Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 11.1 เมืองภูเขาลอยฟ้า อาณาจักร
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- ตอนที่ 11.1 เมืองภูเขาลอยฟ้า อาณาจักร
ดวงตาที่งดงามของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความสับสนทันที ประสบการณ์ของเธอบอกว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาแสดงท่าทางเคร่งขรึมออกมา นั่นหมายถึงเขาจะต้องมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่แน่นอน “กินได้เท่าที่เจ้าต้องการเลย แต่ถ้าหากมันมีพิษขึ้นมาเจ้าก็สมควรตายแล้ว!”
เธอตอบประชดประชันกลับไป ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าโจวเหว่ยชิงจะไม่โต้แย้งใดๆ เขาเริ่มมองหาพื้นที่ทำอาหาร ถอนหญ้าบนพื้นออกเพื่อให้เหลือพื้นที่โล่งๆ ประมาณ 2 ตารางเมตร ก่อนที่จะวางใบไม้และหน่อไม้ที่เขารวบรวมไว้บนพื้น จากนั้นเขาก็หายเข้าไปในป่า ใช้เวลาไม่นานเขาก็หอบกิ่งไม้แห้งและเศษเถาวัลย์กลับออกมา
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สังเกตว่ามือของโจวเหว่ยชิงนั้นคล่องแคล่วว่องไวมาก เขาใช้นิ้วมือทั้งสิบของเขาเคลื่อนไหวหยิบจับอย่างรวดเร็วไม่กี่ครั้ง เถาวัลย์และกิ่งไม้แห้งๆ พวกนั้นก็ถูกสร้างเป็นโครงไม้แบบง่ายๆ คล้ายราวตากผ้าขนาดเล็ก ใบไม้ขนาดใหญ่จากต้นดาราในมือของเขากำลังถูกพับขึ้นลงไปมา มันเร็วมากเสียจนเธอไม่สามารถจะมองเห็นขั้นตอนทั้งหมดของเขาได้ชัดเจน ทันใดนั้นใบไม้นั้นก็ถูกพับเข้าด้วยกันกลายเป็นหม้อขนาดเล็ก จากนั้นเขาก็พันหม้อใบไม้ไว้ด้วยเถาวัลย์เล็กๆ 4 เส้น ก่อนที่จะแขวนมันไว้กับโครงไม้ที่เขาสร้างขึ้นมาก่อนหน้า
โจวเหว่ยชิงใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดอย่างคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้
เขาเริ่มกะเทาะหน่อไม้ให้แตก จากนั้นก็มีเสียงของเหลวไหลออกมาจากหน่อไม้นั้น แทบไม่น่าเชื่อว่าแก่นกลางของหน่อไม้จะมีของเหลวใสอยู่ภายใน หลังจากกะเทาะหน่อไม้ได้หลายๆ อันแล้ว หม้อใบไม้ก็เต็มไปด้วยของเหลวใสจากหน่อไม้นั้น ยิ่งไปกว่านั้น มันน่าพิศวงมากที่ไม่มีน้ำสักหยดไหลซึมออกจากหม้อใบไม้นั้นเลย
โจวเหว่ยชิงน้ำเศษไม้ที่เหลืออยู่มาสุมๆ กันไว้เป็นกอง จากนั้นจึงควานหาย่ามสะพายหลังที่เขานำมาด้วยและหยิบหินจุดไฟออกมา เขาใช้หินจุดไฟ ประกายไฟค่อยๆ ลามเลียขยายขนาดใหญ่ขึ้น ไม้แห้งส่งเสียงปริแตก และมันก็ทำให้หม้อใบไม้ค่อยๆร้อนขึ้น
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เผลอเดินเข้าไปใกล้โจวเหว่ยชิงในขณะที่เขากำลังวุ่นวายกับสิ่งเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว เธออดไม่ได้ที่จะถามได้ว่า “ใบไม้จะไม่ถูกเผาจนไหม้หรอ?”
