Hell mode - ตอนที่ 123
บทที่ 123 เชื้อเชิญ
อเลนเชิญคีลมาฐานเพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองการได้เป็นนักผจญภัยระดับ C ควบกับเลี้ยงต้อนรับคีลเข้าพวก
คีลบอกว่ามาไม่ได้เพราะมีครอบครัวอยู่
(ครอบครัวเหรอ กะแล้วว่าต้องเกี่ยวกับครอบครัว)
อเลนคิดมาตลอด 1 เดือนกว่าว่าทำไมคีลถึงไม่มีเงิน
ได้รางวัลจากการปราบบอสชั้นล่างของดันเจี้ยนระดับ C เกือบทุกวัน
วันนี้เพิ่งจะผ่านดันเจี้ยนอันที่ 3 แต่รางวัลของ 2 ดันเจี้ยนขั้นต่ำก็อยู่ที่ 40 เหรียญเงินแล้ว
คิดว่าน่าจะเป็นการหาเงินที่เพียงพอต่อ 1 วัน
เหตุผลที่นึกออกมี 3 อย่าง
อย่างแรก มีเงินกู้และจำเป็นต้องหาเงินมาคืน
อย่างที่สอง ต้องการเงินเพราะมีครอบครัวที่ต้องดูแล
อย่างที่ 3 แค่ชอบเงินมากๆ
อย่างที่ 3 จำได้ดีว่าโลกก่อนสมัยที่เป็นเคนอิจิมีเกมเมอร์หลายคนที่ชอบเงินมาก จัดเตรียมอาวุธและเครื่องป้องกันเท่าที่จำเป็นแล้วสะสมเงินไปเรื่อยๆ ต่อให้มีทรัพย์สมบัติหลายร้อยหรือหลายพันล้านก็ยังหาเงินต่อไม่หยุดหย่อน ทั้งที่ชีวิตจริงจำเป็นต้องหาเงินดำรงชีพแท้ๆ เลยคิดว่าคงจะชอบเงินเอามากๆ
แต่ที่ต่างโลกนี้มันเป็นของจริง ทำให้คิดว่าเหตุผลน่าจะเป็นข้อ 1 หรือไม่ก็ 2 มากกว่า
“ครอบครัว? มีหลายคนเหรอครับ?”
ทั้ง 5 คนยังอยู่ตรงห้องบอสของดันเจี้ยน อเลนถามถึงคำสารภาพของคีล
“ใช่แล้ว มีทั้งหมด 7 คน”
(ค่อนข้างเยอะนะเนี่ย เอาเถอะได้ยินมาว่ามีเฉพาะนักเรียนเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้นภาษีรายบุคคล ก็หมายความว่า?)
ตอนแรกอเลนคิดว่าส่งเงินไปให้ครอบครัวที่บ้านเกิด ถ้าแค่นั้นไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเรื่องมาฐานเลย
“ครอบครัวอยู่ที่เมืองแห่งการศึกษาเหรอครับ? ยิ่งไปกว่านั้นมีแค่คุณคีลที่ทำงานเหรอครับ?”
“ปะ เปล่าหรอก มีคนช่วยทำงานอยู่บ้าง”
ดูเหมือนครอบครัวทุกคนจะมาที่เมืองแห่งการศึกษา ต่อให้คนที่พอจะทำงานได้มีน้อยแต่ก็ต้องทำงานเพื่อให้พอต่อการดำรงชีพ แต่เพราะไม่มีคนช่วยหรือแนะนำทำให้ไม่ได้งานที่ทำเงินได้ดี
(เอ๊ะ? การที่อาศัยอยู่ด้วยกันเนี่ย ทำไมทุกคนถึงต้องออกจากบ้านเกิด?)
“อ้าว? อเลนอย่างนั้นก็ดีเลยไม่ใช่เหรอ เจอแล้วนี่”
“เอ๊ะ? อ้อ อย่างนั้นเลยเซซิล! คุณคีล ไม่ย้ายมาอยู่ที่ฐานดูเหรอครับ?”
คำพูดของเซซิลทำให้นึกถึงปัญหาที่ฐานออก
“หือ? เอ๊ะ?”
