Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 89 พิษ 3 ธาตุ (1)
กลุ่มนักรบเฟยหลี่และอาณาจักรตันตุ้นเผชิญหน้ากันที่ประตูทางเข้า ทั้งสองฝ่ายจ้องหน้ากันและกันอย่างตาเขม็ง เวลานี้เห็นได้ชัดว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ไม่หวาดกลัวคู่ต่อสู้อีกต่อไป
ถึงอย่างไรสมาชิก 2 อันดับแรกของกลุ่มนักรบตันตุ้นก็ไม่อาจใช้พลังได้เหมือนเคยแล้ว หรือจะกล่าวว่าอีกคนไม่อาจใช้พลังได้อีกต่อไปเพราะเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ ส่วนคนที่เหลือก็อยู่ในระดับมณี 5 ชุดเท่านั้น สำหรับกลุ่มนักรบเฟยหลี่ที่มีหลินเทียนอ้าวเป็นผู้นำ ทั้งเซียวเอี๋ยนและขี้เมาเป่าที่ยังไม่ได้ขึ้นเวทีก็มีมณี 5 ชุดเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มของพวกเขาก็ยังมีอู่หยาที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุดอยู่ด้วย หากการต่อสู้เกิดขึ้นจริง พวกเขาย่อมไม่ใช่กลุ่มคนที่เอาชนะได้ง่ายๆ แน่นอน
ซ่างกวนหลงหยินกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ช้าก่อน เจ้าไม่ต้องกังวลไป พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อก่อปัญหา”
ซ่างกวนหลงหยินคือใครน่ะหรือ? เขาคือหัวหน้าวังกักเก็บทักษะในอาณาจักรจ้งเทียน อาจกล่าวได้ว่าเขาอยู่เหนือใต้หล้ายกเว้นชายคนหนึ่ง การที่เขาพูดเช่นนี้ย่อมรับประกันได้ว่าการต่อสู้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
มาถึงจุดนี้ สมาชิกในกลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็ตระหนักได้ว่ากลุ่มนักรบตันตุ้นต่างมีสีหน้าแปลกประหลาด อีกทั้งปีศาจน้อยเซินที่ถูกพวกเขาอุ้มอยู่ก็กำลังสั่นเทาอย่างรุนแรง
หลินเทียนอ้าวโค้งคำนับให้ซ่างกวนหลงหยินและกล่าวว่า “คาราวะผู้อาวุโสซ่างกวน หากท่านบอกว่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อก่อปัญหา เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเหตุใดพวกท่านถึงมาที่นี่?”
ทั้งสองฝ่ายเพิ่งจะผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดและสมาชิกคนหนึ่งของอีกฝ่ายก็ถูกพวกเขาสังหารไปแล้วด้วยซ้ำ หากกลุ่มนักรบตันตุ้นมาที่นี่เพื่อขอไกล่เกลี่ย ร้อยทั้งร้อยก็ย่อมไม่มีใครเชื่อแน่
ซ่างกวนหลงหยินเบนสายตาไปที่ปีศาจน้อยเซินก่อนที่จะพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าได้ตรวจสอบร่างกายของปีศาจน้อยเซินแล้ว แต่ข้าไม่อาจบอกได้ว่าทักษะใดที่โจวเหว่ยชิงใช้กับนาง”
ทันทีที่ซ่างกวนหลงหยินพูดเช่นนั้น กลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็เผยแววตาตกตะลึงออกมา
ใครคือซ่างกวนหลงหยินน่ะหรือ? นอกเหนือจากพลังระดับราชาของเขาแล้ว เขายังเป็นหัวหน้าวังกักเก็บทักษะอาณาจักรจ้งเทียนและอาจกล่าวได้ว่ามีความเชี่ยวชาญในด้านทักษะกักเก็บอย่างถึงที่สุด แต่แม้จะเป็นเขาก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าทักษะที่โจวเหว่ยชิงใช้คืออะไร นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก! ในเวลานั้นทุกคนจึงมีคำถามเดียวกันเกิดขึ้นในใจ ทักษะสุดท้ายที่โจวเหว่ยชิงใช้คืออะไรกันแน่?
