Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 99 ทักษะธาตุกาลเวลาระดับ 10 ดาวคู่! (1)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 99 ทักษะธาตุกาลเวลาระดับ 10 ดาวคู่! (1)
คนผู้หนึ่งจะต้องมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเห็นมังกรตัวใหญ่ที่น่าจะมีอยู่แค่ในตำนานมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า?
ปฏิกิริยาของโจวเหว่ยชิงนั้นง่ายดายมาก เขาก่นด่าทันที “เวรแล้ว!”
เด็กหนุ่มแทบจะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย กึ่งรูดกึ่งไถลตัวลงมาจากยอดไม้ทันที ไม่กล้านั่งเอ้อระเหยอยู่บนยอดไม้อีกต่อไป
ในขณะนั้นเอง มณีสะท้อนที่ฝังอยู่บนแหวนมิติก็สั่นเล็กน้อย และจู่ๆ เสียงของซ่างกวนหลงหยินก็ดังมาจากภายใน “สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ สี่น้อย ได้ถอนตัวออกมาจากเขตแดนมิติสะท้อนแล้ว กลุ่มนักรบเฟยหลี่ถูกคัดออก 1 คน”
โจวเหว่ยชิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบสนองออกมาในที่สุด เช่นนี้นี่เอง…มณีสะท้อนนี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารในเขตแดนมิติสะท้อนได้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นการสื่อสารจากทางเดียว ทว่าก็ยังค่อนข้างน่าทึ่งอยู่ดี
ถึงกระนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมืดมน ถึงอย่างไรในนี้ก็มีคนเพียง 32 คนจากนักรบทั้ง 4 กลุ่ม แต่คนแรกที่ถูกคัดออกกลับมาจากกลุ่มนักรบเฟยหลี่ของพวกเขา…นั่นย่อมไม่ใช่ลางดีแน่ ถึงกระนั้น โจวเหว่ยชิงก็ยังสามารถเดาได้ว่าสี่น้อยถูกกำจัดไปได้อย่างไร
สี่น้อยมีความสามารถในการบิน และไม่ต้องสงสัยเลยว่าสหายคนนั้นอาจบินขึ้นเหนือยอดไม้เนื่องจากบนนั้นอาจจะปลอดภัยกว่า และบางทีเขานั่นแหละที่เป็นผู้ดึงดูดความสนใจของมังกรตัวใหญ่ยักษ์นั่น ทักษะเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งครอบคลุมพื้นที่มากกว่าหมื่นตารางเมตรนั้นอาจเพ่งเป้าไปที่สี่น้อย และตัวเขาก็กลายเป็นเหยื่อผู้น่าสงสารที่ติดอยู่ท่าม กลางกองไฟ
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ มองไปที่แมวอ้วนบนไหล่ของเขาพลางพูดว่า “ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถขึ้นไปบนอากาศหรือแม้แต่เผยตัวออกไปข้างนอกได้ในเวลานี้ น่ากลัวว่าสหายตัวใหญ่นั่นอาจเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเขต แดนมิติสะท้อนแห่งนี้แล้ว ข้าหวังว่าสี่น้อยจะสามารถเปิดใช้งานมณีสะท้อนเพื่อหลบหนีได้ทันเวลานะ”
อ้วนแมวเอ่ยตอบ “โอ้? นี่ข้าสัมผัสถึงความย่อท้อจากตัวอ้วนน้อยผู้ขยันขันแข็งของข้าได้หรือนี่?”
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่ใช่เสียหน่อย…แค่ว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเหตุไม่คาดฝันมากมาย ทั้งยังเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน ข้าไม่ชอบการที่สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมของข้าเลยจริงๆ”
ทันใดนั้น เสียงร้องเหยียดยาวของมังกรดังก็ออกมาจากบนท้องฟ้า ทันใดนั้น ทั่วทั้งเขตแดนมิติก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งและเงียบกริบไปชั่วขณะ เดิมทีบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยเสียงแมลง นก และสัตว์น้อยใหญ่ แต่ในช่วงเวลานี้ เสียงทั้งหมดกลับถูกกลืนหายไปในพริบตา เกิดความเงียบราวกับทุกคนกำลังหูหนวก
นี่เป็นความสง่างามที่น่าเกรงขามของผู้ทรงพลังระดับสูง…ทักษะมังกรคำราม!
โจวเหว่ยชิงไม่กล้าปีนขึ้นไปดูมังกรตัวใหญ่ให้ชัดๆ ทั้งๆ ที่อยากรู้อยากเห็นมากขนาดนี้ เขาไม่อยากเป็นคนที่ 2 ที่ถูกคัดออกจากการแข่ง!
