Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 92 ข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบ (1)
ดวงอาทิตย์สาดแสงทอประกายบนท้องฟ้า วันนี้ถือได้ว่าอากาศแจ่มใสไร้เมฆหมอกมาบดบัง ในตอนเช้าจตุรัสจ้งเทียนเต็มไปด้วยฝูงชนจำนวนมากเบียดเสียดกันแน่นขนัด แสงแดดยามเช้าฉายแสงอบอุ่นมาอาบไล้ร่างของพวกเขาป็นสีทองแสบตา
8 อันดับแรกในงานประลองมณีสวรรค์ได้ถูกตัดสินแล้ว เป็นธรรมดาที่ต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ แม้ในบรรดาผู้ที่เข้าสู่ 8 อันดับแรกจะไม่ใช่ทุกคนที่มีความสุขและกระตือรือร้นก็ตาม แน่นอนว่าตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดย่อมเป็นกลุ่มนักรบตันตุ้น
แม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่ 8 อันดับแรกเช่นกัน แต่หานปิงรองหัวหน้าของพวกเขากลับเสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าปีศาจน้อยเซินจะรอดชีวิตมาได้ แต่เธอก็ยังอยู่ในระหว่างพักฟื้นและย่อมไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกต่อไป
โดยปกติแล้วการต่อสู้รอบก่อนรองชนะเลิศของ 8 อันดับแรกมักจะไม่ค่อยมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ในปีนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างแตกต่างออกไป เวลานี้เป็นอีกครั้งที่พลเมืองและผู้ชมจำนวนมากแห่กันมาที่จตุรัสจ้งเทียนในตอนเช้า ทำให้เวลานี้มีกลุ่มคนแออัดกันจำนวนมากกว่าปกติ เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ 4 อันดับแรกไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทว่าวันนี้บางทีประวัติศาสตร์อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาทั้งหมดจึงต้องการร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ด้วย
แน่นอนว่าความนิยมของกลุ่มนักรบเฟยหลี่นั้นเพิ่มพรวดพราดจนถึงขีดสูงสุดหลังจากเอาชนะกลุ่มนักรบตันตุ้น มาได้ ในสายตาของเหล่าผู้ชมทั่วไป พวกเขาคือกลุ่มปาฏิหาริย์ที่ ผู้ซึ่งจะคว้าชัยชนะมาจากกลุ่มนักรบคาลิเซที่ไร้ชื่อเสียงและเข้าสู่ 4 อันดับแรกไปได้อย่างแน่นอน พวกเขากำลังจะสร้างตำนานบทใหม่ เป็นกลุ่มนอกเหนือจากกลุ่มตัวเต็งกลุ่มแรกที่เข้าสู่ 4 อันดับแรกได้ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา
อันที่จริงแม้แต่เหล่าขุนนางในอาณาจักรจ้งเทียนเองก็ยังคิดแบบเดียวกัน ด้วยเหตุนี้รายการวางเดิมพันในการต่อสู้ของพวกเขาจึงถูกขีดทิ้งเพราะดูเหมือนว่าอาณาจักรจ้งเทียนจะไม่ต้องการสูญเงินไปกับการต่อสู้ให้ผลแพ้ชนะแน่นอนเช่นนี้นัก แน่นอนว่าบางทีโจวเหว่ยชิงผู้ซึ่งได้รับรางวัลร้อยล้านเหรียญทองก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจครั้งนี้ด้วย
