Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 55.2 เหล่าผู้ติดตามของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 55.2 เหล่าผู้ติดตามของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ (2)
หลังจากพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นได้สักพัก โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ออกจากโรงเรียนไป เขารู้ดีว่าเหตุพลิกผันในครั้งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนและเหล่านักเรียนชนชั้นสูงก็จะยิ่งเกลียดเขามากขึ้นไปอีก นี่จะย่อมต้องก่อปัญหามากมายตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าในขณะเดียวกันมันก็จะเร่งให้นักเรียนสามัญชนมาอยู่เคียงข้างเขาไวขึ้นด้วย น่าเสียดายที่จนกว่าเวลานั้นจะมาถึง โจวเหว่ยชิงก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะมีกี่คนยอมติดตามเขากลับไปที่อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้หว่านเมล็ดพันธุ์และวางเดิมพันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้ไปเขาจึงได้แค่ทำตามแผนต่อไปทีละขั้น กุญแจดอกที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการเลื่อนระดับขั้นในอาชีพอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ของเขา ด้วยการผสมผสานทักษะธาตุมิติ เวลา และลม เมื่อรวมเข้ากับพลังปราณสวรรค์ที่เพียงพอจะทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงได้ สำหรับการเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ อย่างน้อยเขาก็ต้องมีมณี 4 ดวงก่อน ในขณะที่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะจะต้องมีมณีอย่างน้อย 6 ดวง นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แน่นอน
“ปิงเอ๋อร์ ไปหาที่ซื้อวัตถุดิบเพิ่มสำหรับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์กันเถอะ ข้าใช้วัตถุดิบที่เหลือไปหมดแล้ว…” โจวเหว่ยชิงร้องบอก
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “งั้นเราคงต้องกลับบ้านกันก่อน…ดูสภาพเจ้าสิ คราบฝุ่นสกปรกเต็มไปหมด เจ้าจะออกไปซื้อของแบบนั้นได้ยังไง!”
โจวเหว่ยชิงมองไปยังซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่มีสภาพคลุกฝุ่นและยิ้มกว้าง “ปิงเอ๋อร์ เราสองคนอาบน้ำด้วยกันไหม”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองเขาอย่างโกรธเคืองและพูดว่า “ไปอาบกับต้าหวงเอ้อหวงคนเดียวเถอะไป!”
ทั้งสองคนจึงกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว ธรรมชาติแล้วการทำงานโดยใช้แรงกายเช่นการตักน้ำจึงกลายเป็นหน้าที่ของโจวเหว่ยชิงไปโดยปริยาย มีบ่อน้ำอยู่บริเวณลานบ้านที่สามารถตักน้ำขึ้นมาได้ เขาจึงช่วยตักน้ำใส่ในอ่างจนเต็มเพื่อให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เริ่มอาบน้ำก่อน แน่นอนว่าเพื่อนคนนี้มีความคิดที่จะแอบดูอยู่ห่างๆ แต่โชคร้ายที่หูของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ดีเกินไป เธอได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและมีประสบการณ์โชกโชนในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ ดังนั้นเขาจึงทำสำเร็จได้ยาก
