Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 60.1 ใคร ‘น่ารังเกียจ’ มากกว่ากัน (1)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 60.1 ใคร ‘น่ารังเกียจ’ มากกว่ากัน (1)
ภายใต้ผลของทักษะสัมผัสมืด ประสาทสัมผัสของโจวเหว่ยชิงจึงเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ความจริงแล้วการเข้าใกล้เป้าหมายมากเกินไปอาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนักธนู เพียงเพื่อประสิทธิภาพในการโจมตี ทักษะการยิงธนูของโจวเหว่ยชิงจึงต้องอาศัยระยะทางพอสมควร หากไม่มีระยะโจมตีที่เพียงพอ ก็จะไม่มีเวลาและระยะทางมากพอจะใช้ประโยชน์จากพลังโจมตีและการเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตาม ในแง่ของพลังดั้งเดิม ระยะใกล้มักจะให้ผลสูงสุดเสมอ
เป็นอีกครั้งที่สายง้างของธนูราชันย์ถูกดึงขึ้นไปสู่จุดสูงสุด เสียงที่ได้ยินก็ยิ่งดังขึ้นเมื่อมันปะทะเข้ากับโล่ของหลินเทียนอ่าว แม้แต่โล่ป้องกันที่ทรงพลังของเขาก็ยังสั่นเล็กสะเทือนไปน้อย ทว่าผลที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียวก็คือแสงสีเหลืองรอบๆ โล่กลับสว่างไสวขึ้น
“เป็นลูกศรที่ดี!” คนที่ร้องอุทานไม่ใช่หลินเทียนอ่าว แต่เป็นชายเสื้อแดงที่ยืนอยู่ด้านข้างเพื่อเฝ้าดูการต่อสู้
ด้วยวิธีการง้างสายธนูแบบบิดเป็นเกลียวเช่นนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาดีย่อมมองเห็นได้ชัดเจนว่าลูกศรเหล่านั้นทรงพลังเพียงใด ด้วยพื้นฐานความแข็งแกร่งของโจวเหว่ยชิง เมื่อรวมกับพลังระเบิดทำลายล้าง 2 เท่าของธนูราชันย์และวิธียิงธนูที่ไม่เหมือนใคร พลังของมันก็แทบจะเทียบได้กับพลังโจมตีเต็มรูปแบบของหยุนลี่ก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่านี่คือพลังที่แท้จริงของนักธนู
หยุนลี่ลอบเข้าไปทางด้านหลังของหลินเทียนอ่าว ไม่นานเขาก็ลงมือ กระโดดเข้าไปด้านหลังราวกับแมวย่องเบา บิดข้อมืออีกครั้ง เดือยแหลมพลันปรากฏขึ้นในมือของเขา ทักษะปืนใหญ่บีบอัดธาตุมิติถูกนำมาใช้อีก โดยครั้งนี้พุ่งเป้าไปยังจุดตายด้านหลังของหลินเทียนอ่าว
ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้หยุดกระหน่ำยิง ลูกศรดอกแล้วดอกเล่าพุ่งเข้าหาหลินเทียนอ่าวอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็นเส้นสายคล้ายดาวหางพุ่งเข้าหาเขา
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ หลินเทียนอ่าวย่อมไม่สามารถขยับโล่กลับไปปกป้องแผ่นหลังของตนได้ ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาคือข้อจำกัดในการใช้มือข้างเดียวและการที่ไม่สามารถขยับตัวได้ นั่นทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังอื่นๆ ของตนได้เลย เนื่องจากจุดสนใจหลักของเขาอยู่ด้านหน้า เขาจึงเลือกที่จะไม่ขยับโล่เพราะรู้สึกว่าลูกศรของโจวเหว่ยชิงก่อให้เกิดภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่าการโจมตีของหยุนหลี่