แม้ว่าเจ้าแมวอ้วนจะมีพลังมากกว่าเขา แต่แม้ทั้งคู่จะร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำให้มังกรระแคะระคายได้เลย นอกจากนี้ พวกเขาทั้งคู่ยังอาจเป็นเพียงของว่างแสนอร่อยสำหรับมันก็ได้
ในขณะที่เสียงร้องของมังกรดังก้องไปทั่วป่า แรงกดดันมหาศาลจากท้องฟ้าเบื้องบนพลันดำเนินไปชั่วขณะก่อนจะหายไปอย่างช้าๆ
โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยลมหายใจที่เขากลั้นเอาไว้โดยไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มหันไปหาเจ้าแมวอ้วน “เจ้าว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?”
แมวอ้วนส่ายหัวและพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ ข้าจะมีความคิดเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างไร? ในความเป็นจริง การที่กลุ่มนักรบเฟยหลี่ของเจ้าจะได้รับชัยชนะนั้นเป็นเรื่องยากมาก กุญแจสำคัญอยู่ที่เจ้าและแม่มดน้อยเพียง 2 คนเท่านั้น”
โจวเหว่ยชิงชะงักไป “แล้วหัวหน้าล่ะ? เขาก็มีพลังแข็งแกร่งเช่นกันนะ”
เจ้าแมวอ้วนส่ายหัวกลมๆ ที่น่ารักน่าชังของมันก่อนจะพูดว่า “น่าเสียดายที่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็ไม่อาจรอดไปได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ข้าขอให้เจ้าเดิมพันกับเขาเพราะข้าสัมผัสได้ถึงพรสวรรค์และศักยภาพของเขา โดยเฉพาะในด้านการป้องกัน เขาจะต้องเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทป้องกันขั้นสุดยอดที่ทรงพลังมากในอนาคตแน่ แต่น่าเสียดาย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การป้องกันเพียงอย่างเดียวนั้นค่อนข้างไร้ประโยชน์สำหรับการเอาชีวิตรอดในป่า เว้นแต่ว่า…เขาจะได้พบกับเจ้าหรือแม่มดน้อยซึ่งจะทำให้พลังโดยรวมและโอกาสของเจ้ามีศักยภาพสูงขึ้นมาก น่าเสียดาย ก็อย่างที่เจ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วนั่นแหละ เขตแดนมิติสะท้อนแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากและการพบปะกันก็จะอาจจะยากลำบากมากเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคาดว่าเขาคงจะไม่มีช่วงเวลาที่ดีนักในป่าแห่งนี้นัก ทันทีที่ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง ด้วยสภาพไร้พลังโจมตีที่รุนแรงและขาดความว่องไว หายนะย่อมต้องมาเยือนเขาอย่างแน่นอน”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “จริงด้วย แต่ถึงอย่างไรแล้ว แม้พวกเราอาจจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอีก 3 กลุ่มจะทำได้ดีกว่านี่นา พวกเขาย่อมต้องเผชิญกับอันตรายและปัญหาที่คล้ายคลึงกันแน่”
เจ้าแมวอ้วนหัวเราะคิกคักก่อนที่จะพูดว่า “เจ้าคิดน้อยเกินไปแล้ว ทั้งยังประเมินมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่ำเกินไปอย่างรุนแรงเสียด้วย นอกเหนือจากอย่างอื่นแล้ว พวกเขาที่เหลือก็ยังมีประสบการณ์หรืออย่างน้อยก็มีความรู้เกี่ยวกับรอบชิงชนะเลิศนี้มาก่อน แค่ประสบการณ์นี้เพียงอย่างเดียวก็ได้เปรียบกว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ของเจ้าไปมากโขแล้ว ตัวอย่างเช่นสมาชิกของอีก 3 กลุ่มจะต้องรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของมังกรตัวนั้นอย่างแน่นอน และพวกเขาจะไม่มีวันทำผิดพลาดด้วยการบินขึ้นไปในอากาศเหมือนกับสี่น้อย”
“เอาล่ะ พูดพอแล้ว มาสำรวจสภาพแวดล้อมกันดีกว่า สิ่งที่กำลังจะมาถึงไม่ว่าจะเป็นดีหรือร้าย พวกเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี สถานที่ที่อันตรายเช่นเขตแดนมิติสะท้อนแห่งนี้ย่อมมีอัญมณีและสมบัติซ่อนอยู่มากมาย พวกเรายังสามารถหาประโยชน์จากมันได้อีกด้วย”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้า พวกเขาสุ่มเลือกทิศทาง จากนั้นก็เดินต่อไป