เรือนพักหลายแห่งเริ่มว่างเปล่า หลังจากจบการแข่งขันรอบอุ่นเครื่องเบื้องต้น แม้กลุ่มนักรบที่ไม่ได้เข้าสู่ 8 อันดับแรกจะยังคงได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อเพื่อรอดูการต่อสู้รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่หลายกลุ่มที่ตกรอบไปก่อนหน้าก็ไม่ได้อยู่รับชมต่อและเลือกที่จะจากไปแทน ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้เข้าสู่ 8 อันดับแรกอยู่แล้ว เหตุใดต้องรอดูพิสูจน์ความต้อยต่ำของตนเองให้ขายหน้าด้วย
ภายในเรือนพักกลุ่มนักรบตันตุ้น
ปีศาจน้อยเซินยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้หัวโต๊ะ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือกราวกับคนป่วยขณะที่เธอจ้องมองออกไปนอกเรือนพัก เมื่อมองเห็นแสงแดดแผดจ้าและท้องฟ้าแจ่มใส บนริมฝีปากของหญิงสาวก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา หากวันก่อนหน้าอากาศเป็นใจเช่นนี้ เธอจะปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นชนะไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
ในขณะที่คิดถึงเรื่องนั้น หญิงสาวก็สั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อยเนื่องจากอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดและพิษที่ส่งผลต่อร่างกายของตน หากจะต้องบรรยายแล้วล่ะก็ มันคงจะเต็มไปด้วยการแผ่ขยาย รุกราน และน่าสะพรึงกลัว
แม้ว่าเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสงของหญิงสาวจะสามารถลดทอนพลังของสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดออกไปได้บางส่วนและทำให้มันอ่อนกำลังลงอย่างมาก แต่การโจมตีที่มีขนาดเล็กจ้อยแต่ทรงพลังอย่างน่าหวาดกลัวนั้นก็ยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของหญิงสาวโดยที่พลังมหาศาลของเธอไม่อาจป้องกันมันเอาไว้ได้
ปีศาจน้อยเซินยังคงจดจำความรู้สึกขณะที่สายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดโจมตีใส่ร่างได้อย่างชัดเจน สิ่งที่รู้สึกได้ทันทีคือความเยียบเย็นที่เสียดลึกลงไปจนถึงกระดูกดำ และสิ่งที่ตามมาก็คือความมืดมิดที่ปรากฏในดวงตา หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าเส้นชีพจรและอวัยวะภายในกำลังขยายตัวและใกล้ระเบิดออกมาจากภายใน นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ปีศาจน้อยเซินสัมผัสได้ก่อนที่จะสลบไป เมื่อมีสติอีกครั้ง สิ่งที่เธอรับรู้ก็คือการได้ตื่นขึ้นมาบนเตียงในโรงเตี๊ยมที่กลุ่มของเธอพักอยู่
สมาชิกกลุ่มนักรบตันตุ้นคนอื่นๆไม่ได้พยายามปกปิดกระบวนการรักษาพิษของเธอ และพวกเขาก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เธอแพ้การประลองจนกระทั่งถูกอีกฝ่ายช่วยรักษา สำหรับโจวเหว่ยชิง หญิงสาวไม่มีความรู้สึกขอบคุณให้หมอนั่นแม้แต่น้อย มีเพียงความเกลียดชังและความโกรธแค้นที่รุนแรงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้ดีว่าด้วยคำมั่นของซ่างกวนหลงหยิน เธอจะไม่สามารถแก้แค้นพวกเขาได้อย่างแน่นอน ทั้งหมดก็เพื่อตอบแทน ‘ความเมตตา’ ของเขาด้วยความกตัญญูรู้คุณนั่นเอง แน่นอนว่ากลุ่มนักรบตันตุ้นในปัจจุบันไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะคิดแก้แค้น พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่รอจนกว่าจะกลับไปที่หุบเขาอเวจีสีเลือดและพิจารณาถึงสิ่งที่พอตอบโต้ได้อีกครั้ง