มีแค่คีลคนเดียวที่ตามไม่ทัน เลยบอกปัญหาเกี่ยวกับฐานให้ฟัง บ้านที่อาศัยอยู่ได้ 20 คน แต่ตอนนี้อาศัยอยู่เพียงแค่ 4 คน เลยมีปัญหาเรื่องการทำความสะอาดบ้านและด้านอาหารการกิน เพราะหมดเวลากับการไปโรงเรียนและลงดันเจี้ยน เลยบอกไปว่าถ้าเป็นไปได้อยากจะให้ทั้ง 7 คนมาอาศัยอยู่ที่ฐานแถมมีงานให้ทำด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
“แน่นอนว่า ถ้ามาทำงานจะจ่ายเงินเดือนให้ด้วยครับ”
“หะ ให้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เพราะเป็นพวกพ้องไงครับ ให้พูดตามตรง นิ่งดูดายสภาพของคุณคีลตอนนี้ไม่ได้ครับ”
อีก 3 คนที่เหลือพยักหน้าต่อคำพูดของอเลน
ดูเหมือนคีลกำลังใช้ความคิด
(ทิฐิหรือศักดิ์ศรีค่อนข้างสูงเลยนะเนี่ย)
ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ไม่ยอมพูดอะไรและแบกมันเอาไว้คนเดียว
“ถ้างั้น เอาอย่างนี้ดีไหม?”
เซซิลเสนอแนะให้กับคีลที่กำลังกลุ้มใจ ตอนนี้รางวัลที่ได้จากดันเจี้ยนแบ่งเท่ากัน 5 ส่วนสำหรับ 5 คน จะแบ่งสิ่งนั้นเป็น 6 ส่วนแทน โดย อีก 1 ส่วนจะใช้เป็นเงินค่าจ้างและค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวของคีล
แต่กลับกัน หินเวททั้งหมดจะเป็นของอเลน
“อย่างนี้นี่เอง เยี่ยมไปเลยนี่?”
“อืมๆ สมกับที่เป็นเซซิล!”
โดโกร่ากับคุเรนะเห็นด้วย ตอนแรกที่เปิดหาพรรคพวกอเลนไม่ได้บอกว่าจะต้องมอบหินเวททั้งหมดให้อเลน เลยแบ่งหินเวทในส่วนของคีลให้ตลอด
ถ้าย้ายมาแล้ว จะให้ที่อยู่, งาน และของต่างๆแต่จะต้องให้หินเวททั้งหมดกับอเลน และบอกไปว่าไม่ใช่การให้ยืม เท่านี้ความรู้สึกผิดในใจของคีลคงจะหายไปแล้ว
คีลที่ได้ยินถึงขนาดนั้น เงยหน้าขึ้นมา
“ขอโทษด้วยนะ ขอเป็นอย่างนั้นได้ไหม?”
จากสีหน้าที่เห็น ดูเหมือนจะคิดถึงครอบครัวและเลือกย้ายมาอยู่ที่ฐาน
“แน่นอนครับ! ถ้างั้นไปเปลี่ยนตรานักผจญภัย แล้วเตรียมงานเลี้ยงกันเถอะ”
คีลยอมมาที่ฐานตามคำเชิญ
ไปกิลด์นักผจญภัยเพื่อเปลี่ยนตรานักผจญภัยของทุกคนจากระดับ D เป็น C ส่วนคีลกลับไปยังที่ที่ครอบครัวอยู่เพื่อพาทุกคนมา
ในระหว่างนั้นพวกอเลนก็เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับ
พูดคุยกันว่าถึงพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดแต่จะไม่ไปดันเจี้ยน และไปช่วยย้ายของจากบ้านคีล
เปลี่ยนตรานักผจญภัยได้อย่างไม่มีปัญหา
พี่สาวเจ้าหน้าที่ของกิลด์นักผจญภัยบอกว่า เป็นระดับ C กันแล้วสินะ ก่อนบอกเสริมว่า ดันเจี้ยนระดับ B มันแตกต่างกับดันเจี้ยนระดับ C ถ้าให้ดีควรหาข้อมูลล่วงหน้าก่อนลง
เขาบอกว่าจะพาครอบครัวทุกคนมาถึงก่อนค่ำ เพราะบอกว่ามีเด็กเล็กอยู่ด้วย เลยไม่ได้ซื้อแค่เนื้อกับขนมปัง แต่ซื้อขนมกับผลไม้ที่ร้านขายของด้วย
เนื่องจากไม่มีคนที่ทำอาหารเป็น ของที่เตรียมทุกอย่างจึงเป็นของที่ซื้อมาจากร้าน
ไปซื้อผ้าห่มกับจานอาหารเท่าจำนวนคน แล้วก็มาถึงเวลาที่บอกเอาไว้
(เอาละ เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับเท่าที่พอจะทำได้แล้ว เท่านี้คุณคีลจะได้มาเป็นปาร์ตี้อย่างเป็นทางการสักที!)
