Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 97 เทียนเอ๋อร์! (3)
“เอาเช่นนี้…เจ้าเปลี่ยนกลับเป็นเจ้าแมวอ้วนไหม? เหมือนก่อนหน้านี้ที่เจ้าติดตามข้า ข้าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเจ้าแน่นอน”
เทียนเอ๋อร์หันกลับมามองเขาอย่างตำหนิขณะที่เธอพูดว่า “หึ เจ้ายังจะเรียกข้าว่าแมวอ้วนอยู่อีกรึ? เจ้าต้องการให้กลายร่างกลับไปเพื่อที่เจ้าจะได้กลั่นแกล้งข้าต่อ?!”
“แหะๆ” โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างโง่เขลา “อย่างน้อยเวลาเจ้าเป็นแมวอ้วนข้าก็สามารถนอนกอดเจ้าได้เหมือนที่ข้าเคยทำ! หากข้าพยายามนอนกับเจ้าในสภาพนี้…แหะๆ…ข้าจะต้องทำเรื่องโง่ๆ ลงไปแน่”
“เจ้า…” เทียนเอ๋อร์หน้าแดงจัด หญิงสาวจ้องเขาด้วยสายตาอาฆาต “อย่าพยายามแหย่ข้าเล่นเหมือนปิงเอ๋อร์ของเจ้า ข้าไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ฮึ่ม! ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเจ้า ข้าคนนี้สามารถกำจัดเจ้าได้อย่างง่ายดายด้วยซ้ำ!”
โจวเหว่ยชิงวางแขนของเขาไว้รอบไหล่ของเทียนเอ๋อร์อย่างสนิทสนมและพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใจดีหรือไม่ แต่ข้ามั่นใจว่าระดับความอดทนของเจ้าแข็งแกร่งกว่าปิงเอ๋อร์มากทีเดียว ข้าเคยสัมผัสก้นเล็กๆ ของแมวอ้วนมาหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าก็ไม่เคยอารมณ์เสียเลย”
โจวเหว่ยชิงรู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นจะก่อปัญหาให้ตน และทันทีที่เขาพูดออกมา เด็กหนุ่มก็ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาหายตัวไปทันทีเพื่อหลบลูกเตะของเทียนเอ๋อร์
“แม่นางเทียนเอ๋อร์คนงาม ข้าผิดไปแล้ว! เอาน่า…สหายผู้อ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษคนนี้จะปกป้องเจ้าเอง” โจวเหว่ยชิงยื่นศีรษะออกมาจากหลังต้นไม้ที่เขาเคลื่อนย้ายพริบตาไปหลบอยู่ด้านหลัง เด็กหนุ่มฉีกยิ้มขณะที่เอ่ยขอโทษออกมา
ปฏิกิริยาตอบรับและพฤติกรรมของเทียนเอ๋อร์ทำให้หัวใจของเขาสงบลง เทียนเอ๋อร์ต้องมีความรู้สึกบางอย่างกับเขาเป็นแน่ มิฉะนั้นเธอก็คงจะไม่ปฏิบัติต่อเขาหรือแสดงปฏิกิริยาในลักษณะเช่นนี้กับเขาแน่นอน การแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของเธอเป็นการกระทำที่ค่อนข้างแตกต่างจากกลิ่นอายเยือกเย็นของซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ผู้ซึ่งดูเหมือนจะเย็นชาเข้ากระดูกดำมากทีเดียว
เทียนเอ๋อร์มองเขาด้วยสีหน้าซับซ้อนก่อนจะเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่แล้วนั่งลง หญิงสาวกวักมือเรียกโจวเหว่ยชิง “มานี่สิ”
โจวเหว่ยชิงมองเธออย่างใจเย็นและพูดว่า “ ไม่…เจ้ากำลังจะใช้ความงามของเจ้าล่อลวงข้าใช่ไหม?”
เทียนเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง “ล่อลวงบ้านเจ้าน่ะสิ! เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าระหว่างพวกเรามีช่องว่างที่ยากจะประสาน? ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าอยากรู้เกี่ยวกับตัวข้า”
โจวเหว่ยชิงมองเทียนเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ “เจ้าจะบอกข้าจริงๆ เหรอ?”
เทียนเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย
โจวเหว่ยชิงรีบวิ่งเข้าไปนั่งข้างๆ เธอด้วยความดีใจ คราวนี้เขาไม่ได้พยายามที่จะเอาเปรียบเทียนเอ๋อร์อีก เด็กหนุ่มรักษาระยะห่างเล็กน้อยในขณะที่เขานั่งลงมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายและรอให้เธอเอ่ยปากพูด
เทียนเอ๋อร์ถอนหายใจเหยียดยาวก่อนจะพูดว่า “บางทีการได้พบเจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตา…เป็นหายนะที่ข้าต้องเผชิญระหว่างเส้นทางการฝึกฝนของข้า”
โจวเหว่ยชิงขัดจังหวะอีกฝ่ายทันที “ที่พูดว่าหายนะนี่หมายความว่ายังไงหา?! นั่นน่าจะเป็นการพบกันที่นำมาซึ่งความใกล้ชิดสนิทสนมและความโชคดีต่างหาก การได้พบกับเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นข้า เจ้าควรคิดว่าเป็นเกียรติของตัวเองแล้วนะ!”
เทียนเอ๋อร์ร้องเตือนด้วยความโกรธ “ถ้าเจ้าขัดจังหวะข้าด้วยเรื่องไร้สาระอีก ข้าก็จะไม่บอกอะไรเจ้าต่อแล้ว!”
โจวเหว่ยชิงหุบปากเงียบทันที มือของเขาถูกยกขึ้นไปอุดที่ปากของตนเอง ทำท่าทางราวกับคนเจอผีร้าย ท่าทางซุกซนขี้เล่นนั่นทำให้เทียนเอ๋อร์แทบระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“การคาดเดาส่วนใหญ่ของเจ้าก่อนหน้านี้ถูกต้อง แท้จริงแล้วข้ามาจากภูเขาหิมะสวรรค์และเป็นหนึ่งในทายาทสายตรงของที่นั่น ท่านพ่อของข้าคือเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะบนสวรรค์คนปัจจุบันและยังเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เขาเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนเดียวบนแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบัน”
ระดับเทพเจ้า? คำพูดเหล่านั้นทำให้หัวใจของโจวเหว่ยชิงบิดเกร็งอย่างรุนแรงไปชั่วขณะ ความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำๆนั้นย่อมต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน ‘ระดับเทพเจ้า’ นั่นถือว่าเป็นจุดสุดยอดของเหล่าจ้าวมณีสวรรค์แล้ว มณี 12 ชุดพร้อมระดับพลังปราณที่เกือบแตะระดับสูงสุด ชายผู้มีพลังสูงสุดในโลกปัจจุบัน ช่างเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นและทรงพลังจริงๆ!
“สถานะของข้าในภูเขาหิมะสวรรค์เปรียบได้กับแม่มดน้อยในนิกายปีศาจสวรรค์ อสูรน้อยเซินแห่งหุบเขาอเวจีสีเลือด และซ่างกวนเสว่เอ๋อร์แห่งวังสวรรค์ไพศาล เป็นผู้สืบทอดในฐานะเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์คนต่อไป”
“ทายาทสายตรงของภูเขาหิมะสวรรค์และสาวกส่วนใหญ่ของเราไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังทั้งหมด มีเพียงอสูรสวรรค์ระดับราชาขึ้นไปหรือผู้ที่มีสายเลือดที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้นที่จะมีความสามารถในการกลายร่างเป็นมนุษย์ ความจริงแล้วภูเขาหิมะสวรรค์ของเราส่วนใหญ่ประกอบด้วยอสูรสวรรค์ที่มีความสามารถในแปลงร่างเป็นมนุษย์ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เป็นศัตรูกับพวกเราเช่นนี้”
โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ “นั่นหมายความว่าตัวแทนจากกลุ่มนักรบวั่นโซ่วก็เป็นอสูรสวรรค์ในร่างมนุษย์เช่นกัน?”
