Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 13.1 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน (1)
เมื่อโจวเหว่ยชิงได้ยินราคาเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 เหรียญทอง เขาก็กำลังจะอ้าปากต่อว่าตาแก่นี่อีกครั้ง ทว่าจู่ๆ เด็กหนุ่มกลับรู้สึกได้ถึงแรงบีบบนแขน จากนั้นก็ถูกดึงไปด้านข้างโดยซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เมื่อเขาหันไปมองอีกฝ่ายก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่าเธอเกือบจะร้องไห้ออกมา ส่วนมือที่จับแขนของเขาอยู่นั้นก็กำลังสั่นเทา
“ผู้บัญชาการกองพัน ท่าน…”
“หุบปาก!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เธอเคลื่อนตัวไปบังโจวเหว่ยชิงไว้และพูดกับชายชราร่างท้วมอย่างวิงวอน “ผู้อาวุโสฮูเหยียน โปรดอย่าไปฟังเขาเลย พวกเราผิดไปแล้วจริงๆ พวกเราตกลงจะซื้อในราคา 200,000 เหรียญทอง ข้ามีชิ้นส่วนหยกวิญญาณอยู่ที่นี่ด้วย มันน่าจะราคาประมาณ 50,000 เหรียญทอง ข้าจะมอบให้ท่านไว้ที่นี่เป็นประกัน หลังจากเขาหลอมรวมเข้ากับศาสตรามณียุทธ์ได้แล้ว พวกเราจะรีบนำเงินมาให้ท่านเพื่อแลกหยกวิญญาณกลับคืน ท่านตกลงไหม?”
ขณะที่พูด เธอก็ถอดสร้อยสีแดงออกมาจากคอของเธอ สร้อยเส้นนั้นมีจี้หยกสีงาช้างแขวนอยู่ ตัวจี้หยกถูกแกะสลักเป็นลายมงคลหยูอี้ แม้ว่ามันจะไม่มีแสงเรืองรองออกมา แต่ทว่าตัวจี้เองก็แผ่ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยื่นหยกออกมาเบื้องหน้าชายชราด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ชายชราตวัดสายตามองของสิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นความประหลาดใจก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา ฮูเหยียนเอ้าป๋อพูดอย่างใจเย็น “หากเมื่อครู่เจ้านำเอามันออกมาก่อน ข้าก็คงจะตกลงไปแล้ว หยกวิญญาณชิ้นนี้มีมูลค่ามากกว่า 50,000 เหรียญทอง หรืออาจจะ 100,000 เหรียญทองด้วยซ้ำ ด้วยของประกันเช่นนี้ ข้าย่อมต้องยอมขายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้เจ้าอย่างแน่นอน แต่ว่านะ แม่หนู เมื่อกี้เจ้าหนุ่มคนนั้นดันมาขวางทางข้าเสียก่อน ฉะนั้นราคาของมันก็เหมือนอย่างที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้ 400,000 เหรียญทองขาดตัว ข้า ฮูเหยียนเอ้าป๋อ พูดแล้วย่อมไม่คืนคำ และแน่นอนว่าราคานี้ไม่ใช่แค่สำหรับพวกเจ้า ใครก็ตามที่มาหลังจากนี้ก็จะต้องซื้อด้วยราคานี้เช่นกัน ดังนั้นหากตอนนี้เจ้าไม่มี 400,000 เหรียญทอง เจ้าก็ไปซะเถอะ ที่นี่มีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์มากมาย เจ้าสามารถไปเลือกหาที่อื่นได้”
นั่นมันเป็นไปได้ด้วยหรือ? โจวเหว่ยชิงจ้องมองตาแก่อ้วนฮูเหยียนเอ้าป๋อด้วยความตกตะลึง ประโยคที่เขาพูดออกไปอย่างไร้เหตุผลนั่นทำให้ราคากระโดดสูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เป็นราคาประมาณเกือบสองเท่าของราคาเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ!