…
4 ชั่วโมงหลังจากนั้น
โจวเหว่ยชิงหยุดที่พื้นที่โล่งแห่งหนึ่งซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่เพื่อนั่งพักผ่อนและรับประทานอาหาร ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา พวกเขาพบกับอสูรสวรรค์จำนวน 8 ตัว อสูรสวรรค์เหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีพลังมาก พลังของพวกมันจัดอยู่ในระดับปฐมเท่านั้น ทั้งคู่จึงไม่ได้โจมตีพวกมัน ทว่าตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคือระดับปรมะ แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงสามารถจัด การพวกมันได้ด้วยตัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารแห้งเสร็จแล้ว พวกเขาก็นั่งพักผ่อนกันครู่หนึ่ง ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังจะออกสำรวจต่อ เจ้าแมวอ้วนซึ่งยังคงอยู่บนไหล่ของเขาก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเปล่งประกายขณะเอ่ยเบาๆ ว่า “มีคนกำลังมา ระวังด้วย!” เมื่อพูดจบ เธอก็กระโจนเข้าสู่อกเสื้อของเขาอีกครั้งเพื่อซ่อนตัวจากสายตาของผู้มาเยือน
แน่นอนว่าเทียนเอ๋อร์ย่อมมีเหตุผลของตัวเองว่าเหตุใดต้องซ่อนตัวแทนที่จะออกไปช่วยโจวเหว่ยชิงต่อสู้โดยตรง ตอนนี้โจวเหว่ยชิงยังอยู่ห่างไกลจากระดับพลังขั้นสูงสุดของเขามากและยังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล แน่นอนว่าการได้เข้าร่วมการต่อสู้จริงๆย่อมเป็นโอกาสอันดีในการเรียนรู้ เติบโตและเพิ่มพูนประสบการณ์สำหรับเขา มีเพียงการต่อสู้ในสนามรบจริงเท่านั้นที่สามารถขัดเกลาจ้าวมณีสวรรค์ในด้านที่การฝึกปราณเพียงอย่างเดียวไม่อาจมอบให้ได้ ยกตัวอย่างเช่นทักษะการควบคุมและการใช้ทักษะกักเก็บเป็นต้น ดังนั้น เว้นแต่สถานการณ์จะเข้าสู่ช่วงวิกฤตจริงๆ แมวอ้วนจะไม่ลงมือง่ายๆ แน่นอน ในสายตาของเธอ เขตแดนมิติสะท้อนนี้ถือได้ว่าเป็นสนามฝึกซ้อมที่ดีมากสำหรับโจวเหว่ยชิง
ด้วยคำเตือนของเจ้าแมวอ้วน โจวเหว่ยชิงจึงเคลื่อนไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็วภายในพริบตาเดียว เขาแผ่ประสาทสัมผัสออกไปในขณะที่รวบรวมพลังเพื่อลบตัวตนของเขาออกจากที่แห่งนี้ ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มก็ปล่อยทักษะสัมผัสมืดออกมาเพื่อขยายการรับรู้ของเขาให้ถึงขีดสุด
ทันทีที่เขาซ่อนตัวเสร็จก็มีร่าง 2 ร่างปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงหรือแม้แต่ส่งสัญญาณใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย
แม้โจวเหว่ยชิงจะมองไม่เห็นพวกเขาด้วยตาตัวเอง แต่ทักษะสัมผัสมืดของเขาก็ทำให้เขาสัมผัสได้ว่าทั้งสองเป็นชายและหญิงตามลำดับ เพียงแค่จากการเคลื่อนไหวของพวกเขา โจวเหว่ยชิงก็สามารถบอกที่มาของพวกเขาได้เนื่องจากทั้งคู่กำลังจับมือเดินไปด้วยกัน ในบรรดากลุ่มนักรบทั้ง 4 เห็นได้ชัดว่ามีเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่จะมีสภาพเช่นนี้ และนั่นก็คือกลุ่มนักรบเป่าโปซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหุบเขาหลงใหล
โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงในใจ สิ่งที่เจ้าแมวอ้วนพูดนั้นสมจริงมากเกินไปและเขาไม่อาจดูถูกมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เลย คู่รักกลุ่มนักรบเป่าโปเหล่านี้สามารถรวมกลุ่มกันได้จริงๆ และเมื่อทั้งสองร่วมมือกัน มันก็จะช่วยเพิ่มพลังโดยรวมและสร้างความปลอดภัยให้แก่พวกเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย บางทีพวกนั้นอาจมีวิชาลับบางอย่างที่ทำให้พวกเขาสื่อถึงกันและกันได้?