เทียนเอ๋อร์ส่ายหัวกล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่…เจ้าคิดว่ามันง่ายนักหรือที่อสูรสวรรค์จะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้? พวกเขาเป็นเพียงสาวกชั้นนอกของภูเขาหิมะสวรรค์ ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์จากอาณาจักรวั่นโซ่วที่เรารับเข้ามาเป็นสาวกเพื่อช่วยฝึกฝนให้เท่านั้น สำหรับสายเลือดตรงหรือสาวกชั้นในของภูเขาหิมะสวรรค์ของเรา มีเพียงอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังและสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เท่านั้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่ข้ากล่าวถึง”
“ในบรรดาอสูรสวรรค์แห่งภูเขาหิมะสวรรค์ สายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของเราถือเป็นหนึ่งในสายเลือดราชวงศ์ชั้นยอด อนิจจา จำนวนของพวกเรามีน้อยเกินไปและเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแต่งงานกับอสูรสวรรค์สายเลือดอื่นๆ และเมื่อเด็กคลอดออกมามีสายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เด็กคนนั้นก็จะได้สืบทอดสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของเราต่อไป สายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในภูเขาหิมะสวรรค์ของเรา รวมทั้งตัวข้าและท่านพ่อในตอนนี้มีเพียงแค่ 7 คนเท่านั้น! ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ข้าเข้าสู่กระบวนการกลายร่าง ช่วงที่ข้ากำลังจะเปลี่ยนเป็นมนุษย์ ท่านพ่อจึงจัดงานแต่งให้ข้า”
“แท้จริงแล้วสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในภูเขาหิมะสวรรค์คือพวกเราพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นลำดับถัดมาคือสิงโตเพลิงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ในภูเขาหิมะสวรรค์ สถานะของพวกเขาเป็นรองแค่พวกเราเท่านั้น สามีในอนาคตที่ท่านพ่อเลือกให้ข้าคือลูกชายคนเดียวของราชาสิงโตเพลิงคนปัจจุบันซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีพรสวรรค์โดดเด่นในยุคของพวกเรา เมื่ออายุ 30 เขาก็มีมณี 8 ชุดแล้ว ทั้งยังมีพลังอยู่ในระดับเดียวกับซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็ขัดจังหวะด้วยคำถาม “เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าไม่ได้บอกว่าลูกชายของราชาสิงโตเพลิงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีมณี 8 ชุดหรอกหรือ? แต่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์มีมณี 7 ชุดเท่านั้นนี่นา ทำไมเจ้าถึงบอกว่าพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันล่ะ?”
เทียนเอ๋อร์ยิ้มเยาะอย่างเย็นชาว่า “เจ้าคิดว่าการแต่งงานกับปิงเอ๋อร์ที่รักของเจ้าเป็นเรื่องง่ายหรือเปล่าล่ะ? เอาชนะซ่างกวนเสว่เอ๋อร์งั้นรึ? นางเป็นทายาทสายตรงและผู้สืบทอดของวังสวรรค์ไพศาล ดังนั้นนางจึงครอบครองชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานที่ทรงพลังที่สุดในโลก นั่นก็คือชุดสวรรค์ไพศาลไร้สิ้นสุด! จ้าวมณีสวรรค์ทั่วไปที่เผชิญหน้ากับนาง แม้ว่าพวกเขาจะมีมณี 9 ชุดก็ไม่อาจเอาชนะนางได้ เช่นนั้นจะนับประสาอะไรกับมณีเพียง 8 ชุดล่ะ! นางไม่ใช่จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 7 ชุดธรรมดาๆ เพราะเมื่อรวมกับชุดสวรรค์ไพศาลไร้สิ้นสุดแล้ว นางก็สามารถต่อสู้กับจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาธรรมดาๆ ได้อย่างสูสี สำหรับเจ้าแล้ว การเอาชนะนางจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเจ้า สำหรับภูเขาหิมะสวรรค์ของเรา การที่จะสามารถต่อสู้กับเธอได้ในระดับมณี 8 ชุดก็เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเราแล้ว”
“ในทำนองเดียวกัน แม้ว่าท่านพ่อของข้าจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าเพียงคนเดียวในโลก แต่หากต้องเผชิญหน้ากับจ้าววังสวรรค์ไพศาลในปัจจุบัน ซ่างกวนเทียนหยางซึ่งอยู่ในระดับมหาราชา เขาก็ทำได้เพียงแค่สยบเขาไว้เท่านั้น บางทีอาจจะเอาชนะอีกฝ่ายได้เพียงฉิวเฉียด แต่ย่อมไม่อาจฆ่าเขาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวแน่นอน ในฐานะชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานอันดับต้นๆ ของโลก ชุดสวรรค์ไพศาลไร้สิ้นสุดนั้นย่อมแข็งแกร่งสมกับชื่อของมัน ในกรณีนี้ เจ้าคิดว่าภูเขาหิมะบนสวรรค์ของเราจะมีความแข็งแกร่งโดยรวมต่ำกว่าวังสวรรค์ไพศาลหรือไม่ล่ะ?”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้ากล่าวว่า “เอาล่ะ พูดต่อสิ เจ้ากำลังพูดอะไรก่อนที่ข้าจะขัดจังหวะเจ้า บิดาของเจ้าจัดงานแต่งงานให้เจ้า แล้วจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นต่อ?”
