Hell mode - ตอนที่ 107
บทที่ 107 เข้าสอบ 2
(เอาละ เท่านี้น่าจะวิเคราะห์ได้พอสมควรแล้ว ไม่รู้หรอกว่าทำไมผู้กล้าถึงมาเดินเอื่อยๆอยู่แถวนี้ อย่างนี้อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีก็ได้)
อเลนจะไปสนามรบในอีก 3 ปีให้หลัง สนามรบนั้นมีพลังระดับไหน อยากรู้ว่าผู้กล้าที่ยึดชายแดนจักรวรรดิกลับคืนมาได้ในเวลา 5 ปีมีค่าความสามารถเท่าไร
ตอนที่ผู้กล้าประเมิน คริสตัลก็ปล่อยแสงที่รุนแรงออกมา แต่ยังไม่เท่าอเลน
[ชื่อ] เฮลมิออส
[พลังกาย] S
[พลังเวท] A
[พลังโจมตี] S
[ความทนทาน] S
[ความว่องไว] S
[ความฉลาด] A
[โชค] A
[พรสวรรค์] ผู้กล้า
(อืมม มีแต่ A กับ S เหรอ ดูแล้วน่าจะเป็นสายกายภาพอย่างที่จินตนาการเอาไว้)
ในระหว่างที่วิเคราะห์ค่าความสามารถ ก็ไม่ลืมที่จะจดลงสมุดเวทมนตร์
“ผมแสดงให้ดูแล้ว ทีนี้ขอดูสกิลของนักอัญเชิญหน่อยสิ”
“ถ้างั้น”
อนึ่ง ในสถานการณ์อย่างนี้ ทั้งผู้เข้าสอบและผู้คุมสอบต่างก็เห็นการพูดคุยกันของผู้กล้าและอเลน
อเลนยื่นมือออกมาต่อหน้าผู้กล้าท่ามกลางสายตาของทุกคนรวมไปถึงผู้อำนวยการ
ในระหว่างที่ทุกคนมองอยู่
(โชโรสุเกะออกมา)
สัตว์อัญเชิญสัตว์ H ที่ดูเหมือนหนูปรากฏตัวขึ้นบนฝ่ามือของอเลน
“““นี่มัน!?”””
เฮลมิออส ผู้อำนวยการ คุเรนะและโดโกร่าต่างเข้ามาดูสัตว์อัญเชิญ คุเรนะกับโดโกร่าเพิ่งเคยเห็นสัตว์อัญเชิญของอเลนเป็นครั้งแรก แล้วทำไมรู้สึกเหมือนเซซิลดูภูมิใจยังไงไม่รู้
แล้วก็ได้ยินรอบๆพูดกันว่ามีหนูออกมาจากมือ
“เรียกสัตว์ออกมาจากความว่างเปล่า อัญเชิญเหรอ เพราะอย่างนั้นเลยเป็นนักอัญเชิญสินะ”
(ดูเหมือนต่างโลกนี้จะมีคำว่าอัญเชิญอยู่ด้วย ก็อย่างนั้นแหละ)
เฮลมิออสดูสัตว์อัญเชิญที่อเลนเรียกออกมาพร้อมกับวิเคราะห์
“มันทำตามคำสั่งไหม คะ คล้ายกับผู้ใช้มอนสเตอร์นะเนี่ย? แต่เพราะจอมมารเลยถูกทำลายไปหมดแล้ว สัตว์ที่ออกมาจากนักอัญเชิญมันต่างไปงั้นเหรอ”
ดูเหมือนผู้อำนวยการเองก็วิเคราะห์สกิลของอเลน เลยบ่นพึมพำขณะที่ดูหนู
(ว่าไงนะ? ผู้ใช้มอนสเตอร์ถูกลำลายเพราะจอมมารงั้นเหรอ)
ถึงจะได้ยินจากนักผจญภัยเรเวนว่าโลกนี้ไม่มีผู้ใช้มอนสเตอร์แล้ว คิดว่าคงเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว
“ให้ดูความสามารถตามสัญญาแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
เพราะได้รับการยืนยันแล้วว่าถ้าให้ดูความสามารถจะผ่านพิธีประเมิน
อเลนกอดสัตว์อัญเชิญสัตว์ H และไปเอาป้ายจากผู้คุมสอบแล้วมุ่งหนาไปที่ตึกโดยไม่รอคำตอบของพวกผู้อำนวยการ ทุกคนเดินตามอเลนไป ดูเหมือนเฮลมิออสกับผู้อำนวยการก็ไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้
“เกือบสอบตกแล้วไม่ใช่เหรอ!”
