Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 97 เทียนเอ๋อร์! (2)
โจวเหว่ยชิงรีบวิ่งหนีไปรอบๆ ต้นไม้อีกครั้ง แม้จะหลบเลี่ยงหญิงสาวแทบไม่พ้นก็ตาม “หยุด พอแล้ว ข้ายอมแพ้! พวกเราอยู่ในเขตแดนมิติสะท้อน คงไม่ดีแน่ถ้าเราหาเรื่องดึงดูดความสนใจ!”
เทียนเอ๋อร์ยิ้มเยาะอย่างเย็นชาว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เหตุผลที่เจ้าเปิดเผยตัวตนของข้าในตอนนี้นะ เป้าหมายของเจ้าคือให้ข้าช่วยเจ้าเอาชนะงานประลองมณีสวรรค์ครั้งนี้ให้ได้ใช่ไหม? หึ ฝันไปซะเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยให้ปรารถนาของเจ้าบรรลุผลง่ายๆ หรอก!”
โจวเหว่ยชิงคร่ำครวญเสียงดัง “แมวอ้วน…อย่าใจร้ายกับข้านักสิ แม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดจะเป็นความจริง แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่มีแต่ได้กับได้นะ”
เทียนเอ๋อร์เอ่ยเสียงดังว่า “อย่าโม้ไปหน่อยเลย ใครจะได้ผลประโยชน์ร่วมกับเจ้าไม่ทราบ?!”
โจวเหว่ยชิงโผล่ศีรษะของเขาออกมาจากหลังต้นไม้และถามว่า “หากเจ้าไม่ต้องการช่วยข้า แล้วแผนของเจ้าคืออะไรล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น เทียนเอ๋อร์ก็เป็นฝ่ายสับสนแทน จู่ๆ โจวเหว่ยชิงก็เปิดเผยตัวตนของเธออย่างกะทันหัน จากนั้นเธอก็กลับสู่ร่างมนุษย์เพื่อเอาชนะเจ้าคนน่าตีนั่น แม้ว่านั่นจะทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้น แต่เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแผนการต่อไป สมองของเทียนเอ๋อร์ก็กลับคิดอะไรไม่ออก นั่นเป็นเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปเช่นกัน
ทันใดนั้น ความรู้สึกสูญเสียครั้งใหญ่ก็ตรงเข้าครอบคลุมหัวใจของเธอ จู่ๆ เทียนเอ๋อร์ก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงรู้แล้วว่าแท้จริงเธอเป็นใคร พวกเขาจึงไม่สามารถกลับไปมีความสัมพันธ์แบบเดิมได้อีก เธอไม่สามารถเป็นแค่เจ้าแมวอ้วนที่อยู่เคียงข้างเขา นั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา รู้สึกถึงความอบอุ่นและจังหวะการเต้นของหัวใจของเขาขณะฝึกปราณและนอนหลับได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อมองไปที่ท่าทางสับสนของเธอ โจวเหว่ยชิงก็คิดกับตัวเอง ยังมีหวังสินะ!
“แมวอ้วน เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะช่วยข้าและไม่ยินยอมบอกข้าว่าทำไมเจ้าถึงติดตามข้ามาตลอด…ทำไมเราไม่เพียงแค่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น…ข้าไม่เคยพูดอะไร…และเจ้าก็ยังสามารถเป็นเจ้าแมวอ้วนและติดตามข้าได้ตลอดไป ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีกับเจ้าอีก…ตกลงไหม?”
