Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 96 เขตแดนมิติสะท้อน (1)
ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายโจวเหว่ยชิงนั้นแน่นอนว่าเป็นขาขวาของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ร่างกายของเขาผ่านการวิวัฒน์ขั้นที่ 2 มาแล้ว เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าเขากำลังอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง แม้ว่าหลินเทียนอ้าวจะใช้โล่ประสาน 5 ชิ้นของเขาป้องกันขาขวาของโจวเหว่ยชิง เขาก็จะยังจะต้องต้านรับพลังโจมตีของมันอย่างหืดขึ้นคอและไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคงแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นเพียงการพิจารณาความรุนแรงของพลังโจมตีบริสุทธิ์เท่านั้น ภายในขาขวาปีศาจของโจวเหว่ยชิงยังมีส่วนผสมอันทรงพลังของธาตุปีศาจและธาตุมืดอยู่ด้วย และเมื่อใช้มันโจมตีใส่ศัตรู พลังธาตุเหล่านั้นก็จะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าระดับพลังของโจวเหว่ยชิงในปัจจุบันจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่พลังโจมตีของเขาก็ยังมีธาตุมืดและธาตุปีศาจที่มีคุณภาพสูงปะปนอยู่ด้วย ในแง่ของคุณภาพนั้น แม้แต่แมงมุมปีศาจแปดตาก็ไม่สามารถต่อกรได้
เมื่อเผชิญกับแรงโจมตีดังกล่าว แมงมุมปีศาจแปดตาที่ถูกผนึกเอาไว้ย่อมไม่สามารถหลบหลีกหรือปิดกั้นเอาไว้ได้ มันจึงทำได้เพียงแค่รับการโจมตีด้วยผิวหุ้มเกราะที่แข็งแกร่งของตนเท่านั้น น่าเสียดายที่หากไม่มีพลังปราณสวรรค์เพียงพอจะสนับสนุนความสามารถนี้ พลังโดยรวมของมันก็จะลดลงอย่างมาก แม้กระทั่งความสามารถในการป้องกันตัวก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
หลังการโจมตีครั้งใหญ่นั้น ขาทั้งแปดของมันไม่สามารถพยุงร่างกายได้อีกต่อไป แมงมุมยักษ์จึงทรุดลงบนพื้นดินอย่างรุนแรง
เสียงดังเสียดหูดังสนั่นออกมาจากร่างของแมงมุมปีศาจแปดตา และรอยเท้าของโจวเหว่ยชิงก็ฝังลึกลงบนแผ่นหลังหุ้มเกราะของมัน ไม่นานโจวเหว่ยชิงถอยห่างออกไปเล็กน้อยด้วยเกรงว่าเขาจะเผลอฆ่ามัน เด็กหนุ่มใช้เพียงแค่หลังเท้าเท่านั้น ไม่ใช่ ‘ตะขอแมงป่อง’ ที่ชูขึ้นมาระหว่างอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่างด้วยซ้ำ
โจวเหว่ยชิงจ้องมองไปที่แมงมุมปีศาจแปดตาด้วยรังสีสังหารและพูดอย่างเย้นหยันว่า “เจ้ารู้ว่าตนเองถูกปิดผนึกเอาไว้ แต่ก็ยังจะกล้ามาทดสอบพี่ใหญ่คนนี้อีกรึ? หึ! อยากตายมากสินะ! เป็นเด็กดีให้ข้ากลืนกินพลังซะดีๆ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ไม่เช่นนั้น…เจ้าเห็นนี่หรือไม่?”
