Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 83.2 ท้าทายกลุ่มตัวเต็ง (2)
อู่หยาอดไม่ได้ที่จะบีบแขนของโจวเหว่ยชิงก่อนจะพูดอย่างสงสัย “ เหว่ยชิง…เจ้าเป็นมนุษย์จริงๆ หรือ? เป็นไปได้ไหมว่า…เจ้าคือสมาชิกที่หายตัวไปของเผ่าอีกาทอง?”
หลังจากแข่งขันกับอู่หยาเสร็จ โจวเหว่ยชิงก็หยิบถ้วยน้ำขึ้นมาดื่ม เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพ่นน้ำออกมาเต็มปาก
“ใครคือสมาชิกเผ่าที่หายตัวไปของเจ้ากันหา!? นั่นเป็นเพราะครั้งนี้ข้าทุ่มเทอย่างหนักในระหว่างการปิดประตูฝึกปราณต่างหาก!”
อู่หยาแค่นเสียงอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “น่า…อย่าพูดแบบนั้นหน่อยเลย ไม่ว่าเจ้าจะฝึกหนักแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปแล้วด้วยซ้ำ…เจ้าต้องมีความลับซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ!”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “หึๆ…เจ้าก็รู้นี่ว่ามันเป็นความลับ เช่นนั้นก็ไม่ควรมาถามข้าอีกสิ เอาล่ะ พอแค่นี้เถอะ ข้าอยากกลับไปฝึกต่อแล้ว อู่หยา เจ้าก็ลืมๆ มันไปซะ จะไล่ตามความแข็งแกร่งของข้าน่ะไม่ง่ายหรอกนะ!”
อู่หยาซัดหมัดใส่เขาพลางพูดว่า “อย่ามาอวดดีหน่อยเลย! สมาชิกเผ่าอีกาทองของเรายังสามารถแข็งแกร่งได้อีกเมื่ออายุมากขึ้น ไม่นานหรอก คอยดูเถอะ ข้าไล่ตามเจ้าทันแน่!”
…
ไม่ช้าช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนหย่อนใจทั้ง 3 วันก็สิ้นสุดลง และการต่อสู้ครั้งต่อไปก็เริ่มขึ้นในที่สุด บางทีอาจเป็นเพราะความป่าเถื่อนของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ในรอบที่แล้ว คู่ต่อสู้ในรอบที่ 4 ของพวกเขาจึงต่อสู้พอเป็นพิธีก่อนจะยอมแพ้ไป ทำให้กลุ่มเฟยหลี่คว้าชัยชนะมาได้อย่างง่ายดาย เป็นอีกครั้งที่มีเพียงโจวเหว่ยชิงและอู่หยาเท่านั้นที่ออกไปต่อสู้ โดยแต่ละคนได้รับชัยชนะในการต่อสู้แบบเดี่ยว จากนั้นก็คว้าชัยชนะในรอบการแข่งแบบคู่มาได้อย่างง่ายดาย
ในการต่อสู้รอบที่ 4 เมื่อสมาชิกกลุ่มนักรบเค่อโอวมองเห็นอู่หยาและโจวเหว่ยชิง พวกเขาก็นึกถึงฉากนองเลือดของกลุ่มนักรบป่ายต้าและสภาพศพที่น่าสยดสยองเหล่านั้นขึ้นมาทันที เดิมทีพวกเขาก็อ่อนแอกว่าทั้งสองคนอยู่แล้ว เมื่อรวมกับความหวาดกลัวในใจ พวกเขาจะมีโอกาสเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มนักรบเฟยหลี่จึงคว้าชัยชนะในการแข่งขันทั้ง 4 ครั้งไปได้ และการแข่งขันที่เหลืออยู่เพียงนัดเดียวก็คือการประลองกับกลุ่มตัวเต็งอย่างอาณาจักรตันตุ้น แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเสียท่าให้กับกลุ่มนักรบตันตุ้นในรอบสุดท้าย พวกเขาก็ยังมั่นใจได้ว่าจะเข้าไปถึงรอบ 8 อันดับแรกแน่นอน
…
หลังจากการต่อสู้ในนัดที่ 4 ผ่านไปอย่างรวดเร็ว โจวเหว่ยชิงก็ยังคงฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งเช่นเดิม เขาได้เสร็จสิ้นการฝึกอัดทักษะธาตุมืดก่อนที่เขาจะวิวัฒน์พลังสำเร็จ และเข้าต่อสู้ในรอบที่ 4 ทว่าน่าเสียดาย เนื่องจากทักษะนี้มีระยะใช้งานยาวนานกว่าทักษะอื่นๆ และยังส่งผลกระทบต่อพลังจิตวิญญาณอย่างรุนแรง เขาจึงไม่สามารถฝึกอัดทักษะได้ครบ 3,000 ครั้งตามที่วางแผนไว้ แต่ถึงกระนั้น การควบคุมของเขาก็ดีขึ้นและยังเข้าใจความลึกลับของทักษะได้แล้ว