แสงสีเหลืองสว่างขึ้นก่อตัวเป็นชั้นแสงหนาๆ พุ่งออกมาจากร่างของหลินเทียนอ่าวก่อนที่การโจมตีของหยุนลี่จะมาถึง ทำให้ร่างกายของเขาราวกับเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
ม่านพลังเกราะสีเหลืองคล้ายสร้างมาจากดินดูเหมือนจะตรงเข้าปกคลุมร่างกายของหลินเทียนอ่าว แม้แต่โล่ในมือของเขาก็ถูกชั้นหินเหล่านั้นเคลือบเอาไว้ อีกทั้งม่านพลังนั้นก็ดูเหมือนจะห่อหุ้มทั่วทั้งร่างของเขาจนมิด
เกิดเสียงปะทะที่ดังกึกก้อง ศาสตรามณียุทธ์เดือยแหลมได้กระแทกเข้ากับชุดเกราะสีเหลืองรอบๆ ตัวหลินเทียนอ่าวอย่างรุนแรงจนทำให้มันสลายกลายเป็นแสงสีเหลืองจางๆ ไปในพริบตา อย่างไรก็ตาม ส่วนที่แตกร้าวนั้นเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆ และหลินเทียนอ่าวก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่ไหวติง
“ชุดเกราะหิน!” หยุนลี่คำรามออกมาเบาๆ
ทักษะชุดเกราะหินนี้ดูค่อนข้างคุ้นเคย แต่ก็ยังเหนือชั้นกว่าทักษะผิวหนังหุ้มหินที่หม่าฉุนเคยใช้ในอดีตมาก ทักษะผิวหนังหุ้มหินเป็นเพียงทักษะระดับ 4 ดาวและจะได้รับเองเมื่อมีมณี 3 ดวงขึ้นไป ในทางกลับกัน ทักษะชุดเกราะหินเป็นทักษะระดับ 9 ดาวและเป็นหนึ่งในทักษะป้องกันชั้นยอดของธาตุดิน สำหรับจ้าวมณีสวรรค์อย่างหลินเทียนอ่าวที่มีมณี 5 ดวง เมื่อรวมกับพลังป้องกันและความทนทานตามธรรมชาติของเขา สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเขาดูราวกับเป็นป้อมปราการแห่งหนึ่ง!
สิ่งที่ทำให้หยุนลี่หดหู่ที่สุดคือเขาสามารถบอกได้ว่าทักษะชุดเกราะหินดั้งเดิมไม่ควรแข็งแกร่งขนาดนี้ อย่างไรเขาก็ใช้พละกำลังของตนอย่างเต็มที่พร้อมกับทักษะหลายๆ ชนิดหลอมรวมเข้าด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือทักษะทั้งหมดถูกใช้พร้อมกับอาวุธศาสตรามณียุทธ์ของเขา ทว่าทักษะชุดเกราะหินนี้ได้ถูกปลดปล่อยผ่านโล่ประสานทั้ง 5 ชิ้นของเขาออกมาเขาไม่รู้ว่าหลุมบรรจุมณีของอีกฝ่ายสามารถเพิ่มพลังได้มากแค่ไหน แต่มั่นใจว่าพวกมันเพิ่มพลังได้มากกว่าทักษะบีบอัดพลัง 2 เท่าของเขาแน่นอน
กล่าวได้ว่าแม้หลินเทียนอ่าวจะเพิ่งปล่อยให้หยุนลี่โจมตีใส่ตน แต่เขาก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่ายได้เลย!
ให้ตายเถอะ! เจ้านี่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณี 5 ชุดจริงๆ หรือ!? แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะก็ไม่น่าจะทน ทานได้ขนาดนี้!
