Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 76.2ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ (2)
โจวเหว่ยชิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหัวใจของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยังคงเต้นอย่างสับสนไม่เป็นจังหวะ แสดงให้เห็นว่าในใจของเธอวุ่นวายมากแค่ไหน
ในศาลาศาสตรามณียุทธ์ชั้นที่ 4 นั้นเงียบสงบมาก โดยปกติชั้นนี้ก็ลูกค้ามีไม่มากนักอยู่แล้ว ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่มีใครเข้ามารบกวนพวกเขา โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยืนอยู่ที่นั่นเกือบหนึ่งชั่วโมงโดยไม่เห็นว่ามีใครผ่านไปมาเลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อเวลาผ่านไป จิตใจของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็สงบลงอย่างช้าๆ เธอรู้ว่าสิ่งที่โจวเหว่ยชิงพูดนั้นถูกต้อง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อแม่ของเธอ ในฐานะลูกสาว เธอก็จะต้องพยายามช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มที่
ทันใดนั้น แสงสีขาวก็โผล่พรวดขึ้นมาจากบันไดด้านล่างสองสายราวกับสายฟ้าฟาด และทั้งสองคนก็รู้สึกถึงแสงสว่างวูบวาบเบื้องหน้าเมื่อมีร่างของคน 2 คนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน
หนึ่งในนั้นคือซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ มือของเธอจับมือของอีกคนเอาไว้ เขาเป็นผู้ชายอายุราวๆ 30 ปี สวมชุดคลุมยาวสีขาวเรียบๆ เส้นผมสีดำถูกหวีเก็บไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อย และความหล่อเหลาของเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้โจวเหว่ยชิงอิจฉาตาร้อนแล้ว ชายคนนี้ทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเคยเห็นอีกฝ่ายที่ไหนมาก่อน
ชายวัยกลางคนรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด เสื้อคลุมสีขาวของเขาดูเหมือนจะสะท้อนความรู้สึกของเขาออกมาได้เนื่องจากมันกระเพื่อมออกเป็นวงคลื่นขนาดใหญ่อยู่ตลอดเวลา โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีกลิ่นอายหรือสัญญาณของพลังที่ยิ่งใหญ่แต่อย่างใด ทว่านั่นกลับทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
“เจ้า…เจ้าคือปิงเอ๋อร์?” เสียงของชายวัยกลางคนสั่นไหวขณะที่เขาพูด และโจวเหว่ยชิงก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าริมฝีปากของเขาสั่นระริกขณะจ้องมองไปที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของโจวเหว่ยชิง ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ ราวกับว่ากำลังน้ำตากำลังเอ่อคลอและใกล้จะไหลทะลักออกมาเต็มที
ดูเหมือนซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เธอยืดตัวออกจากอ้อมกอดของโจวเหว่ยชิง จ้องมองชายวัยกลางคนอย่างว่างเปล่าขณะพูดขึ้นมาเบาๆ “ใช่…ข้า…ข้าคือซ่างกวนปิงเอ๋อร์”
“ปิงเอ๋อร์ ปิงเอ๋อร์ ลูกของข้า!” ชายวัยกลางคนรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันและโอบกอดซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขนขณะที่น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม
ทันทีที่เขาเริ่มร้องไห้ โจวเหว่ยชิงก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าบรรยากาศในบริเวณนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความกลิ่นอายแห่งความเศร้าโศก ราวกับว่ามีคนหลายพันคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ด้วยความหม่นหมองทุกข์ใจ ร่างกายของเขาเองก็รู้สึกราวกับว่าได้รับผลกระทบจากบรรยากาศนั้น มันปั่นป่วนอารมณ์ของเขาและเกือบจะทึ้งร่างของเขาให้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
นั่นคือพลังประเภทไหนกันแน่? นั่นยังอยู่ในขอบเขตความเป็นไปได้ของมนุษย์อยู่หรือ? โจวเหว่ยชิงจับจ้องไปที่ชายวัยกลางคนผู้นั้น ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ว่าเจ้าแมวอ้วนกำลังเบียดเข้ามาในอ้อมกอดของเขาราวกับพยายามซ่อนตัว เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเจ้าตัวน้อยกำลังหวาดกลัวมากเช่นกัน
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังชายคนนั้นก็ร้องไห้ออกมาในลักษณะเดียวกัน ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำดุจเลือด
“ปะ…ปล่อยข้าก่อน” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ประท้วงเบาๆ ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกกอดโดยชายอีกคนซึ่งก็คือโจวเหว่ยชิง และเธอก็ไม่คุ้นเคยกับการอยู่ในอ้อมกอดของคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก
ชายวัยกลางคนตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนขณะที่มองไปที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อย่างตื่นเต้น “ปิงเอ๋อร์ ข้าเป็นพ่อของเจ้า ข้าเป็นพ่อของเจ้า! แม่ของเจ้าเคยบอกเจ้าไหมว่าพ่อของเจ้าชื่อซ่างกวนเทียนเยว่ ข้าเองที่ผิด เป็นความผิดของข้าทั้งหมด หลายปีก่อนข้าทิ้งแม่ของเจ้าไป! เร็วเข้า บอกข้าว่าแม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน? ข้าตามหาเจ้าทั้งคู่มานานถึง 19 ปีเต็มแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนเทียนเยว่ โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าเขาจึงดูคุ้นเคยนัก รูปลักษณ์ของเขาคล้ายกับจักรพรรดิอาณาจักรจ้งเทียน ซ่างกวนเทียนซินนั่นเอง! ไม่ อาจกล่าวได้ว่าเกือบจะเหมือนกันทุกประการเลยด้วยซ้ำ! เพียงแต่ในวันนั้นพวกเขาอยู่ไกลจากแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูงมากเกินไป และซ่างกวนเทียนซินก็สวมชุดคลุมมังกรซึ่งดูแตกต่างจากที่ซ่างกวนเทียนเยว่สวมในตอนนี้ เขาจึงจำอีกฝ่ายไม่ได้ในทันที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซ่างกวนเทียนเยว่และซ่างกวนเทียนซินคนนี้ต้องเกี่ยวข้องกัน หรืออาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้…นั่นหมายความว่าปิงเอ๋อร์ของข้าเป็นเจ้าหญิงจริงๆ หรือ? และยังเป็น…เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรจ้งเทียน!?
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวและเอนตัวไปหาโจวเหว่ยชิงขณะที่เธอจ้องมองไปที่ซ่างกวนเทียนเยว่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่านี่คือพ่อของเธอจริงๆ แต่เธอกลับไม่สามารถเอ่ยคำว่า ‘พ่อ’ ออกมาได้
ซ่างกวนเทียนเยว่ไม่สนใจโจวเหว่ยชิง เขาเพิกเฉยต่อเด็กหนุ่มราวกับว่าเป็นอากาศธาตุ ไม่นานก็เอ่ยถามอย่างรีบร้อน “ปิงเอ๋อร์ ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว แม่เจ้าเป็นยังไงบ้าง? นางมาด้วยหรือไม่? นางยอมให้อภัยข้าหรือยัง?”
