Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 103 ปีศาจมังกรสาว! (1)
เมื่อเวลาผ่านไป สมาชิกของทั้ง 3 กลุ่มที่เหลือก็ได้มารวมตัวกันที่นั่น ทำให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นในเวลานี้
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่พวกเดียวในสถานที่แห่งนี้ ณ มุมหนึ่งของต้นไม้ สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่เกือบทั้งหมดก็กำลังซ่อนตัวอยู่เช่นกัน พวกเขาก็ถูกพลุสัญญาณไฟทั้ง 2 นัดลากมาที่นี่เช่นกัน แต่ก็เหมือนกับโจวเหว่ยชิงและแม่มดน้อย พวกเขายังคงซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางในต้นไม้และไม่ต้องการโผล่เข้าไปร่วมวงการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้ให้เหนื่อย
กับฉากการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และอลังการเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมังกรตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเหว่ยชิงได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม หลังจากประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ ความสนใจทั้งหมดของเขาก็ถูกดึงดูดไปที่อีกฝั่ง
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาไม่ใช่ไข่มังกรหรือการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาของมังกรที่กำลังจะตาย…
ช่างเป็นดวงตาที่น่าฉงนอะไรเช่นนี้! ดวงตาคู่นั้นไม่ได้มองไปที่การต่อสู้ข้างนอก ทว่ากลับจ้องไปที่ไข่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ พลางใช้หัวของมันถูเบาๆ ที่เปลือกไข่ มันไล้เลียรอยเลือดที่ติดอยู่ด้านนอกอย่างทะนุถนอม อ่อนโยน และนุ่มนวล
ดวงตาของมันช่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมา 2 หยด ราวกับว่าดวงตาที่แสดงความรู้สึกได้นั้นกำลังพูดคุยอยู่กับไข่ว่าลูกน้อยที่รัก แม่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป
เมื่อมองไปที่ดวงตาคู่นั้นและสัมผัสถึงอารมณ์ต่างๆ จากภายใน…ทั้งอ่อนโยน…รักใคร่…ความไม่ยินยอม…ความเศร้า…ความเจ็บปวด…โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกราวกับว่าเลือดของเขากำลังเดือดพล่านอยู่ภายในร่างกาย
นี่คือความรักที่แท้จริงของแม่ที่มีต่อลูก! ในขณะนั้น โจวเหว่ยชิงก็ทำราวกับลืมไปว่ามังกรมีค่าแค่ไหน ในใจของเขามีเพียงดวงตาคู่นั้น…และความรักที่มีต่อลูกน้อย
“แม่มดน้อย” โจวเหว่ยชิงพูดเบาๆ
“มีอะไรหรือ?” แม่มดน้อยสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของเขา เธอยังคงจ้องมองไปที่ภาพตรงหน้า แต่มุ่งเน้นความสนใจไปที่การต่อสู้ ทักษะและพลังต่างๆ ที่เป็นไปได้ทั้งหมดของศัตรู ในขณะเดียวกัน หัวใจของเธอก็เต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้เห็นมังกรและไข่ของมัน
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าสามารถรักษามังกรตัวนั้นได้หรือไม่?”
แม่มดน้อยชะงักไป “เหว่ยชิง เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่หรือ? รักษามังกร? เจ้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมังกรฟื้นขึ้นมา ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหน? นี่คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเรา! พวกเราควรรอให้พวกเขาต่อสู้กัน และเราสามารถก็ค่อยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมดมาอย่างง่ายดาย…เจ้าไม่รู้หรือว่าร่างกายของมังกรนั้นมีค่าแค่ไหน ไม่ต้องพูดถึงไข่มังกรด้วยซ้ำ”
แสงเยียบเย็นผุดขึ้นมาในดวงตาของโจวเหว่ยชิงและเขายกมือขวาขึ้น คู่มือปีศาจที่แม่มดน้อยให้เขายืมปรากฏขึ้นในมือและเขาก็ผลักมันเข้าไปในมือของอีกฝ่ายทันที เด็กหนุ่มมองเธออย่างเย็นชา โจวเหว่ยชิงไม่ได้พูดอะไรอีก เขาพลันรีบก้าวเท้าออกจากป่าเข้าไปยังที่โล่งนั้นในพริบตา
แม่มดน้อยกอดคู่มือปีศาจเอาไว้แนบอก จ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขาด้วยสายตาว่างเปล่า เธอสามารถมองเห็นแววตาดูถูกเหยียดหยามในสายตาเย็นชาของโจวเหว่ยชิงได้อย่างชัดเจน
เขา…เขา…ทำไมเขาถึงมองข้าแบบนั้น?