เมื่อมาถึงจุดนี้ หยุนลี่ก็ตัดสินใจหยุดการโจมตีและจ้องมองไปที่หลินเทียนอ่าวอย่างแน่วแน่ เขาเริ่มฟื้นฟูพลังปราณ เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีเต็มรูปแบบอีกระรอก ขณะรอโจวเหว่ยชิงให้สัญญาณ เขาก็ประกบอยู่ด้านหลังของอีกฝ่าย คิดในใจว่าอย่างน้อยก็ต้องดึงความสนใจของหลินเทียนอ่าวมาบางส่วนให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับการปลดปล่อยทักษะชุดเกราะหินที่ทรงพลังออกมาจากชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ 5 ชิ้นเช่นนี้ หลินเทียนอ่าวย่อมต้องเผาผลาญพลังปราณสวรรค์ไปค่อนข้างมากแน่นอน
ธนูราชันย์ในมือของโจวเหว่ยชิงยังคงกระหน่ำยิงออกมาอย่างบ้าคลั่ง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองว่าเขายิงธนูออกไปอย่างไร สิ่งเดียวที่สามารถรับรู้ได้คือเสียงกระทบกันระหว่างลูกศรและโล่กับแสงที่ส่องสว่างออกมาจากโล่ของหลินเทียนอ่าวขณะลูกศรพุ่งเข้าปะทะ ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำให้พลังปรานสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงถูกใช้ไปมากนักเพราะเขาใช้พลังปราณเพียงแค่คงสภาพธนูราชันย์เอาไว้เท่านั้น ส่วนที่เหลือย่อมขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางกายภาพในการยิงธนูของเขา การใช้วิธีการยิงธนูแบบบิดเกลียวเป็นท่าไม้ตายดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งของเขา ในขณะที่โจวเหว่ยชิงใช้วิธีการยิงเช่นนั้น ธนูราชันย์ของเขาก็หมุนคว้างอย่างต่อเนื่องราวกับโล่ลวงตา
ในขณะที่หลินเทียนอ่าวป้องกันลูกศรต่อเนื่องของโจวเหว่ยชิง เขาก็อดรู้สึกประหลาดใจกับตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เขามีความปรารถนาที่จะชนะการเดิมพันนี้มากกว่าเดิม เดิมทีเป้าหมายของเขาคือหยุนลี่เท่านั้น แต่ตอนนี้เขาพบว่าเด็กหนุ่มที่มีมณี 3 ชุดตรงหน้าเขานั้นน่าสนใจยิ่งกว่า ในแง่ของการประลองฝีมือระหว่างอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เขาก็เคยเสมอ หยุนลี่มาก่อน อีกทั้งความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็เหนือกว่ามาก! แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นว่าวิธีการยิงธนูแบบบิดสายธนูนั้นเป็นอย่างไร แต่เขาก็รู้สึกถึงพลังโจมตีที่ตนกำลังรับมืออยู่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยอัตราความเร็วในการยิงของโจว เหว่ยชิง หากเขาได้หนุ่มน้อยคนนี้มาเป็นผู้ติดตามของเขา มันก็จะคล้ายกับการมีปืนใหญ่ที่ยิงได้ต่อเนื่องอยู่ข้างตัวในสนามรบ แม้ว่าการป้องกันของหลินเทียนอ่าวจะทรงพลังอย่างมาก แต่ความสามารถในการโจมตีของเขา โดยเฉพาะในแง่ของการโจมตีระยะไกลนั้นมีข้อจำกัดมาก ทว่าทักษะการยิงธนูของโจวเหว่ยชิงนั้นเรียกได้ว่าสามารถเผชิญหน้ากับศัตรูกว่าร้อยคนด้วยตัวคนเดียวได้สบายๆ หากมีพลังของอีกฝ่ายรวมกับความสามารถในการป้องกันของเขา นั่นจะทำให้โจวเหว่ยชิงสามารถสร้างความเสียหายให้ศัตรูได้เต็มที่โดยไม่ต้องคอยพะวงหน้าพะวงหลัง
ในความคิดของหลินเทียนอ่าว เขาถึงขั้นกรุ่นคิดไปแล้วว่าตนและโจวเหว่ยชิงจะต่อสู้ร่วมกันอย่างไรในสนามรบ แม้ว่าการยิงธนูของโจวเหว่ยชิงจะทรงพลังอย่างมาก แต่พลังทำลายล้างของมันก็ยังบกพร่องไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับขาขวาของปีศาจของเขา ดังนั้นลูกศรเหล่านั้นจึงไม่สามารถทะลุผ่านโล่ของเขาได้ง่ายๆ