“เอาเถอะ ถ้าถึงตอนนั้นค่อยคิดอีกที”
(ต่อให้สอบตก ก็จะไปสนาบรบอยู่ดี)
ดูเหมือนมีหลายวิธีที่จะไปสนามรบอยู่ ได้ตรวจสอบไว้แล้วเผื่อกรณีสอบตก
・วิธีที่ 1 จบการศึกษาที่โรงเรียนแล้วไปสนามรบ
・วิธีที่ 2 เสนอตัวไปสนามรบด้วยความตั้งใจของตัวเอง
・วิธีที่ 3 ไปสนามรบตามคำสั่งของขุนนาง
・วิธีที่ 4 ก่ออาชญากรรมที่ต้องโทษให้ไปสนามรบ
วิธีที่ 1 ต้องเข้าสอบที่โรงเรียน
เกี่ยวกับวิธีที่ 2 ดูเหมือนจะเสนอไปเองได้โดยไม่เกี่ยงว่ามีพรสวรรค์หรือไม่ แต่ภายในราชอาณาจักรถือเป็นข้อมูลควบคุมเลยไม่สามารถเสนอตัวได้ ตามปกติจะเป็นประชาชนของจักรวรรดิที่ชีวิตขัดสน ถ้าไม่มีพรสวรรค์จะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ แต่ทำงานอื่นๆเช่นขนของ ทำอาหารหรือพยาบาล
วิธีการที่ 3 ขุนนางเวลารับหน้าที่ไม่ได้ไปคนเดียว แต่จะพาผู้ใต้บังคับบัญชาไปด้วย ทางราชอาณาจักรเองก็อนุญาต มีขุนนางอย่างมิไฮหลายคนที่ไม่พาคนรับใช้ไป ในนั้นมีขุนนางที่พาคนรับใช้มากกว่า 10 คนไปด้วย อเลนคิดจะใช้วิธีนี้หากสอบตก ถ้ามีพรสวรรค์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรับใช้แต่ไปเป็นนักผจญภัยหรือทหารรับจ้างก็ได้
วิธีการที่ 4 ในกรณีที่มีพรสวรรค์และก่ออาชญากรรม ดูเหมือนจะยกเว้นโทษได้หากเดินทางไปพร้อมกับกองทัพ ความรุนแรงของโทษมีตั้งแต่ 1 ปี, 3 ปี, 5 ปี การติดตามกองทัพ 5 ปี มีผู้เสียชีวิตถึง 70% ระยะเวลา 5 ปี เทียบเท่ากับโทษประหาร ถ้ารอดชีวิตกลับมาจะได้ยกเว้นโทษ
พวกอเลน 4 คนมอบป้ายให้ และมุ่งหน้าสู่สนามสอบ
(เหมือนตึกของโรงเรียนเลย ห้องเรียนก็เหมือนห้องของโรงเรียนมัธยมธรรมดา ไม่ได้ใหญ่เหมือนห้องประชุมของมหาวิทยาลัย เอาเถอะเพิ่งอายุ 12 ปีเอง)
จากทางเดินของตึกสามารถเห็นห้องเรียนได้ เลยเดินไปที่ห้องเรียนที่ประชาสัมพันธ์บอก ถึงจะมีเซซิลที่เป็นขุนนางอยู่ด้วย แต่คนที่เดินนำเข้าตึกกลับเป็นอเลนที่เดินขึ้นรถไฟเวทมนตร์อย่างไม่ลังเล
พอเข้าไปในห้องเรียนทั้ง 4 คนก็นั่งตามความเหมาะสม เพราะต้องรอสอบพร้อมกันทั้งห้องเลยต้องรอก่อน พอห้องเรียนครบ 30 คนถึงจะเริ่มการสอบ
เพียงไม่นานก็ครบ 30 คนและเริ่มการสอบวิชาการ
ค่อยๆทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์, ภาษาศาสตร์, ประวัติศาสตร์
(อืมๆ ค่อนข้างยากนะเนี่ย หือ? เรื่องนี้มันเกิดขึ้นปีไหนกันนะ)
เปิดสมุดเวทมนตร์เพื่อตรวจสอบเนื้อหาที่จดไว้ มีทั้งข้อสอบที่ง่ายและยากปนกันไป