อนิจจา ปัจจุบันโจวเหว่ยชิงยังคงไม่รู้สึกตัวและไม่อาจให้คำตอบใดๆ กับพวกเขาได้
ซ่างกวนหลงหยินกล่าวว่า “ปีศาจน้อยเซินถูกโจมตีโดยทักษะกักเก็บของโจวเหว่ยชิง ภายนอกดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนผสมของ 3 ทักษะธาตุ ทักษะธาตุมืด ทักษะธาตุปีศาจ และทักษะธาตุสายฟ้า อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสอบหลายครั้งข้าก็พบว่ามันไม่ได้เป็นเพียงพลังปราณ 3 ประเภทที่แตกต่างกัน แต่มันได้ก่อตัวขึ้นมาเป็นพิษถึง 3 ชนิด”
“พิษ 3 ชนิด?” แม้แต่หลินเทียนอ้าวก็ยังถูกกระตุ้นให้รู้สึกสนอกสนใจ
ซ่างกวนหลงหยินพยักหน้าและกล่าวว่า “พลังปรานรูปแบบใดๆ ก็ตาม เมื่อมันทำปฏิกิริยากับร่างกายมนุษย์ในลักษณะที่เป็นอันตราย มันจะก่อให้เกิดพิษประเภทหนึ่ง พูดง่ายๆ เช่นเมื่อมีคนถูกเปลวไฟแผดเผาจนถึงระดับหนึ่ง พวกเขาจะได้รับผลกระทบจากพิษของไฟ อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วทักษะของจ้าวมณีสวรรค์จะตรงไปตรงมามากกว่า ไม่ว่าจะใช้ทำลายฝ่ายตรงข้ามหรือใช้ปกป้องตัวเองก็ตาม สำหรับการเปลี่ยนทักษะเป็นพิษเช่นนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นมันด้วยตาตัวเองเช่นกัน”
“ข้าเดาว่าเมื่อโจวเหว่ยชิงปล่อยการโจมตีครั้งสุดท้ายออกมา พลังของทักษะก็ถูกปีศาจน้อยเซินทำให้อ่อนแอลงมาก นอกจากนี้ มีแนวโน้มว่าด้วยระดับพลังปราณของเขา เขาย่อมไม่สามารถปลดปล่อยพลังของทักษะออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากไม่เป็นเช่นนั้น ปีศาจน้อยเซินก็คงจะตายทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อปัจจัยทั้งหมดนั้นรวมกันก็ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ดั่งเช่นในตอนนี้ ร่างกายของนางกำลังถูกกัดกร่อนด้วยพิษทั้ง 3 ชนิด ธาตุมืด ธาตุสายฟ้าและธาตุปีศาจ แม้ว่านางอาจไม่ตายในทันที แต่หากไม่ได้รับการเยียวยารักษา ในที่สุดนางก็จะต้องเสียชีวิตแน่นอน”
“ที่สำคัญกว่านั้น พิษทั้ง 3 นี้ไม่ได้กำเริบแยกกันคนละส่วน แต่มีความเกี่ยวพันและเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ก่อนหน้านี้ข้าพยายามใช้พลังปราณสวรรค์ของตัวเองรีดพิษออกมา แต่ทันทีที่ข้าลอง ข้าก็ต้องรีบยอมแพ้”
“แม้จะเป็นปราณสวรรค์ขั้นบรรลุวิถีของข้า แต่เมื่อถูกส่งเข้าไปในร่างกายของนาง พิษก็ยังสามารถตอบสนองได้ทันที ดังนั้นไม่เพียงแต่ข้าจะล้มเหลวในการบังคับรีดพิษออก แต่ยังจะทำให้พิษเหล่านั้นกระจายตัวออกไปและดับชีวิตนางทันที ด้วยเหตุนี้หากไม่ใช้ยาแก้พิษที่เหมาะสม พิษนี้ก็จะกลายเป็นโรคที่รักษาไม่หาย”
ซ่างกวนหลงหยินเว้นวรรคที่คำพูดนั้น ก่อนจะเอ่ยต่อ “นี่อาจจะฟังดูอวดดีไปบ้าง แต่ในแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด หากแม้แต่ตัวข้ายังรักษาไม่หาย คนที่จะพอมีโอกาสรักษาได้ก็เหลือเพียง 2-3 คนเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นราชาแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ หากเขาอยู่ที่นี่พร้อมกับทักษะธาตุเทวาของเขา ข้าก็ยังสงสัยว่าเขาจะรักษาได้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น หากนางตายจากพิษนี้ แม้แต่ทักษะฟื้นคืนชีพก็ยังไม่สามารถใช้กับนางได้อีก”
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนหลงหยิน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก นี่มันพิษร้ายแรงอะไรกัน!