เมื่อถึงเวลาที่ต้องอาบน้ำให้ตัวเองบ้าง เขาก็กลับไปที่ห้องของตนเองแล้วจึงจับเสือขาวตัวน้อยอย่างเจ้าแมวอ้วนโยนลงไปในอ่าง
“งี้ด งี้ด” แมวอ้วนร้องอย่างขุ่นเคือง พยายามจะตะเกียกตะกายตัวออกไปจากอ่าง แต่โจวเหว่ยชิงกลับรีบถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดเข้าไปกอดมันเอาไว้
“เจ้าแมวอ้วนตัวน้อย ถึงเวลาอาบน้ำแล้ว! เจ้าจะน่ารักกว่านี้หลายเท่าหากอาบน้ำปะแป้งจนขาวสะอาดนุ่มฟู! เฮ้อ…ปิงเอ๋อร์ปฏิเสธที่จะอาบน้ำกับข้า ดังนั้นข้าจึงจะให้เจ้าอาบน้ำกับข้าแทนเพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ยังเป็นตัวเมีย อ๊ากกกก นี่เจ้ากล้ากัดข้างั้นรึ? ดูซิว่าข้าจะลงโทษเจ้าอย่างไร…”
หลังจากชุลมุนกันอยู่สักพัก โจวเหว่ยชิงก็อาบน้ำเสร็จเสียที ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องน้ำ เจ้าแมวอ้วนก็พุ่งออกไปราวสายฟ้าฟาด มันวิ่งกลับเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจเสียงเรียกของโจวเหว่ยชิงแม้แต่น้อย
โจวเหว่ยชิงสวมชุดใหม่และเบ้ปากอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ก็แค่อาบน้ำ มีอะไรให้น่าอายกัน”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังยืนสางผมอยู่ที่ลานบ้านพอดี เธอจึงพูดกับเขาอย่างโมโหว่า “เจ้ากำลังรังแกเจ้าแมวอ้วนอีกแล้ว! เจ้านี่มันเลวร้ายจริงๆ ฮึ่ม! ระวังไว้ให้ดีเถอะ สักวันมันจะขยายร่างแล้วตะปบเจ้าเล่น!”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ไม่หรอกน่า เจ้าแมวอ้วนเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของข้า ไม่ต้องหงุดหงิดไปหรอก พอเรากลับมามันก็หายโกรธแล้ว” ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เจ้าคนอันธพาลก็ใช้สายตากวาดมองความงามสดใหม่ของซ่างกวนปิงเอ๋อร์หลังอาบน้ำและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาพยายามจะทำตัวสนิทสนมกับเธอให้มากขึ้น แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เธอกลับรีบเดินหนีเขาอย่างรวดเร็ว
“กรรรรรร…” แมวอ้วนร้องอย่างโกรธเกรี้ยวในห้อง ตะกุยกำแพงด้วยกรงเล็บของมัน อ๊าาาา! อ๊าาาาาาาาาาาาา! ข้าจะฆ่าเจ้าคนพาลไร้ยางอายนั่นซะ!
โจวเหว่ยชิงพูดกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ “เราควรพาต้าหวงเอ้อหวงกับเจ้าแมวอ้วนออกข้างนอกด้วย หากนักเรียนชั้นสูงเหล่านั้นพยายามจะแก้แค้น เราก็ยังพอจะสู้กลับได้”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยักหน้าเห็นด้วยและมุ่งหน้ากลับไปในบ้านพร้อมกับแหวนมิติเพื่อเก็บต้าหวงและเอ้อหวงเข้าไปข้างใน สำหรับโจวเหว่ยชิง เขามุ่งหน้ากลับเข้าไปในห้องของเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แมวอ้วนที่รัก มา มา เข้ามาในอ้อมกอดของพี่ชายเร็ว…พี่ชายจะพาเจ้าออกไปเดินเล่น!”
“กรรรร” แมวอ้วนสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่สนใจเขา
โจวเหว่ยชิงส่งเสียงครวญครางและพูดว่า “เร็วเข้า อย่าให้ข้าพูดซ้ำ ไม่อย่างนั้นกลับมาคืนนี้ข้าจะให้บทเรียนกับเจ้า!”