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังทำท่าข่มขู่ เขาก็ยกขาขวาปีศาจขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เด็กหนุ่มวางตะขอสีดำเรืองรองไว้ตรงหน้าดวงตาทั้งแปดของแมงมุมปีศาจด้วย ขาตะขอของเขาเปล่งแสงวาบออกมา เห็นได้ชัดว่ามีพลังปราณสวรรค์ของเขาอบอวลอยู่ภายใน เกิดกลิ่นอายปีศาจเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมรอบร่างแมงมุมปีศาจแปดตาและทำให้มันสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
แมงมุมปีศาจร้องออกมาเสียงต่ำๆ แม้ว่าดวงตาของมันยังคงโกรธเกรี้ยวและแฝงแววดื้อรั้น แต่ขาสั้นๆ ทั้ง 8 ของมันก็กางออกอย่างช้าๆ วางร่างกายลงบนพื้นอย่างเต็มที่พร้อมกางขาออกข้างลำตัว แน่นอนว่าหากทำท่าทางเช่นนั้น โดยธรรมชาติแล้วมันย่อมไม่สามารถขยับร่างกายเพื่อโจมตีได้ แม้ว่าสัตว์เหล่านี้จะไม่อาจสื่อสารได้ แต่อสูรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้ก็ฉลาดเป็นกรด แมงมุมปีศาจกำลังแสดงให้โจวเหว่ยชิงเห็นว่ามันจะไม่ตอบโต้ด้วยภาษากายของตนเอง
ลักษณะนิสัยของแมงมุมปีศาจแปดตาโดยธรรมชาติแล้วมักจะเกรี้ยวกราดและรุนแรง แต่ถึงอย่างไรมันก็ถือว่าเฉลียวฉลาดมากเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับมนุษย์ที่อาจคุกคามชีวิตมันได้ เจ้าแมงมุมตัวนี้ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม นอกจากนี้ มันยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวจากร่างกายของโจวเหว่ยชิง ก่อนหน้านี้เมื่อโจวเหว่ยชิงมาถึงเป็นครั้งแรก มันยังไม่ทันได้รู้สึกถึงสิ่งนั้น แต่เมื่อเขาปลดปล่อยสถานะปีศาจกลายร่างออกมา กลิ่นอายนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นมาก…มันคือกลิ่นอายของสายเลือดบริสุทธิ์!
โจวเหว่ยชิงส่งเสียงหึในลำคอและพูดว่า “ดีมาก”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็วางฝ่ามือทั้งสองไว้ที่ด้านหลังของแมงมุมตัวใหญ่และเปิดใช้งานทักษะกลืนกินอย่างรวดเร็ว
แมงมุมปีศาจแปดตาเผยให้เห็นแววตาไม่เต็มใจ แม้ว่าการกระทำของมันจะตรงกันข้ามก็ตาม ถึงกระนั้น ขณะที่โจวเหว่ยชิงวางฝ่ามือของเขาไว้บนแผ่นหลังของมัน อสูรสวรรค์ตัวนี้ก็เริ่มดิ้นรนอย่างรุนแรง และมีเพียงความหวาดกลัวที่ปราศจากการเสแสร้งเท่านั้นที่คงอยู่ในดวงตาจำนวนมากของมัน
โจวเหว่ยชิงพลันสะดุ้งจนเกือบจะกระเด็นออกไปด้านหลัง ทว่าด้วยพลังที่แข็งแกร่งของเขา โจวเหว่ยชิงจึงสามารถยื้อแรงต่อต้านของแมงมุมปีศาจเอาไว้ได้ทันเวลา
มีข้อความส่วนหนึ่งถูกจารึกไว้ในคู่มือปีศาจว่า เมื่อจ้าวมณีธาตุปีศาจที่มีทักษะการกลืนกินปลดปล่อยทักษะนี้ออกมาขณะอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง พวกเขาจะสามารถใช้พลังที่ขโมยมาเพิ่มพลังโจมตีได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องชำระล้างให้บริสุทธิ์และดูดซับมันเป็นของตัวเองก่อน ดังนั้นสิ่งนี้จึงช่วยเพิ่มความอึดในการต่อสู้ให้กับเจ้าของได้เช่นเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงทำในระหว่างประลองกับปีศาจน้อยเซิน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะขัดขวางไม่ให้พวกเขาดูดซับพลังต่อไปได้ แต่ถึงกระนั้น ในระหว่างขั้นตอนนี้ มันก็จะทำให้พลังปราณสวรรค์ของจ้าวมณีสวรรค์ธาตุปีศาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ ‘สูงสุด’ ได้ในระหว่างการต่อสู้ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้โจวเหว่ยชิงสามารถเอาชนะปีศาจน้อยเซินมาได้นั่นเอง
ด้วยผลของทักษะกลืนกินและด้วยความพยายามสูงสุดของโจวเหว่ยชิงในขณะนี้ แมงมุมปีศาจแปดตาจึงสัมผัสได้ว่าพลังปราณสวรรค์และพลังชีวิตของมันถูกดูดกลืนออกไปอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้มันทั้งรู้สึกตกใจและหวาดกลัว
นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเกี่ยวกับทักษะกลืนกิน ทักษะนี้ไม่เพียงแต่จะกลืนกินพลังปราณสวรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพลังชีวิตด้วย! พลังชีวิตที่ถูกกลืนกินเข้าไปนี้ไม่เพียงแต่สามารถนำไปใช้รักษาบาดแผลเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างร่างกายของผู้ครอบครองทักษะนี้ได้ชั่วคราวอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากเป้าหมายยังคงถูกดูดกลืนพลังต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็จะแปรสภาพเป็นซากศพแห้งเหี่ยว คล้ายครั้งก่อนๆ ที่โจวเหว่ยชิงใช้ทักษะนี้กับหมาป่าโลกันตร์เป็นครั้งแรก
คู่มือปีศาจระบุว่าทักษะกลืนกินเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดของจ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจ โดยธรรมชาติแล้วมันไม่ได้มีไว้เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ลองนึกดูว่าสำหรับคนที่ถูกสูบพลังชีวิตและพลังปราณสวรรค์ออกไปจนเหือดแห้ง มันอาจจะส่งผลทำให้ระดับพลังปราณของเขาถอยกลับได้ด้วยซ้ำ!
