Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 44.2 ค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 44.2 ค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน (2)
ตั้งแต่เด็กหมิงฮัวก็ชอบแข่งขันมาโดยตลอด กระทั่งกับพี่ชายของเธอที่อายุมากกว่าเธอ 9 ปีซึ่งเป็นที่รู้จักในนามแม่ทัพเทพสงคราม เธอก็ยังไม่เคยพ่ายแพ้เขา! ความจริงแล้วในแง่ของระดับพลังปราณ และความกล้าหาญในการต่อสู้ เมื่อหมิงหยูอายุเท่าเธอ เขาก็ยังเทียบกับน้องสาวตัวน้อยของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ อีกทั้งในวัยนั้นเขาก็ไม่ได้มีชื่อเสียงเหมือนที่เธอมีในเมืองเฟยหลี่ด้วย เธอสร้างชื่อด้วยความกล้าหาญในการต่อสู้ของตนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้เมื่อเธอได้เห็นการต่อสู้ของโจวเหว่ยชิงและซ่างหลาง เธอก็สนใจเขามาก และแม้ว่าเรื่องที่พวกเขาพบกันที่นี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เธอก็รู้สึกยินดีที่จะได้ต่อสู้กับโจวเหว่ยชิงเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเขา ทว่าเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอ 7 ปีคนนี้มีความสามารถมากจนน่าตกใจ เหมือนที่พี่ชายของเธอเคยพูดเอาไว้ไม่มีผิด แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อยากพ่ายแพ้ เธอจะไม่ยอมแพ้คนที่มีระดับพลังปราณต่ำกว่าตัวเองเด็ดขาด
ดอกไม้แห่งยมโลกลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางขยับเต้นรำในอากาศ มันเริงระบำพร้อมเผยประกายแสงสดใสระยิบระยับออกมา ทันใดนั้นดอกไม้สีแดงสดก็พุ่งตรงไปยังโจวเหว่ยชิงอย่างไร้เสียง
ดวงตาของโจวเหว่ยชิงหรี่ลงทันที เขารู้อยู่แก่ใจว่าจะไม่อาจแอบซ่อนทักษะธาตุอื่นๆ เอาไว้ได้อีกต่อไปหากต้องการเอาชนะเธอ
ดอกไม้สีแดงบนท้องฟ้าเป็นคนเริ่มเปิดฉากการโจมตี ขณะที่มันหมุนไปรอบๆ กลางอากาศและกำลังจะไปถึงตัวโจวเหว่ยชิง ทันใดนั้นมันก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 10 เท่าด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ฉื่อ จากนั้นก็พุ่งตรงไปที่ศีรษะของโจวเหว่ยชิงด้วยความเร็จดุจสายฟ้า โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกถึงกลิ่นอายชั่วร้ายภายในร่างที่กำลังเต้นระริกได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสัมผัสได้ว่าดอกไม้แห่งยมโลกมีกลิ่นอายชั่วร้ายเจือปนอยู่จางๆ เป็นกลิ่นอายที่อ่อนแอกว่ากลิ่นอายชั่วร้ายภายในร่างกายของเขามาก
ค้อนในมือซ้ายของโจวเหว่ยชิงถูกยกขึ้นรับแรงกระแทกจากดอกไม้แห่งยมโลก จากนั้นก็เกิดเสียงปะทะดังขึ้นกึกก้อง โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยทักษะกระชากมิติอีกครั้งเพื่อปิดกั้นการพลังของดอกไม้สีแดง ไม่นานภาพแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
ขณะที่ดอกไม้ดอกนั้นกำลังเข้าใกล้กับทักษะกระชากมิติ มันกลับไม่ได้ถูกแรงดึงดูดกระชากเข้าไป ในทางตรงกันข้าม มันลอยกลับขึ้นไปที่เดิมอีกครั้งพร้อมกับแสงสีแดงที่ส่องสว่างมากขึ้นกว่าเดิม
แสงสีเขียวพุ่งทะยานออกมาจากมือของหมิงฮัวตรงไปยังดอกไม้แห่งยมโลก ราวกับถูกเติมพลัง ทันใดนั้นมันก็ปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้งและหมุนคว้างไปมาพร้อมกับเสียงดังหวีดหวิว ทว่ามันก็ยังไม่กล้าปะทะกับทักษะกระชากมิติโดยตรงอยู่ดี
ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็เริ่มเคลื่อนไหว มือทั้งสองของเขาหมุนควงค้อนยักษ์ทีละข้าง จากนั้นค้อนยักษ์คู่สีดำเหลือบทองขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าหาหมิงฮัวทันที
แน่นอนว่าความยืดหยุ่นของหมิงฮัวนั้นลื่นไหลมาก ด้วยร่างกายที่อ่อนนุ่มและยืดหดได้ของเธอ เธอจึงสามารถหลบหลีกการโจมตีได้ด้วยขั้นตอนที่แยบยล บางทีอาจจะเหนือกว่าหลัวเขอตี้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเคลื่อนไหวดังกล่าวในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์อีกด้วย
อนิจจา แม้จะมีความสามารถขนาดไหน เธอก็ยังต้องเผชิญหน้ากับค้อนขนาดใหญ่และหนักคู่หนึ่ง ไม่ว่าทักษะการหลบหลีกของเธอจะแข็งแกร่งเพียงใด เธอก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทำได้เพียงสะบัดตัวหลบหลีกและถอยหลังไปเรื่อยๆ
หากเธอใช้ความแข็งแกร่งที่เป็นจุดอ่อนของตนปะทะเข้าโดยตรงกับศาสตรามณียุทธ์ที่มีไว้สำหรับผู้ใช้มณียุทธ์ประเภทความแข็งแกร่ง เธอก็คงจะเสียสติไปแล้ว!
