Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 117-3 วัตถุที่ชั่วร้าย และ จักรพรรดิสีเงิน (3)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 117-3 วัตถุที่ชั่วร้าย และ จักรพรรดิสีเงิน (3)
แม้แต่อสูรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นจักรพรรดิสีเงิน ด้วยระดับพลังของมัน หากไม่สามารถใช้ทักษะใดๆ ได้ ทั้งยังถูกทำให้แข็งทื่อด้วยทักษะสายฟ้าแห่งหายนะ มันก็ยากที่จะรวบรวมพลังปราณสวรรค์ของตัวเองออกมาต่อต้านได้อีกครั้ง
ในวินาทีต่อมา ทักษะที่ฝังอยู่ในลูกศรของโจวเหว่ยชิงลำดับที่ 2 ก็ถูกเปิดใช้งาน หากจะพูดให้ถูกต้องกว่านั้น ทั้งทักษะที่ 2 และ 3 ถูกเปิดใช้งานพร้อมๆ กันในรูปแบบทักษะผสาน ทักษะอันเลื่องชื่อของจักรพรรดิสีเงิน ทักษะกระชากมิติสีเงิน!
เกิดเสียงระเบิดดังเกรียวกราวขึ้น เนื่องจากนี่เป็นทักษะโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของโจวเหว่ยชิง เมื่อมันระเบิดพลังออกมาเต็มรูปแบบใส่จักรพรรดิสีเงินที่เพิ่งจะถูกซ่างกวนเฟยเอ๋อร์โจมตีอย่างหนักหน่วง อสูรร้ายจึงส่งเสียงกรีดร้องลั่นในขณะที่ขนนกสีเงินร่วงหล่นจากร่างของมันเป็นหย่อมๆ
ทันทีที่โจวเหว่ยชิงปล่อยลูกศรออกไป เขาก็สลายธนูราชันย์ในมือและพุ่งไปข้างหน้าด้วยกำลังทั้งหมดของตนเอง เขาใช้ทักษะผนึกมังกรเงียบกับจักรพรรดิสีเงินอีกครั้งอย่างไม่ลังเล โดยไม่สนใจเรื่องที่ควรประหยัดพลังไว้ใช้ในภายหลัง ในเวลาเดียวกัน เกราะมือยักษ์วิญญาณหยางที่มือขวาของเขาก็คว้าเข้าที่ร่างของจักรพรรดิสีเงิน
ทักษะกลืนกินถูกเปิดใช้งานทันที และในขณะเดียวกันมือซ้ายของโจวเหว่ยชิงที่ห่อหุ้มด้วยเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินก็กระแทกเข้าใส่ร่างจักรพรรดิสีเงินอย่างแรง
การกระทำของโจวเหว่ยชิงในตอนนี้แสนเจ้าเล่ห์และขัดแย้งในตัวมันเองมากเกินไปจนเกือบจะน่าขบขัน
สหายคนนี้กำลังกลืนกินพลังปราณสวรรค์ของจักรพรรดิสีเงินด้วยมือขวาของเขา ก่อนที่จะเผาผลาญพลังปราณสวรรค์ของนกปีศาจเพื่อใช้เป็นฉนวนส่งพลังโจมตีออกไปใส่ตัวมันเองด้วยมือซ้ายของเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังใช้ทักษะกระชากมิติของจักรพรรดิสีเงินอีกด้วย!
