Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 47.2 เด็กสาวผมขาวผู้ลึกลับ (2)
โข่วรุ่ยพยักหน้าตกลง เมื่อได้เห็นโจวเหว่ยชิงสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ต่อหน้าทุกคน ตอนนี้เขาจึงค่อนข้างคลั่งไคล้โจวเหว่ยชิงมาก
หมิงฮัวกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าต้องการให้พวกเจ้าทุกคนผลัดกันยืนขึ้นและแนะนำตัวเองเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน”
การแนะนำเริ่มต้นจากแถวหน้า ครั้งนี้โจวเว่ยชิงก็ให้ความสนใจอย่างเต็มที่ คนแรกที่ยืนขึ้นเพื่อเริ่มก่อนคือ โข่วรุ่ย …เนื่องจากเขาค่อนข้างเตี้ยและนั่งอยู่แถวหน้าพอดี
“สวัสดีทุกคน ข้าชื่อโข่วรุ่ย…อายุ 17 ปี…ข้าจบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารเมืองโอเดน ความสนใจหลักของข้าคือการรวบรวมข่าวสารและการสอดแนม ข้าเป็นจ้าวมณียุทธ์ระดับปฐมขั้นกลางและมณียุทธ์ของข้าเป็นการผสมผสานระหว่างความคล่องตัวและการประสานงาน”
หลังจากการแนะนำของเขา นักเรียนคนอื่นๆ ก็ทำตามในลักษณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาที่หยางเจ๋อชีแนะนำตัวเอง โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกสนอกสนใจเขาเป็นพิเศษ “หยางเจ๋อชี…อายุ 17 ปี เจ้ามณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นกลาง มณียุทธ์ของข้าคือประเภทความทรหด” แน่นอนว่าเขาไม่ได้เปิดเผยมณีธาตุของตนตามหลักปกติของจ้าวมณีสวรรค์
ประเภทความทรหด? โจวเหว่ยชิงเคยได้ยินเกี่ยวกับมณียุทธ์ประเภทนี้มาก่อน…แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทความทรหดกับตาตัวเอง จ้าวมณีใดๆ ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้มักจะมีความสามารถในการต่อสู้ที่ดีเยี่ยม มู่เอินเคยบอกเขาว่าคู่ต่อสู้ที่มีมณียุทธ์ประเภทความทรหดเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่จัดการยากที่สุด ถ้าหากจะต้องกำราบพวกเขาก็ควรลงมือให้เร็วที่สุดและอย่าพยายามต่อสู้ยืดเยื้อ
โจวเหว่ยชิงเป็นคนสุดท้ายที่แนะนำตัวเอง เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน และนั่นก็สามารถเรียกความสนใจจากทุกคนได้ทันที เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่สง่างาม “สวัสดี ข้าชื่อโจวเหว่ยชิง ข้าคือเจ้ามณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นสูงสุด มณียุทธ์ของข้าเป็นประเภทความแข็งแกร่ง และอย่างที่พวกเจ้าทราบกันดี มณีธาตุของข้าคือธาตุมิติ พูดตามตรง ข้าไม่เคยเล่าเรียนเกี่ยวกับวิชาทางทหารมาก่อน แต่สิ่งที่ข้ารู้ก็คือ ในทุกๆ กลุ่ม ความสามัคคีมักมีความสำคัญสูงสุด และเพราะข้าเป็นหัวหน้าห้อง… ความหวังของข้าคือให้พวกเราสามารถทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี ใน 4 ปี ต่อจากนี้เราจะกลายเป็นห้องเรียนที่ดีที่ สุดในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนแห่งนี้!”