“ผู้บัญชาการกองพัน ไปกันเถอะ ตาแก่นี่ไม่ใช่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์เพียงคนเดียวที่นี่เสียหน่อย เขาก็เหมือนก้อนอุจจาระในหลุมส้วม ทั้งเหม็นทั้งแข็ง ทำไมเราต้องซื้อม้วนคัมภีร์ของเขาด้วย?” โจวเหว่ยชิงคว้าแขนของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และขยับตัวจะพาเธอจากไป
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หันหน้ากลับมาจ้องเด็กหนุ่มอย่างโกรธเคือง “เจ้าจะไปเข้าใจอะไร! ในเมืองภูเขาลอยฟ้าแห่งนี้ มีเพียงผู้อาวุโสฮูเหยียนที่เป็นปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนอื่นๆ จะมาเทียบเขาได้อย่างไร? เจ้าไม่เห็นคำที่เขียนกำกับไว้นั่นหรือ ‘สามารถเพิ่มระดับมณีธาตุได้’ มีเพียงแค่ปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์หรือระดับที่เหนือกว่านั้นจึงจะสามารถสร้างคัมภีร์เช่นนี้ได้”
“เพราะเจ้าด่าตาแก่คนนี้ ตอนนี้ราคากลายเป็น 500,000 เหรียญทองแล้ว! ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนี่! ถ้าเจ้าด่าข้าอีกครั้ง อนาคตเจ้าก็ลืมเรื่องจะซื้อม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์จากที่นี่ไปได้เลย!!” ฮูเหยียนเอ้าป๋อกล่าวอย่างเดือดดาล
ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเผยประกายความโกรธเกรี้ยว เขาชูกำปั้นไว้ข้างหน้าเขาแล้วพูดว่า “ตาแก่ฮูเหยียน ข้าไม่เคยอยากจะชกใครเท่าท่านมาก่อน!”
ทันใดนั้นฮูเหยียนเอ้าป๋อก็ยิ้ม และหัวเราะออกมาเสียงดัง “หากมีคนส่วนหนึ่งอยากจะต่อยข้า คนส่วนที่เหลือก็คงอยากจะฆ่าข้า อย่างไรก็ตาม ตาแก่คนนี้ก็ยังอยู่ดี แม้แต่จักรพรรดิของอาณาจักรเฟยหลี่ เวลาพบข้าก็ยังต้องไว้หน้าข้าสามส่วน แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันล่ะ? หากจะฆ่าข้า เจ้าก็คงต้องผ่านด่านเฟิงหยูไปก่อน เขาเป็นจ้าวมณียุทธ์ระดับเทวะขั้นสูงสุด ครอบครองมณียุทธ์ครบ 9 ดวง แน่นอนว่าทุกดวงย่อมมีศาสตรามณียุทธ์หลอมรวมอยู่ หากเจ้าเอาชนะเขาได้ ถึงตอนนั้นก็ค่อยมาด่าข้าต่อก็แล้วกัน…”
โจวเหว่ยชิงตกใจมาก แม้เขาจะเดาได้ว่าชายวัยกลางคนน่าจะแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่กลับไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับสูงสุดของจ้าวมณียุทธ์ และครอบครองมณียุทธ์ถึง 9 ดวงเช่นนี้ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ครอบครองศาสตรามณียุทธ์เพียงหนึ่งชิ้น แต่เธอก็ยังแข็งแกร่งมากแล้ว หากเป็นเช่นนั้น จ้าวมณียุทธ์ระดับเทวะขั้นสูงสุดผู้ครอบครองมณียุทธ์ 9 ดวงที่หลอมรวมเข้ากับศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดแล้วจะยอดเยี่ยมขนาดไหน? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตาแก่ร่างท้วมอย่างฮูเหยียนเอ้าป๋อคนนี้จะยังมีชีวิตปลอดภัยดีอยู่ถึงปัจจุบัน
เฟิงหยูส่ายหัวอย่างระอาใจ ก่อนจะพูด “น้องชาย เจ้าไปก่อนจะดีกว่า ตอนที่ตาแก่คนนี้คลุ้มคลั่งขึ้นมา เจ้าจะใช้เหตุผลอะไรกับเขาไม่ได้สักอย่าง”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังยืนนิ่งด้วยความรู้สึกสับสน เธอรู้ว่าวันนี้คงต้องกลับบ้านมือเปล่าแล้ว แม้พวกเขาโชคดีมากที่มาในเวลาที่มีม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้เลือกถึง 3 ชุด แต่ในท้ายที่สุดพวกเขากลับไม่สามารถซื้อสิ่งใดได้เลย ความรู้สึกที่อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาทำให้เธอไม่มีอารมณ์จะตำหนิโจวเหว่ยชิง