เจ้าแมวอ้วนจ้องมองโจวเหว่ยชิงอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าสุดท้ายมันก็ยอมแพ้ กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเขาอย่างไม่ยินยอม และทิ้งตัวลงไปในอ้อมแขนของเขา
หลังจากอาบน้ำแล้ว เจ้าแมวอ้วนก็มีกลิ่นหอมสะอาด ขนปุกปุยจับแล้วดูนุ่มนิ่ม มันขดตัวสบายอยู่ในอ้อมแขนของเขา ขยุกขยิกเพียงเล็กน้อยเพื่อหาที่เหมาะๆ หลังจากนั้นก็ไม่ส่งเสียงใดๆ อีก โจวเหว่ยชิงจึงเดินออกมาด้วยความพึงพอใจ
เหตุผลที่โจวเหว่ยชิงต้องการนำหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งทั้ง 2 ตัวและเจ้าแมวอ้วนออกไปด้วยนั้นสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เขาต่อสู้กับหมิงอู๋ก่อนหน้านี้ เขาได้ตระหนักอย่างแท้จริงว่าตนเองอ่อนแอเพียงใดเมื่อเทียบกับหลายๆ คนบนโลกใบนี้ อย่างน้อยหมีน้อยทั้ง 2 ตัวก็เป็นอสูรสวรรค์ระดับปรมะ ในแง่ของศักยภาพในการต่อสู้พวกมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาหรือซ่างกวนปิงเอ๋อร์เลย สำหรับเจ้าแมวอ้วนนั้น มันกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า กระทั่งสามารถทำให้เขาประหลาดใจมามากมายก่อนหน้านี้ได้ หากมีอันตรายที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อย่างน้อยพวกเขาก็จะสามารถตอบโต้และหลบหนีได้ดีกว่าเดิม
ในเมืองใหญ่เช่นเมืองเฟยหลี่นั้นหาซื้อของได้ไม่ยากนัก หลังจากสอบถามชาวบ้านไปจนทั่ว โจวเหว่ยชิงก็พบกับสถานที่ๆ เหมาะสมจนได้
ทางตะวันออกของเมืองมีพื้นที่ๆ จ้าวมณีทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อทำการค้าขาย คนทั่วไปเรียกที่นั่นว่าศูนย์ การค้าจ้าวมณี ที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยอาณาจักรเฟยหลี่เพื่อให้จ้าวมณีทุกคนแลกเปลี่ยนสินค้าตามความต้องการของพวกเขา ที่นั่นมีของเกือบทุกอย่างกักตุนเอาไว้พร้อมขาย ในความเป็นจริงแม้แต่สำนักกักเก็บทักษะก็ขายรายละเอียดทักษะกักเก็บที่นี่
ศูนย์การค้าจ้าวมณีไม่ใช่อาคารใดอาคารหนึ่ง แต่เป็นพื้นที่บริเวณแถบนี้ทั้งหมด ข้างในมีร้านค้ากว่า 100 ร้านที่ขายสินค้าหรือวัตถุดิบต่างๆ ที่จ้าวมณีต้องการเช่นเดียวกับย่านศูนย์การค้าที่คึกคักแห่งอื่นๆ ที่นี่อยู่ห่างจากโรงเรียนเพียง 2 กิโลเมตร เห็นได้ชัดว่านักเรียนในโรงเรียนทั้งหมดเป็นลูกค้าส่วนใหญ่ของศูนย์การค้าแห่งนี้
“สวัสดีขอรับท่านทั้งสอง โปรดแสดงบัตรสมาชิกของท่านด้วย” โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์เพิ่งจะมาถึงทางเข้าศูนย์การค้าจ้าวมณี พวกเขาก็ถูกพนักงานคนหนึ่งหยุดเอาไว้ก่อน ศูนย์การค้าทั้งหมดถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูง วิธีเดียวที่จะเข้าไปได้คือผ่านประตูบานใหญ่ทั้ง 4 บานที่ด้านข้างของกำแพงเข้าไป ส่วนตอนนี้ประตูที่พวกเขาเข้ามาคือประตูทางทิศใต้
“เราต้องใช้บัตรสมาชิกเพื่อซื้อของจากที่นี่หรือ?” โจวเหว่ยชิงถามพนักงานอย่างสงสัย