หลินเทียนอ้าวกล่าวว่า “เช่นนั้นจุดประสงค์ที่พวกท่านมาที่นี่คืออะไร?”
ซ่างกวนหลงหยินกล่าวอย่างเฉยชา “ปีศาจน้อยเซินมาจากหุบเขาอเวจีสีเลือดและนางก็เป็นลูกสาวของสหายเก่าของข้า ด้วยเหตุนั้น ข้าจึงได้พานางมาที่นี่ ดังที่ข้ากล่าวไปก่อนหน้า ผู้ลงมือย่อมสามารถกำจัดสิ่งที่ตนทำได้ง่ายกว่า และมีเพียงโจวเหว่ยชิงเท่านั้นที่สามารถรักษาพิษนี้ได้อย่างง่ายดาย”
ขี้เมาเป่ากล่าวอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสซ่างกวน ท่านไม่ได้บอกว่านี่คือพิษที่รักษาไม่หายหรอกหรือ?”
ซ่างกวนหลงหยินกล่าวอย่างใจเย็น “ใช่ รักษาไม่หาย แต่กุญแจสำคัญคือต้นกำเนิดพิษมาจากทักษะที่โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยออกมา ข้าเฝ้าดูการต่อสู้ของพวกเขาอย่างใกล้ชิดและมั่นใจมากว่าทักษะ 3 ธาตุของเขาไม่ได้ถูกกักเก็บไว้ นั่นเป็นเพราะด้วยระดับพลังปราณของเขาคือมณี 3 ชุด เขาย่อมไม่สามารถใช้ทักษะผสาน 3 ธาตุดังกล่าวได้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวทักษะนั้น คือพรสวรรค์แต่กำเนิดของเขา”
“พรสวรรค์แต่กำเนิด?” เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ไม่เพียงสมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่เท่านั้น แม้แต่กลุ่มนักรบตันตุ้นก็ยังรู้สึกตื่นตะลึง
ซ่างกวนหลงหยินกล่าวว่า “พวกเจ้าทุกคนควรรู้อยู่แล้วว่าทักษะที่อสูรสวรรค์มีนั้นเป็นพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด พวกมันไม่จำเป็นต้องผ่านการกักเก็บทักษะหรืออะไรทำนองนั้น อย่างไรก็ตาม ในหมู่มนุษย์ก็ยังมีบุคคลที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้จำนวนหนึ่ง พวกเขามีบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับเหล่าอสูรสวรรค์ นั่นก็คือพรสวรรค์แต่กำเนิดของพวกเขาเอง ตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่งคือสถานะปีศาจกลายร่าง สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดประเภทหนึ่ง อีกทั้งทักษะนี้ของโจวเหว่ยชิงก็เป็นหนึ่งในทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา พรสวรรค์แต่กำเนิดเหล่านี้มักได้รับการถ่ายทอดมาจากสายเลือด และในกรณีนี้แม้ว่าพิษอาจจะรักษาไม่หายสำหรับคนอื่น แต่การล้างพิษก็น่าจะง่ายดายสำหรับเขามาก หากโจวเหว่ยชิงใช้ทักษะกลืนกินเพื่อดึงพิษทั้งหมดออกไป ไม่เพียงแต่มันจะไม่เป็นอันตรายต่อเขา แต่มันยังจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาของตัวเขาเองด้วย”
