Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 71.3 ศัตรูมักจะต้องวนมาเจอกันเสมอ (3)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 71.3 ศัตรูมักจะต้องวนมาเจอกันเสมอ (3)
แม้ว่ากลุ่มคนเหล่านั้นจะติดตามไป๋จิ่วมา แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจกลุ่มของโจวเหว่ยชิงเลย ราวกับว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ นี่เป็นสิ่งที่จุดประกายให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกตื่นตัวมากที่สุด
ไป๋จิ่วเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเจ้าจะเปรียบเทียบกับอาณา จักรคาลิเซของเราได้อย่างไร! คนที่อยู่ข้างหลังข้าล้วนแต่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเจ้ามีจ้าวมณีสวรรค์มากมายขนาดนี้ไหมล่ะ?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้ทรยศอาณาจักรของข้า ไม่ใช่ทั้งตอนนี้และหลังจากนี้ อาณาจักรคาลิเซของเจ้ามีอำนาจมากพอจะเข้าร่วมงานประลองมณีสวรรค์ด้วยหรือ? หึ จากที่ข้าเห็น เจ้าก็เป็นแค่กลุ่มลำดับที่ 2 ของอาณาจักรป่ายต้า”
“แล้วยังไง!” ความเกลียดรุนแรงฉายชัดในดวงตาของไป๋จิ่ว ตอนนั้นพวกมันถึงกับทำให้เขาฉี่ราดกางเกง แน่นอนว่าเหตุการณ์นั้นจะอยู่ในใจของเขาตลอดไป! สำหรับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แม้ว่าเธอจะเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง แต่ในใจของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่มีวันที่จะมีความรู้สึกอ่อนโยนและถนุถนอมกับผู้หญิงเช่นนี้ได้ “แม้ว่าเราจะเป็นกลุ่มลำดับที่ 2 ของอาณาจักรป่ายต้า แต่อย่างน้อยนั่นก็แสดงให้เห็นว่าอาณาจักรป่ายต้าสนับสนุนพวกเรา แล้วพวกเจ้าล่ะ? แม้จะเข้าร่วมกับอาณาจักรเฟยลี่ แต่ด้วยระดับพลังปราณของเจ้า เจ้าก็น่าจะเป็นแค่สมาชิกกลุ่มสำรองเท่านั้น ถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็ได้เป็นผู้นำกลุ่มอาณาจักรคาลิเซ แม้ว่าข้าจะเข้าสู่สนามรบไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าเจ้าที่ถูกคนอื่นควบคุม”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อยากจะโต้เถียงต่อ แต่กลับถูกโจวเหว่ยชิงรั้งไว้ “ปิงเอ๋อร์ ไปกันเถอะ” หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็พาซ่างกวนปิงเอ๋อร์และอู่หยาออกไปจากที่นั่นทันที
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านไป๋จิ่ว ดวงตาของโจวเหว่ยชิงก็หรี่ลงขณะที่เขาพูดเบาๆ ราวกระซิบ “ข้าหวังว่าพวกเราจะโชคดีตอนจับฉลากและถูกจัดให้อยู่ในสายเดียวกันกับกลุ่มอาณาจักรคาลิเซของเจ้า” แม้ว่าเขาอยากจะฆ่าคนผู้นี้ แต่เขาก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะถึงอย่างไรเวลานี้พวกเขาก็ยังอยู่ในจุดลงทะเบียนงานประลองมณีสวรรค์
“เจ้า…” ไป๋จิ่วกำลังจะโต้กลับ แต่ร่างของทั้ง 3 คนก็ได้หายลับตาไปแล้ว หลัวเซียวเย่ ผู้ติดตามที่ภักดีของเขารีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท อย่าลดตัวลงไปเถียงกับพวกเขาเลย นั่นจะส่งผลต่อแผนการอันยิ่งใหญ่ของเรานะขอรับ”
ไป๋จิ่วมองผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของเขา จากนั้นอารมณ์ของเขาก็สงบลงทันตาเห็น เขาลูบใบหน้าตนเองพลางเอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “เอาล่ะ ข้าจะปล่อยพวกมันไปก่อนก็ได้ หึ! ควรจะเป็นข้าต่างหากที่พูดว่าจะได้เจอพวกมันในงานประ ลอง!”
