Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 69.2 แม่มดน้อยผู้ทรงพลัง (2)
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ที่หลินเทียนอ้าวถูกกระแทกกลับจนถึงตอนที่ทุกคนถูกทำร้ายและซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังเผชิญหน้ากับความตาย เวลาทั้งหมดแทบจะผ่านไปไม่ถึง 2 อึดใจเท่านั้น ดังนั้นในขณะนี้จึงไม่มีใครสามารถฝ่าเข้ามาช่วยเธอได้ทันเวลา!
ทว่าทันใดนั้น แสงสีทองเจิดจ้าก็พุ่งสวนออกมาจากภายในถ้ำ ปะทะเข้ากับแสงสีเทาที่กำลังทะยานหาซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เกิดเสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นดวงไฟทั้ง 2 ก็สลายหายไปพร้อมกัน เมื่อถึงจุดนี้ ทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่าโล่แสงสีขาวที่ป้องกันทางเข้าถ้ำได้ถูกทำลายไปแล้วโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเธอถูกขัดขวางเอาไว้ได้ แม่มดน้อยก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที สายตาของเธอหันไปที่ทางเข้าถ้ำก่อนจะถอนหายใจและพูดออกมาเบาๆ “เป็นเจ้าจริงๆ…ช่างน่าเสียดาย…ข้ามาสายเกินไป…เจ้าวิวัฒน์สำเร็จแล้ว งั้นรึ! หึ งั้นวันนี้ข้าก็คงต้องเลิกราไปก่อน สักวันข้าจะต้องตามเจ้าทันแน่!” หลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆ รู้สึกสับสนกับคำพูดของเธอ แต่ขณะที่มองไปรอบๆ กลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บ เธอก็ไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก ไม่นานเธอก็ฉีกยิ้มสดใสให้พวกเขาอย่างน่ารักไร้เดียงสาและเปลี่ยนกลับไปเป็นหมอกควันสีดำลอยหายเข้าไปในป่า
ตั้งแต่ต้นจนจบ แม่มดน้อยปรากฏตัวออกมาต่อสู้กับพวกเขาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ทว่าในช่วงไม่กี่นาทีนั้น หญิงสาวคนนี้กลับฝากรอยแผลไว้ในใจของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ทุกคน นอกจากเย่เป่าเปาที่หมดสติไปแล้ว หลังการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น จากทั้งหมด 6 คน มีเพียงซ่างกวนปิงเอ๋อร์และอู่หยาเท่านั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก หลินเทียนอ้าว ขี้เมาเป่า เซียวเอี๋ยน และสี่น้อย สมาชิกหลักทั้ง 4 คนต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันทั้งหมด
ตอนนี้อู่หยากำลังนั่งอยู่บนพื้นและหอบหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง เป็นความจริงที่ว่าเธอมีพละกำลังมหาศาล แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังคงเป็นแค่จ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณีเพียง 3 ชุด การเผชิญหน้ากับแม่มดน้อยทำให้เธอรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่แม่มดน้อยโจมตีขวานของเธอถึง 13 ครั้ง นอกจากนี้ ไอปีศาจที่แผ่เข้ามาในร่างกายของเธอผ่านโซ่ก็บีบคั้นให้เธอรู้สึกไม่สู้ดีนัก ในความเป็นจริง ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต้องทนกับการรุกรานของไอปีศาจในระดับที่แตกต่างกัน
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทรุดฮวบลงบนพื้นอย่างหมดแรง เพราะต้องออกแรงไปมากในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทั้งยังได้เผชิญหน้ากับความตายในระยะประชิดเมื่อครู่ เธอจึงรู้สึกเหนื่อยล้าไปหมดทั้งกายใจ เรี่ยวแรงของเธอจึงไม่อาจแม้แต่จะฝืนมุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำเพื่อสำรวจดูอย่างที่ตนหวัง ไม่นานเธอก็ล้มลงหมดสติไป