ด้วยทักษะกลืนกินที่ใช้งานอยู่ ขณะพลังของแมงมุมปีศาจพุ่งผ่านเข้ามาในร่าง โจวเหว่ยชิงจึงรู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอันไร้ที่สิ้นสุด เขายังคงใช้มือกดแมงมุมเอาไว้ โดยใช้ตะขอขาขวาของเขาเหยียบลงที่กึ่งกลางดวงตาของมันเพื่อความไม่ประมาท ในตอนแรกแมงมุมปีศาจแปดตาตนนี้ต้องการจะลุกขึ้นต่อต้าน แต่ด้วยตำแหน่งที่ไม่เอื้ออำนวย มันจึงไม่อาจทำอะไรได้ และค่อยๆ อ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว
พลังปรานมหาศาลไหลผ่านแขนกำยำของโจวเหว่ยชิงเข้าสู่ร่างกายของเขา ภายในไม่กี่อึดใจ เขาก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนกำลังพองขึ้น ภายในเต็มไปด้วยพลังปรานส่วนเกินจนร่างแทบระเบิด สำหรับแมงมุมปีศาจแปดตาที่อยู่ด้านล่างเขา แสงสว่างที่ครั้งหนึ่งเคยส่องประกายแวววาวบนเปลือกหุ้มเกราะของมัน ตอนนี้กลับกลายเป็นแสงมืดสลัวไปแล้ว
แทบจะไม่ถึง 10 วินาทีตั้งแต่ที่เขาเริ่มใช้ทักษะ โจวเหว่ยชิงก็กระโดดหนีจากแผ่นหลังของแมงมุมปีศาจแปดตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะข้ามไปยังจุดที่แมงมุมปีศาจไม่สามารถเข้าถึงได้และนั่งลงทำสมาธิเพื่อฝึกปราณต่อ
ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มก็ได้ออกจากสถานะปีศาจกลายร่างด้วย
ท้ายที่สุดแล้วโจวเหว่ยชิงก็ยังคงเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดในขณะที่แมงมุมปีศาจแปดตาเป็นอสูรสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด แม้ว่ามันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเนื่องจากถูกปิดผนึกจนทำให้ไม่อาจใช้พลังปรานและความสามารถที่แท้จริงของมันได้ ทว่าพลังภายในของมันก็ยังคงเหลืออยู่ และนั่นก็เหนือกว่าที่โจวเหว่ยชิงจะรับมือไหว
ดังนั้นโจวเหว่ยชิงจึงสามารถดูดกลืนพลังปราณสวรรค์และพลังชีวิตของมันได้เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ เท่านั้นก่อนที่ร่างกายของเขาจะถึงขีดจำกัด หากเขายังคงกลืนกินต่อไป เขาอาจระเบิดร่างของตัวเองและตายเอาได้! เพราะท้ายที่สุดช่องว่างในระดับพลังที่แท้จริงระหว่างทั้งคู่ก็กว้างมากเกินไป
หลังจากได้นั่งสมาธิ โจวเหว่ยชิงก็เริ่มฝึกวิชาเทพอมตะของเขาต่อทันที หลุมดำพลังปราณบริเวณจุดตายทั้ง 14 แห่งต่างก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เมื่อร่างกายที่ถูกวิวัฒน์ขึ้นถูกผนวกเข้ากับพลังชีวิตที่เขาเพิ่งกลืนกินเข้าไป หลุมดำพลังปราณจึงหมุนวนในอัตราที่รวดเร็วขึ้นมาก