ถึงจุดนี้ ดวงตาของหญิงสาวก็แปรเปลี่ยนเป็นดั่งอสรพิษ ปีศาจน้อยเซินกำหมัดแน่น หานปิง ไม่ต้องห่วง ไม่ว่ายังไง ข้าก็จะช่วยเจ้าแก้แค้น
ทันใดนั้นหลานเฟิงซึ่งยืนอยู่ที่ทางเข้าเรือนพักก็พูดเบาๆ ว่า “พวกเขามาแล้ว”
ดวงตาของปีศาจน้อยเซินเบิกกว้าง รูม่านตาของเธอหดแคบลงขณะที่หญิงสาวเยื้องย่างไปด้านหน้าและเห็นสมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่เดินเข้าไปในเรือนพักของพวกเขา
ปีศาจน้อยเซินเผลอกำหมัดแน่นอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว หญิงสาวกัดฟันขณะจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิง หลังฟื้นขึ้นจากอาการบาดเจ็บ เธอก็ไม่อาจลืมรอยฟกช้ำสีดำขนาดใหญ่สองจุดบนหน้าอกที่ซึ่งเกิดจากการใช้ฝ่ามือบีบเคล้นของเขาได้…
ความจริงแล้วโจวเหว่ยชิงไม่ได้ทำอะไรเธอด้วยซ้ำ เป็นเพราะพิษของสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดที่ถูกดึงออกมาจากบริเวณต่างหากที่ทำให้เกิดรอยฟกช้ำขึ้น แน่นอนว่าถึงอย่างไรปีศาจน้อยเซินก็อดปรักปรำไม่ได้ว่าเจ้าสารเลวนั่นเป็นผู้สัมผัสหน้าอกของเธอ ด้วยเหตุนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะเกลียดโจวเหว่ยชิงเข้าไส้
“หัวหน้า วันนี้แผนของพวกเราคืออะไรหรือ?” หลานเฟิงถามอย่างระมัดระวัง
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงการต่อสู้ในวันนี้ ร่างกายของปีศาจน้อยเซินก็สั่นสะท้านไปเล็กน้อย สำหรับกลุ่มนักรบตันตุ้นนั้น หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับกลุ่มนักรบเฟยหลี่ในรอบอุ่นเครื่อง ในการต่อสู้รอบก่อนรองชนะเลิศของวันนี้ พวกเขาก็ยังโชคไม่ดีเพราะต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งในบรรดากลุ่มตัวเต็งกลุ่มอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น ความโชคร้ายของพวกเขาก็ยังดำเนินต่อไปไม่สิ้นสุด…เพราะกลุ่มตันตุ้นดันจับฉลากได้กลุ่มนักรบวั่นโซ่ว กลุ่มนักรบวั่นโซ่วผู้ที่ครองอันดับ 1 มาหลายสมัยและเป็นกลุ่มสุดท้ายที่พวกเขาคิดอยากจะต่อสู้ด้วยนั่นเอง!
ในฐานะหัวหน้ากลุ่มตัวเต็ง ปีศาจน้อยเซินมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะจากกลุ่มนักรบวั่นโซ่วหรือกลุ่มนักรบจ้งเทียนเลย ถึงอย่างไร 2 กลุ่มนี้ก็มักจะเป็น 2 กลุ่มสุดท้ายที่ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้ชนะงานประลองมณีสวรรค์อยู่เสมอ นอกจากนี้ สมาชิกหลักของกลุ่มนักรบวั่นโซ่วยังล้วนแล้วแต่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุดทั้งหมด!