สำหรับเวลาว่าง 3 วันหลังจากผ่านการต่อสู้รอบที่ 4 โจวเหว่ยชิงเลือกทักษะที่มีประโยชน์ที่สุดอีกชนิดหนึ่งของเขาออกมามาฝึก ในขณะเดียวกัน เขาก็กัดฟันผ่านความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่จากการทะลวงจุดตายจุดถัดไป หรือก็คือจุดตายจุดแรกบริเวณช่องอก (จุดตายตันจง) ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเข้าสู่วิชาส่วนที่ 3 ของวิชาเทพอมตะได้สำเร็จแล้ว
วิชาเทพอมตะทั้งหมดมี 4 ส่วนหลัก และโจวเหว่ยชิงก็ได้ทะลวง 13 จุดตายที่ปรากฎอยู่ใน 2 ส่วนแรกสำเร็จแล้ว สำหรับวิชา 2 ส่วนสุดท้ายคือจุดตายบริเวณหน้าอกและบริเวณศีรษะถึงลำคอตามลำดับ รวมทั้งหมดอีก 23 จุดตาย วิชาส่วนที่ 3 เป็นจุดตายบริเวณหน้าอก 14 จุดซึ่งเป็นส่วนที่มีจุดตายกระจายตัวอยู่มากที่สุด ดังนั้นส่วนที่ 3 นี้ จึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในวิชาเทพอมตะทั้งหมด
เมื่อทะลวงจุดตายตันจงมาได้ โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักว่าความเจ็บปวดนั้นลดน้อยลงกว่าเดิมมาก อาจเป็นเพราะร่างกายของเขามีการวิวัฒน์พลังขึ้นร่วมด้วย ดังนั้นเขาจึงสามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ดีขึ้น แม้จะไม่มีปิงเอ๋อร์คอยช่วยเหลือ เขาก็ยังกัดฟันผ่านขั้นตอนนี้ไปได้สำเร็จโดยไม่คลุ้มคลั่งไปเสียก่อน กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่นกว่าครั้งก่อนๆ และในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง เขาก็สามารถทะลวงผ่านเข้าสู่วิชาส่วนต่อไปได้สำเร็จ
ในที่สุดพลังปราณของโจวเหว่ยชิงก็มาถึงระดับที่ 14 หรือขั้นทะลวงพิภพส่วนที่ 2 แล้ว เป็นอีกครั้งที่โจวเหว่ยชิงได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นเพื่อไปให้ถึงมณีดวงที่ 4 ของเขา
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็ยังตระหนักถึงปัญหาได้ประการหนึ่งเช่นกัน แม้ว่าปริมาณปราณสวรรค์ทั้งหมดของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากทะลวงผ่านจุดตาย แต่อัตราการฟื้นตัวและความเร็วในการฝึกปราณของเขาก็ไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นไปด้วย หรืออาจเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่อาจสังเกตเห็น ดูเหมือนว่าวิชาส่วนที่ 3 จะแตกต่างจากส่วนก่อนหน้านี้มาก หากต้องการให้อัตราการฟื้นตัวของเขาพัฒนาเร็วขึ้น เขาจะต้องทะลวงจุดตายให้สำเร็จในส่วนนั้นทั้งหมดเพื่อสร้างสะพานเชื่อมต่อคอยหมุนเวียนพลังระหว่างจุดตายทั้งหลาย
…
เวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เขาก็มาถึงรอบสุดท้ายในการประลองรอบอุ่นเครื่องเบื้องต้นแล้ว หลังจากรอบนี้ ผู้ที่ได้ 8 อันดับแรกจะได้พักผ่อนเป็นเวลา 5 วันก่อนที่การประลองรอบก่อนรองชนะเลิศจะเริ่มขึ้น เมื่อ 4 อันดับแรกได้รับการคัดเลือกจากรอบก่อนรองชนะเลิศแล้ว รอบรองชนะเลิศก็จะจัดขึ้นที่เกาะมณีสวรรค์โดยที่ 4 อันดับแรกจะได้รับเกียรติให้ขึ้นไปต่อสู้กันข้างบนนั้น และแน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นบนนั้นก็มีเพียง 4 อันดับแรกเท่านั้นที่จะได้รู้