ภายในร่างกายของเขา กระแสพลังปรานสีดำและสีเทาจากภายนอกถูกหมุนวนเข้าไปในหลุมดำพลังปราณ ณ จุดตายทั้ง 14 แห่งอย่างรวดเร็ว ทำให้โจวเหว่ยชิงสามารถแปรเปลี่ยนพลังปราณสวรรค์ภายนอกให้กลายเป็นของตัวเองได้อย่างช้าๆ
มุมปากของโจวเหว่ยชิงขยับขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ คู่มือปีศาจนั้นแม่นยำมากและความพยายามของเขาก็ได้รับผลตอบแทนที่ดีทีเดียว ทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุปีศาจที่ฝังอยู่ในพลังปราณสวรรค์ที่เขากลืนกินมาจากปีศาจแมงมุมนั้นเข้ากันได้ดีกับตัวเขา กระบวนการชำระล้างและดูดซับเพื่อให้พลังปราณนั้นกลายเป็นของตัวเองจึงเร็วขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาดูดกลืนพลังของปีศาจน้อยเซิน! ในขณะที่เขากลืนกินพลังปราณสวรรค์เข้าไปเป็นจำนวนมากจนเรียกได้ว่าเกือบจะถึงขีดจำกัดสูงสุดของตัวเองนั้น ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าระดับพลังปราณสวรรค์ของเขาพุ่งพรวดขึ้นในอัตราความเร็วที่น่าประทับใจ
การรับรู้ถึงระดับพลังปราณสวรรค์ที่กำลังเพิ่มขึ้นขณะฝึกฝนเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับจ้าวมณีสวรรค์ทั่วๆ ไป แม้แต่วิชาฝึกปราณที่ยอดเยี่ยมของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นๆ ก็ไม่ให้ผลยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน ทว่าโจวเหว่ยชิงกลับทำเช่นนั้นได้ เวลานี้ข้อได้เปรียบที่แท้จริงของการครอบครองทักษะกลืนกินจึงแสดงออกมาให้เห็นอย่างช้าๆ ทว่าโจวเหว่ยชิงก็ไม่ทราบเช่นกันว่าแท้จริงแล้วเจ้าของดั้งเดิมของไข่มุกดำ หรือพยัคฆ์เทพอสูรมืดนั้น มีชื่อเสียงในด้านการฝึกปราณด้วยทักษะกลืนกินนี้มาก่อน
เวลาผ่านไปกว่า 4 ชั่วโมง ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเขาทำเช่นนั้น แมงมุมปีศาจแปดตาก็สะดุ้งตื่นขึ้นเช่นกัน ร่างกายของมันสั่นสะท้านขณะพยายามถอยหนีด้วยความกลัว
ความรู้สึกขณะพลังชีวิตและพลังปราณสวรรค์รั่วไหลออกไปจากร่างอย่างไม่อาจควบคุมได้นั้นน่ากลัวเกินไป ไม่ต้องพูดถึงว่ามันมีสติปัญญาระดับหนึ่งอยู่แล้ว แม้แต่สัญชาตญาณพื้นฐานของอสูรสวรรค์ระดับต่ำก็ยังต้องรู้สึกหวาดกลัวกับความรู้สึกเช่นนี้…กับบุคคลประเภทนี้!