“ไม่จำเป็นต้องวางแผนใดๆ แล้ว พวกเราจะยอมแพ้โดยไม่ต่อสู้ ข้าจะรับผิดชอบความสูญเสียของพวกเราในครั้งนี้อย่างเต็มที่” หลังจากพูดแบบนั้น ปีศาจน้อยเซินก็หันหลังกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยวและเดินหายเข้าไปในเรือนพัก ทว่าก่อนที่จะทำเช่นนั้น เธอก็จ้องมองโจวเหว่ยชิงด้วยสายตาโกรธแค้น ราวกับพยายามที่จะสลักใบหน้าของเขาไว้ความทรงจำอย่างลึกล้ำ
อนิจจา ไม่มีใครให้ความสำคัญกับผู้แพ้และความรุ่งโรจน์ก็มักจะตกอยู่กับผู้ที่ชนะเสมอ
กลุ่มนักรบตันตุ้นไม่ใช่กลุ่มเดียวที่มองไปที่กลุ่มนักรบเฟยหลี่ ไม่ว่าจะเป็นแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง กลุ่มนักรบอื่นๆ หรือแม้แต่ผู้ชมหลายคนก็กำลังเฝ้าจับตาดูกลุ่มที่กำลังทะยานเข้าสู่อันดับต้นๆ อย่าง “พรวดพราด” นี้ด้วยเช่นกัน
แม่มดน้อยเดินตรงไปหากลุ่มนักรบเฟยหลี่โดยแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบเฟยหลี่ซึ่งถูกสั่งตัดมาเป็นพิเศษก่อนจะนั่งลงข้างๆโจวเหว่ยชิง ปัจจุบันหญิงสาวได้เก็บงำด้านร้ายกาจของตนเองไว้เป็นอย่างดี ตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นดูราวกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่ไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่น แน่นอนว่าทักษะการแสดงอย่างสมบทบาทเช่นนี้เธอเองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าโจวเหว่ยชิง
เมื่อแม่มดน้อยปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยมของพวกเขาในตอนเช้าและสวมชุดเครื่องแบบเฟยหลี่ ความกังวลสุดท้ายในใจของทุกคนก็สลายหายไปเป็นฝุ่นควันในอากาศทันที ถึงอย่างไรแม่มดน้อยก็มีตำแหน่งและสถานะสูงส่งในนิกายปีศาจสวรรค์ เธอจึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้เพื่อหาเรื่องหักหลังกลุ่มนักรบเฟยหลี่ เพราะท้ายที่สุดแล้วในการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีใครมั่นใจในชัยชนะของตัวเองได้เต็มร้อยเช่นกัน
เมื่อซ่างกวนเทียนซินประกาศเริ่มงานประลองรอบก่อนรองชนะเลิศ ทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการทันที อนิจจา ราวกับว่าโชคชะตาได้กำหนดไว้ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น 2 กลุ่มแรกก็ขอยอมแพ้โดยตรงอย่างน่าผิดหวัง สร้างความตกใจให้กับฝูงชนเป็นอย่างมาก
กลุ่มนักรบคาลิเซ ยอมแพ้
กลุ่มนักรบตันตุ้น ยอมแพ้
ดังนั้นทั้งกลุ่มนักรบเฟยหลี่และกลุ่มนักรบวั่นโซ่วจึงได้รับชนะไปโดยไม่ต้องต่อสู้และเข้าสู่ 4 อันดับแรกไปอย่างง่ายดาย การต่อสู้ 2 ครั้งถัดไปก็แทบจะไม่มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นเช่นกัน บางทีอาจจะเรียกได้ว่าน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ กลุ่มนักรบจ้งเทียนสำแดงพลังที่ไร้ขอบเขตพวกเขาออกมาโดยส่งสมาชิกเพียงคนเดียวออกไปจบการต่อสู้ทั้งหมด ภายใต้กฏแพ้คัดออกของรอบก่อนรองชนะเลิศ ชายผู้นั้นกำจัดคู่ต่อสู้ทั้ง 5 คนไปอย่างง่ายดาย จากนั้นกลุ่มของพวกเขาก็ผ่านเข้ารอบไปได้อย่างไร้ขวากหนาม
สำหรับกลุ่มตัวเต็งกลุ่มสุดท้าย กลุ่มนักรบเป่าโปซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างหุบเขาหลงใหล พวกเขาก็แสดงพลังของตนออกมาให้โลกประจักษ์โดยการใช้สมาชิกเพียง 2 คนออกไปคว้าชัยชนะได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นงานประลองในวันนี้จึงจบลงด้วยการยอมแพ้ 2 นัดและชัยชนะที่ท่วมท้นอีก 2 นัด เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับเหล่าผู้ชม