เนื่องจากนานๆ ครั้งเสียงของเธอจะไม่เย็นชาเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก “ไม่ไหม้แน่นอนเพราะว่ามันมีน้ำอยู่ภายใน” ในขณะที่กำลังพูดมือของเขาก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว เขาหยิบมีดเล็กๆ ออกมาจากย่าม มือซ้ายหยิบหน่อไม้ที่เขากะเทาะน้ำออกก่อนหน้านี้มาปอกเปลือกข้างนอกออก จากนั้นก็หั่นเนื้ออ่อนๆ ข้างในโยนลงหม้อ หลังจากทำเช่นนี้ซ้ำๆ ซักพักหนึ่ง หน่อไม้ที่มีขนาดเท่ากับแขนทารกก็ถูกหั่นกลายเป็นชิ้นเล็กๆ อยู่ในหม้อ และในเวลาเดียวกันนั้นเอง น้ำในหม้อก็เริ่มเดือด นั่นช่างเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะจริงๆ
ตอนนี้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เปลี่ยนมานั่งยองๆ อยู่ข้างโจวเหว่ยชิงอย่างไม่รู้ตัว เธอมองดูเขาทำทุกอย่างจนเสร็จ จากนั้นสายตาของเธอก็อ่อนลงอย่างมาก ผู้ชายที่สามารถทำอาหารได้ ปกติแล้วมักจะเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอ่อนโยนสำหรับผู้หญิง นอกจากนี้ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยังชอบอาหารรสชาติอ่อนๆ และซุปหน่อไม้นี้ยังดึงดูดเธอมากกว่าเนื้อซะอีก
โจวเหว่ยชิงปัดมือไปมาเพื่อทำความสะอาดก่อนที่จะเก็บมีดและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม้ไผ่ชนิดนี้เป็นไม้พื้นเมืองเฉพาะถิ่นของป่าดารา สามารถพบได้แค่ที่นี่เท่านั้น จริงๆ มีคนน้อยมากที่รู้ว่ามันจะงอกขึ้นใต้ต้นดาราที่มีอายุมากๆ เท่านั้น และมันจะดูดซับน้ำค้างยามเช้าในโพรงกลางลำต้นของต้นดาราซึ่งหวาน และอร่อยมาก ข้าเรียกมันว่าหน่อไม้น้ำค้าง และมันอร่อยมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านำเนื้อหน่อไม้มาต้มในน้ำค้างจากแกนกลางของมันเอง เนื่องจากมันจะสามารถคงรสชาติดั้งเดิมไว้ได้ดีที่สุด เอาล่ะ พอถูกต้มไปสักพักมันก็กินได้แล้ว เราแค่ต้องเติมเกลืออีกนิดหน่อยเท่านั้น”
เพราะว่าเขาถูกบิดาของเขาโยนเข้าป่าดั้งแต่เด็กเพื่อฝึกการเอาชีวิตรอด ไม่ว่าจะเป็นทะเลทราย ป่าดงดิบ หรือแม้แต่เทือกเขาซับซ้อน ดังนั้นเขาจึงเคยฝึกฝนการเอาชีวิตรอดมาแล้วในทุกพื้นที่ตั้งแต่อายุสิบขวบ ดังนั้น ผู้ที่รู้จักกันในนามเศษสวะไร้ประโยชน์อย่างเขาจึงต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากยากเข็ญ เพราะฉะนั้นการหาอาหารในป่าดาราที่เขาคุ้นเคยจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือเลยทีเดียว
ซุปหน่อไม้น้ำค้างในหม้อที่ทำจากใบไม้เต็มไปด้วยฟองอากาศและกลิ่นหอมอ่อนๆ ล่องลอยออกมา นั่นทำให้ทุกคนที่ได้กลิ่นต้องน้ำลายไหลด้วยความอยากอาหาร
โจวเหว่ยชำเลืองมองซ่างกวนปิงเอ๋อร์และพบว่าเด็กหญิงอายุ 15 ปีคนนี้กำลังแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว ตอนแรกเขากะจะแกล้งเธอสักหน่อย แต่แล้วหัวใจของเขาก็อ่อนยวบลง เขาหยิบช้อนที่ทำขึ้นมาจากเปลือกหน่อไม้ขึ้นมามอบให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ 1 คัน จากนั้นก็เอาเกลือออกมาแล้วเทลงในซุปหน่อไม้เพื่อปรุงรส
หน่อไม้สดและนุ่มมาก หน่อไม้พวกนี้สามารถกินได้ทันทีหลังจากที่ต้มครู่หนึ่งในน้ำค้างที่กำลังเดือด โจวเหว่ยชิงกวักมือให้สัญญาณเชิญชวนซ่างกวนปิงเอ๋อร์ จากนั้นเขาก็ใช้ช้อนตักซุปหน่อไม้ก่อนอย่างรวดเร็ว เป่าสองสามครั้งเพื่อทำให้มันเย็นลงแล้วนำเข้าปาก ตอนนี้เขาทั้งหิวและกระหายน้ำมาก