พนักงานคนนั้นเห็นชุดเครื่องแบบนักเรียนของพวกเขาจึงยิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว ลูกค้าที่จะซื้อของจากพื้นที่แห่งนี้ต้องใช้บัตรสมาชิกด้วย นอกจากนี้ตัวบัตรยังทำหน้าที่เป็นบัตรเก็บเหรียญทอง การทำธุรกรรมทั้งหมดที่นี่ต้องใช้บัตรใบนี้เท่านั้น เป็นการป้องกันไม่ให้ใครสร้างความเดือดร้อนในพื้นที่แห่งนี้ โดยเฉพาะในหอประมูล การลงทะเบียนเพื่อรับบัตรสมาชิกนั้นง่ายมาก ค่าสมัครสมาชิกระดับพื้นฐานคือ 1,000 เหรียญทองต่อปี แต่สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ ค่าธรรมเนียมสมาชิกจะได้รับการยกเว้น อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดว่าต้องเติมเงินครั้งแรกอย่างน้อย 10,000 เหรียญทอง หากท่านเติมเงินมากกว่า 100,000 เหรียญทองในครั้งเดียว ท่านจะได้รับการพิจารณาเพิ่มระดับเป็นระดับกลาง” เมื่อเห็นว่าโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์สวมเครื่องแบบนักเรียนสามัญชน เขาจึงไม่ได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของสมาชิกระดับสูงหรือมากกว่านั้น
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างฉุนเฉียว “พวกเขาช่างรู้วิธีหาเงินจริงๆ! ดี! เราจะลงทะเบียนบัตรสมาชิกระดับกลาง 2 ใบ”
พนักงานค่อนข้างแปลกใจที่นักเรียนสามัญชนมีเงินติดตัวมากมายขนาดนี้ แต่ทว่าก็ยังรีบลงทะเบียนให้พวกเขาอย่างว่องไวและมีประสิทธิภาพ โจวเหว่ยชิงวางแผนที่จะซื้อของหลายอย่าง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเติมเงินเข้าไป 200,000 เหรียญทองจากเงินทั้งหมด 500,000 เหรียญทองที่เขาได้รับจากเย่เป่าเปาในวันนี้ เตรียมการไว้สำหรับซื้อวัตถุดิบจำนวนมาก
ในที่สุดทั้งสองก็เข้าสู่ศูนย์การค้าพร้อมกับบัตรสมาชิกระดับกลางสีฟ้าในมือ
ร้านค้าภายในศูนย์การค้าทั้งหมดมีลักษณะคล้ายๆ กัน ทั้งหมดเป็นอาคารเล็กๆ สองชั้นที่มีหลังคาสีแดงและผนังสีขาว ตึกพวกนี้ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากส่วนอื่นๆ ในเมืองหลวงเฟยหลี่มาก แน่นอนว่าแต่ละร้านมีขนาดที่แตกต่างกัน ทว่าไม่มีร้านไหนเลยที่มีชื่อร้านกำกับอยู่ มีเพียงแค่ตัวเลขขนาดใหญ่ติดอยู่หน้าร้านเท่านั้น ถนนในศูนย์การค้าค่อนข้างกว้าง พื้นทั้งหมดถูกปูด้วยอิฐแข็ง ที่นี่ไม่อนุญาตให้มีรถม้าผ่าน ดังนั้นบนถนนจึงดูโล่ง แต่ละทางแยกยังมีการสร้างรูปปั้นแกะสลักที่ดูเรียบง่ายแต่ทว่าหรูหราซึ่งช่วยเพิ่มกลิ่นอายที่มีเอกลักษณ์บางอย่างให้กับบรรยากาศโดยรวม
ขณะที่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังมองหาร้านที่เหมาะสม พวกเขาก็ถูกดึงดูดด้วยฝูงชนจำนวนมากเบื้องหน้าพวกเขา ในศูนย์การค้าไม่มีผู้คนมากนัก แต่ขณะเลี้ยวที่มุมหนึ่งของถนนพวกเขากลับเห็นฝูงชนหลายสิบคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่
“ไปดูกันดีกว่า” โจวเหว่ยชิงดึงซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น แม้ว่าค่าธรรมเนียมแรกเข้าของพวกเขาจะสูงลิบลิ่ว แต่เขาก็ยังคงพึงพอใจกับสถานที่แห่งนี้อยู่บ้าง อย่างน้อยที่นี่ก็มีการรับประกันคุณภาพของสินค้าที่ซื้อว่าไม่มีของปลอมแน่นอน