ภายในถ้ำ ดวงแสงทั้ง 4 สีและรังไหมก็หายไปแล้วทั้งคู่ โจวเหว่ยชิงนอนหมดสติอยู่บนพื้น ลายเสือสีดำบนร่างกายของเขาค่อยๆ จางหายไป อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เขากลับกำลังถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวระยิบระยับหนาประมาณ 3 นิ้ว ร่างของเขาพลันเกิดแรงดึงดูดขึ้นมาทันที มันช่วยดูดกลืนพลังงานจากบรรยากาศรอบตัวเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
เทียนเอ๋อร์ยืนเปลือยเปล่าอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิง เธอหันหลังให้เขาเนื่องจากสายตากำลังทอดมองออกไปยังนอกถ้ำ ดวงตาสีม่วงของเธอเปล่งประกายเลือนลาง เห็นได้ชัดว่ามณีสวรรค์ 6 ชุดรอบข้อมือของเธอตอนนี้กลายเป็น 7 ชุดแล้ว ลายเสือสีฟ้ารอบๆ ตัวของเธอได้เลือนหายไปช้าๆ และร่างกายที่ทรงเสน่ห์เย้ายวนของเธอก็เปิดเปลือยท้าสายตาอย่างชัดเจน แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นก็ตาม เส้นผมสีขาวสลวยทอดยาวลงมาตามแผ่นหลังปกปิดร่างกายเอาไว้ได้แทบทุกส่วน ร่างของเธอยังมีกลิ่นอายที่ค่อนข้างลึกลับเย็นชา หรือแม้กระทั่งกลิ่นอายที่แผ่ไอศักดิ์สิทธิ์ออกมา
“นางอยู่แถวนี้จริงๆ…คราวนี้ข้าติดหนี้เหล่าสหายของเจ้าคนไร้ยางอายนี่เสียแล้ว” เทียนเอ๋อร์บ่นพึมพำกับตนเอง จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองโจวเหว่ยชิงที่กำลังหลับสนิท ดวงตาของเธอปรากฏแววซับซ้อนทันที
“ทำไม! ทำไมข้าถึงไม่ฆ่าเขา?” เห็นได้ชัดว่าข้าฆ่าเขาได้ และก็ควรฆ่าเขาเพื่อชิงพลังมาทั้งหมด นั่นเป็นแผนของข้ามาตลอด…แต่ทำไมข้าถึงทำไม่ได้? ข้าอยู่กับเขามาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว อีกทั้งเจ้าคนขี้โกงนั่นก็คอยกลั่นแกล้งข้ามาโดยตลอด! ข้าควรจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนลงแรงช่วยเหลือเขาสิ! เฮ้อ…แต่ข้ากลับทำไม่ได้? ยิ่งไปกว่านั้นคือในระหว่างการวิวัฒน์ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์ ตัวเขาเองก็ยังได้รับประโยชน์มหาศาลเช่นกัน ฮึ่ม เจ้าคนไร้ยางอายนี่ฉวยโอกาสเอาเปรียบอีกแล้ว!”
เทียนเอ๋อร์นั่งลงอย่างช้าๆ เธอตรวจสอบโจวเหว่ยชิงอย่างใกล้ชิดอีกครั้งเนื่องจากดวงตายังคงพร่ามัว เธอยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของโจวเหว่ยชิงเบาๆ และรับรู้ถึงความอบอุ่นจากผิวของเขา ไม่นานเธอก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“เจ้าคนขี้โกงนี่ หึ! กล้าจับข้าและบังคับข้าให้อาบน้ำกับเจ้า ข้าอยากจะฆ่าเจ้าจริงๆ!” ขณะพูดเช่นนั้น เธอก็หยิกใบหน้าของเขาและบิดทึ้งด้วยความหมั่นไส้
ทันใดนั้นเธอก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา “เจ้าคนกลิ้งกลอกผู้นี้เลวร้ายที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาจริงๆ เอาล่ะๆ ก็ได้ ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป เมื่อข้าจะวิวัฒน์ไปสู่ระดับราชา นั่นคือช่วงเวลาที่ข้าสามารถได้ประโยชน์สูงสุดจากการตายของเจ้าได้ ถึงเวลานั้นข้าก็คงจะสามารถทำให้หัวใจของข้าแข็งกระด้างขึ้นได้แล้วกระมัง ใช่ มันต้องเป็นนั้นแน่ๆ”
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เทียนเอ๋อร์ก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้น ใบหน้าของเธอเผยความโล่งใจออกมา เมื่อมองไปที่ร่างเปลือยของโจวเหว่ยชิงหลังจากลายเสือดำได้เลือนหายไปหมดแล้ว แก้มของเธอก็ยิ่งขึ้นสีมากกว่าเดิม เธอยกมือขวาขึ้น แตะหน้าผากของเขาด้วยนิ้วชี้ จากนั้นแสงสีม่วงอ่อนก็ซึมหายเข้าไปในศีรษะของเขา ในเวลาเดียวกันเธอถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวเจิดจ้า ร่างกายพลันหดเล็กลงอย่างช้าๆ เมื่อปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เทียนเอ๋อร์ก็อยู่ในร่างเสือขาวตัวน้อยน่ารักแล้ว