ในไม่ช้า แม้แต่จักรพรรดิสีเงินที่แข็งแกร่งและอึดทนตัวนี้ก็ไม่สามารถรับมือกับความโหดร้ายเช่นนี้ได้อีกต่อไป หลังจากถูกโจมตี 3-4 ครั้ง มันก็ถูกโจวเหว่ยชิงทำให้หมดสติ พลังปรานส่วนใหญ่ของมันก็ถูกเขากลืนกินเช่นกัน
ตอนนั้นเองที่โจวเหว่ยชิงพลันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและผ่อนคลายเล็กน้อย หากจักรพรรดิสีเงินตัวนี้สามารถพุ่งเข้าสู่วงล้อมของสหายของเขาได้ ใครจะรู้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนเท่าใด เด็กหนุ่มโยนจักรพรรดิสีเงินให้กับ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าบอกว่าไม่มีอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังในป่าปีศาจผีแห่งนี้ไม่ใช่หรือ? นี่มันอะไร กัน!”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เม้มริมฝีปากและพูดว่า “ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่า? จักรพรรดิสีเงินไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน พวกมันทั้งหมดมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือและอยู่ไกลออกไปทางชายแดนเหนือด้วยซ้ำ บางครั้งจักรพรรดิสีเงินอาจเดินทางไปทั่วแผ่นดินใหญ่เนื่องจากสถานการณ์เฉพาะบางอย่าง แต่ก็หาได้ยากและอยู่ไกลเกินไป ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าโชคของพวกเราจะแย่ขนาดนี้ ดันพบเข้ากับตัวที่กำลังเตร็ดเตร่อยู่บนแผ่นดิน”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้ายังกล้าพูดอีกงั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าสหายตัวนี้ถูกดึงดูดมาเพราะเสียงร้องของเจ้าก่อนหน้านี้!”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จ้องมองเขา ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “เจ้า!! เมื่อกี้ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย แต่เจ้ากลับยังกล้าจะนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก?”
ทั้งสองคนกำลังยืนเถียงกันในขณะที่อีกด้านหนึ่ง คนอื่นๆ ต่างยืนจ้องพวกเขาด้วยความตกตะลึง
โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่ได้ตกใจเพราะทั้งสองคนเถียงกัน แต่เป็นเพราะพลังแท้จริงที่ทั้งคู่แสดงให้เห็น
ซ่างหลางและคนอื่นๆ อาจไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วอสูรสวรรค์อย่างจักรพรรดิสีเงินเป็นแบบไหน แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่ามันน่ากลัวเพียงใด พวกเขาทั้งหมดได้เห็นความเร็วที่แท้จริงของแสงสีเงินที่บินโฉบไปบนท้องฟ้า รังสีกดดันขนาดรุนแรงที่ทำให้แข้งขาของพวกเขารู้สึกราวกับจะอ่อนยวบแม้อยู่ในระยะไกลๆ
สาวงามที่ติดตามพวกเขามาตลอดทาง…ผู้ซึ่งไม่เคยแสดงท่าทีอะไรมาก่อนหน้านี้เลยนอกจากใบหน้างามๆ และความซุกซนขี้เล่น แท้จริงแล้วคือจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด! สวรรค์! มณียุทธ์ของนาง…มีมากกว่าปกติถึงสอง เท่า?! พลังของหญิงสาวคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ในเวลาเดียวกัน ซ่างหลางและคนอื่นๆก็สังเกตเห็นมณีสวรรค์ทั้ง 4 ชุดของโจวเหว่ยชิง เมื่อรวมกับทักษะอันน่า สะพรึงกลัวที่พวกเขาไม่รู้จักชื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าหัวหน้าที่พวกเขาติดตามคนนี้ทรงพลังเพียงใด
ในทางกลับกัน ซ่างหลางและคนอื่นๆ อาจไม่รู้จักจักรพรรดิสีเงิน แต่หลินเทียนอ้าวและสมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่คนอื่นๆ ย่อมรู้จักดีอย่างแน่นอน พวกเขารู้แจ่มแจ้งเกี่ยวกับพลังของจักรพรรดิสีเงิน จักรพรรดิสีเงินตัวนี้อาจจะยังไปไม่ถึงระดับราชา แต่ในบรรดาอสูรสวรรค์ระดับเทวะทั้งหมด มันก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอสูรชั้นยอดด้วยความเร็วและพลังโจมตีที่น่ากลัวของมัน
โดยเฉพาะพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนั้น สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ทุกคนตระหนักเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของหลินเทียนอ้าวเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาไปถึงระดับมณี 6 ชุด พลังป้อง กันของมันย่อมเพิ่มขึ้นมากหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม โล่ของเขาถูกกลับทำลายลงเพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียว ด้วยเหตุนั้นทุกคนจึงสามารถบอกได้ว่าพลังของจักรพรรดิสีเงินนั้นน่ากลัวเพียงใด แต่อสูรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้กลับถูกโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จัดการในช่วงเวลาสั้นๆ โดยได้รับความช่วยเหลือจากหลินเทียนอ้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สองคนนี้มีพลังน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ความจริงทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ต่างก็งัดทุกอย่างที่มีออกมาในการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว ศึกระหว่างทั้งสองฝ่ายอาจดูเหมือนง่ายดายและจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น โจวเหว่ยชิงได้ใช้พลังปราณสวรรค์ของเขาไปจนหมด กระทั่งพลังปราณสวรรค์ปริมาณมหาศาลที่เขาเพิ่งกลืนกินเข้ามาก็ไม่มีเหลือ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ดีกว่าเขาเล็กน้อย แต่เธอก็ยังต้องปลดปล่อยชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานของตนเองออกมาทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือโล่ของหลินเทียนอ้าว มันเป็นเพียงความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากเขา แต่กลับมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ทั้งสองคนลงมือจัดการฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ มิฉะนั้น แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะจักรพรรดิสีเงินได้ในท้ายที่สุด แต่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็จะต้องได้รับความเสียหายหนักแน่นอน
ในที่สุดหลินเทียนอ้าวก็ออกคำสั่งแก่คนอื่นๆ “เอาล่ะ มันจบแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันเถอะ” ดังนั้นพวกเขาที่เหลือจึงกลับไปที่ค่ายโดยปล่อยให้โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จัดการเรื่องของตัวเอง หลินเทียนอ้าวไม่แม้แต่จะพยายามคิดแทรกแซงปัญหาของคนทั้งคู่ ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขา ก็คงจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน
“ตอนนี้พวกเราเสมอกันแล้วใช่ไหม?” โจวเหว่ยชิงไม่อยากจะโต้เถียงกับเธออีกต่อไป และเขาก็เป็นคนเริ่มเอ่ยปากก่อน
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แค่นเสียงอย่างโกรธๆ และมองขึ้นไปบนท้องฟ้า การต่อสู้ที่รุนแรงก่อนหน้านี้ช่วยลดระดับความอับอายที่เธอประสบมาเมื่อสักครู่ แต่ถึงตอนนี้ เมื่อหญิงสาวคิดถึงสิ่งที่ดูชั่วร้ายนั้นอีกครั้ง อัตราการเต้นของหัวใจก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มถี่รัวขึ้น
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ข้าค้นพบแล้วว่าทักษะการต่อสู้ระยะประชิดนั้นมีประโยชน์จริงๆ ใครจะรู้ ข้าอาจเจอคู่ต่อสู้ที่มีทักษะควบคุมอันทรงพลังในอนาคตและอาจจะต้องการสิ่งนี้คอยช่วยเหลือก็เป็นได้ พลังและความสามารถ ทุกอย่างมีเวลาและการใช้งานที่จำกัด ดังนั้นเจ้าช่วยสอนข้าหน่อยได้ไหม?”
ดวงตาของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สว่างวาบขึ้น และเธอมองไปที่เด็กหนุ่มข้างกายก่อนจะพูดว่า “เจ้าอยากเรียนรู้จริงๆเหรอ?”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้า
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เขย่าจักรพรรดิ์สีเงินในมือของเธอและพูดว่า “การจะเรียนรู้การต่อสู้ระยะประชิดนั้นต้องเริ่มจากการถูกทุบตีก่อนเป็นอันดับแรก”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างขุ่นเคือง “อะไรนะ? เมื่อกี้เจ้าก็ทุบตีข้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วจักรพรรดิสีเงิน พวกเราจะทำยังไงกับมัน? พวกเราแค่ต้องฆ่ามันทิ้งใช่ไหม?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “เจ้ามีธาตุมืดนี่นา เจ้ามีทักษะผนึกธาตุมืดหรือไม่? ถ้าเจ้าสามารถผนึกมันได้ก็จะเป็นการดีมาก แม้ว่าจักรพรรดิ์สีเงินตัวนี้จะยังไม่ได้พัฒนาไปสู่ระดับราชา แต่มันก็ยังมีประโยชน์มากทีเดียว ครั้งต่อไป เมื่อเจ้ามาที่เกาะมณีสวรรค์ของเรา เจ้าก็สามารถนำมันไปขายที่นั่นได้ พวกเรายังคงต้องการอสูรสวรรค์ระดับสูงอีกจำนวนมาก”
ความสนใจของโจวเหว่ยชิงถูกจุดประกายขึ้นมาในทันที และเขาก็กล่าวว่า “ข้ามีทักษะปิดผนึก พิธีเลือดตราประทับธาตุมืด จะได้ผลหรือไม่?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามีทักษะนั้นจริงหรือ? หากเจ้าสามารถปิดผนึกสำเร็จ เจ้าอาจจะสามารถควบคุมจักรพรรดิสีเงินนั้นก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ระดับพลังของมันเหนือกว่าเจ้ามากเกินไป ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำสำเร็จได้หรือไม่!”
โจวเหว่ยชิงเดินไปหาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และพูดว่า “เจ้าจะไม่มีทางรู้หากไม่ลอง” ถึงอย่างไรเขาก็มีทักษะที่กักเก็บมาจากอสูรสวรรค์ระดับมหาราชา และจักรพรรดิสีเงินตัวนี้ก็อยู่ในระดับเทวะเท่านั้น แม้ว่าจะอยู่ในระดับเทวะขั้นสูงสุดก็ตาม ในแง่ของความแตกต่างระหว่างระดับพลังปราณนั้น เขาจึงไม่ได้กังวลมากนัก
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์มองเขาอย่างเย้ยหยันก่อนจะพูดว่า อย่ามั่นใจเกินไป ด้วยระดับพลังปราณสวรรค์ที่ต่ำต้อยเช่นนี้ เจ้ายังกล้าจะผนึกจักรพรรดิสีเงินตัวนี้อยู่อีกหรือ?” หญิงสาวไม่รู้ว่าพราะเหตุใด แต่เมื่อใดก็ตามที่สามารถเอาชนะเขาได้ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็จะรู้สึกมีความสุขอย่างน่าประหลาด
เด็กหนุ่มมองอีกฝ่ายด้วยสายตาท้าทาย เขาพูดว่า “หากข้าผนึกสำเร็จขึ้นมาล่ะ? เจ้าจะว่าอย่างไร? กล้าพนันกับข้าไหม?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยความสนอกสนใจ “เจ้าต้องการเดิมพันอะไร?”
ถ้าหลินเทียนอ้าวอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ได้ทันทีว่าโจวเหว่ยชิงกำลังจะหาทางเอาเปรียบคนอื่นด้วยการเดิมพันอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทั้งเขาและหยุนลี่ก็แพ้โจวเหว่ยชิงในลักษณะเช่นนี้มาก่อน!
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องแต่งงานกับข้าพร้อมปิงเอ๋อร์ ถ้าข้าแพ้ ข้าจะแต่งเข้าวังสวรรค์ไพศาลพร้อมกับเจ้าและปิงเอ๋อร์ เช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฝันไปซะเถอะ!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดอย่างโกรธจัดก่อนจะกวาดขาเตะใส่เขา
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่ กระโดดถอยหลังและหลีกเลี่ยงลูกเตะของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชำนาญ “เจ้าเป็นคนถามข้าเองว่าจะเดิมพันอะไร ข้าก็แค่ตอบไปตามความจริง”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวอย่างร้อนรน “เจ้ามีปิงเอ๋อร์อยู่แล้ว แต่กลับยังไม่พอใจอีก? หึ พยายามจะเอาเปรียบข้าอย่างนั้นรึ เลิกฝันไปซะเถอะ! แม้จะต้องแต่งงานกับหมู ข้าก็จะไม่แต่งงานกับเจ้า!”