เมื่องานประลองดำเนินมาถึงจุดนี้ 8 อันดับแรกก็ได้ถูกกำหนดตัวไว้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว แน่นอนว่ากลุ่มตัวเต็งทั้ง 4 ซึ่งไม่ได้ลงต่อสู้แม้แต่นัดเดียวย่อมได้เข้าไปนั่งใน 8 อันดับแรกอย่างไร้ข้อกังขา สำหรับกลุ่มที่เหลือนั้น มี 2 กลุ่มที่ได้ต่อสู้และคว้าที่นั่งในรอบ 8 อันดับแรกไปได้เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือกลุ่มนักรบเฟยหลี่จากสายที่ 3 ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มนักรบคาลิเซที่ไม่ค่อยมีใครได้ยินเกี่ยวกับพวกเขามาก่อน
สถานการณ์ของกลุ่มนักรบคาลิเซนั้นคล้ายคลึงกับกลุ่มนักรบเฟยหลี่ โดยคู่ต่อสู้ในรอบสุดท้ายของพวกเขาก็เป็นกลุ่มตัวเต็งจากสายของพวกเขาเช่นกัน ในรอบก่อนหน้านี้พวกเขาได้คว้าชัยชนะมาถึง 4 ครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงมีที่นั่งใน 8 อันดับแรกแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ทุกคนคาดคิด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้อันดับ 2 ในสาย กลุ่มคาลิเซน่าจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มที่ได้อันดับ 1 ในสายที่ 3 ของกลุ่มเฟยหลี่ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มตัวเต็ง นั้นคือกลุ่มนักรบอาณาจักรตันตุ้น
ในรอบสุดท้ายของการแข่งขันรอบอุ่นเครื่อง สิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็ยังคงเป็นหอพนันต่างๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายสำหรับประชาชนและผู้ชมในการโกยเงินเข้าประเป๋า แต่คนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดย่อมเป็นอาณาจักรจ้งเทียนเอง งานประลองมณีสวรรค์ในปีนี้ทำให้อาณาจักรมีรายได้มหาศาลจากการจัดการพนัน
สมาชิกทั้ง 7 ของกลุ่มนักรบเฟยหลี่มาถึงจตุรัสจ้งเทียนก่อนเวลา เช่นเดียวกับรอบก่อนหน้านี้ พวกเขาไปขึ้นเงินที่ได้จากการคว้าชัยชนะในครั้งก่อน พวกเขาทั้งหมดได้รับเงินจากการวางเดิมพันในรอบที่ประลองกับอาณาจักรป่ายต้าเป็นจำนวนมาก ทว่าในรอบถัดมา อัตราต่อรองของพวกเขากับกลุ่มนักรบเค่อโอวนั้นลดลงอย่างมาก และพวกเขาก็แทบจะไม่ได้รับอะไรจากการเดิมพันครั้งก่อนหน้าเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านการต่อสู้ทั้ง 4 รอบ กระเป๋าของโจวเหว่ยชิงก็ถูกเติมจนมีเงินถึง 1,000,000 เหรียญทอง ทว่าคนที่ร่ำรวยที่สุดกลับยังคงเป็นเย่เป่าเปา เขาสามารถสะสมเหรียญทองได้ถึง 1,300,000 เหรียญ!
ในขณะที่พนักงานหอพนันส่งบัตรเก็บเหรียญทองให้พวกเขา อีกฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาและพูดขึ้นมาอย่างติดตลกว่า “ปีนี้พวกท่านทำเงินได้มากจริงๆ! วันนี้ยังจะพนันต่อไหม? หากพวกท่านเลือกที่จะต่อสู้ก็มีโอกาสที่จะชนะรางวัลใหญ่! อัตราต่อรอง 1 ต่อ 100 เชียวนะ ฮ่าๆ!”