ในขณะนี้ดอกไม้แห่งยมโลกที่ลอยอยู่กลางอากาศได้แตกหน่อเป็นดอกไม้เล็กๆ จำนวน 9 ดอก โดยแต่ละดอกจะพุ่งเข้าหาโจวเหว่ยชิงจากทุกทิศทางที่แตกต่างกัน พวกมันกำลังหมุนคว้างด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมกับส่งเสียง *หวือหวือ* ออกมา นั่นส่งผลให้บ้านทั้งหลังเกิดเสียงแปลกๆ ที่น่าขนลุกขึ้น ราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่ในบ้านผีสิงไม่ปาน
หากเป็นคนอื่น กับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ พวกเขาอาจได้รับผลกระทบจากกลิ่นอายชั่วร้ายที่น่าขนลุกจนไม่อาจใช้พละกำลังได้อย่างเต็มที่ แต่โจวเหว่ยชิงคือใครกัน? กลิ่นอายชั่วร้ายภายในร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าดอกไม้แห่งยมโลกมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
ขณะที่ค้อนของโจวเหว่ยชิงกำลังจะปะทะเข้ากับดอกไม้แห่งยมโลกทั้ง 9 ดอก มือของหมิงฮัวก็ระเบิดแสงสีเขียวออกมา ลำแสง 9 สายพุ่งออกมากระทบดอกไม้แห่งยมโลกอีกครั้ง จากนั้นดอกไม้แต่ละดอกก็แตกหน่อออกเป็นอีก 9 ดอกตามลำดับ คราวนี้เป็นทั้งหมด 81 ดอก! และแม้ว่าพวกมันจะมีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก แต่ความเร็วของมันก็อยู่ระดับที่น่าเวียนหัว! ดอกไม้พวกนั้นพุ่งเข้าหาเขาจากทุกทิศทางอีกครั้ง
วินาทีนั้น โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่อาจหลบหลีกพวกมันทั้งหมดได้พ้นแน่นอน นอกจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา ดอกไม้ทั้ง 81 ดอกยังไม่ได้โจมตีเขาทั้งหมดในคราวเดียว บางดอกถูกกระจายออกไปในบริเวณที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้เขาไม่มีพื้นที่ให้เคลื่อนย้ายหนีไปได้เลย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จิตวิญญาณการต่อสู้ของโจวเหว่ยชิงก็ถูกจุดขึ้นแล้ว ไม่นานค้อนในมือซ้ายของเขาก็สว่างวาบขึ้นเป็นแสงสีเขียวแปลกประหลาด ส่วนหมิงฮัวรู้ก็สึกว่าร่างกายของตนพลันหยุดชะงักไม่สามารถขยับได้ ในขณะเดียวกันค้อนทางด้านขวาของเขาก็สั่นไหวและมีชั้นแสงสีทองเข้มพุ่งออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน อากาศบริเวณนั้นดูเหมือนจะกระเพื่อมอย่างผิดเพี้ยน ทันใดนั้นดอกไม้แห่งยมโลกทั้ง 18 ดอกก็แข็งตัวในเสี้ยววินาที
เสียงสะท้อนชะงัก นี่เป็นหนึ่งในทักษะของค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน ในเสี้ยววินาทีที่ดอกไม้พวกนั้นถูกแช่แข็ง โจวเหว่ยชิงก็ฉวยโอกาสนั้นระเบิดพลังขาขวาปีศาจของเขาออกมาอย่างฉับพลัน พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับใช้ค้อนคู่ของเขาเก็บกวาดเส้นทาง ทะลุผ่านดอกไม้แห่งยมโลกทั้งหมดเพื่อเข้าไปถึงตัวเธอ
ขณะที่หมิงฮัวกำลังจะขยับตัวได้ แสงสีดำอีกเส้นหนึ่งก็พุ่งออกมาจากค้อนในมือซ้ายของโจวเหว่ยชิง นั่นทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ามีมือหลายคู่กำลังดึงรั้งเธอไว้ จากนั้นร่างกายของเธอก็ถูกแช่แข็งอีกครั้ง ในวินาทีนั้นค้อนของโจวเหว่ยชิงก็ฟาดลงมาที่ศีรษะของเธออย่างโหดเหี้ยมแล้ว