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เฮ้ๆ…ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก ถึงอย่างไรความหวังที่จะเพิ่มระดับพลังปราณของข้าก็ขึ้นอยู่กับเจ้านะ”
ในที่สุดแมงมุมปีศาจแปดตาที่ถูกผนึกอยู่ก็ไม่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของโจวเหว่ยชิงและทักษะกลืนกินของเขาไปได้ แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงก็ไม่กล้าดูถูกแมงมุมปีศาจตัวนี้เช่นกัน เขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่างแล้วจึงใช้ทักษะนี้ ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันตัวเองไว้ก่อน แม้มันจะสิ้นเปลืองพลังปรานไปหน่อยก็ตาม
ความจริงพลังปราณของแมงมุมปีศาจแปดตาที่ถูกกลืนกินเข้าไปก่อนหน้านี้มีสัดส่วนน้อยกว่า 1 ใน 10 ของพลังทั้งหมดของมันด้วยซ้ำ และหลังจาก 4 ชั่วโมงผ่านไป พลังของแมงมุมปีศาจก็ฟื้นฟูกลับมาเต็มที่แล้ว อนิจจา สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการฟื้นตัวของพลังชีวิตนั้นไม่ได้รวดเร็วมากนัก มันจึงฟื้นฟูได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่โจวเหว่ยชิงกระโจนเข้าใส่มันอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ แมงมุมที่น่าสงสารตัวหนึ่งจึงต้องเผชิญกับหายนะที่เกิดขึ้นต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่าขณะที่โจวเหว่ยชิงยังคงวนเวียนอยู่กับการกลืนกิน…ชำระล้าง…ดูดซับและทำซ้ำไปเรื่อยๆ ในที่สุดพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกตะลึง!
เวลา 32 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานี้โจวเหว่ยชิงล้วนแต่จมจ่ออยู่กับการฝึกปราณของเขา ทว่าวันนี้ก็เป็นวันที่ 3 ที่พวกเขาเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์แล้ว ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ไม่อาจดำเนินการต่อไปได้เนื่องจากความหิวโหย หลังออกจากวังกักเก็บทักษะแล้ว เขาก็ตรงกลับไปที่โรงเตี๊ยมทันที
นอกจากความหิวโหยจวนขาดใจแล้ว โจวเหว่ยชิงยังสัมผัสได้ถึงสิ่งอื่นอีก นั่นก็คือหลังจากที่เขากลืนกินพลังปราณสวรรค์จำนวนมากเข้าไป ร่างกายของเขาก็ไม่อาจไล่ตามอัตราการเติบโตของพลังปราณสวรรค์ที่เพิ่มขึ้นพรวดพราดได้ทัน เขาจึงต้องย่อยพลังให้เสถียรก่อนสักพักจึงจะทำเช่นนี้ได้อีกครั้ง
ทันทีที่เขาเข้าไปในโรงเตี๊ยม โจวเหว่ยชิงก็ชนกับขี้เมาเป่าทันที
เมื่อขี้เมาเป่าเห็นเขา ชายหนุ่มก็ผงะไปชั่วขณะก่อนจะชกไหล่โจวเหว่ยชิงเบาๆ อย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดว่า “เหว่ยชิง เจ้าอันธพาลน้อย ทำไมไม่บอกเราว่าไปที่วังกักเก็บทักษะ ทั้งยังไปนานขนาดนี้!? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราสอบถามพนักงานในเกาะว่าเจ้าอยู่ที่ไหน พวกเราก็คงไม่รู้ว่าเจ้าเป็นตายร้ายดียังไง! พรุ่งนี้เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแล้ว ทุกคนกำลังรอเจ้ากับหัวหน้าว่าจะเอาเช่นไรกับแผนการของเราในวันพรุ่งนี้”
โจวเหว่ยชิงเกาหัวอย่างเขินอายพลางพูดว่า “ต้องขอโทษทุกคนด้วย ข้าเผลอใช้เวลาในวังกักเก็บทักษะนานเกินไปหน่อย พี่เป่า ให้ข้าไปหาอาหารสักมื้อกินก่อนเถิด ท่านให้สมาชิกที่เหลือไปรวมตัวกันในห้องหัวหน้าก่อนได้เลย ข้าจะไปที่นั่นทันทีหลังจากกินอาหารเสร็จ”
สองสามวันที่ผ่านมาเขาใช้เวลาฝึกปราณไปอย่างเต็มที่ แต่พลังจิตวิญญาณของเขากลับไม่ได้ถูกใช้ไปมากนัก อีกทั้งการใช้ทักษะกลืนกินอย่างต่อเนื่องทำให้ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดแล้ว ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงไม่ต้องพักผ่อนมากนัก
หลังจากกินอาหารมื้อใหญ่ไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง โจวเหว่ยชิงก็กลับมารวมตัวกับสหายในกลุ่มอีกครั้งที่ห้องของหลินเทียนอ้าว
แม่มดน้อยก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน และดูจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ พวกเขาทุกคนย่อมบอกได้ทันทีว่าเธอบรรลุเป้าหมายในเกาะมณีสวรรค์แห่งนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวต้องได้รับของบางอย่างมาไม่น้อยแน่นอน
……………………………………………………….