แน่นอนว่าคำพูดของเขาฟังดูเป็นเรื่องน่าขบขันเสียมากกว่า บางทีอาจจะเป็นประโยคที่พูดออกมาลอยๆอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจ เพราะคู่ต่อสู้ของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ในวันนี้คือกลุ่มตัวเต็ง นั่นก็คือกลุ่มนักรบตันตุ้น แน่นอนว่ากลุ่มตัวเต็งทั้ง 4 จะไม่มีวันแสร้งยอมแพ้เพื่อรับเงินทอง เพราะนั่นไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจและการรักษาหน้าของพวกเขาเท่านั้น สิ่งสำคัญคือมันยังเกี่ยวข้องกับโอกาสที่จะได้เข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
แน่นอนว่านั่นเป็นสาเหตุที่อาณาจักรจ้งเทียนกล้าที่จะกำหนดอัตราต่อรองที่บ้าคลั่งอย่าง 1 ต่อ 100 เช่นนี้ ทั้งหมดก็เพื่อล่อลวงให้ผู้อื่นวางเดิมพัน มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง และเป้าหมายของพวกเขาในการแข่งขันก็คือการเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ สำหรับพวกเขา การพ่ายแพ้ให้กับกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะนำมาซึ่งความอัปยศเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินมุกตลกของพนักงานหอพนัน โจวเหว่ยชิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายก็กระแทกบัตรเก็บเหรียญทองของเขาลงที่โต๊ะ โปรยยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ พี่ชาย ข้าจะเดิมพันทุกอย่างที่ข้ามีไว้กับพลังของพวกเรา ชัยชนะจะเป็นของกลุ่มนักรบเฟยหลี่”
พนักงานคนนั้นถึงกับผงะถอยหลัง จ้องมองโจวเหว่ยชิงอย่างงุนงงครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติขึ้นมา ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ พลางพูดว่า “อย่าล้อข้าเล่นเลย รีบเก็บไปเร็วๆเถอะ นั่นคือเงิน 1,000,000 เหรียญทองเชียวนะ!”
โจวเหว่ยชิงพูดอย่างจริงจัง “ใครล้อเจ้าเล่นกัน? ข้าพนันว่าวันนี้พวกเราจะชนะจริงๆ เพราะพวกเรากำลังจะออกไปต่อสู้ สิ่งที่เจ้าพูดนั้นถูกต้อง อัตราการต่อรอง 1 ต่อ 100 นั้นน่าดึงดูดใจมาก ถึงอย่างไรชะตากรรมของเราก็อยู่ในมือของเราเอง ข้าจะไม่เดิมพันข้างตัวเองได้อย่างไร?”
พนักงานคนนั้นถึงกับซวนเซถอยหลัง เขาพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจ “ท่าน…ท่านหมายถึง…วันนี้ท่านจะสู้กับกลุ่มตัวเต็งจริงๆหรือ?” ส่วนใหญ่แทบทุกกลุ่มจะไม่อยากต่อสู้กับกลุ่มตัวเต็งก่อนถึง 8 อันดับแรก เพราะไม่มีใครอยากจะแบกรับความสูญเสียมากเกินไปก่อนเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่ พวกเราจริงจัง โปรดลงทะเบียนให้พวกเราด้วย”
เย่เป่าเปาที่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิงพูดอย่างลังเล “เหว่ยชิง เจ้าไม่จำเป็นต้องวางเงินเดิมพันมากนัก โอกาสของเราไม่สูงขนาดนั้น”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากและกล่าวว่า “อย่าให้ความกลัวมาขัดขวางพวกเราเลยน่า; ยิ่งเรากล้ามากเท่าไหร่ ผลตอบแทนก็จะมากขึ้นเท่านั้น ถ้าข้าชนะ เงินล้านเหรียญทองของข้าจะกลายเป็นหนึ่งร้อยล้านเหรียญทอง ฮ่าๆๆๆ ข้าสงสัยว่าอาณาจักรจ้งเทียนจะรู้สึกปวดใจไหมถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ! เอาล่ะ พวกเจ้าจะลงพนันไหม?”