ใบหน้าของเทียนเอ๋อร์ดูน่าเกลียดมากขึ้นขณะที่เธอกล่าวว่า “ข้าไม่ชอบเขาสักนิด…เจ้านั่นเป็นแค่คนหัวทึบที่เอาแต่คิดเรื่องการต่อสู้และการฝึกฝน อยู่กับเขาแล้วข้าไม่มีความสุขแม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับความสุขตลอดชีวิตของข้า ชีวิตของข้า ความสุขของข้า ข้าจะเลือกมันด้วยตัวเองและไม่ให้ใครมาจัดการให้แน่นอน ดังนั้นฉากหน้าข้าจึงทำเป็นเห็นด้วย ทว่าจากนั้นข้าก็แอบหนีออกจากบ้าน”
“หาาา…หนีออกจากบ้าน?” โจวเหว่ยชิงมองไปที่หญิงสาวพลางแสยะยิ้มล้อเลียนอย่างคลุมเครือ
เทียนเอ๋อร์ส่งเสียงหึในลำคอก่อนจะพูดว่า “ข้าหนีออกจากบ้านแล้วอย่างไรล่ะ! ข้าถูกท่านพ่อบีบบังคับนี่ หึ อยากให้ข้าแต่งงานกับเขาหลังจากที่ข้าเปลี่ยนร่างงั้นรึ? ไม่ ข้าไม่มีวันตกลงเด็ดขาด! น่าเสียดาย ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ข้าหนีออกจากอาณาจักรวั่นโซ่ว ข้าก็หลงเข้าไปในอาณาจักรเฟยหลี่และบังเอิญไปติดร่างแหของคนสารเลวคนหนึ่งเข้า”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ เฮ้ๆๆๆ…แม่นางคนงาม…เจ้าต้องเล่าให้ตรงกับความเป็นจริงหน่อยสิ เป็นเจ้าต่างหากที่มาเจอข้าเอง ไม่ใช่ข้าบังคับให้เจ้ามาตามหาข้าเสียหน่อย ข้าจะเป็นคนเลวได้อย่างไร? ข้าไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”
เทียนเอ๋อร์พูดอย่างโกรธๆ “ เจ้า…เจ้าแตะต้องตรงนั้นของข้าด้วยซ้ำ…เจ้ายังจะต้องการอะไรอีก!”
โจวเหว่ยชิงรีบชิงยิ้มและเอ่ยว่า “เหๆๆ… แต่คนที่มาหาข้าก่อนคือเจ้านะ”
เทียนเอ๋อร์พลันหน้าแดงก่ำ ก่อนจะพูดว่า “นั่นเป็นเพราะแรงดึงดูดจากทักษะธาตุของเจ้า ไม่ใช่เพราะเจ้าสักหน่อย!”