ในเวลาต่อมา โจวเหว่ยชิงก็ได้ตอบคำถามเธอด้วยการกระทำของเขา โจวเหว่ยชิงเดินเข้าไปในสนามรบพร้อมกับถือธนูราชันย์ในมืออย่างไม่ลังเล สายธนูเคลื่อนไหวดุจสายฟ้า ลูกศร 12 ดอกพลันถูกยิงออกไป พวกมันพุ่งเข้าหาสมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนและกลุ่มนักรบเป่าโปทันที
ทักษะที่เขาใช้คือสิ่งที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เคยใช้มาก่อน นั่นก็คือทักษะการยิงธนูก่อกวน
อย่างไรก็ตาม การยิงธนูก่อกวนของเขาแตกต่างจากของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เล็กน้อยเนื่องจากความเร็วในการยิงของเขาช้ากว่า แต่ด้วยพลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชันย์และผลที่ได้รับจากทักษะบิดสายธนูซึ่งช่วยพัฒนาผลการทำลายล้างของมัน ด้วยเหตุนี้แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุดหรือ 6 ชุดก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อลูกศรของเขาได้ง่ายๆ
เมื่อเกิดระเบิดขึ้นหลายครั้ง สมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่วที่กำลังเสียเปรียบและประสบกับแรงกดดันอยู่แต่เดิมก็ค่อยๆ รู้สึกบรรเทาขึ้น และสถานะของพวกเขาที่ตกเป็นฝ่ายสูญเสียพื้นที่ยึดครองอย่างต่อเนื่องก็กลับมามั่นคงในที่สุด
“โจวเหว่ยชิง เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ!” เสียงของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ดังขึ้น ใบหน้าของเธอฉายแววร้อนใจ
ธนูราชันย์ในมือของโจวเหว่ยชิงไม่ได้หยุดลง เสียงของสายธนูยังคงดังลอดออกมาขณะที่ลูกศรทยอยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถค้นหามุมที่เข้าถึงยากที่สุดและทำให้ทิศทางการต่อสู้เปลี่ยนไปมาก
“ข้าไม่ได้บ้า”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ร้องด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นคู่หมั้นของปิงเอ๋อร์ เจ้าควรยืนอยู่ข้างพวกเรา! เจ้าจะไปร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกวั่นโซ่วได้อย่างไร!”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างเฉยเมย “พวกไหน? ข้าไม่สามารถยืนดูเด็กแรกเกิดกับแม่ที่กำลังจะตายเพราะถูกกำจัดด้วยน้ำมือของพวกเจ้า ไม่ว่าจักรวั่นโซ่วจะเลวร้ายเพียงใด พวกเขาได้ก่อกรรมชั่วร้ายมากมายแค่ไหน อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็ปกป้องแม่และเด็กคนนี้ ตอนนี้เป้าหมายของข้าก็เหมือนกับพวกเขา”
ขณะพูดอย่างนั้น เขาก็ไม่หยุดยิงธนู ลูกศรยังคงไหลบ่าออกไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุด แต่ทักษะการยิงธนูแบบบิดสายของมู่เอินก็ทำให้ลูกศรของเขามีผลสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้มาก ทำให้สนามรบทั้งหมดกลับเข้าสู่สภาวะหยุดนิ่ง แม้ว่ากลุ่มนักรบวั่นโซ่วจะยังคงเสียเปรียบกว่าอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อย แต่สถานการณ์ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง แววตาของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็เผยแววลังเล เมื่อหันไปมองมังกร เธอก็สัมผัสถึงความเจ็บปวดในใจ และดวงตาของเธอก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง สำหรับวิธีที่โจวเหว่ยชิงมองเธอเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มันได้ทิ้งร่องรอยความประทับใจไว้ภายในใจของเธอด้วย ความมุ่งมั่นแน่วแน่ นั่นคือความตั้งใจที่จะก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางนั้นไม่ว่าโลกจะเกลียดเขาแค่ไหนก็ตาม ก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาที่สั่นคลอนภายในหัวใจของเธอ อาจกล่าวได้ว่าทุกคนในสนามรบล้วนมีระดับพลังปราณที่สูงกว่าเขามาก แต่เมื่อเด็กหนุ่มก้าวเข้าสู่สนามรบด้วยความมุ่งมั่นเช่นนี้ มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากลายเป็นศูนย์กลางของสนามรบไปแทน