“เอ๊ะ?” เทียนเอ๋อร์ตกใจกับคำพูดของเขา เธอพบว่าตัวเองถูกคำแนะนำของโจวเหว่ยชิงล่อลวงเข้าให้แล้ว แต่หลังจากกรุ่นคิดสักพัก เธอก็ปัดความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็วและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เมื่อเจ้ารู้ตัวตนที่แท้จริงและรูปร่างมนุษย์ของข้าแล้ว เราจะกลับสู่สถานะเดิมได้อย่างไร? เจ้ากำลังฝันอยู่หรือ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างขมขื่น “ แต่…ข้าทนไม่ได้ที่จะต้องจากเจ้าไป แม้ว่าเจ้าจะไม่ช่วยเหลือข้า แต่ข้าก็ยังหวังว่าจะได้อยู่กับเจ้าตลอดไป ตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์ หากไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เราก็จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่กี่สิบปีเท่านั้น อย่างไรพวกเราก็อยู่ด้วยกันมากกว่า 3 ปีแล้ว ใน 3 ปีที่ผ่านมานี้…ข้าเริ่มชินกับการตื่นขึ้นมาและมองเห็นเจ้าเป็นสิ่งแรกแล้ว…เคยชินกับร่างเล็กๆ ที่มีขนปุกปุยของเจ้าอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของข้า เทียนเอ๋อร์ ข้าทิ้งเจ้าไปไม่ได้หรอก!”
“อันที่จริงที่ข้าเปิดเผยว่าเจ้าเป็นใครก็เพื่อยืมพลังของเจ้าสำหรับงานประลองมณีสวรรค์ครั้งนี้ ทว่าในเวลาเดียว กันข้าก็ไม่ได้โกหกเจ้า ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถลบเลือนรอยร้าวที่มองไม่เห็นระหว่างเราออกไป เพราะข้าหวังให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้าไปตลอดกาลและไม่มีวันทิ้งข้าไป ข้ารู้สึกว่าการเปิดเผยตัวตนของเจ้าตอนนี้ดีกว่าการรอคอยให้เจ้าจากไปอย่างเงียบๆ และหายไปตลอดกาลในสักวันหนึ่ง อย่างน้อยวิธีนี้ข้าก็จะควบคุมทุกอย่างไว้ในมือของตัวเองและมีความหวังเล็กน้อยว่าจะทำให้เจ้าอยู่กับข้าต่อไปได้”
“ข้ารู้ว่าในใจของเจ้า ข้าเป็นแค่พวกปลิ้นปล้อนนิสัยหยาบช้า แต่คนหยาบช้าเช่นข้าเองก็มีความเป็นมนุษย์ มีความรู้สึกเช่นกัน! ในบรรดาพลังของเจ้า ข้าเดาว่าเจ้ามีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์อย่างทักษะธาตุวิญญาณใช่หรือไม่? นั่นหมายความว่าเจ้ามีอำนาจที่จะจัดการกับความทรงจำของคนอื่น เช่นนั้นก็ใช้มันกับข้าเถิด ทำให้ข้าลืมว่าเจ้าแมวอ้วนคือเทียนเอ๋อร์ ด้วยวิธีนี้ พวกเราจึงจะยังคงอยู่ด้วยกันต่อไปได้อย่างที่เราเคยเป็นมา…ใช่ไหม?…ข้าขอโทษ…ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรังเกียจการเปิดเผยตัวตนมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจ้าจะจัดการกับความทรงจำของข้า เจ้าต้องแน่ใจว่าเจ้าได้หลงเหลือความทรงจำในช่วงเวลาที่เราใช้ร่วมกันเอาไว้ด้วย…ข้า…ข้า…ข้าไม่อยากลืมเจ้าไปทั้งหมด”
เมื่อพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็หลับตาลงช้าๆ ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่ง ร่างกายของเขาผ่อนคลายโดยสิ้นเชิง ไร้สัญญาณว่าจะต่อต้านใดๆ
สัญชาตญาณและความรู้สึกของอสูรสวรรค์ส่วนใหญ่มักจะมีเฉียบคมมากกว่ามนุษย์ นับประสาอะไรกับพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดบนห่วงโซ่ของเหล่าอสูรสวรรค์
เทียนเอ๋อร์จ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างคิดอะไรไม่ออก เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าขณะที่โจวเหว่ยชิงพูดคำเหล่านั้นออกมา เขามีความจริงใจและเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา ปัจจุบันเด็กหนุ่มก็ไม่ได้เผยท่าทีต่อต้านยามเฝ้าคอยให้เธอใช้พลังแก้ไขความทรงจำของเขา
โง่เง่า! เจ้าสารเลวคนนี้นี่! เขาไม่รู้หรือว่าหากนำการป้องกันออกทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนสมองและจิตวิญญาณของเขา หากเขาถูกทำร้าย เขาอาจกลายเป็นคนพิการและปัญญาอ่อนได้
เขา…เขาห่วงใยข้ามากขนาดนี้เลยเหรอ? เชื่อใจข้าถึงเพียงนั้น?
แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่เทียนเอ๋อร์ก็รู้สึกราวกับว่ามีก้อนบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ โจวเหว่ยชิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้น่ารังเกียจสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย
ในขณะนั้นเอง จู่ๆ เทียนเอ๋อร์ก็สะบัดหน้าขึ้นฟ้า ในเวลาเดียวกันเธอตะโกนออกมาว่า “ระวัง!”
แสงสีทองหนาทึบพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอโดยฉับพลัน ตรงเข้าห่อหุ้มร่างของโจวเหว่ยชิงไว้ทันที ในเวลาเดียวกัน ทั้งร่างของเธอก็พุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วที่มองไม่เห็น
แสงสีม่วง 2 ดวงพุ่งออกมาจากดวงตาของเธอ ปะทะเข้ากับอสูรสวรรค์เสือดำเลือดแดงที่เพิ่งกระโจนลงมาจากต้นไม้ด้านบนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ร่างกายที่ไร้การป้องกันของโจวเหว่ยชิงถูกส่งออกไปไกลโดยการควบคุมของเทียนเอ๋อร์ และเสือดำเลือดแดงก็ปะทะเข้ากับแสงสีม่วงจากดวงตาของเธอแทน มันร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด ถึงกระนั้น แผ่นดินใต้อุ้งเท้าทั้งสองข้างของมันก็ยังหลงเหลือรอยลึกสองรอยบริเวณที่โจวเหว่ยชิงเคยยืนอยู่เมื่อสักครู่ รอยเท้าทั้งสองนั้นแผดความร้อนออกมาอย่างรุนแรงราวกับลาวาหลอมเหลว
*ผลั่ก* เกิดเสียงดังสนั่นขณะที่ทั้งโจวเหว่ยชิงและเทียนเอ๋อร์ร่อนลงกระแทกพื้น ทั้งคู่อยู่ในท่าที่เทียนเอ๋อร์นอนทับอยู่บนร่างของเด็กหนุ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทของโจวเหว่ยชิงเปิดขึ้น เพียงเพื่อมองเห็นว่ามีลูกแก้วสีม่วงกลมโตงดงามของเทียนเอ๋อร์ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าเขา
“แมวอ้วน! อ๊ะ ไม่ เทียนเอ๋อร์! ข้า…”
ก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะทันพูดจบประโยค แก้มของเทียนเอ๋อร์ก็รื้นไปด้วยสีแดง หญิงสาวสามารถสัมผัสได้ว่าหน้าอกของตนเองกำลังกดทับอยู่บนตัวโจวเหว่ยชิง
เธอรีบเผ่นหนีอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วดุจพายุ แสงสีทองเข้มข้นพุ่งออกมาจากร่างของเธออีกครั้งกลางอากาศ มุ่งเข้าหาเสือดำเลือดแดงที่เพิ่งฟื้นจากสภาพมึนงงชั่วขณะราวกับเสาทองคำจากสวรรค์
ทันใดนั้นเสียงร้องอันเจ็บปวดก็ถูกเปล่งออกมาจากปากของเสือดำอีกครั้งขณะที่มันถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีทองหนาทึบ ในพริบตาถัดไป เทียนเอ๋อร์ก็ร่อนลงไปอยู่ข้างๆ ร่างกายของมันทันที
ท่ามกลางแสงสีทองเหล่านั้น เสือดำเลือดแดงก็คล้ายจะอ่อนแอลงอย่างมาก ฝ่ามือขวาของเทียนเอ๋อร์ฟาดไปที่บริเวณเอวของมันและแน่นอนว่าเสือดำย่อมไม่สามารถหลบหลีกได้เลย
เกิดเสียงดังกระทบเนื้อตามด้วยแสงสีทองสว่างวาบอีกครั้งหนึ่ง พวกมันตรงเข้าห่อหุ้มเสือดำเลือดแดงอีกครั้งขณะที่มันกระเด็นออกไปกลางอากาศ
