Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 104 ผนึกมังกรเงียบ! (1)
สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่คนอื่นๆ ก็ลงมืออย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อมีหลินเทียนอ้าวคอยช่วยป้องกันส่วนที่เหลือ เซียวเอี๋ยนและอู่หยาจึงรับผิดชอบการโจมตี สำหรับยอดฝีมืออย่างจ้านหลิงเทียนหรือซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ พวกเขาอาจจะไม่มีประโยชน์มากนัก ทว่าพวกเขาก็ไม่มีปัญหาหากต้องต่อสู้กับสมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนคนอื่นๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเอง สถาการณ์การต่อสู้ได้พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ และเป็นครั้งแรกที่กลุ่มนักรบจ้งเทียนและเป่าโปกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ภายใต้การสนับสนุนของทักษะพายุสลาตัน โจวเหว่ยชิงจึงแทบจะไปถึงตัวจ้านหลิงเทียนได้ในเสี้ยววินาที ความรู้สึกทั้งหลายและความโกรธเกรี้ยวที่ถูกกดข่มเอาไว้ทั้งหมดระเบิดออกมาผ่านการโจมตีครั้งเดียว รู้สึกดีไหมล่ะที่ได้ฟาดข้าไปเมื่อกี้? ตอนนี้ถึงตาข้าแสดงพลังแล้ว!
ค้อนคู่ในตำนานที่ได้รับการสนับสนุนจากทักษะพายุสลาตันถูกเขวี้ยงลงไปที่ศีรษะของจ้านหลิงเทียนอย่างโหดเหี้ยมทันที
ขณะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นโจวเหว่ยชิงที่ขโมยจูบแรกของซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ไป เช่นนี้จ้านหลิงเทียนจะยอมแสดงความอ่อนแอต่อหน้าอีกฝ่ายได้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะยังอยู่ภายใต้ผลของทักษะผนึกมังกรเงียบ ร่างกายมีสีแดงอมม่วงเนื่องจากความสามารถของเขาถูกปิดกั้น ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงมั่นใจในตัวเองมาก เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็มีระดับพลังปราณแตกต่างกันมากกว่า 12 ระดับ โจวเหว่ยชิงจะทำร้ายเขาโดยตรงได้อย่างไร?
จ้านหลิงเทียนหันไปเผชิญหน้ากับค้อนของโจวเหว่ยชิง เขาไม่ได้พยายามหลบหลีก แต่กลับใช้หมัดทั้งสองฟาดสวนขึ้นไปปะทะกับการโจมตีที่พุ่งเข้ามา
*พรึ่บ* เสียงกรีดผ่านอากาศดังขึ้นเบาๆ และจ้านหลิงเทียนก็ชะงักไปด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าหมัดของเขาพุ่งผ่านค้อนขนาดใหญ่ที่โจวเหว่ยชิงเหวี่ยงใส่เขาไปข้างหลัง นั่นคือพลังขยะประเภทไหนกันแน่?
เนื่องจากเกราะป้องกันเทพเจ้าของโจวเหว่ยชิงถูกใช้ไประหว่างการต่อสู้กับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แล้ว ดังนั้นเมื่อโจวเหว่ยชิงปลดปล่อยค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนานของเขาก่อนหน้านี้ เกราะป้องกันเทพเจ้าจึงไม่ปรากฏตัวขึ้นด้วย สิ่งนี้ทำให้จ้านหลิงเทียนประเมินพลังของค้อนต่ำเกินไปมาก เมื่อหมัดของเขากระทบกับ ‘อากาศ’ เขาจึงไม่ได้พยายามที่จะรวบรวมพลังใหม่ และความแรงของพลังโจมตีส่วนใหญ่ก็พลันหายไปด้วย
ในเวลาเดียวกับที่เขาคิดว่าค้อนทั้ง 2 อันของโจวเหว่ยชิงเป็นเพียงพลังขยะ ค้อนหน้าร้องไห้ก็พุ่งตามหลังค้อนหน้ายิ้มมาติดๆ
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เคยประสบความเดือดร้อนจากค้อนทั้ง 2 นี้มาก่อน เธอจึงตะโกนออกมาจากที่ไกลๆ “พี่จ้าน ระวังด้วย!”