(ไม่อยากให้มีคนได้คะแนนเต็มง่ายเกินไปหรือเปล่านะ ระดับความยากนี้ถ้าเรียนตามปกติน่าจะทำได้ราวๆ 60%)
ค่อยๆทำข้อสอบไปในขณะที่นึกถึงตอนสอบเข้ามหาลัยของชาติที่แล้ว
พอประกาศว่าการสอบวิชาการเสร็จแล้ว ก็ส่งกระดาษมาให้อีกหนึ่งแผ่น สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นการทดสอบด้วย มันแตกต่างกับปัญหาก่อนหน้านี้ มีคำถามเพียงแค่ไม่กี่บรรทัด เลยอ่านคำถามบนกระดาษที่มีที่ว่างเยอะ
คำถาม 1Q
มีก็อบลิน 3 ตัว กับออร์ค 1 ตัว ถ้าคุณเป็นนักดาบจะจัดการกับอะไรก่อน
คำถาม 1A (คำตอบของอเลน)
กำจัดก็อบลิน 3 ตัวก่อน แล้วค่อยสู้กับออร์คตัวต่อตัว
เหตุผลคือถ้าโดนล้อม 4 ตัว มีความเป็นไปได้สูงที่จะโดนโจมตี และอาจจะสิ้นเปลืองพลังกายกับสมุนไพรฟื้นฟู เลยเลือกกำจัดก็อบลินที่กำจัดได้ง่ายก่อน
คำถาม 2Q
ออร์ค 1 ตัวโจมตีใส่บาทหลวงกับชาวบ้าน ถ้าคุณเป็นนักดาบจะเลือกปกป้องใคร
คำถาม 2A (คำตอบของอเลน)
ปกป้องชาวบ้าน.
เหตุผลคือ ถึงไม่รู้ว่าบาทหลวงจะทนการโจมตีของออร์คได้ขนาดไหน แต่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะต่างกับชาวบ้าน โดนสัก 2 – 3 ทีคงยังไม่ตาย เพราะอย่างนั้นเลยเลือกปกป้องชาวบ้านที่โดนโจมตีทีเดียวแล้วถึงตายได้แทน ในระหว่างนั้นให้บาทหลวงฟื้นฟูตัวเองแล้วทนการโจมตีไปก่อน ถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะช่วยทั้งบาทหลวงและชาวบ้านได้
แต่ในกรณีที่ชาวบ้านอยู่ไกลไม่สามารถช่วยได้ หรือในกรณีที่บาทหลวงไม่มีเครื่องป้องกันและอยู่ในอันตราย ไม่ใช่ว่าจะเลือกใคร แต่จะให้ความสำคัญกับคนที่อันตรายกว่าหรือสามารถช่วยเหลือได้ก่อน
(อะไรเนี่ย เหมือนเขียนเรียงความเลย การวิเคราะห์กับศีลธรรม แล้วก็ระดับของมอนสเตอร์ เป็นความรู้ขั้นต่ำที่ควรมีเลย)
อเลนคิดว่าทำไมถึงออกคำถามอย่างนี้ โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าเลเวลและค่าสเตตัสที่เรียว่าความฉลาดอยู่
ดังนั้นถ้าความฉลาดมากขึ้นจะจำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น แต่ต่อให้ความฉลาดเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าการวิเคราะห์จะมากขึ้นตามไปด้วย จิตใจเองก็ไม่ใช่จะบริสุทธิ์เสียด้วย อาจจะเป็นการทดสอบเพื่อให้รู้ถึงความสามารถในการวิเคราะห์และความรู้ที่มีต่อมอนสเตอร์ คิดว่าคงไม่อยากให้ผู้ที่มีปัญหาทางด้านศีลธรรมเข้ามาในโรงเรียน