น่าเสียดาย ถึงอย่างไรกลุ่มนักรบทั้ง 4 ในเขตแดนมิติสะท้อนแห่งนี้ก็ล้วนแต่เป็นคู่ต่อสู้ทั้งหมด หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นแม้กระทั่งศัตรูคู่แค้นกัน! โจวเหว่ยชิงได้แต่คิดสับสนในใจ ทำยังไงดี? จู่โจม? หรือซ่อนต่อไป?
ด้วยความช่วยเหลือจากเทียนเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถต่อสู้แบบ 2 ต่อ 2 กับคนคู่นี้ได้อย่างแน่นอน น่าเสียดาย เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเต็มใจให้ความร่วมมือมากแค่ไหน
หลังจากไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ตัดสินใจที่จะเลือกสิ่งที่ปลอดภัยอย่างการซ่อนตัว ปัดความคิดที่จะต่อสู้กับพวกเขาทิ้งไป
ถึงอย่างไรรอบชิงชนะเลิศก็กินเวลาไปตลอดทั้งเดือน หากเขาใช้พลังมากเกินไปในวันแรก มันคงจะไม่ส่งผลดีต่อแผนการโดยรวมของเขาแน่
ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงเพิ่มการปกปิดของตนเอง เก็บงำพลังของเขาไว้อย่างแน่นหนาในขณะที่เฝ้ารอให้คู่รักเป่าโปเดินผ่านไปอย่างเงียบๆ
ทั้งสองคนเดินช้ามาก เช่นเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงทำก่อนหน้านี้ พวกเขายังคงสังเกตรอบๆ อย่างระแวดระวังในขณะที่ทั้งคู่กำลังเคลื่อนไหว
ในขณะที่ทั้งคู่อยู่ห่างจากต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งโจวเหว่ยชิงซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประมาณ 20 หลา และกำลังจะเดินผ่านไป ทันใดนั้นเสียงสวบสาบแผ่วเบาก็ทำให้ทั้งสองหยุดนิ่ง สายตาของพวกเขาก็พุ่งเข้าหาจุดซ่อนตัวของโจวเหว่ยชิงทันที
แน่นอนว่าแม้แต่พวกเขาสองคนยังได้ยินเสียงนั้น โจวเหว่ยชิงเองก็ต้องได้ยินเช่นกัน เสียงสวบสาบนั้นเกิดจากเจ้าแมวอ้วนขยับตัวไปมาในอ้อมแขนของเขานั่นเอง! เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะขบคิดว่าเหตุใดเธอถึงตั้งใจทำอย่างนั้นเพราะเขาต้องรีบตอบสนองต่ออันตรายที่เข้ามาใกล้ทันที
ธนูราชันย์ปรากฏขึ้นในฝ่ามือทันที ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็กระโดดถอยหลังออกไปในเสี้ยววินาที เขาไม่จำเป็นต้องใช้สายตาเพื่อเล็งเป้าหมาย เพียงแค่ประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นของเขาเพียงอย่างเดียวทำให้เขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าคนทั้ง 2 อยู่ที่ไหน ลูกศร 6 ดอกทะยานออกไปเกือบจะพร้อมกับเสียงหวีดหวิวของลูกศรที่พุ่งตัดผ่านอากาศ ตรงเข้าหาชายและหญิงคู่นั้นตามลำดับ
โจวเหว่ยชิงเป็นผู้ชอบควบคุม และเขาเกลียดการทิ้งชะตากรรมของตัวเองไว้ในอุ้งมือของคนอื่น แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นเทียนเอ๋อร์ก็ตาม ดังนั้น ทันทีที่เขาปลดปล่อยการโจมตี โจวเหว่ยชิงก็ล่าถอยออกมาด้วยความเร็วสูงสุดและมุ่งลึกเข้าไปในป่าทันที เขารู้ว่าภูมิประเทศที่ซับซ้อนเช่นป่าทึบเหล่านี้และการทิ้งระยะห่างระหว่างศัตรูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ ตราบใดที่เขาสามารถรักษาระยะห่างจากคู่ต่อสู้ได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยหลา แม้ว่าเขาจะพบกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มนักรบกลุ่มอื่นๆ เขาก็ยังมั่นใจว่าจะต่อกรกับอีกฝ่ายได้