หลัวเซียวเย่หน้าแดงเล็กน้อย มองไปที่ไป๋จิ่วด้วยสีหน้างุนงง
เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่จตุรัสอีกครั้ง โจวเหว่ยชิงก็ปลดปล่อยลมหายใจที่อดกลั้นเอาไว้ออกมา ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ากล้ามเนื้อของเขากำลังเกร็งแน่น
โจวเหว่ยชิงเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพึมพำกับตัวเอง “งานประลองมณีสวรรค์รอบต่อไป ข้าจะนำอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราเข้าสู่เวทีนี้อย่างแน่นอน ในตอนนั้น เราจะมีเพียงเป้าหมายเดียวคือผู้ชนะอันดับ 1”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของโจวเหว่ยชิงก่อนที่พวกเขาจะไปถึงโรงเตี๊ยม เขาไม่ได้เดินเลือกซื้อขนมและอาหารตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ ทำเพียงแค่รีบร้อนกลับไปที่โรงเตี๊ยมแล้วปิดห้องฝึกปราณ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่ได้พยายามปลอบโยนเขาเช่นกัน เธอรู้ว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผู้ชายของตนได้ถูกจุดขึ้นมาแล้ว นั่นไม่ใช่เพราะองค์ชาย 9 แต่เป็นเพราะความอ่อนแอของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของพวกเขาต่างหากที่เป็นตัวกระตุ้นชั้นดี
…
พริบตาเดียว เวลา 3 วันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็ถึงเวลาที่กลุ่มของพวกเขาจะต้องออกไปจับฉลากเลือกสาย
ขณะนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก แต่เมืองจ้งเทียนก็คึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมหาศาลแล้ว ตั้งแต่คืนก่อน ประตูทางเข้าเมืองชั้นในก็เริ่มถูกควบคุมโดยทหารเนื่องจากพวกเขาต้องชะลอการหลั่งไหลเข้ามาของผู้เข้าชมจำนวนมาก งานประ ลองมณีสวรรค์นั้นเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมอยู่แล้ว แต่เพราะมีผู้อยู่อาศัยในเมืองชั้นนอกมากเกินไป หากทุกคนพยายามบุกเข้าไปในเมืองชั้นใน แน่นอนว่าย่อมไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกคน
แม้ว่าการแข่งจริงจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่พิธีจับฉลากก็ยังดึงดูดผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก ท้ายที่สุดแล้วประชาชนจำนวนมากก็ยังต้องการทราบว่าแต่ละกลุ่มจะได้แข่งกับใครบ้าง หลายคนถึงกับตั้งโต๊ะเดิมพันในงานประลองมณีสวรรค์ครั้งนี้เลยทีเดียว
ตอนนี้พระราชวังถูกปิดล้อมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พื้นที่ตั้งแต่ตัวปราสาทไปจนถึงรูปปั้นขนาดใหญ่ดูแตกต่างไปจากเดิมเป็นอย่างมาก
ด้านหน้าของพระราชวังมีการสร้างแท่นที่นั่งสูง 20 เมตรซึ่งจะใช้สำหรับรองรับผู้ชมและสามารถจุคนได้หลายร้อยคนในคราวเดียว ทว่าเห็นได้ชัดว่ามีเพียงชนชั้นสูงของอาณาจักรจ้งเทียนและแขกคนสำคัญอื่นๆ เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ขึ้นไปนั่งบนเวที
ด้านหน้าของที่นั่งของเหล่าคนสำคัญมีเวทีสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาวและกว้าง 50 เมตร สูงประมาณ 5 เมตร เมื่ออยู่บนแท่นนั่งสามารถมองเห็นบนเวทีได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่านั่นคือเวทีนั้นคือสถานที่ที่ทุกกลุ่มจะต้องขึ้นไปทำการประลองกัน
เวทีการประลองทั้งหมดถูกสร้างขึ้นโดยหินเพชรขนาดมหึมาซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแกร่งและทนทานมาก ทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายก็เพื่อป้องกันไม่ให้จ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังเผลอทำลายเวทีด้วยพลังการโจมตีของพวกเขา
