่งขัน แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงย่อมไม่รู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขารู้สึกค่อนข้างแปลกประหลาดจนเกือบจะเรียกได้ว่าวิตกกังวล หลังถูกซ่างกวนหลงหยินปฏิบัติราวกับหนูทดลอง เขาจะมีความสุขได้อย่างไร?
เขาพลันคิดกับตัวเองในใจ บิดามันเถอะ เมื่อข้าไปถึงระดับราชาเมื่อไหร่ ข้าจะเล่นสนุกกับคนอื่นๆ แบบนี้บ้าง ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม!
ซ่างกวนหลงหยินมองไปที่กลุ่มนักรบตันตุ้นและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ในฐานะหัวหน้าผู้ตัดสิน ข้าได้ตรวจสอบเขาอย่างใกล้ชิดแล้ว โจวเหว่ยชิงผู้นี้ไม่มีตราประทับของนิกายปีศาจสวรรค์ และการสถานะปีศาจกลายร่างที่เขาใช้คือสถานะปีศาจกลายร่างที่ควบคุมได้ เช่นนี้เขาจึงไม่ถือว่าเป็นคนนอกรีต การต่อสู้ก่อนหน้านี้จะยังคงถูกนับและผลลัพธ์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ในฐานะผู้ตัดสินอย่างเป็นทางการ ข้าขอประกาศว่ารอบสุดท้ายของการประลองรอบอุ่นเครื่องเบื้องต้น สายที่ 3 กลุ่มนักรบเฟยหลี่คือผู้ชนะ”
ขณะที่พูดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็โบกมือให้ร่างของโจวเหว่ยชิงก็ลอยกลับลงมาที่พื้นท่ามกลางวงล้อมของหลินเทียนอ้าวและสมาชิกในกลุ่มคนอื่นๆ ซ่างกวนหลงหยินพูดต่อ เสียงของเขาเบาลงเล็กน้อย “เขากำลังเหนื่อยมาก อาจจะเกือบหมดพลังชีวิตแล้ว เขาต้องได้รับการพักผ่อนเพื่อพักฟื้น ข้ากลัวว่าเขาอาจจะสู้ต่อไม่ได้ อย่างน้อยก็ในรอบถัดไป อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าทุกคนนั้น การที่สามารถเอาชนะกลุ่มตัวเต็งได้ในการประลองรอบอุ่นเครื่อง พวกเจ้าก็ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แล้ว”
หลังจากพูดแบบนั้น ซ่างกวนหลงหยินก็โบกมืออีกครั้ง ครั้งนี้ปีศาจน้อยเซินถูกนำมาต่อหน้าเขา แม้ว่าใจของเขาจะอยู่ข้างโจวเหว่ยชิง แต่เขาก็ต้องช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียมเพราะถึงอย่างไรหุบเขาอเวจีสีเลือดก็เป็นมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
ขณะที่เธอถูกนำตัวมาตรงหน้าเขา ซ่างกวนหลงหยินก็วางมือบนข้อมือของหญิงสาวและขยายประสาทสัมผัสของเขา ครู่ต่อมาใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แม้เขาจะมีระดับพลังสูงส่งเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกใจและมองไปที่โจวเหว่ยชิงซึ่งขณะนี้ถูกหลินเทียนอ้าวและสมาชิกคนอื่นๆ ลากออกไปโดยไม่รู้ตัว
หลังจากหยุดชั่วครู่ ซ่างกวนหลงหยินก็กล่าวว่า “ดำเนินการประลองต่อไปได้” ก่อนจะกระโดดลงจากเวทีพร้อมกับปีศาจน้อยเซิน นำสมาชิกที่เหลือของกลุ่มนักรบตันตุ้นไปยังเรือนพักของพวกเขา
…
กลับไปที่เรือนพักของกลุ่มนักรบเฟยหลี่
สมาชิกในกลุ่มพาโจวเหว่ยชิงกลับไปที่เรือนพักก่อนที่จะจ้องหน้ากันอย่างสับสน
ขี้เมาเป่าพึมพำ “นี่…เป็นเรื่องจริงเหรอ! พวกเราเอาชนะกลุ่มนักรบตันตุ้นได้จริงๆ? อู่หยาตบข้าเร็ว! ข้าอยากรู้ว่าจะเจ็บหรือเปล่า!!”
“ดี! ข้าชอบคำขอแบบนี้” อู่หยายกมือขึ้นทันที
ขี้เมาเป่าพลันระหนักได้ถึงความโง่เขลาของตัวเองในวินาทีสุดท้าย “เดี๋ยวก่อน! ไม่! อย่า! ไม่ใช่เจ้า…เอาเป็นเซียวเอี๋ยนก็แล้วกัน”
เซียวเอี๋ยนจ้องขี้เมาเป่าอย่างเคืองๆ ก่อนจะเตะก้นเขาอย่างรุนแรง “เจ้าก้นเหม็นไร้ประโยชน์!”