แมวอ้วนมองเขาด้วยความโกรธ มันอ้าปากกัดแขนโจวเหว่ยชิงอย่างแรง ก่อนที่จะปีนขึ้นไปนอนซุกบนหน้าอกของเขาอย่างร้อนรน
โจวเหว่ยชิงที่กำลังหลับสนิทย่อมไม่รู้ว่าเขาเพิ่งถูกเจ้าแมวอ้วนกัด แต่เขาก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่แน่นอน เขาตัวสั่นสะท้าน ค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะราวกับว่าสมองของเขากระทบกระเทือนอย่างหนัก เมื่อมองไปรอบๆ ถ้ำ เขารู้สึกสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ข้าอยู่ไหน? ทำไมข้ามาอยู่ที่นี่? ข้ากำลังอะไร? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ฟะเนี่ยย!? เขามองไปรอบๆ ตัวอย่างงุนงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ความทรงจำของเขาจะเริ่มกลับคืนมาช้าๆ
เอ๊ะ! ข้าควรจะอยู่กับเจ้าแมวอ้วนนี่ ข้าต้องคอยปกป้องมันในขณะที่มันกำลังวิวัฒน์พลัง! โจวเหว่ยชิงลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อคิดได้เช่นนั้น อนิจจา นั่นทำให้เจ้าแมวอ้วนที่เพิ่งนอนลงอย่างสบายๆ บนอกของเขากลิ้งตกลงไปทันทีข้างล่างทันที ทว่าในขณะที่ร่างกายที่อ่อนนุ่มของมันร่วงหล่นลงมาตามร่างกายของโจวเหว่ยชิง เขากลับไม่ได้ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อร่างของมันไถลลงไปถึงส่วนต้นขาของเขา มันก็ถูกหยุดเอาไว้โดยบางสิ่ง
…
เมื่อมันลืมตาขึ้น ‘เจ้าสิ่งน่าเกลียด’ ที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้มันโกรธแทบตาย โจวเหว่ยชิง ข้าจะฆ่าเจ้า! ในขณะที่มันกำลังจะยกกรงเล็บเล็กๆ ของมันตวัดใส่ “เจ้านั่น” ที่อยู่ตรงหน้า มันก็พลันรู้สึกว่าร่างกายกำลังลอยหวือขึ้นไปด้านบน
โจวเหว่ยชิงจับแมวอ้วนมาจ่อตรงใบหน้าของเขา ก่อนจะจ้องตาแล้วถามมันอย่างสงสัย “แมวอ้วน เจ้าวิวัฒน์พลังสำเร็จแล้วหรือ?”
เจ้าแมวอ้วนหลับตา เบ้ปากขณะที่หูน้อยๆ ของมันพลิกลง ทั้งหมดนี้เผยให้เห็นว่า “ข้าไม่สนใจเจ้า”
“ฮึ? ข้าถามเจ้าอยู่นะ เจ้านี่ไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดีเลยหรือไง? ข้าเพิ่งจะช่วยให้เจ้าวิวัฒน์พลังได้สำเร็จ แต่เจ้ากลับปฏิบัติกับข้าเช่นนี้หรือ!” โจวเหว่ยชิงพูดอย่างโกรธเคืองพลางบีบก้นเล็กๆ ที่นุ่มนิ่มของเจ้าแมวอ้วน เมื่อมองลงไปข้างล่างอีกครั้ง เขาก็รู้ว่าแท้จริงแล้วเขากำลังเปลือยเปล่า
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที “เกิดอะไรขึ้น? สะ เสื้อผ้าของข้าไปไหน?! แมวอ้วน เจ้าทำอะไรข้า? ข้า…ข้า…ความบริสุทธิ์ของข้า! อ๊าาาาา!!” คนไร้ยางอายมองไปที่เสือขาวตัวน้อยในมือด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก เขาดึงหูของมันขณะที่พูดว่า “แมวอ้วน ทำไมเจ้าถึงกำจัดเสื้อผ้าของข้าทิ้งไปหมด? เจ้าได้ทำสิ่งนั้นกับข้าหรือไม่? แมวลามก! เจ้าไร้ยางอายขนาดนี้เลยหรือ เจ้าต้องรับผิดชอบข้านะ! เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงจ้องข้าแบบนั้นกัน?”
ในที่สุดเจ้าแมวอ้วนก็ลืมตาขึ้นมา มันโกรธจนถึงถึงขีดสุดและรังสีสังหารก็ลอยฟุ้งขึ้นมาในอากาศ มันรู้สึกว่าตนเองตัดสินใจผิดจริงๆ ที่ช่วยเหลือเจ้าวายร้ายนี่ มันควรจะฉีกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ!