“ข้าจำได้ว่า…นั่นเป็นครั้งแรกที่เจ้าเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง ในตอนนั้นกลิ่นอายและพลังของเจ้าถูกปลดปล่อยออกมาภายนอก แม้ว่าข้าจะอยู่ห่างออกไปหลายลี้ ข้าก็ยังรู้สึกถึงมันได้ พวกเราพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ 2 ชนิดคือทักษะธาตุวิญญาณและทักษะธาตุเทวา ประสาทสัมผัสของเราจึงเฉียบคมและว่องไวมาก ในตอนนั้นข้าจึงรู้สึกได้ว่าเจ้ามีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์อีก 2 ชนิดคือทักษะธาตุปีศาจและทักษะธาตุกาลเวลา”
“จ้าวมณีสวรรค์ธรรมดาคิดว่าทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์มีเพียง 3 ชนิดคือทักษะธาตุวิญญาณ ทักษะธาตุเทวา และทักษะธาตุกาลเวลา อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือทักษะธาตุปีศาจรุ่นแรกนั้นเป็นทักษะระดับต้นๆ ในบรรดาทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้ามีทักษะกลืนกินซึ่งถือได้ว่ามีอำนาจเท่าเทียมหรือเหนือกว่าทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อีก 3 ชนิดด้วยซ้ำ นั่นสามารถใช้เป็นทักษะหลักได้ตลอดชีวิตในฐานะจ้าวมณีสวรรค์และเป็นเหตุผลว่าทำไมแม่มดน้อยถึงพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้เจ้าพอใจ…ถ้าเจ้าเข้าร่วมนิกายปีศาจสวรรค์ ข้าประเมินว่าในอีก 10-20 ปี หากให้เวลาเจ้าบ่มเพาะความสามารถได้อย่างเต็มที่แล้วล่ะก็ นิกายปีศาจสวรรค์ก็อาจกลายเป็นขุมอำนาจที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงอย่างแท้จริง”
โจวเหว่ยชิงมองเธออย่างล้อเลียนและพูดว่า “เฮ้ เจ้าออกนอกเรื่องไปแล้ว พูดต่อสิว่าทำไมเจ้าถึงต้องตัวติดกับข้าตลอดเวลา?”
“ใครตัวติดกับเจ้า?!” เทียนเอ๋อร์จ้องมองเขาอย่างโกรธเคืองขณะที่ร้องออกมาอย่างไม่พอใจ “ตอนนั้นเมื่อข้ารู้สึกได้ว่าเจ้ามีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์อีก 2 ชนิดคือทักษะธาตุปีศาจและทักษะธาตุกาลเวลา ข้าก็ตกใจมาก ไม่ใช่แค่ตกใจ เพราะในขณะเดียวกันข้าก็แอบดีใจด้วย สาเหตุแท้จริงที่ข้าอยู่เคียงข้างเจ้าเป็นเพราะตำนานเก่าแก่ที่เล่าลือกันมา…”
“ตำนาน?” โจวเหว่ยชิงมองไปที่เทียนเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ “ตำนานอะไรหรือ?”
ดวงตาของเทียนเอ๋อร์เปล่งประกายขณะที่เธอกล่าวว่า “ตำนานเก่าแก่ที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณกล่าวว่าหากผู้ใดสามารถรวบรวมทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 และฝึกปราณไปด้วยกันได้ พวกเขาจะส่งเสริมและเติมเต็มพลังซึ่งกันและกัน เมื่อโอกาสนั้นมาถึงก็มีสิทธิ์ที่จะทะลุผ่านระดับเทพเจ้าไปยังระดับที่สูงกว่าได้ แน่นอนว่านั่นเป็นระดับที่ไม่เคยมีใครเคยรู้จักมาก่อน การฝึกปราณของพวกเราชาวจ้าวมณีสวรรค์เป็นที่รู้จักกันในนามการเปลี่ยนแปลงของมณีสวรรค์ 12 ขั้น และในการก้าวข้ามผ่านระดับเทพเจ้าไปสู่อีกระดับที่มีเพียงแค่ในตำนานนี้ มันคือการเปลี่ยนแปลงขั้นที่ 13 ของพวกเราหรือที่เรียกว่าระดับเปลี่ยนสวรรค์ ระดับเปลี่ยนสวรรค์…แสดงว่าย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงกฏสวรรค์ได้ด้วยซ้ำ!”
เมื่อโจวเหว่ยชิงได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็ประหลาดใจขึ้นมาทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามีระดับอื่นอยู่นอกเหนือการเปลี่ยนแปลงมณีสวรรค์ 12 ขั้น แน่นอนว่านั่นเป็นระดับที่เหนือกว่าจินตนาการของเขาก่อนหน้านี้ไปมากโขเลยทีเดียว ถึงอย่างไรในโลกใบนี้ก็มีจ้าวมณีสวรรค์เพียงคนเดียวที่ไปถึงระดับเทพเจ้า นั่นก็คือบิดาของเทียนเอ๋อร์ซึ่งเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์!
…………………………………………………..