ครั้งนี้แสงสีทองอันแข็งแกร่งที่อยู่ลอยวนรอบๆ ตัวเสือดำก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันทรงพลังเพียงใด เสืออสูรไม่มีแม้แต่เวลาให้กรีดร้องออกมา ร่างกายของมันดูเหมือนจะสลายหายไปท่ามกลางแสงสีทองทันที โดยมีเพียงแก่นพลังสีแดงเลือดเท่านั้นที่ร่วงลงกับพื้น
โจวเหว่ยชิงจ้องมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมกับอ้าปากค้าง แม้เขาจะรู้ว่าเทียนเอ๋อร์มีพลังมหาศาล แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าเธอจะมีพลังมากมายขนาดนี้!
เสือดำเลือดแดงตัวนั้นอย่างน้อยก็เป็นอสูรสวรรค์ระดับเทวะ แต่เมื่ออยู่ในเงื้อมมือของเทียนเอ๋อร์ มันก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบสนองก่อนที่จะถูกฆ่า ยิ่งไปกว่านั้นคือมันยังสลายหายไปจนไม่เหลือแม้แต่ซาก! นั่นคือพลังประเภทไหนกันแน่?
“ทำไมเจ้ายังไม่ลุกขึ้นมาอีก!” เทียนเอ๋อร์กล่าวกับโจวเหว่ยชิงอย่างโกรธเคือง อย่างไรก็ตาม ดวงตาสีม่วงของเธอนั้นกลับฉายแววอ่อนลง
โจวเหว่ยชิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขามองไปยังเทียนเอ๋อร์ตรงหน้าที่กำลังหันไปรอบๆ อย่างไม่ยอมสบตาเขา โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกว่าอารมณ์ของเขากำลังเข้าสู่สภาวะสับสน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภายในใจเขา คนที่โจวเหว่ยชิงรักมากที่สุดย่อมเป็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ้าแมวอ้วนหรือเทียนเอ๋อร์ ตัวเขาก็มีสายสัมพันธ์บางอย่างกับอีกฝ่ายอย่างปฏิเสธไม่ได้…ทั้งยังเป็นความรู้สึกบางอย่างที่เอ่ยเป็นคำพูดไม่ได้เช่นกัน
หากมู่เอินอยู่ที่นี่ เขาจะต้องบอกโจวเหว่ยชิงว่านี่เป็นสิ่งผู้ชายทุกคนล้วนต้องประสบพบเจอ เป็นความชั่วขั้นพื้นฐานที่ผู้ชายเกือบทุกคนจะต้องมีอยู่ในสายเลือด
เนื่องจากความแตกต่างในด้านโครงสร้างทางร่างกายและความสนใจในเพศตรงข้าม ความกระหายที่จะมีเพศสัมพันธ์ของผู้ชายจึงแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงมาก โดยทั่วไปหากพวกเขาเห็นเพศตรงข้ามที่งดงามก็จะกระตุ้นให้เกิดความสนใจขึ้นมา นี่ไม่ใช่ความรักหรืออารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน แต่เป็นเพียงสัญชาตญาณขั้นพื้นฐานของพวกเขา เช่นเดียวกับที่ผู้ชายส่วนใหญ่ปรารถนาจะมีภรรยาหรือนางบำเรอหลายคน เมื่อพวกเขาเห็นผู้หญิงที่งดงาม ความคิดเพ้อฝันก็จะถูกจุดประกายในจิตใจของพวกเขาทันที…นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
แต่สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ สิ่งนี้ไม่เหมือนกัน เพราะโดยปกติแล้วพวกเธอจะซื่อสัตย์และภักดีต่อคนๆ เดียวไปตลอดชีวิต นั่นเป็นเพราะความต้องการทางเพศของผู้หญิงนั้นต่ำกว่าผู้ชายและมีความต้องการพึ่งพาทางอารมณ์มากกว่า แน่นอนว่าอาจมีข้อยกเว้นเช่นกัน แต่โดยปกติแล้วเมื่อผู้หญิงตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างแท้จริง มันก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดไป นี่ก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ผู้หญิงหลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนหนึ่งถึงมีนิสัยเจ้าชู้ไปเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ และพวกเขาก็จะถูกเรียกว่าพวก “บ้ากาม”