ด้วยเหตุนี้ รอบก่อนรองชนะเลิศจึงจบลงในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งวัน และผลสุดท้ายคือกลุ่มนักรบจ้งเทียน กลุ่มนักรบวั่นโซ่ว กลุ่มนักรบเป่าโป และกลุ่มนักรบเฟยหลี่คือผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบ 4 อันดับแรก
แม้ว่าพวกเขาจะชนะโดยไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น แต่สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ทั้งหมดก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ 4 อันดับแรก! การเข้าสู่ 4 อันดับแรกพวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่และจะทำให้คนในกลุ่มทุกคนกลายเป็นวีรบุรุษของอาณาจักรเฟยหลี่! แม้แต่แม่มดน้อยเองก็ยังไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นของตนเองไว้ได้ ถึงอย่างไรก็เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่นิกายปีศาจสวรรค์ไม่สามารถเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ได้และอย่างน้อยหญิงสาวก็ทำภารกิจของตนเองสำเร็จแล้วเช่นกัน
ซ่างกวนหลงหยินเดินออกมาจากแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง ก้าวเดินขึ้นไปบนอากาศตรงๆ ราวกับว่ามีบันไดที่มองไม่เห็นตั้งอยู่กลางอากาศ เขาเดินช้าๆ ทีละก้าวไปยังเวทีการประลองที่ตั้งอยู่ใจกลางจตุรัสขนาดใหญ่
“กลุ่มนักรบจ้งเทียน วั่นโซ่ว เป่าโป เฟยหลี่ พวกเจ้าทั้ง 4 ได้เข้าสู่ 4 อันดับแรกแล้ว เช้าวันพรุ่งนี้โปรดมารายงานตัวที่วังกักเก็บทักษะเพื่อรับป้ายมณีสวรรค์ของเจ้า หลังจากนั้นพวกเราจะมุ่งหน้าไปยังเกาะมณีสวรรค์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประลองครั้งต่อไป ส่วนกฎและรูปแบบของการประลองในส่วนหลังจะประกาศในเกาะมณีสวรรค์” ซ่างกวนหลงหยินประกาศด้วยเสียงนุ่มลึกต่อหน้าฝูงชน
“พวกเราทำได้! พวกเราทำได้แล้ว! พวกเราเข้าสู่ 4 อันดับแรกจริงๆ! วะฮะฮ่า!” สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ที่ลิงโลดด้วยความตื่นเต้นพยายามควบคุมตัวเองตลอดทั้งเช้า ในที่สุดพวกเขาก็สามารถกระโดดโห่ร้องได้ด้วยความดีใจ เสียงกู่ร้องที่ฟังดูตื่นเต้นดังออกมาจากปากของพวกเขา แม้แต่แม่มดน้อยเองก็ยังรู้สึกร่วมไปด้วยอย่างไม่มีข้อยกเว้น
งานประลองในสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งหมดกดดันและสร้างความเสียหายให้แก่พวกเขาทั้งหมดเป็นอย่างมาก แม้แต่สมาชิกอย่างเซียวเอี๋ยนและขี้เมาเป่าที่ไม่ได้ออกไปต่อสู้เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังพบกับแม่มดน้อยบนถนนสู่เมืองหลวงจ้งเทียนก็ยังพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย อาจกล่าวได้ว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ทั้งหมดต่างก็ได้รับบาดเจ็บหลายจุดตลอดการแข่ง ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งโจวเหว่ยชิงและสี่น้อย ทั้งคู่ก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดในการต่อสู้ครั้งที่ผ่านมาด้วยซ้ำ อาจกล่าวได้ว่าในการต่อสู้ที่พวกเขาได้ลำบากฝ่าฟันไปข้างหน้า ทุกๆรอบล้วนเต็มไปด้วยอันตรายและความยากลำบาก!
อย่างไรก็ตาม เมื่อสมาชิกในกลุ่มได้ยินคำประกาศของซ่างกวนหลงหยิน ความขมขื่น ความยากลำบากและความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะสลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ภายในใจของพวกเขามีแต่ความภาคภูมิใจและความตื่นเต้น เรี่ยวแรงที่พวกเขาทุ่มเทลงทุนไปให้ผลคุ้มค่ามากเหลือเกิน 4 อันดับแรก…เป็นของพวกเขาจริงๆ เป็นอันดับของอาณาจักรเฟยหลี่!