หากเดาว่าหลินเทียนอ่าวจะต้องใช้พลังปราณสวรรค์ไปจนหมด แน่นอนว่าทุกคนย่อมคิดผิด มีเพียงหลินเทียนอ่าวที่ล่วงรู้ความลับนี้ อย่างไรชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ 5 ชิ้นก็ควรต้องเผาผลาญพลังปราณสวรรค์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ทว่าข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือทุกครั้งที่มีการเพิ่มจำนวนมณีเข้าไปในโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ โล่นั้นจะได้รับคุณสมบัติพิเศษและหนึ่งในคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามาคือความสามารถในการลดปริมาณพลังปราณสวรรค์ที่ต้องใช้ สิ่งนี้จะช่วยลดการใช้พลังปราณของเขาได้เป็นจำนวนมากและยังทำให้เขาสามารถคงสภาพป้องกันสูงสุดไว้ได้นานขึ้นอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เวลาเดียวกันเขาก็สามารถนำพลังโจมตีบางส่วนของคู่ต่อสู้มาใช้เป็นพลังของตัวเองได้ เช่นนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงเวลาหนึ่งก้านธูปเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าจะเป็นเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม เขาก็ยังคงรักษาสภาพที่ดีที่สุดของตัวเองเอาไว้ได้
สำหรับหยุนลี่ เว้นแต่เขาจะใช้การโจมตีเต็มรูปแบบอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นแค่ชุดเกราะหินก็เพียงพอแล้วที่จะปิดกั้นการโจมตีของเขา ด้วยสภาพปัจจุบันของหยุนลี่ เขาน่าจะปลดปล่อยพลังโจมตีเต็มรูปแบบได้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลินเทียนอ่าวได้วางแผนเอาไว้แล้ว เมื่อหยุนลี่ใช้การโจมตีเต็มรูปแบบ แม้ว่าเขาจะต้องแบกรับความเสียหายบางส่วน เขาก็จะยังคงยืนอยู่ที่เดิมได้โดยไม่ขยับ นอกจากนี้ ทักษะที่ใส่ไว้ในโล่ก็ไม่ได้มีแค่ทักษะชุดเกราะหินเท่านั้น ในบรรดาทักษะทั้งหมด 5 ชนิดของเขา มีทักษะสนับสนุน 2 ทักษะและทักษะป้องกันอีก 3 ทักษะ
ถึงตอนนี้ธูปในมือของชายชุดแดงได้ถูกเผาไหม้ไปแล้วกว่า 1 ใน 3 ส่วน นั่นหมายความว่าการประลองใช้เวลาไปเกือบจะครึ่งทางแล้ว โจวเหว่ยชิงยังคงระดมยิงธนูต่อไป เนื่องจากธนูราชันย์หมุนคว้างอยู่ตลอดเวลา หลินเทียนอ่าวจึงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของโจวเหว่ยชิงได้ถนัดนัก
ความจริงแล้วสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ก็คือสาเหตุที่โจวเหว่ยชิงยังคงยิงธนูออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะเขากำลังพยายามคิดหาหนทางอยู่นั่นเอง ด้วยไพฑูรย์ตาแมวสองสีของเขา เขาย่อมมีจำนวนทักษะมากกว่าคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว นอกจากนี้บนธนูราชันย์ยังมีหลุมบรรจุมณีอีก 2 ช่องไว้สำหรับใช้ทักษะอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ในการจัดการศัตรู เขาจึงสามารถประยุกต์ใช้แผนการได้มากมาย ดังนั้นเขาจึงพยายามคิดหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อเอาชนะหลินเทียนอ่าวให้ได้