อนิจจา เสียงตะโกนของเธอกลับช้าไปเพียงเสี้ยววินาที ค้อนทั้งสองได้ฟาดลงมาเกือบจะพร้อมกัน และเป็นอีกครั้งเล่ห์เหลี่ยมของค้อนทั้งสองได้ผลกับเหยื่ออีกราย
หากไม่สามารถใช้ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บของตนเองได้ พลังของจ้านหลิงเทียนก็จะถูกจำกัดไว้เป็นสัดส่วนที่สูงมาก เนื่องจากพลังส่วนใหญ่ของเขาถูกหลอกล่อให้สลายไปอย่างไร้ประโยชน์ก่อนหน้านี้แล้ว ค้อนหน้าร้องไห้จึงสามารถฟาดลงบนมือของเขาอย่างโหดเหี้ยมได้
*ตูม* เกิดเสียงปะทะดังขึ้นสนั่น นอกจากทักษะพายุสลาตันที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้โจวเหว่ยชิงเป็น 2 เท่าแล้ว ด้วยสถานะปีศาจกลายร่าง มันก็ยังช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของเขา และแม้แต่ค้อนในตำนานก็ยังช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของเขาขึ้นไปอีกขั้น ทั้งหมดนี้จึงช่วยเพิ่มพลังให้กับการจู่โจมครั้งยิ่งใหญ่ของเด็กหนุ่มแบบทวีคูณ
ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสุดยอดพลังที่ไม่อาจมีผู้ใดหยุดยั้งได้
ในช่วงเวลานั้น จ้านหลิงเทียนก็รู้สึกราวกับว่ามือของเขาถูกภูเขาทั้งลูกฟาดเอาใส่ ในช่วงอันตรายนั้น หมัดของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แทบจะกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวสั่นๆ ขณะที่เขาฟาดฝ่ามือออกไป 10 ครั้งโดยหมุนเวียนพลังปรานทั้งหมดไปที่ฝ่ามือในเวลาเดียวกันด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการตอบโต้ที่ดีที่สุดเท่าที่เขาสามารถทำได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่มันกลับสายเกินไป การโจมตีดั้งเดิมของเขาถูกหลอกล่อด้วยค้อนหน้ายิ้มไปแล้ว และเมื่อเผชิญหน้ากับค้อนหน้าร้องไห้อย่างเต็มกำลัง การป้องกันในวินาทีสุดท้ายจะมีประโยชน์ได้อย่างไร?
เสียงกระดูกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดังออกมาเป็นชุดและจ้านหลิงเทียนก็กระเด็นกลับไปด้านหลังทันที
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเริงร่า ร่างกายของเขายังคงพุ่งไปข้างหน้า ทักษะสัมผัสมืดเลื้อยรัดรอบร่างจ้านหลิงเทียนเอาไว้อย่างรวดเร็ว เป็นอีกครั้งที่ค้อนของเขาฟาดใส่จ้านหลิงเทียน
ครั้งนี้พลังปราณขั้นทะลุสวรรค์ที่ทรงพลังของจ้านหลิงเทียนถูกปลดปล่อยออกมา พลังอันหนาทึบพลันก่อตัวเป็นโล่รอบๆ ร่างของเขาเพื่อช่วยป้องกันตัวเอง
ถึงกระนั้น คลื่นกระแทกอันทรงพลังจากการโจมตีที่บ้าคลั่งก็ยังทำให้เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆ
ก่อนหน้านี้พลังปราณสวรรค์แทบจะไม่สามารถปกป้องแขนของเขาได้เลย และตอนนี้ฝ่ามือทั้งสองของเขาก็ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คงต้องใช้เวลานานพอสมควรในการรักษาให้หายจากอาการบาดเจ็บหนักเช่นนี้
การโจมตีครั้งที่สองจากค้อนได้ส่งร่างของจ้านหลิงเทียนลงสู่พื้นโลกจริงๆ และโจวเหว่ยชิงก็ยังไม่รามือ เท้าขวาของเขาพลันไล่กวดตามหลังมา จ้านหลิงเทียนเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ และตอนนี้โจวเหว่ยชิงก็กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาจึงฟาดขาลงไปจนสุดแรง ด้วยไม่ต้องการให้เกิดการต่อสู้ยืดเยื้อและจบลงด้วยความสูญเสียเพราะความประมาทของตนเอง