นอกจากนั้น บริเวณรอบๆ เวทีการประลอง นอกจากแท่นที่นั่งของบุคคลสำคัญแล้ว อีก 3 ด้านยังล้อมรอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นมาให้กลุ่มจากอาณาจักรต่างๆ ได้เข้าพักและรับชมการประลอง
มีอาณาจักรทั้งหมด 24 แห่งลงทะเบียนเข้าร่วมงานประลองมณีสวรรค์ในปีนี้ การแข่งขันจึงแบ่งออกเป็น 4 สาย สายละ 6 กลุ่ม ดังนั้นจึง มีสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด 24 หลังตั้งล้อมเวทีเอาไว้ ในบรรดาเรือนเหล่านั้น หลังที่หันหน้าเข้าหาแท่นที่นั่งของผู้ชมกิตติมาศักดิ์และตั้งอยู่ตรงข้ามของเวทีประลองพอดีคือเรือน 4 หลังใหญ่ที่โดดเด่นสะดุดตา แน่นอนว่าเรือนเหล่านั้นมีไว้สำหรับกลุ่มตัวเต็งทั้งหลาย เห็นได้ชัดว่าฐานะและอันดับมีความสำคัญเสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
เมื่อดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นกลางท้องฟ้า กลุ่มนักรบจากอาณาจักรต่างๆ ก็ถูกตรวจสอบป้ายอนุญาตเพื่อให้สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ หน้าเรือนพักแต่ละหลังมีชื่ออาณาจักรติดอยู่ที่ประตู พวกเขาจึงสามารถเดินเข้าไปในเรือนที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ได้ทันที
สำหรับกลุ่มจากอาณาจักรเฟยหลี่ มีเพียงโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์เท่านั้นที่เข้ามายังเรือนที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ สำหรับกลุ่มอื่นๆก็เหมือนกัน มีสมาชิกเพียง 1 ถึง 2 คนเท่านั้นที่มาที่นี่ บางครั้งรูปลักษณ์และลักษณะนิสัยของจ้าวมณีสวรรค์ก็อาจเปิดเผยสิ่งที่พวกเขาถนัดออกมาได้ เนื่องจากงานประลองยังไม่เริ่มขึ้น พวกเขาจึงไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถของตัวเองเร็วเกินไป
ในระหว่างการประลองครั้งก่อน กลุ่มจากอาณาจักรเฟยหลี่ทำผลงานได้ดีเป็นอันดับที่ 5 ด้วยเหตุนี้เรือนของพวกเขาจึงตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของกลุ่มตัวเต็งทั้ง 4 และเป็นหนึ่งในเรือนพักที่ใหญ่โตรองลงมาจากเรือนทั้ง 4 หลัง
ขณะที่โจวเหว่ยชิงเดินไปยังเรือนพักของพวกเขา เขาก็หยุดอยู่ที่ประตูและมองไปยังเรือนของกลุ่มตัวเต็งทั้ง 4 อย่างสงสัย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น กลุ่มตัวเต็งทั้ง 4 ไม่ใส่ใจแม้กระทั่งส่งคนมาจับฉลากด้วยซ้ำ!
พวกเขาช่างเย่อหยิ่งจริงๆ! ในความคิดของคนเหล่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะได้อยู่ในสายการประลองไหน พวกเขาก็จะเป็นอันดับ 1 ในสายนั้นอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่อยากแม้แต่จะรับรู้ว่ากลุ่มอื่นจะได้อยู่สายไหนบ้าง แน่นอนความเย่อหยิ่งของพวกเขาก็มาจากอำนาจที่พวกเขามีเช่นกัน แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะรู้อยู่แก่ใจ แต่นั่นก็ทำให้เขามีความมุ่งมั่นขึ้นมา เขาจะไม่ยอมแพ้และจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปให้ได้!
ตัวแทนจับฉลากของอาณาจักรคาลิเซคือไป๋จิ่วและผู้ติดตามตัวน้อยของเขา เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมงานประลองก่อนหน้านี้ เรือนของพวกเขาจึงอยู่ในตำแหน่งที่ไกลที่สุด
น่าเสียดายที่ความปรารถนาของโจวเหว่ยชิงไม่เป็นจริงเพราะว่าเขาไม่ได้อยู่ในสายการประลองเดียวกันกับอาณาจักรคาลิเซ อย่างไรก็ตาม โลกก็ยังกลมจริงๆ เมื่อโจวเหว่ยชิงตรวจสอบกลุ่มผู้เข้าแข่งใน ‘สายที่ 3’ ของเขา เขาก็ตระหนักได้ว่ากลุ่มของพวกเขาอยู่สายเดียวกันกับอาณาจักรป่ายต้า! ถึงอย่างไรศัตรูก็มักจะต้องวนมาเจอกันเสมอ!