โจวเหว่ยชิงส่งเสียงหึในลำคอและกล่าวว่า “ทำอย่างกับข้าต้องการเจ้าขนาดนั้นแหละ! เจ้าต้องการเดิมพัน อะไร?”
ดวงตาของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กรอกไปมาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมชั่วร้าย “ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ เมื่อเรากลับไปที่ค่าย เจ้าจะทำหน้าที่เป็นม้าให้ข้าขี่ ถ้าเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะให้อภัยในสิ่งที่เจ้าทำก่อนหน้านี้”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างเคืองๆ “เจ้าจะพยายามเอาเปรียบข้างั้นรึ” เมื่อนึกถึงภาพที่เธอขี่เขาเหมือนม้า ก้นเล็กๆ ที่นุ่มนิ่มของหญิงสาวสัมผัสกับร่างของตัวเองอีกครั้ง โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนวูบขึ้น ดวงตาของเด็กหนุ่มจึงกวาดมองไปยังส่วนที่กล่าวถึงข้างต้นทันที
“เจ้ากำลังมองที่ไหนน่ะ?!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดอย่างโมโหร้าย
โจวเหว่ยชิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างเร่งรีบ “เจ้าต้องการจะเดิมพันอยู่หรือไม่? หากเจ้าต้องการเดิมพันก็จะต้องมีของเดิมพันที่ยุติธรรมด้วย หากเจ้าชนะ เราจะทำตามที่เจ้าพูดและข้าก็จะเป็นม้าให้เจ้าขี่ ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะตบก้นเจ้าสิบครั้งเพื่อระงับความโกรธของตนเอง”
“เจ้าคนขี้โกง!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หน้าแดงก่ำขณะที่เธอตะคอกออกมา
โจวเหว่ยชิงพูดอย่างเป็นธรรมชาติด้วยรอยยิ้มที่งดงามหยดย้อย “เจ้ารู้จักชื่อเล่นของข้าได้อย่างไรน่ะ? เอาล่ะ ต้องการเดิมพันอยู่หรือไม่? ตัดสินใจเร็วเข้า!”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็มองไม่เห็นหนทางที่โจวเหว่ยชิงซึ่งอยู่ในระดับมณี 4 ชุดจะสามารถผนึกจักรพรรดิสีเงินได้ ไม่ว่าตราประทับธาตุมืดจะทรงพลังเพียงใด มันก็ยังคงถูกระดับพลังปราณสวรรค์จำกัดไว้อยู่ดี หากระดับพลังปราณสวรรค์แตกต่างกันมากกว่า 5 ระดับ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผนึกสำเร็จ…และความแตกต่างของระดับพลังระหว่างโจวเหว่ยชิงและจักรพรรดิสีเงินก็มีเกือบ 20 ระดับ! หากไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เธอก็มองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่มันจะประสบความสำเร็จ
เมื่อคิดถึงชัยชนะที่จะได้รับ การจะได้แก้แค้นโจวเหว่ยชิงและปล่อยให้เขาเสียหน้าต่อหน้าเหล่าสหายทั้งหมด ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกดีขึ้นมาในทันที เธอกัดฟันพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะเดิมพันกับเจ้า”
โจวเหว่ยชิงมองไปที่ก้นเล็กๆ แสนดึงดูดของเธออีกครั้ง ก่อนจะยิ้มขณะที่พูดว่า “ฮิๆ เอาล่ะ เจ้าตั้งใจดูข้าให้ดี
ในขณะที่พูดอย่างนั้น เขาก็คว้าจักรพรรดิสีเงินไว้ในมือข้างหนึ่งก่อนที่จะก้มตัวลง ในขณะนี้โจวเหว่ยชิงยังไม่ได้ออกจากสถานะปีศาจกลายร่าง และเด็กหนุ่มก็วางเท้าขวาไว้บนร่างของจักรพรรดิเงิน เขาหายใจเข้าลึกๆ เพื่อฟื้นฟูพลังสวรรค์และทำให้เส้นลมปราณของเขาปรับสมดุลขึ้นก่อนที่จะเริ่มลงมือ
………………………………………………………..