หลินเทียนอ้าวเหลือบมองไปยังกลุ่มนักรบตันตุ้นที่มีสีหน้าแปลกประหลาดและดูขัดแย้งกัน ในที่สุดเขาก็หันกลับไปที่ซ่างกวนหลงหยินก่อนจะพูดว่า “กล่าวก็คือผู้อาวุโสกำลังขอให้เราช่วยปีศาจน้อยเซิน? อย่างไรก็ตาม หากข้าจำไม่ผิด กฎของการแข่งขันระบุว่าการต่อสู้อาจถึงตายได้ และทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับนักสู้ทุกคนว่าจะลงมืออย่างไร ตามกฏย่อมไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่อการตายของผู้อื่น ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยชีวิตนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางพยายามจะฆ่าเหว่ยชิงหลายครั้งในการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ ด้วยเหตุนั้น ข้ากลัวว่าคำขอนี้…อาจจะเป็นไปได้ยาก…”
หลังจากฆ่าหานปิง เขาก็รู้ว่าพวกเขาทั้งกลุ่มได้ทำให้กลุ่มนักรบตันตุ้นโกรธจัดอย่างเต็มที่แล้ว ทั้งยังส่งผลให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลายเป็นศัตรูกันอย่างไม่อาจหวนคืน ถึงอย่างไรพวกเขาก็กลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว การเพิ่มปีศาจน้อยเซินเข้าไปอีกคนก็คงจะไม่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม แต่ทว่าหากช่วยเธอ ใครจะรู้ว่าปีศาจน้อยเซินจะไม่ตอบแทนความเมตตานั้นด้วยการแก้แค้นหรือไม่ เห็นได้ชัดว่าหุบเขาอเวจีสีเลือดย่อมไม่มีความปรารถนาดีต่อพวกเขาแน่นอน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทำไมพวกเขาต้องช่วยอีกฝ่ายด้วย?
หลานเฟิง สมาชิกกลุ่มนักรบตันตุ้นที่เคยต่อสู้กับหลินเทียนอ้าวก่อนหน้านี้พลันพูดโพล่งออกมาอย่างร้อนรน “ตราบใดที่เจ้าสามารถช่วยหัวหน้าได้ พวกเราจะไม่แก้แค้นพวกเจ้านอกเขตงานประลองอย่างแน่นอน”
หลินเทียนอ้าวมองเขาแล้วพูดอย่างเฉยชา “เจ้าจะตัดสินใจเช่นนั้นได้ด้วยตัวเอง? เจ้าเป็นตัวแทนของหุบเขาอเวจีสีเลือดหรือ?”
หลานเฟิงเงียบลงทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ในตอนนี้ อาการสั่นเทาและชักกระตุกของปีศาจน้อยเซินดูเหมือนจะแย่ลงและไม่มีใครรู้ว่าเธอจะทนได้นานแค่ไหน สมาชิกตันตุ้นทุกคนเฝ้ามองหญิงสาวด้วยความกังวล แต่พวกเขากลับไม่รู้จะทำอย่างไร ถึงอย่างไรในกลุ่มนักรบตันตุ้นก็มีเพียงปีศาจน้อยเซินและหานปิงเท่านั้นที่เป็นคนในจากหุบเขาอเวจีสีเลือด ในขณะที่คนอื่นๆ ล้วนเป็นคนนอก พวกเขาจะตัดสินใจในนามของหุบเขาอเวจีสีเลือดได้อย่างไร ทว่าสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือถ้าปีศาจน้อยเซินตายที่นี่จริงๆ เมื่อกลับไปพวกเขาก็จะต้องตกที่นั่งลำบากเช่นกัน
ในที่สุดซ่างกวนหลงหยินก็ถอนหายใจและพูดว่า “เอาล่ะ เนื่องจากตาแก่คนนี้ได้เปิดปากพูดแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าย่อมมองเรื่องราวทั้งหมดออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เป็นความจริงที่พวกเขาไม่สามารถทำสัญญาเช่นนั้นได้ แต่ถ้าเป็นข้าที่ทำสัญญาแทนล่ะ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวอย่างเหนือความคาดหมายของซ่างกวนหลงหยิน หลินเทียนอ้าวก็ยังไม่ยอมถอย ชายหนุ่มเอ่ยปากตอบอย่างไม่หยิ่งผยองหรือถ่อมตัว “ผู้อาวุโส ท่านจะทำสัญญาอย่างไร?”