*ปั่ก* เท้าขวาปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวเตะเข้าที่หน้าอกของจ้านหลิงเทียน พลังที่อยู่เบื้องหลังมันไม่ได้น้อยไปกว่าค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน และตะขอของแมงป่องก็เจาะทะลุโล่ป้องกันพลังปราณสวรรค์รอบๆ จ้านหลิงเทียนเข้าไปพร้อมกันด้วย
เป็นอีกครั้งที่โจวเหว่ยชิงลงมือในจังหวะที่สมบูรณ์แบบได้สำเร็จ โดยใช้ทักษะก่อกวนเวลาของเขาขัดขวางสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดเหมือนที่เขาเคยทำกับเอ้าเล่อ พิษ 3 ธาตุของสายฟ้าเทพเจ้าปีศาจมืดจึงเข้าสู่ร่างกายของจ้านหลิงเทียนอย่างสมบูรณ์แบบ และในเวลาเดียวกัน ลูกเตะของเขาก็ส่งอีกฝ่ายกระเด็นกลับออกไปอีกครั้ง
“อ้วนน้อยโจว! ยั้งมือด้วย!” น้ำเสียงซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ดังขึ้นมาอย่างรีบร้อน ในขณะเดียวกัน เธอก็ละทิ้งการต่อสู้กับลิงยักษ์ กระโดดพรวดเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ซ่างกวนเทียนหยางและซ่างกวนเทียนเยว่มีความหวังกับการบ่มเพาะจ้านหลิงเทียนขึ้นมาเป็นอย่างมาก หากเด็กมากพรสวรรค์คนนี้เสียชีวิตที่นี่ ในงานประลองมณีสวรรค์แห่งนี้จริงๆ มันจะเป็นความพินาศครั้งใหญ่หลวงสำหรับวังสวรรค์ไพศาล ไม่ว่าปีศาจน้อยแห่งวังสวรรค์ไพศาลคนนี้จะซุกซนหรือดื้อรั้นมากแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อผลประโยชน์ของวังสวรรค์ไพศาลได้ ในเวลานั้นเธอจึงรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อหยุดโจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “พี่รอง จูบข้าสิ แล้วข้าจะปล่อยเขาไป” โดยธรรมชาติแล้วเขาแค่อยากแกล้งอีกฝ่าย เขาจะฆ่าจ้านหลิงเทียนและสร้างความบาดหมางระหว่างตนกับวังสวรรค์ไพศาลได้อย่างไร? แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่รู้เรื่องจิตสังหารที่จ้านหลิงเทียนมีต่อเขา แต่เพื่อประโยชน์ของการอยู่ร่วมกับปิงเอ๋อร์ในอนาคต เขาจะไม่ฆ่าคนจากกลุ่มนักรบจ้งเทียนง่ายๆ แน่นอน
“เจ้าอยากตายรึ?” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ตะโกนออกมาด้วยความโกรธและความเขินอายขณะที่เธอพุ่งเข้าหาโจว เหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้าง ขณะนี้ภาพทักษะสวรรค์สีแดงอมม่วงของปีศาจมังกรสาวยังคงฉายอยู่ข้างหลังเขา เด็กหนุ่มส่ายค้อนขวาออกไป แสงสีแดงม่วงพลันพุ่งเข้าหาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ทันที
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กำลังกระโจนเข้าหาโจวเหว่ยชิงอย่างดุร้าย แยกเขี้ยวและกวัดแกว่งกรงเล็บใส่อีกฝ่าย เพื่อป้อง กันไม่ให้โจวเหว่ยชิงฆ่าจ้านหลิงเทียน เธอไม่ลังเลที่จะใช้พลังปราณสวรรค์จำนวนมากเพื่อเรียกใช้ปีกศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าของตนเองทันที
เมื่อทักษะผนึกมังกรเงียบเริ่มส่งผลกับหญิงสาว ศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 4 ของเธอจึงสลายหายไปกลางอากาศ ร่างของเธอซึ่งกำลังบินไปข้างหน้าจึงเริ่มร่วงดิ่งลงสู่พื้นในพริบตานั้นทันที
ด้วยการวาดค้อนออกไปอีกครั้ง โจวเหว่ยชิงได้ปลดปล่อยทักษะอสนีบาตพันสายของเขาออกมา ซ่างกวนเฟย เอ๋อร์หมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ของตนเองเพื่อพยายามฟื้นฟูสมดุล แต่เมื่อได้รับผลกระทบจากทักษะนี้ เธอก็รู้สึกว่าร่างกายชาหนึบไปชั่วเสี้ยววินาที ก่อนที่ตัวเธอจะร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์ธรรมดาๆ แม้จะไม่มีศาสตรามณียุทธ์ เธอก็ไม่เคยเกรงกลัวทักษะของโจวเหว่ยชิง แต่น่าเสียดายที่ ณ เวลานี้เธอกำลังร่วงหล่นอยู่กลางอากาศและร่างกายก็กำลังแข็งทื่อ ที่สำคัญคือหญิงสาวผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่หลายครั้งในวันนี้โดยไม่ได้หยุดพักเลย พลังปราณสวรรค์ของเธอจึงถูกใช้ไปในปริมาณมหาศาลแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเหลือเพียง 2-3 ใน 10 ส่วนเท่านั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอยังได้รับผลกระทบจากทักษะของโจวเหว่ยชิงอีกด้วย