รังสีฆ่าฟันพุ่งวาบผ่านดวงตาของโจวเหว่ยชิงโดยที่เขาไม่รู้ตัว พลังปราณที่หมุนวนอยู่ ณ ที่จุดตายทั้ง 4 จุดของเด็กหนุ่มกำลังเพิ่มอัตราเร็วขึ้น ความเร็วในการหมุนและการดูดกลืนพลังกลายเป็น 2 เท่าในทันที จากนั้นแสงสีเทาอ่อนก็ค่อยๆคลืบคลานเข้าสู่ลูกตาดำของเขา ที่กึ่งกลางหน้าผากปรากฏร่องรอยของตัวอักษรสีดำว่า ‘ราชา’ ขึ้นอย่างชัดเจน มณีสวรรค์คู่หนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนข้อมือของโจวเหว่ยชิงพร้อมกัน มณียุทธ์นั้นยังไม่เท่าไหร่ มันเพียงแค่ส่งไอหมอกน้ำแข็งเย็นยะเยือกออกมาปกคลุมรอบข้อมือของเขาเท่านั้น แต่ทว่ามณีธาตุของเด็กหนุ่มกลับส่องแสงสว่างเจิดจ้าออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
ภายใต้เสื้อคลุมที่ไร้แสงแดด สีของไพฑูรย์ตาแมวสองสีก็กลายเป็นสีแดงก่ำราวทับทิม และในเวลานี้ ไพฑูรย์ตาแมวสองสีบนข้อมือของโจวเหว่ยชิงก็คือเปล่งประกายสีเลือดออกมา มันแวววาวระยิบระยับราวกับดวงตาแดงก่ำกระหายเลือดของปีศาจ
เสื้อคลุมจ้าวมณีสวรรค์ที่ได้รับมาจากวังกักเก็บทักษะนั้นถูกออกแบบมาให้มีแขนเสื้อยาวกว่าปกติมากจนสามารถครอบคลุมได้ถึงข้อมือ ปกติแล้วมันควรจะสามารถปกปิดไพฑูรย์ตาแมวสองสีของโจวเหว่ยชิงได้ แต่ในเวลานั้น แสงสว่างเจิดจ้าของไพฑูรย์ตาแมวสองสีนั้นเปล่งประกายจนกระทั่งแสงนั้นเจาะทะลุแขนเสื้อคลุมของเขาออกมาภายนอก
ฮูเหยียนเอ้าป๋อนั้นแต่เดิมมีใบหน้าหยิ่งผยองเนื่องจากนึกดูถูกเหยียดหยามโจวเหว่ยชิงอยู่ในใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นประกายแสงที่เปล่งออกมาจากไพฑูรย์ตาแมวสองสีของอีกฝ่าย ความทะนงของเขาก็พลันหดหายไปในทันที
“ไพฑูรย์ตาแมว!!?” ทันใดนั้นลมหายใจของชายแก่ร่างท้วมก็กระชั้นขึ้นทันที “ทำไมเจ้าไม่บอกว่าเจ้าครอบครอง 1 ใน 4 มณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด?! เจ้าไม่รู้หรือว่าจะได้ส่วนลดน่ะ!?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พลันรู้สึกตัวทันที จากนั้นการแสดงออกของเธอเปลี่ยนไป เธอพยายามดึงโจวเหว่ยชิงออกไปอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ถึงแม้จะมีส่วนลด ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของผู้อาวุโสนั้นก็ยังมีราคาแพงเกินไปสำหรับเราอยู่ดี ดังนั้นพวกเราขอตัวก่อน” หลังพูดจบ เธอก็รีบดึงโจวเหว่ยชิงไปยังทางออกทันที หากเทียบการได้ซื้อม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แล้ว สิ่งที่เธอกลัวมากกว่าคือการที่ทักษะธาตุของโจวเหว่ยชิงถูกเปิดเผย ครู่ก่อนที่มณีของโจวเหว่ยชิงสว่างจ้าจนพุ่งทะผ่านชุดคลุมของเขาออกมานั้นทำให้เธอตกตะลึงจนต้องรีบขอตัวลาในทันที
“ไม่ ไม่ อย่ารีบร้อนไปเลย!! ข้าจะไม่ขึ้นราคาอีกแล้ว!” ฮูเหยียนเอ้าป๋อก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อขวางทางออกเอาไว้ เขาจ้องมองข้อมือซ้ายของโจวเหว่ยชิงซึ่งถูกปิดด้วยแขนเสื้อด้วยสายตาลึกล้ำ
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มีท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมาฉับพลัน “ท่านผู้อาวุโส ท่านเป็นถึงปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ขั้นสูง ท่านคงจะไม่บีบบังคับให้พวกเราทำการซื้อขายกับท่านโดยไม่เต็มใจใช่หรือไหม? ”
ความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของฮูเหยียนเอ้าป๋อพลันหายวับไปแทบจะทันที จากนั้นเขาก็กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงยินดี “แม่นางน้อย อย่าเข้าใจผิดไป! ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงกลัวว่าความลับเกี่ยวกับทักษะธาตุมิติที่ยิ่งใหญ่ของเพื่อนเจ้าจะถูกเปิดเผย แต่ว่าเจ้าสามารถวางใจได้ แม้ว่าข้าฮูเหยียนเอ้าป๋ออาจจะโลภไปบ้าง แต่คุณธรรมของข้าก็ยังคงดีอยู่ นอกจากนี้ ข้าก็มักจะวางตัวเป็นกลาง และไม่ได้ขึ้นตรงกับอาณาจักรใดๆ ฉะนั้นข้าย่อมไม่ทำอันใดให้น้องชายผู้นี้เสียเปรียบแน่”
…………………………………………………………….