“เอ่อ…ไม่เป็นไร ใครขอให้เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ล่ะเนอะ เฮ้อ ข้าจะยอมอยู่เงียบๆ และจะไม่โวยวายเรื่องนี้อีกแล้ว” โจวเหว่ยชิงเจ้าเล่ห์เหมือนอย่างเคย เขาสามารถรับรู้ได้โดยธรรมชาติว่าบรรยากาศกำลังเยือกยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงพลังของเจ้าแมวอ้วน เขาจึงตัดสินใจที่จะล่าถอยก่อน
เขาหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่จากสร้อยมิติขึ้นมาสวม ยัดเจ้าแมวอ้วนไว้ในอกเสื้อก่อนจะเดินออกไปข้างนอก แมวอ้วนจ้องมองด้วยความโกรธชั่วขณะก่อนจะหลับตาลงอย่างหงุดหงิด
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ แต่ทันทีที่เขาขยับตัวและเลือดในกายเริ่มไหลเวียน เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก!
นับตั้งแต่ที่เขากลืนไข่มุกรัตติกาลเข้าไป ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายใน ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าจ้าวมณีทั่วๆ ไปมากอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องนำมันมาเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ราวกับว่าก่อนหน้านี้ร่างกายของเขาถูกสร้างขึ้นจากเหล็กเส้นบางๆ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นแท่งเหล็กหนา!
จากส่วนที่ลึกที่สุด จากภายในสู่ภายนอกร่างกาย ตั้งแต่ผิวหนังไปจนถึงกระดูก เส้นชีพจร และอวัยวะภายใน ทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อย่างสมบูรณ์ เมื่อเพ่งสมาธิสำรวจภายในร่างกายด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขา โจวเหว่ยชิงก็สามารถสัมผัสได้ว่าร่างทั้งร่างของเขา ลึกลงไปจนถึงส่วนที่เล็กที่สุดกำลังถูกห่อหุ้มไปด้วยไอพลังสีม่วงหนาทึบ และก็เป็นพลังปรานสีม่วงนี่เองที่ทำให้ร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมาก
เดิมทีโจวเหว่ยชิงยังสามารถสัมผัสถึงพลังงานที่เหลืออยู่ของไข่มุกรัตติกาลในตันเถียนของเขาได้ แต่ตอนนี้มันได้หายไปหมดแล้ว อวัยวะภายในของเขารู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าจนแทบจะเรืองแสงออกมาภายนอก และทุกครั้งที่เขาหายใจก็ดูเหมือนว่าอวัยวะภายในจะปลดปล่อยพลังออกมาทั่วทั้งร่างกาย กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นชีพจร ทุกอย่างดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาก แม้กระทั่งเรี่ยวแรงของเขาก็เพิ่มขึ้นมหาศาลเช่นกัน เพียงแค่ก้าวเดินไปข้างหน้า เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองเบาลงกว่าเดิม และสามารถก้าวไปไกลเกือบ 2 หลาในครั้งเดียว
ในขณะเดียวกัน โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักได้ว่าจุดตายสุดท้ายในวิชาเทพอมตะส่วนที่ 2 จุดตายบริเวณเอวด้านหลังของเขาได้ถูกทะลวงไปเรียบร้อยแล้ว! มันคือจุดตายเหว่ยลู่ จุดที่ 2 บนกระดูกสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ นี่หมายความว่าเขาฝึกวิชาเทพอมตะส่วนที่ 2 เสร็จสมบูรณ์แล้ว และที่สำคัญกว่านั้นคือจุดตายทั้ง 8 ได้เชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างถูกต้องและไหลเวียนหากันได้อย่างเหมาะสม
จุดตายทั้ง 8 จุดบริเวณด้านหลังเอว ซึ่งตอนนี้ถูกทะลวงหมดแล้ว กำลังเชื่อมโยงกับจุดตายบริเวณแขนขาทั้ง 5 ในวิชาส่วนแรกอย่างรวดเร็ว พวกมันเชื่อมต่อกันราวกับกลุ่มดาวบนท้องฟ้า หลุมดำพลังปราณทั้งหมด 13 แห่งประสานเข้าด้วยกันโดยมีจุดตายฉีไห่เป็นจุดศูนย์กลาง ทุกครั้งที่เขาหายใจ โจวเหว่ยชิงจะรู้สึกราวกับว่าทุกขุมขนของเขามีพลังชีวิตเป็นของตัวเอง ภายใต้แรงดูดกลืนของหลุมดำพลังปราณทั้ง 13 พวกมันสามารถดึงพลังปรานจำนวนมหาศาลจากชั้นบรรยากาศเข้ามาภายใน กรองให้บริสุทธิ์ ก่อนที่จะไหลเวียนไปรอบๆ ร่างกายและกลับไปที่จุดตายฉีไห่บนตันเถียนของเขาในที่สุด
นอกเหนือจากความจริงที่ว่าเส้นชีพจรของเขาแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และกว้างขึ้นอย่างมาก พลังปรานสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน ขณะนี้ร่างของเขามีพลังปรานสวรรค์สถานะของเหลวอยู่มากมาย ในที่สุด ตอนนี้เขาก็มาถึงขั้นทะลวงพิภพอย่างเป็นทางการแล้ว