ซ่างกวนหลงหยินกล่าวว่า “ข้าจะสัญญาในนามของพวกเขา ตราบเท่าที่โจวเหว่ยชิงช่วยปีศาจน้อยเซิน ความช่วยเหลือในครั้งนี้จะลบล้างความเป็นศัตรูระหว่างทั้งสองกลุ่มเกี่ยวกับการตายของหานปิง หากหุบเขาอเวจีสีเลือดจะก่อปัญหาให้พวกเจ้า พวกเขาก็จะต้องผ่านอาณาจักรจ้งเทียนไปก่อน ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะไม่มีปัญหากับการช่วยชีวิตนางแล้วใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนหลงหยิน ใบหน้าที่ตึงเครียดของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ถึงอย่าง ไรพวกเขาเป็นเพียงนักเรียนในอาณาจักรเฟยหลี่ พวกเขาจะอยากมีปัญหากับหนึ่งในมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? แม้แต่อาณาจักรเฟยหลี่ก็ยังไม่อาจทำเช่นนั้นได้เลยด้วยซ้ำ!
ด้วยคำสัญญาของซ่างกวนหลงหยิน นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังทำสัญญากับอาณาจักรจ้งเทียนหรือแม้แต่วังสวรรค์ไพศาล พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการแก้แค้นของหุบเขาอเวจีสีเลือดในอนาคตอีกต่อไป
นี่เป็นข่าวดีที่พวกเขาคาดไม่ถึงอย่างแท้จริง
หลินเทียนอ้าวถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ในขณะที่เขากำลังจะตกลง ซ่างกวนหลงหยินก็กล่าวต่อ “เพื่อฟื้นฟูร่างกายของโจวเหว่ยชิง ให้เขาดื่มสิ่งนี้”
ในขณะที่เขาพูด ชายหนุ่มก็ยื่นขวดหยกไปทางหลินเทียนอ้าว
หลินเทียนอ้าวหยิบขวดขึ้นมาขณะที่ซ่างกวนหลงหยินอธิบายว่า “ขวดหยกนี้มีน้ำจากผลมังกรสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ มันเป็นหนึ่งในของยารักษาลำดับต้นๆ ของโลก มันจะให้ผลดีกับสภาพปัจจุบันของโจวเหว่ยชิง หากเขาดื่มสิ่งนั้น เขาอาจสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ในอนาคตได้ ทั้งยังมีพลังเหลือเพียงพอจะช่วยรักษาปีศาจน้อยด้วย ในเวลาเดียวกัน ข้ายังจะมอบโอกาสให้สมาชิกในกลุ่มของเจ้าแต่ละคนเข้าไปกักเก็บทักษะในวังกักเก็บทักษะของเราได้หนึ่งครั้งโดยไม่ต้องเสียเงิน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา กลุ่มนักรบเฟยหลี่ทั้งหมดก็ตกตะลึงไป โชคหล่นทับใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเคยจินตนาการว่าซ่างกวนหลงหยินจะให้รางวัลแก่พวกเขามาก่อน
มีเพียงหลินเทียนอ้าวเท่านั้นที่ยังคงนิ่งสงบ เขารู้อยู่ลึกๆ ในใจว่าซ่างกวนหลงหยินกำลังมอบให้พวกเขามากเกินไป…เพียงแค่ให้สัญญาว่าจะไม่มีการแก้แค้นเกิดขึ้นต่อหน้ากลุ่มนักรบตันตุ้น…ในอาณาจักรจ้งเทียน…เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว เช่นนั้นอะไรคือเหตุผลสำหรับของขวัญเหล่านี้?
หลินเทียนอ้าวเป็นคนที่หนักแน่นมั่นคง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนโง่ ในความเป็นจริง การคิดอย่างเยือกเย็นจะช่วยให้หลายคนจะทำให้เกิดปัญญาและความประจ่างแจ้ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของการมาเยือนของซ่างกวนหลงหยินเขาต้องการ “เกี้ยวพา” พวกเขา หรือดึงให้พวกเขาเข้ากับอาณาจักรจ้งเทียน แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นโจวเหว่ยชิง!