เย่เป่าเปาส่ายหัวและพูดว่า “คราวนี้ข้าได้มามากพอแล้วจึงไม่อยากเสียเงินไปทั้งหมด…คนที่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีคือคนที่มีความสุข…ข้าจะร่วมเดิมพันกับเจ้าด้วยเงิน 10,000 เหรียญทองเพื่อความสนุกสนานก็แล้วกัน”
คนอื่นๆ ที่เหลือต่างวางเดิมพันแบบเดียวกันกับเย่เป่าเปา โดยแต่ละคนวางเดิมพัน 10,000 เหรียญทองข้างกลุ่มของตัวเอง คนที่เป็นข้อยกเว้นเดียวคืออู่หยา เธอเป็นคนที่ยากจนที่สุดในกลุ่ม และแม้จะชนะใน 4 รอบที่ผ่านมา เธอก็ยังมีเงินสะสมเพียง 30,000 เหรียญทองเท่านั้น ทว่าเธอกลับเลือกวางเงินเดิมพันทั้งหมดข้างกลุ่มของพวกเขาอย่างไม่ลังเล
ขี้เมาเป่าหัวเราะและพูดว่า “น้องอู่หยา ทำไมเจ้าถึงบ้าจี้ตามเหว่ยชิง เจ้าเสียสติไปแล้วเรอะ? เงินทองนั้นหายากสำหรับพวกเรา ไม่เหมือนสหายที่เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนนั้นเสียหน่อย!”
อู่หยาส่ายหัว ยิ้มแย้มขณะที่เธอกล่าวว่า “ข้าเชื่อมั่นในเหว่ยชิงและสายตาของตัวเอง ถ้าเราไม่หลังชนกำแพง ทุบหม้อข้าวและจมเรือ เราจะชนะได้อย่างไร? พวกเราต้องชนะแน่!”
พนักงานหอพนันจ้องมองสมาชิกในกลุ่มทั้งหมดราวกับพวกเขาเป็นคนบ้าหรือคนโง่เง่า แม้ว่าพวกเขาจะลงทะเบียนเสร็จและจากไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงสับสนราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาได้ยอมรับการเดิมพันไปแล้ว และนั่นก็เป็นเรื่องจริง
สำหรับงานประลองรอบอุ่นเครื่องนัดสุดท้าย กลุ่มนักรบเฟยหลี่ได้พยายามอย่างหนักและตัดสินใจที่จะต่อสู้กับกลุ่มนักรบตันตุ้น
นี่เป็นคำพูดที่โจวเหว่ยชิงใช้ปลุกใจเพื่อนร่วมกลุ่มเมื่ออธิบายแผนของเขาก่อนการต่อสู้กับกลุ่มนักรบป่ายต้า
ในเวลานั้นโจวเหว่ยชิงได้บอกกับคนในกลุ่มว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่กลุ่มนักรบป่ายต้า แต่เป็นกลุ่มนักรบตันตุ้น! เขาให้เหตุผลที่เรียบง่าย แต่กลับน่าดึงดูดใจมาก ก่อนอื่นคือทุกคนเคยชินกับการขอยอมแพ้หากพบกับกลุ่มตัวเต็งในรอบอุ่นเครื่องเบื้องต้น ดังนั้นกลุ่มนักรบตันตุ้นจึงไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขามากนักและจับตาดูกลุ่มอื่นเพื่อวิเคราะห์คู่ต่อสู้ที่เป็นไปได้ใน 8 อันดับแรกแทน และแน่นอนว่าเป้าหมายหลักของพวกเขาก็ยังคงเป็นกลุ่มตัวเต็งอีก 3 กลุ่มที่เหลือ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลุ่มนักรบตันตุ้นย่อมไม่คาดหวังว่าตัวเองจะถูกท้าสู้โดยกลุ่มนักรบเฟยหลี่ และพวกเขาก็อาจประมาทได้ ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้กลุ่มนักรบตันตุ้นในตอนนี้จึงมีโอกาสมากกว่ากลุ่มตัวเต็งอื่นๆ ที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกเขาต้องต่อสู้กับกลุ่มนักรบเฟยหลี่ ถึงอย่างไรกลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็ได้เข้าสู่รอบ 8 อันดับแรกแล้ว และพวกเขาก็ไม่เสียหายอะไรหากต้องต่อสู้กับกลุ่มนักรบตันตุ้นในตอนนี้
ที่สำคัญกว่านั้น ในบรรดา 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นอกเหนือจากนิกายปีศาจสวรรค์แล้ว หุบเขาอเวจีสีเลือดก็ยังถือว่าอ่อนแอที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ 2 กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างกลุ่มนักรบวั่นโซ่วและอาณาจักรจ้งเทียนที่มีโอกาสเอาชนะได้น้อยมาก!
………………………………………………….