ความรู้สึกกะทันหันที่เกิดในหัวใจเช่นนี้ทำให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หยุดมือกลางคัน การเคลื่อนไหวของเธอเริ่มช้าลง ในคราแรก กรงเล็บศาสตรามณียุทธ์ของเธอได้สร้างความเสียหายให้กับลิงสีขาวขนาดใหญ่ที่เธอกำลังต่อสู้อยู่ด้วย แต่ตอนนี้เธอกลับชะลอการโจมตีโดยไม่รู้ตัว
“สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ ทำตามคำสั่งของเหว่ยชิง เข้าร่วมการต่อสู้!” เสียงทุ้มก้องกังวานดังขึ้นในทันใด ภายใต้การนำของหลินเทียนอ้าว สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ที่ซ่อนตัวอยู่จึงเข้าสู่สนามรบทันที
หลินเทียนอ้าวพุ่งนำเข้ามาในสนามโดยมีอู่หยา ขี้เมาเป่า เซียวเอี๋ยน และเย่เป่าเปาติดตามมาใกล้ๆ พวกเขาทั้ง 5 ไม่รีบร้อนเข้าไปต่อสู้ แต่กลับรวมตัวกันอยู่รอบๆ โจวเหว่ยชิงอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ขณะโจวเหว่ยชิงพุ่งเข้าสู่สนามรบอย่างกะทันหันเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ สมาชิกทุกคนในกลุ่มนักรบเฟยหลี่ต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากรวบรวมสติอยู่ครู่ใหญ่ หลินเทียนอ้าวก็ได้นำสมาชิกคนอื่นๆ เข้าร่วมวงด้วย แม้พวกเขาจะรู้ว่าสิ่งนี้อาจทำให้พวกเขาต้องกลายป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มนักรบจ้งเทียนและเป่าโป บางครั้งอาจถึงขั้นส่งผลร้ายต่ออาณาจักรทั้ง 3 ที่มีพรมแดนอยู่ติดกับอาณาจักรวั่นโซ่วที่ลงเรือลำเดียวกัน ทว่าพวกเขาก็ยังคงไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะยืนดูโจวเหว่ยชิงต่อสู้คนเดียวได้อย่างไร?
แสงสีขาวดูเหมือนจะพุ่งออกมาจากอกของโจวเหว่ยชิงและขยายขนาดอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นร่างสีขาวในอากาศ ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นเสือโคร่งสีขาวขนาดใหญ่กว่า 3 เมตร นั่นคือเจ้าแมวอ้วนนั่นเอง!
ตอนนี้ใบหน้าของเจ้าแมวอ้วนเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอไม่ได้พยายามขอให้โจวเหว่ยชิงลงมือทำสิ่งใด แต่เมื่อโจวเหว่ยชิงมุ่งมั่นตั้งใจจะช่วยแม่มังกร ปราการเล็กๆ ด่านสุดท้ายในใจของเธอก็แตกสลายไปในที่สุด ไม่ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องอะไร อย่างน้อยเขาก็มีจิตใจที่ดี นั่นยังไม่เพียงพออีกหรือ?
แมวอ้วนไม่ได้พูดอะไรกับโจวเหว่ยชิง แต่ในใจของเธอ เธอได้มอบคำพูดให้แก่เขาไปมากกว่าพันคำแล้ว ในช่วงเวลานั้น เธอได้ตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และหญิงสาวก็รู้ดีว่าจากนี้ไปจะไม่มีวันมีผู้ชายคนอื่นในชีวิตได้อีกนอกจากเขา
การปรากฏตัวของเจ้าแมวอ้วนนั้นส่งผลต่อสมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่วอย่างเกินความคาดหมายของโจวเหว่ยชิงไปมากทีเดียว
จ้านหลิงเทียนเองก็ตกใจสุดขีดเช่นกัน เขาพลันร้องอุทาน “พยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์?!”
การได้เห็นเสือขาวตัวใหญ่ได้ช่วยสร้างความมั่นใจและขวัญกำลังใจให้กับสมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่วทุกคน ราวกับว่าจิตวิญญาณและพลังของพวกเขาถูกยกระดับขึ้น ในเวลานั้น แม้แต่พลังปราณสวรรค์ของพวกเขาก็ดูเหมือนจะระเบิดออกมาด้วยขีดจำกัดใหม่ ราวกับว่าได้รับการสนับสนุนจากสิ่งที่พวกเขามองเห็น สำหรับอสูรสวรรค์ของพวกเขา มันกลับให้ผลทวีคูณ จู่ๆ สถานการณ์การต่อสู้ก็ถูกพลิกกลับอีกครั้ง ทุกคนต่างพุ่งเข้าใส่กันอย่างดุเดือดต่อเนื่องแม้กระทั่งฝ่ายตรงข้าม
แสงสีทอง 9 สายทะยานออกมาจากร่างของเจ้าแมวอ้วน ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ร่างของโจวเหว่ยชิงและสมาชิกกลุ่มนักรบวั่นโซ่วทั้ง 8 คนอย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของตนร้อนขึ้น ราวกับว่าพลังปราณสวรรค์ภายในร่างกายได้รับการส่งเสริม ในขณะเดียวกันพลังปราณสวรรค์ที่ถูกเผาผลาญขณะใช้ทักษะก็ลดสัดส่วนลงเป็นจำนวนมากด้วย
ทักษะธาตุเทวา ในบรรดามหาทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ทักษะนี้เป็นทักษะสนับสนุนและมีความสามารถในการรักษาที่ยอดเยี่ยมที่สุด มีแม้กระทั่งทักษะฟื้นคืนชีพที่ทรงพลัง!