หมิงฮัวยิ้มแย้มและปรบมือ “นั่นคือความหวังของข้าเช่นกัน เอาล่ะ สำหรับวันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนได้แล้ว หัวหน้าห้อง ตามมาที่ห้องทำงานของข้าสักครู่” เมื่อพูดเช่นนั้นจบ เธอก็เดินออกจากห้องเรียนไป
หม่าฉุนมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและพูดว่า “หัวหน้าห้อง เป็นไปได้ไหม ว่า…อาจารย์หมิงฮัวตกหลุมรักเจ้าเข้าแล้ว? เฮ้อ…เสียดายที่ข้าไม่ได้ดูสง่างามเช่นเจ้า…”
โจวเหว่ยชิงแสยะยิ้มและพูดว่า “หึ เจ้ายักษ์ทึ่ม ขอให้โชคดีในการประมือกับนางวันพรุ่งนี้ ข้าอยากจะบอกใบ้บางอย่าง เจ้าลองไปถามคนอื่นดูว่าชื่อจริงของดอกไม้แห่งยมโลกคืออะไร…” หลังจากพูดเช่นนั้นเขาก็ยืนขึ้นและบิดขี้เกียจตัวอย่างเกียจคร้าน ขณะที่เดินผ่านซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาก็เห็นสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของเธอ เขาจึงยิ้มจางๆ พลางพูดว่า “ไม่ต้องกังวลน่า ข้ารู้วิธีจัดการตัวเอง เจ้ากลับไปบ้านก่อนได้เลย”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยักหน้าตกลงเบาๆ ด้วยใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย เธอรู้สึกราวกับว่าโจวเหว่ยชิงกำลังพูดคุยกับเธอเหมือนสามีภรรยาและนั่นก็ทำให้เธอเขินอายมาก อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังรู้สึกอบอุ่นในหัวใจด้วย
หมิงฮัวยืนรอเขาอยู่นอกห้องเรียน เมื่อเห็นเขาเดินออกมาเธอจึงนำทางเขาไป ขณะกำลังเดินตามหลังอีกฝ่าย โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่บั้นท้ายทรงเสน่ห์ของเธอขณะที่มันกวัดแกว่งไปมาอย่างน่าหลงใหลราวกับลูกท้อสุก งอม เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยคึกคะนองและผู้ชายในวัยนี้ก็ล้วนแล้วแต่มีความต้องการที่แข็งแกร่งอย่างมาก ทว่าเวลาอยู่กับ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาทำได้แค่เพียงมองด้วยสายตา ไม่อาจสัมผัสได้อย่างที่หวัง…นั่นทำให้ความปรารถนาของเขาเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ยิ่งไปกว่านั้น หมิงฮัวยังมีเสน่ห์และดูยั่วยวนมาก เขาจึงค่อนข้างรู้สึกตาพร่าไปเล็กน้อย
ขณะที่พวกเขาเดินไปที่บันได หมิงฮัวก็หยุดและหันกลับมา เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูอึดอัดของโจวเหว่ยชิง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำๆ ซึ่งมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “เจ้ากำลังมองอะไรอยู่? อยากจับหรือไม่?”
เสียงของเธอนุ่มนวลและมีเสน่ห์ราวกับว่ามันกำลังกระตุ้นเร่าหัวใจของโจวเหว่ยชิงเบาๆ เขาพยักหน้าและพูดออกมาอย่างลืมตัว “ใช่…”
หมิงฮัวยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “ให้ข้าดูรูปแบบที่แท้จริงของมณีธาตุของเจ้า แล้วข้าจะพิจารณา…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ทันที ในหัวใจพลันรู้สึกเย็บวาบ เขาพูดด้วยท่าทางสับสน “รูปแบบที่แท้จริง? ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรหรือ?”
หมิงฮัวกลอกตาไปที่เขา จากนั้นก็พึมพำเบาๆ กับตัวเอง “แสดงละครต่อไปเถอะ…ฮึ่ม!” พูดจบเธอก็เดินขึ้นบันไดต่อไป
ภายใต้การนำของหมิงฮัว ทั้งสองคนจึงมาถึงชั้น 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องพักอาจารย์ทั้งหมด หมิงฮัวเดินเข้าไปในสุดของทางเดินและเปิดประตูเชื้อเชิญให้ให้โจวเหว่ยชิงเข้าไป
ห้องนี้ไม่ได้ใหญ่โตมาก มีขนาดเพียง 20 ตารางเมตร รอบๆ ห้องมีต้นไม้สีเขียวจำนวนมากทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตรงกลางมีโต๊ะทำงานเพียงตัวเดียว เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องทำงานส่วนตัวของหมิงฮัว โรงเรียนทหารเฟยหลี่เป็นหนึ่งในโรงเรียนชั้นนำของอาณาจักรและพวกเขาก็ปฏิบัติต่ออาจารย์ที่นี่อย่างที่ดีที่สุดจริงๆ
หมิงฮัวชี้บอกให้โจวเหว่ยชิงนั่งลงที่เก้าอี้รับแขกหน้าโต๊ะทำงานของเธอ เธอเอนตัวลงบนเก้าอี้ และพูดด้วยท่าทางเล่นหูเล่นตาว่า “หัวหน้าห้องที่รัก เจ้าเป็นคนเสียสละและเห็นแก่ผู้อื่น ดังนั้นเจ้าวางแผนที่จะจ่ายหนี้ให้ข้าอย่างไร?”