ยังรู้สึกห่างเหินอยู่นิดหน่อย อีก 3 คนนอกจากอเลนเองก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกับคีลเลย แต่ก็คิดว่าอย่างนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหานั้นได้อยู่
ใกล้ค่ำแล้ว
ในระหว่างที่ 3 คนเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับภายในฐาน อเลนก็ออกไปรอครอบครัวของคีลข้างนอก
แล้วกลุ่มคน 8 คนที่รวมคีลเข้าไปด้วยก็มาถึง
(เอ๊ะ? อายุน้อยนะเนี่ย ไม่สิต้องบอกว่าเด็กเลยต่างหาก)
สิ่งที่อเลนคิดขึ้นมาตอนเห็นทั้ง 8 คนคือไม่มีผู้ใหญ่เลย อายุน้อยสุดน่าจะ 8 ขวบ ส่วนอายุมากสุดน่าจะราวๆ 15 ปี มากกว่าคีลนิดหน่อย มันเป็นกลุ่มอย่างนั้น
ที่โลกนี้อายุ 15 ปีถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สำหรับอเลนแล้วยังถือว่าเด็ก
คิดว่าน่าจะมีพ่อแม่อยู่ด้วย หรือไม่ก็มีปู่ย่าที่พิการอยู่ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น
“โทษที วันนี้ว่าจะเอาของที่ขนได้มาก่อนน่ะ นี่มาช้าไปหรือเปล่า?”
ด้านหลังของคีลมีผ้าห่อของขนาดใหญ่อยู่ แถมมีบางคนที่ถือสัมภาระขนาดใหญ่มาด้วย
“ไม่หรอก ทางนี้เพิ่งเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับเส็รจพอดี ถ้างั้นเชิญเข้าบ้าน……”
ก่อนที่อเลนจะพูดจบก็มีเด็กผู้หญิงอายุน่าจะ 10 ขวบพอๆกับมัชชูออกมาข้างหน้า เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีผมสีบลอนด์แบบเดียวกับคีล
“หนูชื่อนีน่าค่ะ ต้องขอขอบพระคุณมากเลยนะคะกับการเชื้อเชิญในครั้งนี้”
เธอพูดอย่างนั้น ก่อนจะจับจีบกระโปรงพร้อมกับทำท่าถอนสายบัว
“อ้า ยินดีที่ได้รู้จัก”
(เอ๊ะ? นี่มัน? จะว่าไปที่อยู่ด้านหลัง)
รู้สึกสับสนกับการทักทายที่เป็นทางการ ประชาชนธรรมดาไม่มีทางทักทายเช่นนี้ ไม่เพียงแค่นั้น
ส่งสายตาไปหาเหล่าคนที่อยู่ด้านหลังเด็กผู้หญิงที่ชื่อนีน่าซึ่งทักทายออกมา
ถึงเสื้อผ้าของทุกคนจะไม่ได้เลิศหรู แต่เป็นเครื่องแบบที่คุ้นเคย เครื่องแบบที่เด็กผู้ชายสวมอยู่ เป็นเสื้อแบบเดียวกับที่อเลนเคยสวมตอนอยู่คฤหาสน์มา 4 ปี
ชุดของนีน่าเองก็ไม่ได้เลิศหรู แต่เธอสวมกระโปรงมีจีบที่ประชาชนธรรมดาไม่สวมใส่กัน
“โทษทีนะ มีอะไรหลายอย่างนิดหน่อย ไว้ค่อยคุยหลังจากนี้ก็แล้วกัน”
“อ้อ เข้าใจแล้ว”
ถึงจะยังสับสนแต่ก็เชิญเข้าไปในฐาน ดูเหมือนคีลจะอธิบายให้ฟังหลังจากนี้
บอกให้วางสัมภาระรวมกันไว้ตรงชั้น 1 หลังจากนี้ถ้าแบ่งห้องเสร็จค่อยยกขึ้นไป
ดูเหมือนจะไม่ผิดจากที่อเลยคาดเอาไว้ เด็กเล็ก 8 คนย้ายมาใช้ชีวิตอย่างอัตคัดที่เมืองแห่งการศึกษา
ถึงจะประหลาดใจแต่ยังอยากเลี้ยงต้อนรับอย่างเต็มที่ และพาไปยังห้องอเนกประสงค์ที่ทั้ง 4 คนใช้กินอาหารตามปกติ บ้านนี้กว้างขนาดที่อยู่อาศัยได้ถึง 20 คน ดังนั้นห้องอาหารเองก็กว้างพอจะจุคนได้ถึง 20 คนเช่นกัน
(อืม ดีนะเนี่ยที่มีโต๊ะเตรียมไว้ให้)
วางเก้าอี้ตามจำนวนคนไว้ตรงโต๊ะขนาดใหญ่ โดยมีอาหารที่เอาไว้เลี้ยงต้อนรับเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
ที่นี่เป็นเขตที่มีนักผจญภัยอยู่เยอะ ทำให้อาหารค่อนข้างเถื่อน ทั้งเนื้อและขนมปังมีแต่ก้อนโตๆ เลยหั่นแบ่งวางไว้บนโต๊ะ ผลไม้และขนมเองก็มีอยู่เพียบ
แล้วงานเลี้ยงต้อนรับที่คาดไม่ถึงของทั้ง 8 คนรวมไปถึงคีลก็เริ่มขึ้น