หลังจากที่ปลดปล่อยทักษะสนับสนุนอันทรงพลังให้กับพวกเขาทั้ง 8 คนแล้ว เจ้าแมวอ้วนก็ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ต่อ ในทางตรงกันข้าม มันกลับพุ่งตรงไปยังมังกรอย่างรวดเร็ว แสงสีทองเข้มข้นยังคงไหลทะลักออกมาจากร่างของมันและห่อหุ้มมังกรที่กำลังจะตายเอาไว้
เมื่อมังกรเห็นเจ้าแมวอ้วน ดวงตาที่แต่เดิมกำลังมืดสลัวและไร้ชีวิตชีวาก็พลันสว่างไสวไปด้วยรัศมีแห่งความหวัง อย่างไรก็ตาม ความหวังนั้นกลับไม่ได้อยู่ที่ตัวมันเอง มันส่งเสียงร้องต่ำๆ อย่างต่อเนื่องและกระแทกไข่ตรงหน้าเบาๆ ราว กับบอกให้เจ้าแมวอ้วนช่วยดูแลมันด้วย
แมวอ้วนส่ายหัวไปทางมังกรขณะที่แสงสีทองจากทักษะธาตุเทวาของเธอพุ่งออกไปที่ร่างของมันอย่างเข้มข้น
สาเหตุแท้จริงที่มังกรตัวนี้มาลงเอยที่นี่เป็นเพราะไข่ที่อยู่ตรงหน้านี้เอง มันมีขนาดใหญ่กว่าไข่มังกรทั่วไปมาก และแม้ว่าเธอจะสามารถคลอดมันออกมาได้อย่างยากลำบาก แต่มังกรตัวเมียนี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังอ่อนเพลียจากการที่มันเสียเลือดไปมาก
ไม่ว่ามังกรจะแข็งแกร่งเพียงใด หรือแม้แต่พลังชีวิตของเผ่าพันธุ์จะยิ่งใหญ่และเหนียวแน่นขนาดไหน นี่ก็เป็นการผสมผสานระหว่างการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกอย่างสาหัส ส่งผลให้พลังชีวิตของมันค่อยๆ แห้งเหือดไป แต่ในเวลานี้ เวลาที่มันอ่อนแอที่สุด สมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนกลับมาพบมันเข้า
ทักษะธาตุเทวาเป็นทักษะธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดในการรักษา แต่ก็มีช่องว่างระหว่างระดับพลังปราณที่ใหญ่เกินไประหว่างแมวอ้วนและมังกรเพศเมียตัวนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ด้วยระดับพลังปราณของเทียนเอ๋อร์ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยมังกรตัวใหญ่และทรงพลัง โดยเฉพาะตัวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้
พลังปราณสวรรค์ของเทียนเอ๋อร์ถูกระบายออกไปในอัตราที่รวดเร็วจนน่าตกใจ แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของมังกรกลับยังคงหร่อยหรอลงไปอย่างช้าๆ อยู่ดี
“ศิษย์พี่เย่เป่าเปา ท่านมีทักษะในการรักษาหรือไม่?” โจวเหว่ยชิงถามเย่เป่าเปาอย่างรีบร้อนขณะที่ยิงธนูออกไปอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกัน เขาก็เหลือบมองไปยังขี้เมาเป่า
เขาอยู่กับเทียนเอ๋อร์มานานมากและพวกเขาก็สามารถอ่านความคิดของกันและกันได้ในระดับหนึ่ง เพียงแค่การแลกเปลี่ยนสายตาในระยะเวลาสั้นๆ เขาก็สามารถบอกได้จากดวงตาของเธอว่าหญิงสาวไม่สามารถรักษามังกรได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่แม้ประทั่งจะประคองอาการให้คงที่ด้วยซ้ำ
เย่เป่าเปากล่าวว่า “พวกเราจะทำให้ดีที่สุด” แม้ว่าเขาจะไม่มีทักษะการรักษาธาตุน้ำ แต่เพียงแค่พลังแห่งธาตุน้ำก็มีคุณสมบัติในการรักษาแล้ว ตราบเท่าที่เขาหมุนเวียนมันอย่างนุ่มนวล อย่างน้อยก็สามารถช่วยเติมเต็มร่างกายของมังกรและลดภาระงานของเทียนเอ๋อร์ลงได้
………………………………………………………