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยกช้อนขึ้นและกำลังจะเริ่มกิน แต่ทันใดนั้นมือของเธอหยุดกลางอากาศ เธอกัดริมฝีปากล่างด้วยสายตาซับซ้อนขณะจ้องมองโจวเหว่ยชิง เมื่อไม่นานมานี้เธอปฏิเสธที่จะให้เขากินอาหารแห้งของเธอ แต่ตอนนี้เธอกำลังจะกินอาหารที่เขาทำ ดังนั้นในใจของเธอจึงรู้สึกสับสนมาก
“ท่านก็ให้อาหารแห้งข้าสักชิ้นสิ ซุปแค่นี้ไม่พอยาไส้ข้าหรอก! เพราะฉะนั้นข้าจะแลกอาหารแห้งกับซุปนี่ ตกลงไหม?” โจวเหว่ยชิงมองเธอและยื่นมือออกมาเรียกร้องด้วยสีหน้าน่าสงสาร
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หันมามองเขาซักพักก่อนจะถอดย่ามสะพายหลังแล้วนำอาหารแห้งส่งให้โจวเหว่ยชิงส่วนหนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าคนเจ้าเล่ห์คนนี้ก็ไม่ได้นิสัยแย่อย่างที่คิด
ซุปหน่อไม้น้ำค้างมีสีเขียวอ่อนๆ ส่วนหน่อไม้ชิ้นบางๆ ที่ลอยอยู่นั้นก็มีสีอ่อนนุ่มนวลราวกับหยก กลิ่นหอมหวานลอยอบอวลไปในอากาศ ถึงแม้ว่าซุปนี้จะไม่มีเครื่องปรุงรสอื่นๆ นอกจากเกลือ แต่แค่หน่อไม้ที่สดและอ่อนนุ่มนี้ก็อร่อยมากแล้ว ยิ่งผสมกับน้ำค้างภายในหน่อไม้ ซุปนี้ยิ่งอร่อยกลมกล่อมลงตัวมาก
ทันทีที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ชิมน้ำซุปเป็นครั้งแรก เธอก็ตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง กลิ่นหอมอ่อนๆ และรสชาติหวานนุ่มนวลละมุนละไมไหลผ่านจรดโคนลิ้นจากนั้นก็เคลื่อนเข้าสู่กระเพาะของเธอ ความรู้สึกอบอุ่นแทรกซึมทั่วไปร่างกาย รสชาติหอมหวานยังคงติดค้างอยู่ที่ปลายลิ้นและกลิ่นหอมของมันก็ยังตลบอบอวลอยู่ในจมูก ความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์เช่นช่างนี้ดีกว่าการกินอาหารแห้งเป็นร้อยพันเท่า!
จู่ๆ เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่ยอมให้โจวเหว่ยชิงฆ่ากระต่าย เพราะบางทีคนๆ นี้อาจทำอาหารจานนั้นออกมาได้อร่อยเหมือนกับซุปนี่ก็ได้…
ส่วนโจวเหว่ยชิงนั้นไม่ได้พยายามหยอกล้อหรือยั่วยุซ่างกวนปิงเอ๋อร์ กลับกันเขานั่งนิ่งอยู่ข้างหม้อใบไม้ของเขา กินอาหารแห้งไปพร้อมกับซดซุปหน่อไม้น้ำค้างอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของเขาจ้องมองเธอราวกับตกอยู่ในภวังค์
ท่าทางของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ขณะกำลังทานซุปนั้นนั้นงดงามเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีหน้าของเธอที่ดูมีความสุขราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในความฝันขณะที่ชิมน้ำซุปครั้งแรกนั่นทำให้หัวใจของโจวเหว่ยชิงเต้นแรงอย่างน่าประหลาด ในสายตาของเขา ใบหน้าที่งดงามของซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นดูยั่วยวนใจมากกว่าซุปหน่อไม้เสียอีก
โจวเหว่ยชิงกำลังตกหลุมรักท่าทางน่ารักๆ เช่นนั้นของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ในขณะที่เธอก็กำลังตกหลุมรักกับซุปหน่อไม้น้ำค้างที่เขาทำ เขากำหมัดแน่น ตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกอย่างเพื่อตามจีบเธอ และทำให้เธอเป็นภรรยาของเขาให้ได้!
ขณะนั้นเอง เขาก็ฝันกลางวันว่าตนได้แต่งงานกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกวันๆ เขาจะสามารถโอบกอดและขับกล่อมให้เธอนอนหลับไปด้วยกันภายใต้อ้อมแขนของเขาได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มลามกทันที
โชคดีที่หญิงงามตรงหน้าเขามัวแต่ให้ความสนใจกับการดื่มน้ำซุป เธอจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าหื่นกามของคนเจ้าเล่ห์อย่างเขา…
……………………………………………………………….