โจวเหว่ยชิงทำหน้าเหมือนคนโง่เง่าและพูดอย่างไร้เดียงสา “หนี้? หนี้อะไร? ข้าไม่เคยติดค้างเงินใคร…”
หมิงฮัวส่งเสียงหึในลำคอและพูดว่า “เมื่อวาน…เจ้าทำร้ายข้าจนบาดเจ็บสาหัส…ข้าจะปล่อยไปแบบนั้นได้อย่างไร? นอกจากนี้…ค่าเช่าทั้งหมด ข้าก็ยังเป็นคนจ่าย…” เสียงของเธอฟังดูนุ่มนวลและลื่นไหล อีกทั้งยังไพเราะจับใจ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะบ้ากามไปเสียหน่อย แต่อย่างน้อยเขาก็รับรู้ความแข็งแกร่งของเธอก่อนหน้านี้แล้ว…อีกทั้งยังสามารถเอาชนะได้ด้วย
“อาจารย์หมิงฮัว…นั่นเพราะท่านบังคับข้าต่อสู้ต่างหาก…ท่านจะโทษข้าได้อย่างไร! นอกจากนี้ ข้ายังยั้งมือให้ท่านด้วย…ถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราอาจต้องเปลี่ยนอาจารย์ประจำชั้นไปแล้ว…”
หมิงฮัวยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “ข้าจะไม่อ้อมค้อมแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ามีไพฑูรย์ตาแมวสองสี…ขอให้ข้าได้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของมันและข้าสัญญาว่าเจ้าจะได้ใช้เวลาอีก 4 ปีที่เหลือย่างมีความสุขในโรงเรียนแห่งนี้ ไม่อย่างนั้น…หึ…ด้วยสถานะของข้าที่โรงเรียน มันก็ง่ายมากที่จะสร้างปัญหาให้เจ้า อย่าคิดว่าตอนนี้เจ้าสามารถรอดไปได้ง่ายๆ เพราะเจ้าได้รับความเห็นชอบจากท่านคณบดีเสี่ยวฉือ…หากข้าบอกคนอื่นเกี่ยวกับทักษะธาตุปีศาจของเจ้า วังกักเก็บทักษะจะต้องมาตามล่าเจ้า…และไม่มีใครเต็มใจที่จะปกป้องเจ้าแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำว่า “ทักษะธาตุปีศาจ” โจวเหว่ยชิงก็ตกตะลึงไปครู่ใหญ่ แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว เขาพูดอย่างเย็นชา “อาจารย์หมิงฮัว…ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
หมิงฮัวดูเหมือนจะมั่นใจว่าเธอถือไพ่สำคัญทั้งหมดไว้ในมือแล้ว เธอยิ้มอย่างมีเลศนัยขณะรินน้ำหนึ่งถ้วยและยกขึ้นดื่ม หลังจากจิบทีหนึ่งเธอก็พูดว่า “เจ้าไม่เข้าใจจริงๆ เหรอ? อย่าพยายามปิดบังความจริงที่ว่าเจ้ามีทักษะธาตุปีศาจเลย หากเจ้าไม่มีทักษะธาตุนั้น เจ้าจะสามารถย้อนพลังดอกไม้แห่งยมโลกของข้าและดูดกลืนมันแทนได้อย่างไร? เจ้าไม่เพียงแต่มีทักษะธาตุปีศาจ แต่ยังเป็นทักษะธาตุปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาในชีวิต…ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าสามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างได้ด้วย…ใช่หรือไม่? นักเรียนที่รักของข้า โจวเหว่ยชิง”
เสียงเก้าอี้นวมครูดไปกับพื้นดังขึ้นขณะที่โจวเหว่ยชิงเหยียดขาออกอย่างกะทันหัน ในชั่วพริบตานั้นรังสีสังหารก็ปะทุออกมาจากร่างของเขา ดวงตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด…กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมา คล้ายลางร้ายกำลังคลืบคลานเข้าหาหมิงฮัว ทั้งหมดนั่นทำให้เธอเกือบจะประคองถ้วยในมือไม่ไหว ใบหน้าถึงกับซีดเผือกลงเล็กน้อย
“ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อน โจวเหว่ยชิง ที่นี่คือเขตโรงเรียน มีอาจารย์มากมายอยู่ใกล้ๆ ที่นี่ และหลายคนมีพลังมากกว่าเจ้าด้วย ถ้าเจ้าพยายามจะทำอะไรข้า เจ้าตายแน่” หัวใจของหมิงฮัวเต้นระรัวเหมือนกลอง เมื่อสักครู่นี้ รังสีสังหารเข้มข้นที่โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยออกมานั้นน่าหวาดกลัวเกินไป
ไม่นานกลิ่นอายกระหายเลือดก็ค่อยๆ จางหายไป เมื่อโจวเหว่ยชิงกลับมาเป็นปกติอีกครั้งเขาก็ยิ้มแย้มและพูด กับหมิงฮัวว่า “อาจารย์ ข้าคิดว่าท่านกำลังเข้าใจผิด ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว ท่านบอกว่าข้าไม่อาจลงมือที่นี่ได้…หรือนั่นเป็นการบอกใบ้ว่าข้าควรรอจนกว่าท่านจะกลับบ้าน?”
หมิงฮัวหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า “ถ้าเจ้ากล้าก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะบอกทุกคนเกี่ยวกับทักษะธาตุปีศาจของเจ้าทันที ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าตัวเองยังมีโอกาสได้กลับบ้านหรือไม่?”
โจวเหว่ยชิงถอนหายใจเบาๆ พลางพูดอย่างสง่างาม “บางครั้ง…ท่านก็ไม่ควรมั่นใจจนเกินไป มีหลายสิ่งที่…อาจไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น เฮ้อ…หากท่านบังคับข้า ข้าก็คงต้องแสดงมณีธาตุของข้าให้ดูตามที่ท่านต้องการ นี่ไง ดูให้ดีล่ะ”
ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็ค่อยๆ ยกมือซ้ายขึ้น ดึงแขนเสื้อยาวๆ ที่ปกปิดข้อมือออกและเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน เขาหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ช้าๆ ไม่นานมณีสวรรค์ของเขาก็ปรากฏขึ้น
คราวนี้เป็นถึงตาของหมิงฮัวที่ต้องแสดงอาการแตกตื่น สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือไพฑูรย์ตาแมวสีเขียวทอง 3 ดวง มันส่องแสงแวววาวขณะหมุนวนไปรอบๆ ข้อมือซ้ายของโจวเหว่ยชิง นี่เป็นกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ของธาตุมิติ มันชัดเจนและแตกต่างจากธาตุอื่นๆ มาก
“เป็นไปไม่ได้!” หมิงฮัวอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อ เธอมั่นใจในการตัดสินของตัวเองมาก…แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามณีธาตุของโจวเหว่ยชิงจะเป็นไพฑูรย์ตาแมวสีเขียวที่บ่งบอกธาตุมิติจริงๆ!
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ก็อย่างที่ข้าบอก อาจารย์ ท่านมั่นใจมากเกินไป เอาล่ะ…ถ้าไม่มีอะไร ข้าคงต้องขอตัวก่อน แน่นอนว่าถ้าอาจารย์อยากมาเยี่ยมห้องนอนของข้าตอนดึก ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ…ถ้าข้าเดาไม่ผิด ท่านก็ยังบริสุทธิ์อยู่ นี่…ไม่ว่าท่านจะพยายามทำตัวยั่วยวนแค่ไหน…มันก็ปกปิดสายตาข้าไม่ได้หรอก! ลาก่อน!”
หลังจากพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็หมุนตัวออกจากห้องไป อย่างไรก็ตาม หลังจากออกจากห้องได้แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจังอีกครั้ง หมิงฮัวเดาได้ถูกต้องจริงๆ ว่าเขามีทักษะธาตุปีศาจและยังคิดถูกที่บอกว่าเขาสามารถควบคุมสถานะปีศาจกลายร่างได้! นี่เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับโจวเหว่ยชิง…เขาควรจะฆ่าเธอทิ้งหรือไม่?
หลังจากโจวเหว่ยชิงจากไป ใบหน้าของหมิงฮัวก็ซีดลงด้วยความโกรธ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็สะบัดมือเหวี่ยงถ้วยลงพื้นแล้วทุบให้เป็นเศษเล็กน้อย เธอกัดฟันพูดว่า “โจวเหว่ยชิง…เจ้าคนสารเลว…ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าแน่!”
หลังจากนั้นไม่นาน อาการหอบหายใจของเธอก็สงบลงในที่สุด…และเมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ดวงตาของเธอก็เผยให้เห็นประกายบางอย่างที่ลึกล้ำ
“นั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน…เขามีทักษะธาตุปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ ในการโจมตีครั้งสุดท้ายของเมื่อวาน เขาใช้ทักษะการควบคุมของธาตุอื่นๆ มากกว่าหนึ่งอย่าง…ทักษะเหล่านั้นไม่ใช่ทักษะธาตุมิติอย่างแน่นอน ข้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นแรกจะเข้าใจเรื่องนี้ผิดได้อย่างไร? ต้องมีบางอย่างที่ข้ามองข้ามไปแน่…หรือบางที…เขาอาจมีของวิเศษบางอย่างที่สามารถปกปิดมณีธาตุของเขาได้! ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ!”
“ โจวเหว่ยชิง…รอก่อนเถอะ…ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่ามณีธาตุที่แท้จริงของเจ้าคืออะไร…รอข้าก่อนเถอะ…!”
…………………………………