เสียงแหวกอากาศดังสะท้อนขึ้นถึง 6 ครั้ง จากนั้นก็ตามมาด้วยการระเบิดแทบจะพร้อมๆ กัน เมื่อทักษะการยิงธนูแบบบิดรวมกับพลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชันย์ นั่นจึงส่งผลให้คลื่นกระแทกจากแรงโจมตีแผ่ออกไปในรัศมีหลายลี้ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือโจวเหว่ยชิงสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าลูกศรทั้ง 6 ลูกของเขาได้พลาดเป้าไปแล้ว
ความสามารถที่โจวเหว่ยชิงมีความมั่นใจมากที่สุดไม่ใช่สถานะปีศาจกลายร่าง ทักษะกลืนกิน หรือแม้แต่ค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน แต่เป็นการยิงธนูของเขาต่างหาก หลายปีแห่งความทรมาณที่ผ่านมา เขาได้ใช้เวลาฝึกฝนทักษะเหล่านี้ในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ เมื่อรวมกับพรสวรรค์ที่โดดเด่นและการทุ่มเทพยายามหนักแล้ว นั่นย่อมทำให้ทักษะการยิงธนูของเขาเหนือกว่าอาจารย์ของเขา มู่เอินด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรโจวเหว่ยชิงก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ เขาจึงสามารถใช้ทักษะที่อาจารย์ของเขาคิดค้นและพัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ต้องพูดถึงว่าระยะห่างระหว่างศัตรูของเขานั้นมีเพียงไม่กี่สิบหลา แม้ว่าจะไกลหลายร้อยหลา แต่เขาก็มั่นใจว่าตนเองจะไม่พลาด!
แต่ถึงกระนั้น ร่างเงาทั้งสองร่างที่เคลื่อนที่ราวภาพลวงตาก็ยังสามารถพุ่งเข้ามาหาโจวเหว่ยชิงได้จากสองทิศทางที่แตกต่างกันด้วยความเร็วสูง ปิดล้อมเขาไว้ไม่ให้หลบหนีได้ในพริบตา
ปัจจุบันโจวเหว่ยชิงใช้พลังของขาขวาปีศาจและทักษะธาตุลมอย่างเต็มรูปแบบเพื่อเร่งความเร็วของเขาขึ้นไปจนเกือบถึงระดับสูงสุด และเขาก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายไล่จับได้ง่ายๆ แน่นอน ทว่าศัตรูทั้งสองของเขาก็เหนือว่าอย่างชัดเจนในแง่ของความเร็ว ทั้งคู่จึงสามารถขยับเข้ามาปิดช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายได้อย่างช้าๆ และมั่นคง
โจวเหว่ยชิงไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ลูกศรก็ยังคงพุ่งออกมาจากมือของเขาดอกแล้วดอกเล่า ทะยานออกไปยังคู่ต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งในขณะที่เขาเปลี่ยนรูปแบบการยิงธนูอย่างต่อเนื่อง เขามีความมั่นใจอย่างแท้จริงว่าแม้คู่ต่อสู้ของตนจะมีมณีถึง 6 ชุด แต่หากอีกฝ่ายต้องลูกศรของเขา อย่างน้อยมันก็จะทำให้ความเร็วของคนทั้งคู่ลดลงอย่างแน่นอน
อนิจจา สิ่งต่างๆ กลับไม่เป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ ลูกศรทุกดอกที่เขายิงเข้าใส่พวกเขาดูเหมือนจะหักเหออกไปด้วยพลังประหลาดทันทีที่มันเข้าใกล้อีกฝ่าย หรือบางทีคำที่แม่นยำกว่านั้นอาจจะเป็น ‘ถูกดึงออกไป’ เนื่องจากลูกศรเหล่านั้นดูเหมือนจะเลื่อนหลุดออกจากตัวพวกเขาในขณะที่พวกมันกำลังจะปะทะร่างของอีกฝ่าย พลังของทักษะการยิงธนูแบบบิดสายและธนูราชันย์ย่อมไม่อาจสร้างความเสียหายได้หากลูกศรยิงไม่โดนร่าง!
ขณะที่ช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังถูกโอบเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ในที่สุดพวกเขาก็เคลื่อนที่อยู่ห่างจากโจว เหว่ยชิงไม่ถึง 20 หลาแล้ว ทันใดนั้น สมาชิกชายคนหนึ่งของกลุ่มนักรบเป่าโปก็ยกมือขึ้นโบกมาทางโจวเหว่ยชิงอย่างกะทันหัน
……………………………………………………….