ด้วยเหตุการณ์ที่พลิกผันไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ หมิงฮ่าวจึงสงบสติอารมณ์และรวบรวมพลังทั้งหมดเอาไว้ แสงสีเขียวเข้มพุ่งออกมาจากเกราะหุ้มหน้าอกของเธอทันที ในเวลาเดียวกัน แสงสีเขียวก็พุ่งออกมาจากมือซ้ายของเธอและหลอมรวมกับแสงจากเกราะหุ้มหน้าอก ทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อสร้างโล่แสงสีเขียวครอบตัวเธอเอาไว้ นั่นไม่เพียงแต่สามารถทำลายการควบคุมจากทักษะสัมผัสมืด แต่เกราะแสงสีเขียวยังสามารถปกป้องเธอเอาไว้ด้วย
นี่คือทักษะในมณีธาตุดวงที่ 4 ของหมิงฮัว ‘ทักษะโล่แห่งชีวิต’ ชุดศาสตรามณียุทธ์ของเธอก็ใช้ทักษะเดียวกัน เมื่อพลังของทั้งสองมารวมกันแล้ว มันก็สามารถสร้างเกราะขึ้นมาป้องกันร่างของเธอไว้ได้ทั้งหมด ในเวลาเดียวกันดอกไม้แห่งยมโลกที่ถูกแช่แข็งก็เริ่มฟื้นตัวและพุ่งเข้าหาโจวเหว่ยชิงจากทางด้านหลังเหมือนฝูงผึ้งแตกรัง
การตอบสนองของหมิงฮัวนั้นน่าประทับใจมาก อีกทั้งเธอยังทำทั้งหมดนี้โดยใช้พลังอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทว่าเธอก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับทักษะการควบคุมทั้ง 2 ชนิดของโจวเหว่ยชิงมาก แม้ระดับพลังปราณของเธอจะสูงกว่าโจว เหว่ยชิงประมาณ 4-5 ระดับ แต่เธอก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้และตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะทำลายทักษะการควบคุมได้สำเร็จ แต่พลังจากการระเบิดความเร็วขาขวาปีศาจของโจวเหว่ยชิงก็ยังน่าตกใจจนเกินไป ขณะที่โล่แห่งชีวิตของเธอถูกเปิดใช้งาน ค้อนคู่ก็กระแทกลงมาที่ศีรษะของเธอแล้ว
ภายใต้สถานการณ์ปกติ เนื่องจากมีโล่แห่งชีวิต ร่างของหมิงฮัวอาจจะไม่ต้องปะทะกับค้อนยักษ์เหล่านี้โดยตรง แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับไม่มีทางเลือกอื่น
*ตูม* ค้อนอันแรกกระแทกเข้ากับโล่แห่งชีวิตอย่างโหดเหี้ยม ภาพที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นเมื่อแสงสีดำเหลือบทองดูเหมือนจะค่อยๆกลืนกินโล่แห่งชีวิตเข้าไปทั้งหมด โล่แห่งชีวิตหายไปทันทีโดยไม่มีเวลาให้ทันได้ปริแตกแม้แต่น้อย หมิงฮัวเองก็ต้องทรุดเข่าลงกับพื้นคล้ายกับตะปูถูกตอก เลือดสดๆ ไหลออกมาจากปากโดยไม่รู้ตัว
จิตใจของหมิงฮัวว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง แม้ว่าเธอจะเดาได้ว่าโล่แห่งชีวิตอาจไม่สามารถป้องกันค้อนยักษ์คู่ที่เป็นศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าได้อย่างเต็มที่ แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าพลังของมันจะน่ากลัวขนาดนั้น บนค้อนพวกนี้ไม่มีแม้แต่พลังปราณสวรรค์สักเสี้ยว เป็นเพียงพลังความแข็งแกร่งจากมณียุทธ์แค่อย่างเดียวเท่านั้น! สำหรับโจวเหว่ยชิงที่มีมณีระดับ 3 ดวง การที่เขาสามารถทำลายโล่แห่งชีวิตระดับมณี 5 ดวงของเธอได้อย่างง่ายดายนั้นสร้างความตกใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก ความเสียหายที่ได้รับจากการแรงปะทะของมันทำให้หมิงฮัวถึงกับอาเจียนออกมาเป็นเลือด
เมื่อโล่แห่งชีวิตแตก ค้อนอันที่ 2 ฟาดตามลงมาทันที ในขณะนั้นใจของหมิงฮ่าวก็เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ เสียใจที่เธอไม่ยอมฟังพี่ชายของเธอจนทำให้ตัวเองตกอยู่ภายใต้อันตรายถึงชีวิตขนาดนี้