ด้วยทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา โจวเหว่ยชิงจึงไปปรากฏตัวอยู่เหนือร่างของเธอ มือซ้ายของเขาจับไปที่ไหล่ของซ่าง กวนเฟยเอ๋อร์ในขณะที่เขาปลดปล่อยทักษะการกลืนกินและระบายพลังปราณสวรรค์ของเธอเข้ามาเติมเต็มพลังของตนเอง
ทว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะปล่อยให้เขาทำสำเร็จง่ายๆ ได้อย่างไร? จู่ๆ หญิงสาวก็หมุนร่างไปรอบๆ และระเบิดพลังปราณสวรรค์ที่เหลืออยู่ออกมาทันที อนิจจา นี่เป็นช่วงเวลาที่โจวเหว่ยชิงสามารถใช้ทักษะควบคุมจำนวนมากได้ และเนื่องจากหญิงสาวสูญเสียพลังปราณสวรรค์ไปเป็นจำนวนมาก นั่นรวมถึงการที่ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บของเธอถูกปิดผนึกไว้ พลังของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงลดลงจนเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับโจวเหว่ยชิง เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน ทักษะควบคุมจำนวนมากของโจวเหว่ยชิงจึงกลายเป็นกุญแจที่นำไปสู่ชัยชนะ
ขณะที่เธอเริ่มหมุนตัวกลางอากาศ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าอากาศรอบๆ ตัวเธอกำลังแปรปรวนอย่างน่าแปลกประหลาด การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเธอก็เริ่มผิดปกติไปช้าๆ และวินาทีต่อมา ฝ่ามือของโจวเหว่ยชิงก็ตบลงที่ก้นเล็กๆ ของเธออย่างแรง เสียงสะท้อนของแรงปะทะดังก้องขึ้นในอากาศทันที
เมื่อหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้แต่งงานถูกโจมตีในส่วนที่อ่อนไหวเช่นนี้ ใครก็ตามที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับเธอจะต้องตกตะลึงสุดขีดแน่นอน นอกจากนี้ มืออีกข้างของโจวเหว่ยชิงยังคงกลืนกินพลังปราณสวรรค์ของเธอต่อไปด้วย เมื่อฝ่ามือฟาดลงบนก้นเล็กๆ ของเธอ มันก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการดิ้นรนของเธอคงต้องหยุดลงชั่วคราว สำหรับการแปร ปรวนของอากาศก่อนหน้านี้ มันคือทักษะกาลเวลาทับซ้อนของโจวเหว่ยชิงนั่นเอง
อืม…รู้สึกดีมาก ช่างนุ่มหยุ่นอะไรขนาดนี้! ในขณะที่ฝ่ามือของโจวเหว่ยชิงฟาดลงไปบนบั้นท้ายเล็กๆ อันธพาลน้อยก็รู้สึกตกตะลึงกับสัมผัสนั้นทันที ในขณะที่มืออีกข้างของเขากลืนกินพลังปราณสวรรค์ของเธอ มือขวาของเขาก็ฟาดลงไปอีกสองสามครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลงมือหนักเกินไปและไม่ได้ใช้พลังปราณสวรรค์เลย
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเข้าใจผิดหรอกหรือ?! เพราะจูบที่เกิดจากความผิดพลาดนั่นรึ? เจ้าต้องไล่ตามข้ามาจนถึงงานประลองมณีสวรรค์เพื่อตบตีข้าจริงๆ! ให้ข้าสั่งสอนบทเรียนเจ้าในฐานะของบิดาเถิด!”
*เพี๊ยะ**เพี๊ยะ*
“หึ! ถ้าเสือตัวนี้ไม่แสดงพลังของมันออกมา เจ้าก็จะคิดว่าข้าเป็นแค่แมวป่วยตัวหนึ่ง! ตอนนี้เจ้าน่าจะรู้แล้วว่าข้าน่ากลัวขนาดไหน! แม้ว่าข้าจะเป็นน้องเขยของเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะกลั่นแกล้งข้าได้ตามใจชอบ!”