ในขณะนั้นมีคนหลายสิบคนวิ่งขึ้นและลงบันไดมาหาพวกเขา ก่อนจะคุกเข่าคำนับจากระยะไกลๆและกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “คำนับท่านรองจ้าววัง” ในบรรดาคนเหล่านั้นมีผู้ดูแลระดับชั้นแรกที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้อย่างอู๋เหวินเจี๋ยอยู่ด้วย
ซ่างกวนเทียนเยว่ขมวดคิ้วหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวน “ลุกขึ้น ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าช่วยเหลือ ไปทำงานต่อเถิด”
กลุ่มผู้ทรงพลังจำนวนมากกว่าสิบซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ดูแลในแต่ละชั้นของศาลาศาสตรามณียุทธ์พลันหายตัวไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
ซ่างกวนเทียนเยว่สูดหายใจเข้าลึก บังคับให้ตัวเองสงบลงขณะที่เขาหันกลับไปหาซ่างกวนปิงเอ๋อร์ซึ่งยังคงจ้องมองเขาอย่างสับสนขณะที่ร้องไห้ออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ปิงเอ๋อร์ นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับพูดคุยกัน กลับบ้านกับพ่อดีหรือไม่? พวกเราจะได้พุดคุยกันเมื่อถึงบ้าน ตกลงไหม?”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้น เขาก็ยกมือขึ้นเพื่อดึงซ่างกวนปิงเอ๋อร์เข้าหาตัวเอง แต่เธอก็เหมือนนกน้อยที่กำลังเสียขวัญตกใจ ในพริบตาเดียวเธอก็เคลื่อนตัวไปหลบอยู่ข้างหลังโจวเหว่ยชิงทันที
“ผู้อาวุโส ได้โปรดใจเย็นๆ ก่อน อย่าทำให้ปิงเอ๋อร์ตกใจเลย” โจวเหว่ยชิงรีบขยับไปบังซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลังเอาไว้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าระดับพลังปราณของตนห่างชั้นจากพ่อตาจนน่าอนาถใจ แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดปกป้องซ่างกวนปิงเอ๋อร์เอาไว้ ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะกลัวความตาย แต่หากผู้หญิงของเขาตกอยู่ในอันตราย เขาก็จะไม่ลังเลที่จะปกป้องเธอแน่นอน
“เจ้าเป็นใคร?” เมื่อซ่างกวนเทียนเยว่เห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ตรงหน้ากับลูกสาวของเขา น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นทันที
โจวเหว่ยชิงยิ้มจางๆ และพูดว่า “ผู้อาวุโส ข้าเป็นคู่หมั้นของปิงเอ๋อร์”
“คู่หมั้น?” เสียงของซ่างกวนเทียนเยว่ดังขึ้นลั่นห้องในขณะที่เขาจ้องมองโจวเหว่ยชิงคล้ายจะกินเลือดกินเนื้อ จากนั้นเขาก็ต่อว่าอย่างหยาบคาย “เจ้า? จ้าวมณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นสูงสุดที่เพิ่งจะทะลวงระดับที่ 13 มาได้อย่างเลือดตาแทบกระเด็น? เจ้านะรึ? ที่จะเป็นคู่หมั้นของลูกสาวข้า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา โจวเหว่ยชิงก็ตกตะลึงไปในทันที ตัวเขายังไม่ได้ใช้พลังปราณสวรรค์ใดๆ ด้วยซ้ำ ทว่าด้วยการใช้สายตามองเพียงปราดเดียว ซ่างกวนเทียนเยว่ก็สามารถบอกระดับพลังปราณของเขาได้อย่างแม่นยำแล้ว
“ผู้อาวุโส ระดับพลังปราณของข้าไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกระหว่างซ่างกวนปิงเอ๋อร์กับข้า” โจวเหว่ยชิงเอ่ยตอบด้วยประโยคเรียบง่าย ไม่พยายามพูดอวดตนเพื่อประจบเอาใจอีกฝ่าย
ซ่างกวนเทียนเยว่กล่าวอย่างเย็นชา “จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร? หากจะเป็นลูกเขยของข้า ซ่างกวนเทียนเยว่ผู้นี้ คนผู้นั้นจะต้องเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ นกฟีนิกซ์ในหมู่ปักษา แล้วตัวเจ้าล่ะเป็นอะไร? รูปไม่งาม พลังก็ยังอ่อนด้อย ทว่ากลับต้องการที่จะแต่งเข้าวังสวรรค์ไพศาลของข้า!”
ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงเยือกเย็นขึ้นมาทันที หากใครก็ตามดูถูกหรือสบประมาทเขา เมื่อเขามีพลังมากพอเมื่อไหร่ เขาก็จะต้องทิ้งประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนให้แก่คนที่ดูถูกเขาไว้อย่างแน่นอน และหากพลังของเขายังไม่เพียงพอ เขาก็จะอดกลั้นและจดจำสิ่งนั้นไว้เพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นในอนาคต อย่างไรก็ตาม บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้คือบิดาของ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ พ่อตาในอนาคตของเขา ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดว่าเขาจะได้อยู่กับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ในอนาคตหรือไม่ นอกจากนี้ เขายังกล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าซ่างกวนปิงเอ๋อร์; เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าหนูน้อยที่รักของเราจึงไม่อาจยับยั้งชั่งใจไม่ให้โต้กลับได้
“ผู้อาวุโส ท่านพูดถูก ข้ารูปไม่งาม อีกพลังระดับพลังปราณก็ต่ำต้อย ในสายตาของท่าน ข้าย่อมเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากแมลงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข้ารักปิงเอ๋อร์ และเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อนาง นอกจากนี้ ปิงเอ๋อร์ก็ตกเป็นของข้าแล้ว พวกเราได้ทำเรื่องสนิทสนมกันไปแล้ว ดังนั้นท่านจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้ ท่านช่างเป็นคนที่ดื้อรั้นและหยิ่งผยองจริงๆ ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านป้าถังเซียนถึงทิ้งท่านไป”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ซ่างกวนเทียนเยว่พูดขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว
โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกบีบรัด ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คอของเขาอยู่ในมือของซ่างกวนเทียนเยว่แล้ว เขาหายใจไม่ออก ราวกับว่าไม่อาจเชื่อมต่อกับพลังปราณสวรรค์ของตัวเองและไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้เลย
ซ่างกวนเทียนเยว่ยกโจวเหว่ยชิงขึ้นด้วยมือเดียวในขณะที่เขามองไปที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าเธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อีกต่อไป
“ปล่อย! ปล่อยเขานะ!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รีบร้อนพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อคว้าแขนของ ซ่างกวนเทียนเยว่เอาไว้อย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาของเขาฉายแววลึกล้ำก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม “ปิงเอ๋อร์ ตามข้ากลับบ้าน แล้วข้าจะปล่อยเขาไป ไม่อย่างนั้น ข้าจะฆ่าเขาซะ”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ข้าจะตามท่านกลับบ้าน เร็วสิ ปล่อยเขาลง!”
ซ่างกวนเทียนเยว่เหวี่ยงมือขวาออกไป จากนั้นร่างของโจวเหว่ยชิงลอยออกไปและร่อนลงตรงจุดที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ ราวกับว่าเขาไม่เคยขยับออกจากที่ตรงนั้นมาก่อน
ซ่างกวนเทียนเยว่ดึงซ่างกวนปิงเอ๋อร์เข้าหาตัวขณะที่เขาจ้องมองโจวเหว่ยชิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “แม้ว่าเจ้าจะขโมยความบริสุทธิ์ของลูกสาวข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะกลายเป็นลูกเขยของข้าได้” หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็ไม่อนุญาตให้ทั้งสองพูดอะไรกันอีก ไม่นานก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นปกคลุมร่างของเขาและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์มองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสายตาเกลียดชัง ก่อนที่เธอจะไล่ตามซ่างกวนเทียนเยว่ออกไปอีกคน โจวเหว่ยชิงจึงถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้อง เขาพลันล้มตัวลงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
ในช่วงเวลาต่อมา ซ่างกวนเทียนเยว่ก็ไปปรากฏตัวนอกศาลาศาสตรามณียุทธ์ ดวงตาที่งดงามของซ่างกวนปิง เอ๋อร์เต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ทำไมท่านถึงปฏิบัติต่ออ้วนน้อยเช่นนั้น? ในชีวิตนี้ ข้าจะรักอ้วนน้อยเพียงคนเดียวเท่า นั้น!”