สำหรับสายที่ 3 กลุ่มตัวเต็งที่ได้รับการคัดเลือกมาจากอาณาจักรใหญ่ทางตอนใต้ของดินแดนไร้ขอบเขตอย่างอาณาจักรตันตุ้นนั้นมีหุบเขาอเวจีสีเลือด 1 ใน 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์คอยสนับสนุนอยู่ อาณาจักรตันตุ้นมีขนาดใหญ่พอๆ กับอาณาจักรเฟยหลี่ แต่ด้วยหุบเขาอเวจีสีเลือดที่คอยสนับสนุนพวกเขาอยู่เบื้องหลัง พลังโดยรวมของกลุ่มจากอาณาจักรตันตุ้นจึงแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรเฟยหลี่มาก
นอกจากกลุ่มนักรบจากอาณาจักรตันตุ้น เฟยหลี่ และป่ายต้าแล้ว อีก 3 กลุ่มในสายการประลองของพวกเขายังมาจากอาณาจักรเหมี่ยว อาณาจักรเตี่ยเซิง และอาณาจักรคาซี
อาณาจักรทั้ง 3 แห่งนี้เป็นอาณาจักรจากฝั่งตะวันออกที่ค่อนข้างเล็ก แต่แม้ว่าจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีพลังมากกว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์หรืออาณาจักรคาลิเซอยู่ดี
ทางตะวันออกของดินแดนไร้ขอบเขตมีอาณาจักรที่ทรงพลังอยู่ 2 แห่งคืออาณาจักรแอมเบอร์และอาณาจักรเจอร์รีคอนนอธ อาณาจักรใหญ่ทั้ง 2 แห่งนี้ทรงพลังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอาณาจักรแอมเบอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากหุบเขาทิศตะวันออกอย่างหุบเขาหลงใหล ภายใต้แรงกดดันของอาณาจักรทั้ง 2 นี้ อาณาจักรเล็กๆ ที่อยู่รายรอบจึงต้องจ่ายส่วยให้กับพวกเขาเพื่อเป็นค่าคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับทางฝั่งตะวันตกที่อาณาจักรป่ายต้าและอาณาจักรเฟยหลี่เป็นศัตรูกัน อาณาจักรแอมเบอร์และอาณาจักรเจอร์รีคอนนอธก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีนัก โชคดีที่พวกเขาอยู่ห่างกันมาก อาณาจักรหนึ่งอยู่สุดตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนอีกอาณาจักรอยู่สุดตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีอาณาจักรเล็กๆ อีก 17 แห่งแยกพวกเขาออกจากกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ทะเลาะรบรากันมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น อาณาจักรเล็กๆเหล่านี้ยังอยู่ใกล้กับอาณาจักรจ้งเทียนตอนกลาง นั่นจึงส่งผลให้อาณาจักรใหญ่ทั้ง 2 แห่งนี้ไม่กล้ารุกรานพวกเขาง่ายๆ แน่นอนว่านั้นทำให้ทุกอย่างยังคงสงบสุขเรียบร้อยดี
สำหรับ 7 อาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน มี 4 แห่งได้รับการสนับสนุนจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรวั่นโซ่ว อาณาจักรจ้งเทียน อาณาจักรตันตุ้นและอาณาจักรแอมเบอร์ และพวกเขาก็ยังเป็นกลุ่มตัวเต็งทั้ง 4 อีกด้วย ส่วนอีก 3 อาณาจักรทรงพลังที่เหลือนั้น อาจกล่าวได้ว่าอาณาจักรป่ายต้าและอาณาจักรเฟยหลี่ถูกจัดอยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นสายการประลองที่ 3 จึงถือว่าเป็นสายแห่งหายนะเนื่องจากรวบรวมอาณาจักรที่ทรงพลังเอาไว้ นอกจากนี้ ทั้ง 2 อาณาจักรยังเป็นศัตรูเก่ากันอีกด้วย! แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่ากลุ่มนักรบอาณาจักรเฟยหลี่ไม่มีความพร้อมมากนัก พวกเขามีเพียงโจวเหว่ยชิงที่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดเป็นหัวหน้ากลุ่มเท่านั้น
ในลำดับต่อไป พวกเขาจะต้องจับฉลากเพื่อหาคู่ต่อสู้กลุ่มแรก คราวนี้โชคของโจวเหว่ยชิงดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อยโดย เขาจับฉลากได้หนึ่งในกลุ่มที่อ่อนแอกว่า นั่นก็คือกลุ่มที่มาจากอาณาจักรเหมี่ยว
เมื่อเห็นผลเช่นนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรป่ายต้าในรอบแรกโดยที่หลินเทียนอ้าวและคนที่เหลือไม่สามารถต่อสู้ได้ เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะพวกเขาไปได้เช่นกัน ทว่าเพื่อที่จะเข้าสู่ 8 อันดับแรก นี่ก็เป็นการต่อสู้ที่สำคัญมากสำหรับพวกเขา ด้านอาณาจักรป่ายต้า พวกเขาโชคร้ายจับฉลากได้กลุ่มตัวเต็งอย่างอาณาจักรตันตุ้น
ขั้นตอนการจับฉลากทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และในตอนท้าย ขณะที่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังจะมุ่งหน้ากลับออกไป ทันใดนั้นร่างยของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็หยุดชะงักและสั่นสะท้าน ดวงตาของเธอจับจ้องและจดจ่อไปยังทิศทางหนึ่งราวกับเห็นบางสิ่งที่ทำให้เธอตกใจอย่างมาก