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ไกลๆ ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นค้อนขนาดใหญ่กำลังจะฟาดลงบนศีรษะของหมิงฮัวอย่างโหดเหี้ยม เธอก็รีบหลับตาลงอย่างรวดเร็ว การถูกค้อนฟาดเข้าที่ศีรษะ…มีแนวโน้มว่าอันตรายถึงตาย
หมิงฮัวก็กำลังคิดแบบเดียวกันและเธอก็ไม่คิดว่าตนจะรอดไปได้ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเธอจึงส่งพลังปราณที่เหลือทั้งหมดไปยังดอกไม้แห่งยมโลก หวังว่าอย่างน้อยจะสร้างความเสียหายให้กับโจวเหว่ยชิงได้บ้างก่อนที่เธอจะสิ้นชีวิตไป
หลังจากค้อนอันแรกของเขาทุบทำลายทักษะโล่แห่งชีวิตได้แล้ว มันก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นกลับไปข้างหลัง จากนั้นเสียงฉีกขาดของอากาศของทักษะกระชากมิติก็ดังสะท้อนขึ้นมาทันที ใช่แล้ว โจวเหว่ยชิงใช้ค้อนนั้นปลดปล่อย ‘ทักษะรอยแยกมิติ’ ออกมา มันความยาวกว่า 4 ฉื่อ แน่นอนว่ามีขนาดใหญ่กว่าทักษะกระชากมิติตามปกติของเขา ดอกไม้แห่งยมโลกที่พุ่งทะยานเข้ามามาหาเขาเกือบทั้งหมดถูกขัดขวางไว้โดยรอยแยกมิติขนาดใหญ่นั้น มีเพียงไม่กี่ดอกที่สามารถทะลุผ่านเข้ามาโจมตีโจวเหว่ยชิงได้ อย่างไรเสียนี่ก็คือพลังการฝืนโจมตีครั้งสุดท้ายของจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นแรก นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีพลังน่ากลัวเช่นหมิงฮัว โจวเหว่ยชิงจึงไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของดอกไม้บางดอกที่เล็ดรอดมาได้
ค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนานไม่มีหลุมบรรจุมณี ทำไมน่ะหรือ? เพราะมันไม่จำเป็นต้องมี เมื่อโจวเหว่ยชิงใช้ศาสตรามณียุทธ์พวกนี้ เขาสามารถใช้ทักษะที่กักเก็บไว้ในมณีได้โดยตรงและไม่จำเป็นต้องใส่มณีธาตุไว้ในหลุมบรรจุมณี นอกจากนี้ ทักษะใดๆ ที่ปลดปล่อยออกมาจากค้อนคู่นี้ ทั้งหมดย่อมเป็นระดับที่แข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ต้องใช้พลังปราณสวรรค์ในระดับที่มากขึ้น แน่นอนว่านี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า
เมื่อปะทะเข้ากับดอกไม้แห่งยมโลกจำนวน 7-8 ดอก โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกชาหนึบ ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากนัก ในขณะเดียวกัน เขาก็ยกค้อนในมือซ้ายซึ่งเพิ่งฟาดใส่หมิงฮัวขึ้นมา
หมิงฮัวตายหรือไม่? ไม่ เธอไม่ได้ตาย เธอยังคงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว เจ้าของบ้านผู้ซึ่งเฝ้าดูอยู่ในระยะไกลๆ ก็กำลังตกตะลึงจนอ้าปากค้างเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการต่อสู้ระหว่างจ้าวมณีสวรรค์ ทว่านอกจากโจวเหว่ยชิงแล้ว ยังไม่มีใครเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาสุดท้าย
ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ค้อนในมือขวาของโจวเหว่ยชิงได้เจาะทำลายโล่แห่งชีวิตก่อนที่มันจะถูกเหวี่ยงกลับไปข้างหลังเพื่อปลดปล่อยทักษะรอยแยกมิติออกมา ส่วนค้อนในมือซ้ายของเขาได้ฟาดเข้าที่ศีรษะของหมิงฮัวและลากผ่านลงมาที่ร่างของเธอจริงๆ แน่นอนว่าจากพลังของค้อนในมือขวาของเขา มันก็ควรจะกระแทกศีรษะของเธอจนสมองแหลกเหลวไปแล้ว
…………………………