ทันใดนั้น ดวงตาของโจวเหว่ยชิงก็สว่างวาบขึ้นเมื่อเขาเกิดความคิดบางอย่าง ทันใดนั้นลูกศรดอกถัดไปของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ขณะที่ลูกศรดอกนั้นพุ่งทะยานออกไป มันก็ถูกรายล้อมไปด้วยแสงสีเงินที่ดูงดงาม แสงเยียบเย็นวาบผ่านเข้ามาในดวงตาชายเสื้อคลุมสีแดงทันทีเมื่อได้เห็นลูกศรดอกนั้น ทว่าฝ่ายหลินเทียนอ่าวกลับไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะเขาต้องใช้โล่ป้องกันการโจมตีทั้งหมด ขนาดของโล่จึงส่งผลต่อการมองเห็นของเขาด้วย นอกเหนือจากรับรู้ความเร็วในการยิงลูกศรของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็ไม่มีเวลาและแรงมากพอจะสังเกตการกระทำของโจวเหว่ยชิงอย่างใกล้ชิดอีก
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อลูกศรกระแทกเข้าที่โล่อีกครั้ง
ความแข็งแกร่งและพลังของมันไม่แตกต่างจากลูกศรก่อนหน้านี้ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือแสงสีเงินที่อยู่บนตัวลูกศร
เมื่อแสงสีเงินพวยพุ่งออกมา หลินเทียนอ่าวก็พลันรู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกรัดแน่นขึ้นพร้อมกับมีแสงสีเงินขยับปกคลุมไปทั่วร่าง หลังจากแทรกซึมผ่านโล่เข้ามาได้ แสงสีเงินก็เจือจางลงไปมาก หลินเทียนอ่าวใช้แขนขยับโล่ขึ้นเล็กน้อย ทำให้แสงสีเงินที่กักขังเขาเอาไว้แตกสลายหายไปในอากาศทันที
‘ให้ผลน้อยลงประมาณครึ่งหนึ่ง’ ประกายแวววาวปรากฏขึ้นในดวงตาของโจวเหว่ยชิงขณะที่เขาสังเกตและประมาณผลที่เห็น
ลูกศรก่อนหน้าถูกผสานเข้ากับทักษะมิติกักขัง ความตั้งใจของเขาคือทดสอบประสิทธิภาพทักษะควบคุมและทักษะสนับสนุนของหลินเทียนอ่าว
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีโดยตรงจากด้านหน้านั้นไม่มีทักษะใดหรือแม้แต่การผสมผสานทักษะใดๆ ของโจวเหว่ยชิงจะสามารถทำลายการป้องกันของหลินเทียนอ่าวได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนที่ระดับพลังปราณของพวกเขาแตกต่างกันมากเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าโล่ของหลินเทียนอ่าวจะทรงพลังเพียงใด มันก็ยังไม่สามารถลบล้างผลของทักษะควบคุมหรือทักษะสนับสนุนทั้งหมดได้ จากการทดสอบของโจวเหว่ยชิง เขาพบว่าโล่สามารถต่อต้านทักษะสนับสนุนหรือทักษะควบคุมได้เกือบครึ่งหนึ่ง นั่นเป็นพลังที่น่ากลัวอย่างแท้จริง ด้วยระดับพลังปราณที่แตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ทักษะควบคุมส่วนใหญ่ของโจวเหว่ยชิงจึงใช้ไม่ค่อยได้ผลนัก ถึงกระนั้น โจวเหว่ยชิงก็ยังมีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับบนใบหน้าของเขา
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการป้องกันถาวร แม้ว่าหลินเทียนอ่าวจะมีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง แต่โล่ก็ต้องอยู่ใกล้ตัวเขามาก ดังนั้นจึงยังมีบางอย่างที่โจวเหว่ยชิงสามารถใช้ประโยชน์ได้
“หยุนลี่ โจมตีเดี๋ยวนี้!” โจวเหว่ยชิงตะโกนออกมา เมื่อคิดแผนขึ้นมาแล้ว เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อหยุนลี่เห็นร่างกายของหลินเทียนอ่าววูบวาบไปด้วยแสงสีเงิน ดวงตาของเขาก็เจิดจ้าขึ้นเช่นกัน ในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เขาเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าธนูของโจวเหว่ยชิงมีหลุมบรรจุมณี ทว่าเขาก็ต้องรู้สึกผิดหวังอย่างรวดเร็วเนื่องจากลูกศรของโจวเหว่ยชิงดันมีทักษะมิติกักขังที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์
………………………………………