ขี้เมาเป่าสะดุดไปข้างหน้าเพราะลูกเตะนั้น เขาบิดคอกลับไปมองที่รอยเท้าบนกางเกงก่อนจะกระพริบตาและพูดว่า “ ให้ตายเถอะ! เจ็บจริงๆ นะเฟ้ย! ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ความฝัน! เรา…พวกเราชนะจริงๆ!”
ความจริงเขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดเช่นนั้น สมาชิกทุกคนของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ทุกคนต่างก็ยังมีความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง ราวกับว่าวันนี้ทั้งวันเป็นความฝันตื่นหนึ่ง หลังจากจ้องตากันชั่วครู่ ในที่สุดสายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่โจวเหว่ยชิง และการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
การที่โจวเหว่ยชิงสามารถเอาชนะปีศาจน้อยเซินได้ เขาไม่เพียงแต่ทำให้คนนอกตกใจ แต่คนทั้งกลุ่มก็ตกใจไปด้วยเช่นกัน มณี 3 ชุดกับมณี 6 ชุด เจ้ามณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นสูงสุดกับจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุด…ใครจะไปคิดว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้ได้?
กลุ่มนักรบเฟยหลี่เอาชนะกลุ่มนักรบตันตุ้นได้อย่างแท้จริง และยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถเอาชนะไปด้วยการแข่งขัน 1 ต่อ 1 ระหว่างสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุด 2 คน บางทีอาจมีคนเถียงว่าสี่น้อยเอาชนะมาได้ด้วยโชค แต่การต่อสู้ของโจวเหว่ยชิงไม่เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน ปีศาจน้อยเซินไม่ได้ประเมินเขาต่ำเกินไป และด้วยความโกรธของเธอ เธอจึงต้องฆ่าอย่างแน่นอน ทว่าโจวเหว่ยชิงกลับเป็นฝ่ายเหนือกว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ การคิดจะคว้าชัยชนะดังกล่าว หากทำได้ก็จะถือเป็นเกียรติอย่างแท้จริง แต่ถ้าหากทำไม่ได้ก็ตายเพียงอย่างเดียว แม้การใช้รูปแบบการโจมตีเดิมซ้ำในอนาคตจะเป็นไปไม่ได้ แต่นั่นก็จะกลายเป็นผลงานแห่งประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน
โจวเหว่ยชิงยังคงนอนหอบหายใจอยู่ ร่างกายของเขาชาหนึบและไร้ความรู้สึก ชายหนุ่มทำไม่ได้แม้แต่จะเปิดปากพูด และการแสดงออกของเขาก็ดูน่าเกลียดมากทีเดียว
เมื่อเห็นสภาพของเขา หลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออย่างไร พวกเขาไม่กล้าใช้พลังสวรรค์เพื่อช่วยโจวเหว่ยชิงเพราะไม่รู้ว่าปัญหาของเขาอยู่จุดไหน เกรงว่าการลงมือทำสิ่งใดอาจก่อให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี
โชคดีที่ซ่างกวนหลงหยินกล่าวว่าโจวเหว่ยชิงเพียงแค่เหนื่อยล้ามากเกินไปและไม่มีภัยคุกคามถึงชีวิตของเขา
ในขณะนั้น เสียงที่นุ่มนวลติดจะเขินอายก็ดังออกมา “พี่ใหญ่และพี่สาว ข้าขอเข้าไปหน่อยได้ไหม?”
เมื่อทุกคนหันไปที่ประตูทางเข้า ขากรรไกรของพวกเขาก็แทบจะร่วงลงไปที่พื้น ใบหน้าของทุกคนฉายแววประหลาดใจ น้ำเสียงเขินอายนี้เป็นของเด็กสาวที่เกือบจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด แม่มดน้อยนั่นเอง!
เซียวเอี๋ยนกล่าวช้าๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? พวกเราไม่ต้อนรับเจ้าหรอกนะ”
แม่มดน้อยกล่าวด้วยความเสียใจเล็กน้อย “ข้ามาด้วยความตั้งใจอันดีจริงๆ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเขา” เมื่อเธอพูดอย่างนั้น เธอก็ชี้นิ้วเล็กๆ ไปที่โจวเหว่ยชิง
*สวบ* เงาสีขาววูบผ่านข้ามห้องแทบจะในพริบตาเดียว ก่อนจะหยุดอยู่ข้างโจวเหว่ยชิงได้อย่างงดงาม มันคือแมวอ้วนนั่นเอง ดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความเป็นศัตรูขณะที่มันจับจ้องไปที่แม่มดน้อยและคำรามใส่เบาๆ
…………………………………………………………….