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเข้าไปหาฝูงชน เนื่องจากความได้เปรียบด้านความสูง โจวเหว่ยชิงจึงสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย มันคือร้านค้าหมายเลข 76 และมีป้ายแขวนอยู่ด้านนอกประตูโดยมีคำว่า ‘อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงหยุนลี่ จ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นแรก กำลังหาผู้ติดตาม’
ใต้ป้ายประกาศแผ่นนั้นมีโต๊ะไม้ยาวตั้งอยู่ คนที่นั่งอยู่ด้านหลังเป็นผู้ชายอายุประมาณ 30 ปี เขาสวมเสื้อคลุมที่บ่งบอกว่าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ ผมสีดำตัดสั้น หน้าตาค่อนข้างหล่อเหลา ขณะที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้และกวาดสายตามองไปที่ฝูงชน ดวงตาของเขาก็แฝงความเย่อหยิ่งอยู่ในตัว
บนโต๊ะยังมีป้ายไม้ขนาดเล็กซึ่งมีข้อความนี้เขียนไว้ว่า “ข้อกำหนดของผู้ติดตาม จ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณี 3 ดวงขึ้นไป หรือจ้าวมณีคนอื่นๆ ที่มีมณี 5 ดวงขึ้นไป สำหรับผู้ติดตามตลอดชีพ ผู้ที่มีสิทธิ์ก่อนคือ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีหรือสุภาพสตรี รับผู้ติดตามทั้งหมด 5 คน”
นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้เห็นอะไรเช่นนี้ ทั้งคู่จึงอยากรู้อยากเห็นมาก โจวเหว่ยชิงหันไปหาชายวัยกลางคนที่อยู่ใกล้เขาและถามว่า “พี่ชายผู้นี้ เขาหมายความว่าอย่างไรหรือ? ข้าเข้าใจว่าเขาต้องการรับสมัครผู้ติดตาม แต่เหตุใดจึงมีข้อจำกัดมากมายเช่นนี้? แล้วผู้ติดตามตลอดชีพหมายถึงอะไร? ผู้ติดตามยังถูกแบ่งประเภทด้วยหรือ?
ชายวัยกลางคนกล่าวตอบ “อาจารย์หยุนลี่เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงที่อายุน้อยที่สุดในเมืองของเรา เป็นธรรมดาที่เขาจะมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากมายสำหรับผู้ติดตามของเขา โดยทั่วไปแล้วผู้ติดตามจะมีสองประเภท ประเภทแรกคือผู้ติดตามชั่วคราว ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะเป็นผู้ติดตามตลอดชีพ ประเภทแรกพวกเขาจะเซ็นสัญญาชั่ว คราว และถูกประทับตราโดยจ้าวมณีสวรรค์ทักษะธาตุมืด พวกเขาจะกลายเป็นผู้ติดตามในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น สำหรับผู้ติดตามตลอดชีวิต ก็ตามชื่อที่บอกนั่นแหละ ก็คล้ายๆกับการทำพันธะตลอดชีวิตที่สำนักกักเก็บทักษะทำกับจ้าวมณีคนอื่นๆ โดยปกติแล้วยิ่งมีระดับสูงหรือมีศักยภาพในการสร้างศาสตรามณียุทธ์มากขึ้นเท่าไหร่ มาตรฐานที่ใช้เลือกผู้ติดตามก็จะยิ่งสูงขึ้น อาจารย์หยุนลี่ยังเด็กมากและแน่นอนว่าจะกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์หรือแม้แต่ระดับเทวะได้ในอนาคต”
“การได้เป็นผู้ติดตามของเขาย่อมถือเป็นเกียรติอย่างแน่นอน น้องชาย เจ้าก็เป็นจ้าวมณีเช่นกันใช่หรือไม่? แต่ก็มีแนวโน้มว่าระดับพลังปราณของเจ้าจะไม่เพียงพอสำหรับอาจารย์หยุนลี่ น่าเสียดายที่อาจารย์หยุนลี่เพิ่งเริ่มรับสมัคร เป็นไปได้ว่าอีกไม่นานผู้ที่ต้องการสมัครก็จะแห่แหนกันมาที่นี่ ทว่าพวกเขาก็ยังต้องผ่านการทดสอบจากอาจารย์หยุนลี่เสีย ก่อน…
……………………………