รู้สึกเหมือนเห็นเหตุจูงใจในการก่อตั้งโรงเรียนเพื่อชุบเลี้ยงนักเรียนมาต่อสู้กับกองทัพจอมมารแล้ว
ยังมีคำถามที่คล้ายกันเหลืออยู่อีก 3 ข้อ เลยตอบให้หมด
พอสอบเสร็จ ผู้คุมสอบบอกว่าจะแปะผลการสอบไว้ที่หน้าตึกตอนช่วงเที่ยง
อีกไม่นานจะมืดแล้วเลยไปหาที่พัก
แล้วก็มาถึงเที่ยงวันถัดมา
(คิดอยู่ว่าทำไมรู้ผลสอบเร็วขนาดนี้ เพราะไม่ได้บอกรายละเอียดของคะแนน จะว่าไปเกณฑ์ผ่านอยู่ที่ระดับ C เหรอ คิดว่ายากพอควรอยู่ แต่ได้ระดับ S เหรอ)
โดโกร่าผ่านด้วยระดับ B
เซซิลผ่านด้วยระดับ A
คุเรนะผ่านด้วยระดับ C
อเลนผ่านด้วยระดับ S
(นี่ๆ คุเรนะ ผ่านแบบฉิวเฉียดเลยไม่ใช่เหรอ หรือเพราะเป็นยอดนักดาบเลยไม่อยากให้ประเมินสูงเกินไป?)
ถ้าผ่านตั้งแต่ระดับ B ขึ้นไป ทางตระกูลแกรนเวลจะช่วยค่าสอบและค่าเล่าเรียนให้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากขั้นตอนมันซับซ้อน เลยไม่ได้เรียกร้องเรื่องนั้น
ค่าสอบ 1 เหรียญทอง ค่าเล่าเรียนรายปีอยู่ที่ 10 เหรียญทอง กว่าจะจบการศึกษาต้องใช้เงินขั้นต่ำถึง 31 เหรียญทอง คนที่ยอดเยี่ยมต่อให้เป็นทาสติดที่ดิน ขุนนางของแต่ละแคว้นมีความคิดที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงส่วนนั้นให้
‘ผู้ที่สอบผ่าน กรุณามารวมตัวกันหน้าตึกด้วย’
เหล่าผู้สอบผ่านมารวมตัวกัน
มุ่งหน้าไปตามทางที่ถูกเรียก และรับฟังคำอธบายเกี่ยวกับการเข้าเรียน
ดูเหมือนจะจัดเตรียมเครื่องแบบไว้ให้ด้วย พอฟังคำอธิบายเสร็จก็ทำการวัดตัวและบอกให้เอาเสื้อผ้ากลับไปด้วย
เอาเถอะ ตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะพักที่หอ หรือไปกลับที่พัก
แล้วบอกให้แต่ละคนไปทำตรานักผจญภัยก่อนจะเข้าเรียนด้วย
“อเลนจะพักหอไหม?”
คุเรนะถามว่าจะเอาอย่างไรดี เซซิลที่เป็นขุนนางไม่ได้ว่าอะไร การกระทำในช่วงหลายวันนี้ของอเลน ทำให้ทั้ง 4 คนยอมรับว่าอเลนเป็นหัวหน้า ไวเคานต์เองบอกให้ดูแลทุกคนด้วย
เซซิลเองก็รอคำตอบจากอเลน
“ไม่ละ ไปหาบ้านเช่าที่ไหนสักแห่งแล้วให้ทุกคนอาศัยอยู่ที่นั่น”
“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นหลังจากนี้ไปกิลด์อสังหาริมทรัพย์สินะ”
เซซิลเห็นด้วยกับคำตอบของอเลน พร้อมกับบอกให้ไปหาบ้านเช่า
“เปล่า ไปเอาตรานักผจญภัยก่อน ส่วนที่อยู่ค่อยหาหลังจากนั้น”
อเลนบอกให้ไปเอาตรานักผจญภัยก่อน ด้วยเหตุนี้พวกอเลน 4 คนที่สอบผ่านได้มุ่งหน้าไปที่กิลด์นักผจญภัย