กลุ่มตัวเต็งทั้ง 3 มองไปยังสมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ที่กำลังยิ้มร่าอย่างเงียบๆ ไม่มีใครล้อเลียนเสียงโห่ร้องดีใจและการเฉลิมฉลองที่แทบจะดูเกินจริงของพวกเขา อันที่จริงสำหรับกลุ่มนักรบเฟยหลี่แล้ว สิ่งที่พวกเขาทำลงไปก็สมควรที่จะภาคภูมิใจแล้วจริงๆ
หลินเทียนอ้าวยื่นมือของเขาออกมา จากนั้นทุกคนก็วางฝ่ามือลงบนมือของเขาอย่างตั้งใจ เมื่อมองเห็นดวงตาแดงก่ำของหัวหน้ากลุ่ม ทุกคนก็ให้ความร่วมมืออย่างพร้อมเพรียงกัน อารมณ์ของพวกเขาถูกพัดพาเข้าสู่เกลียวคลื่นแห่งความสุขและความตื่นเต้น
หลินเทียนอ้าวตะโกนเสียงดัง “คืนนี้หากไม่เมา เราไม่กลับ !”
4 อันดับแรกเชียวนะ! แม้ว่าจะเป็นเพียง 4 อันดับแรก แต่พวกเขาก็ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของอาณาจักรเฟยหลี่แล้ว ทั้งยังเป็นบันทึกหน้าใหม่ที่จะทำให้มือของผู้จดบันทึกต้องสั่นไหว เรื่องแบบนี้ไม่อาจเกิดขึ้นใหม่ได้อีกแล้ว! เพราะไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเฟยหลี่เท่านั้น แต่เหตุการณ์นี้ยังส่งผลถึงประวัติศาสตร์ของแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดด้วย!
…
ในคืนนั้น เหล่าสหายที่ตื่นเต้นดีใจมากเกินไปได้ดื่มสุราของโรงเตี๊ยมจนหมดไปเกือบครึ่ง ก่อนทั้งหมดจะตกอยู่ในสภาพมึนงงจากอาการเมามาย
ขณะพวกเขาพบกันครั้งแรก โจวเหว่ยชิง เย่เป่าเปาและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้อยู่ในฐานะสมาชิกตัวสำรอง พวกเขาจึงถูกปฏิเสธและถูกคนอื่นๆดูหมิ่น ทว่าหลังจากการเดิมพันกับสี่น้อยในครั้งนั้น พวกเขาได้แสดงความสามารถและความแข็งแกร่งของตนเองออกมาอย่างช้าๆ และในที่สุดก็ได้รับการยอมรับจากสมาชิกหลักกลุ่มนักรบเฟยหลี่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา
เมื่องานประลองมณีสวรรค์เริ่มต้นขึ้น ทั้งความสมัครสมาน การทำงานประสานกัน และมิตรภาพของพวกเขาก็พัฒนาเติบโตขึ้นทีละเล็กละน้อย ทุกวันที่ใช้เวลาร่วมกัน ทุกๆ การต่อสู้จนถึงตอนนี้ทำให้พวกเขาเกือบจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
…
ตอนรุ่งเช้า
โจวเหว่ยชิงค่อยๆ ตื่นจากการหลับใหล ร่างกายของเขาค่อนข้างแตกต่างจากคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผ่านการวิวัฒน์พลังมาหลายครั้ง แน่นอนว่าเขาย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าจ้าวมณีสวรรค์คนอื่นๆ ในระดับพลังปราณเดียวกันอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถต้านทาน ‘สารพิษ’ ได้ดีและมีอัตราการฟื้นตัวที่เร็วกว่ามาก สำหรับแอลกอฮอล์เองก็ให้ผลไม่ต่างกัน แม้ว่าคืนก่อนหน้านี้พวกเขาจะดื่มกันไปจนเมามาย แต่เขาก็ยังคงลุกขึ้นมาได้ในยามรุ่งสางของอีกวัน
เอ๊ะ? ทำไมถึงเป็นแขนถึงรู้สึกชาขนาดนี้?
………………………………………………………….