แน่นอนว่าหากใครจะประเมินหรือตัดสินเขา โจวเหว่ยชิงย่อมต้องเป็นประเภทบ้ากามอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเผชิญหน้ากับสาวงามคนใด ภูมิคุ้มกันของเขาก็ลดต่ำลงในทันที ในขณะเดียวกัน ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็เป็นผู้หญิงที่เข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจนเหมือนที่เธอเคยบอกกับโจวเหว่ยชิงเมื่อนานมาแล้ว แม้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะถือสา แต่เธอก็ไม่ได้ต่อต้านมันโดยตรงตราบใดที่เธอยังสำคัญที่สุดในหัวใจของเขา
นี่เป็นทางเลือกของผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด ทำให้ผู้ชายของเธอสามารถอยู่ร่วมกับตนเองได้โดยไม่มีแรงกดดันและสามารถรักเธอได้อย่างสุดหัวใจ ด้วยเหตุนี้ ในใจของโจวเหว่ยชิงจึงไม่มีใครสามารถแทนตำแหน่งอันดับหนึ่งของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ในใจของเขาได้ และบางทีท่าทีผ่อนปรนของเธอก็อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
“เจ้าจะจ้องข้าทำไม? เจ้าควรระวังตัวให้มากกว่านี้ ทีนี่เป็นสถานที่อันตราย! ใครอยากลบความทรงจำของเจ้ากัน!?” เช่นเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงกำลังรู้สึกสับสน เทียนเอ๋อร์เองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน เธอไม่ได้มองไปที่โจวเหว่ยชิงเพราะไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี
อาจกล่าวได้ว่าเทียนเอ๋อร์ได้ร่วมเป็นสักขีพยานเฝ้าดูพัฒนาการความสัมพันธ์ของโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิง เอ๋อร์ตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน เธอไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับโจวเหว่ยชิงกันแน่ ตอนแรกเป็นเพียงการหลอกใช้ประโยชน์จากเขา แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป…เธอก็ไม่แน่ใจแล้วว่าตนเองหลอกใช้เขาเพียงฝ่ายเดียวจริงๆ หรือไม่
วันนี้โจวเหว่ยชิงได้เปิดโปงฐานะของเธอ และเทียนเอ๋อร์ก็ไม่เพียงแค่รู้สึกตกใจเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ยังรู้สึกกลัว…กลัวจนทำอะไรไม่ถูก แท้จริงแล้วหญิงสาวกลัวการจากข้างกายของเขาไปมากกว่าโจวเหว่ยชิงเสียอีก และสิ่งที่เขาชิงพูดก่อนหน้านี้ก็ประทับอยู่ภายในใจของเธอของลึกล้ำ ทำให้เทียนเออร์รู้สึกสะเทือนใจอย่างสุดซึ้ง อย่างน้อยเธอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าโจวเหว่ยชิงมีความรู้สึกบางอย่างกับเธอ…แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจจะเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านั้นก็ตาม ตราบใดที่เขายังมีความรู้สึกบางอย่าง…ที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลน้อยลง…เธอก็รู้สึกมั่นใจได้มากขึ้น…
……………………………………………………….