*เพี๊ยะ* *เพี๊ยะ* ฝ่ามือกระทบลงมาอีก 2 ครั้ง
*แงงงง* ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่สามารถดิ้นให้หลุดพ้นจากอุ้งมือของโจวเหว่ยชิงไปได้ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างหนักแค่ไหนก็ตาม และเมื่อหญิงสาวรู้สึกว่ามีบางอย่างจู่โจมเข้าที่บั้นท้าย เธอก็รู้สึกอับอายและกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก และในเวลานั้นเอง จู่ๆ เธอก็ระเบิดน้ำตาออกมา
เวลานี้ก็ถึงคราวที่โจวเหว่ยชิงต้องเป็นฝ่ายตะลึงไปบ้าง เมื่อเขาใช้ฝ่ามือของตนตบลงไปยังบั้นท้ายของอีกฝ่ายในตอนแรก สาเหตุเป็นเพียงเพราะโมโหกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ผู้นี้แอบเข้ามาในเขตแดนมิติสะท้อนเพื่อแก้แค้นและทำลายแผนรอบชิงชนะเลิศของเขา ทั้งหมดก็เพียงเพื่อมุ่งเป้าไปที่เขาคนเดียว ในเวลานี้เขาจึงแค่จะปลดปล่อยความคับข้องใจของตนออกมาด้วยวิธีการเช่นนั้น ใครจะรู้ว่าหลังคนพาลคนนี้ฟาดมือลงไป 2 ครั้งแล้วจะรู้สึกดีมากจนนิสัยไร้ยางอายของเขากำเริบและฟาดมือลงไปโดยไม่รู้ตัวอีก 2 ครั้ง…จนในที่สุดเขาก็ทำให้เธอร้องไห้ออกมา!
ขณะที่จิตใจของเขาปลอดโปร่งขึ้น โจวเหว่ยชิงก็พลันรู้สึกนึกเสียใจขึ้นมา
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์คนนี้ถูกเขาฟาดก้นไปแล้ว หากเธอกลับไปร้องไห้กับปิงเอ๋อร์และปลุกปั่นเรื่องของเขา ปิงเอ๋อร์จะไม่โกรธเขาหรอกหรือ?
เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาไม่กล้าตีหญิงสาวอีกต่อไปและปล่อยมือเธออย่างรวดเร็ว
“อ้วนน้อยโจว รอก่อนเถอะ!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กำลังร้องไห้ราวกับดอกแพร์ที่ชุ่มน้ำท่ามกลางสายฝน เป็นหญิงงามจอมขี้แยอย่างแท้จริง มือของเธอจับบั้นท้ายอย่างหวงแหนขณะจ้องมองโจวเหว่ยชิงด้วยความโกรธ หญิงสาวไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป และท่ามกลางแสงสีทองเจิดจ้า เธอก็ได้เปิดใช้งานมณีสะท้อนก่อนจะหายตัวไปในทันที
สมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนคนอื่นๆ ที่ยังคงต่อสู้ต่างมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสายตาแปลกประหลาด หากสังเกตดวงตาของพวกเขาอย่างใกล้ชิด ณ เวลานั้น เขาก็จะพบว่าสมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนเหล่านี้กำลังมองเขาด้วยสายตาแสดงความเคารพ และอาจจะ…สงสารเล็กน้อย?
แน่ล่ะ ปีศาจน้อยแห่งวังสวรรค์ไพศาลที่สร้างปัญหามาโดยตลอดถูกฟาดก้นจนถึงจุดที่เธอร้องไห้ออกมา! นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต! ถึงอย่างไรทุกคนก็ล้วนแต่ถูกซ่างกวนเฟยเอ๋อร์รังแกมาก่อนทั้งนั้น และตอนนี้โจวเหว่ยชิงก็ได้จัดการกับเธอแล้ว นั่นทำให้พวกเขารู้สึกประทับใจคู่ต่อสู้ที่อายุน้อยกว่าคนนี้มาก แน่นอน เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอย่างแท้จริง หาไม่แล้ว พวกเขาคงจะต้องต่อสู้แลกชีวิตเพื่อทำร้ายโจวเหว่ยชิงให้ได้
ในเวลานี้ จ้านหลิงเทียนได้คลานกลับขึ้นมาจากพื้นแล้ว ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่โจวเหว่ยชิงกำลังเผชิญหน้ากับซ่าง กวนเฟยเอ๋อร์ ทักษะผนึกมังกรเงียบที่ส่งผลกับเขาก็สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว
………………………………………………………