Hell mode - ตอนที่ 127
บทที่ 127 ตรวจสอบ
คีลกับนีน่าผู้เป็นน้องสาวและเหล่าคนรับใช้ของตระกูลคาร์เนลได้มาอาศัยอยู่ที่ฐาน พอคีลบอกว่าจะให้อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน คนรับใช้ที่อายุมากสุดราวๆ 15 ปีก็ตอบออกมาว่า จะเอาอย่างนั้นจริงหรือครับ
วันรุ่งขึ้นไปช่วยย้ายบ้าน ก่อนจะซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันและพวกเครื่องครัวให้เรียบร้อย
หลังจากที่ยืนยันอายุเสร็จก็ทำการกำหนดเงินเดือนของคนรับใช้ทั้ง 6 คน โดยรวม 6 คนต้องจ่ายอยู่ที่ 3 เหรียญทอง กับ 40 เหรียญเงิน
・คนรับใช้ชายอายุ 15 ปี 1 เหรียญทอง
・คนรับใช้หญิงอายุ 15 ปี 1 เหรียญทอง
・คนรับใช้ฝึกหัดชายอายุ 10 ปี 50 เหรียญเงิน
・คนรับใช้ฝึกหัดหญิงอายุ 10 ปี 50 เหรียญเงิน
・เด็กชายหญิงอายุ 8 ขวบเป็นเด็กรับใช้ได้ 20 เหรียญเงิน
กำหนดตามเรทปกติของคนรับใช้ ถ้าคิดจากภาษีรายบุคคลที่คนอายุมากกว่า 15 ปีต้องเสีย 3 เหรียญทอง แต่ถ้ายังอายุไม่ถึงก็เสีย 1 เหรียญทอง บางทีอาจจะน้อยกว่าปกติทั่วไปก็ได้
เกี่ยวกับเรื่องนั้น หลังจากนี้จะไปลุยดันเจี้ยนระดับ B และ A ถ้าหาเงินได้มากขึ้น แล้วเจ้าบ้านอย่างคีลขอมาค่อยคิดอีกที
เท่านี้คีลที่มีพรสวรรค์ของบาทหลวงก็มาอาศัยอยู่ที่ฐาน ถึงดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีแต่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
แล้วก็รู้สึกถึงความขัดแย้งจากเรื่องที่คีลเล่าให้ฟังตอนวันงานเลี้ยงต้อนรับ
สิ่งนั้นคือการกระทำของไวเคานต์คาร์เนลที่มีต่อคีล ขุนนางที่รู้ว่าลูกของตัวเองมีพรสวรรค์จากพิธีประเมิน จะแบ่งการกระทำออกได้เป็นสองประเภท
ประเภทแรกจะเศร้าเรื่องของลูก และเคลื่อนไหวหาทางให้ลูกของตัวเองไม่ต้องไปรับหน้าที่ ซึ่งตระกูลแกรนเวลเป็นแบบนี้ เพื่อที่จะให้ลูกสาวไม่ต้องไปรับหน้าที่ของขุนนาง เลยเร่งให้ขุดเหมืองมิธริลเร็วๆ
ประเภทที่สองคือ ดีใจที่รู้ว่าลูกของตัวเองมีพรสวรรค์ จริงๆแล้วดูเหมือนตั้งแต่เมื่อก่อนจะมีขุนนางรูปแบบนี้ค่อนข้างเยอะ ถ้าให้พูดว่าเพราะอะไร นั่นก็เพราะว่าขุนนางที่ทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงจะได้รับการต้อนรับอย่างยอดเยี่ยม ถ้าทำงานในพระราชวังแล้วละก็จะได้รับตำแหน่งสำคัญ หรือถ้าเป็นขุนนางที่ปกครองแคว้นจะได้รับการลดหย่อนภาษี
ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง มีตระกูลขุนนางซึ่งสืบทอดตำแหน่งนายพลที่มีชื่อเสียงจนเป็นเรื่องปกติ หากตระกูลนั้นให้กำเนิดผู้ชายที่บอบบางมาแล้วละก็ ตำแหน่งนายพลในรุ่นถัดไปคงได้หลุดลอยไปเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ของนักดาบ เขามาโรงเรียน แล้วถ้าทำหน้าที่ 3 ปีให้สำเร็จลุล่วงแล้วละก็ คงกลับมาสมชายชาตรีและมีการต้อนรับที่ยอดเยี่ยมรออยู่
นี่คือเรื่องเล่าของตระกูลฮามิลตัน ได้ยินจากริโฟลที่พ่อดีใจและบอกให้ไปโรงเรียน
ถ้าเป็นตระกูลที่รุ่งเรื่องแล้วจะดีใจกับเด็กที่มีพรสวรรค์
ส่วนคีลคิดว่าไม่ใช่ทั้งสองแบบ คิดว่าจะพาคีลไปแอบซ่อนจากราชวงศ์แต่กลับปฏิบัติอย่างเย็นชา
แล้วราชทูตที่มาหาคีลตอนโดนกักตัวมันอะไรกันแน่
ภายในใจของอเลน ความเชื่อใจเกี่ยวกับราชทูตมันต่ำเตี้ยมาก คิดว่าควรตรวจสอบสัญญาที่จะฟื้นฟูตระกูลคาร์เนลถ้าคีลทำหน้าที่ครบ 5 ปีว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
วันนี้ทำการตรวจสอบสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับคีล ตรงห้องเอกสารชั้น 3 ของกิลด์นักผจญภัย
มาตรวจสอบเกี่ยวกับดันเจี้ยนระดับ B ต้องการรู้เรื่องกับดักเป็นหลัก
วันก่อน ตอนมาขอตรานักผจญภัยระดับ C เจ้าหน้าที่กิลด์นักผจญภัยบอกว่าควรจะตรวจสอบก่อน นั่นก็เพราะว่าที่เมืองแห่งการศึกษาในช่วงปีแรกของการเป็นนักผจญภัยระดับ C จะมีคนตายเยอะเป็นอันดับหนึ่ง
เธอบอกมาว่านักผจญภัยจะไปลุยดันเจี้ยนระดับ B เหมือนกับตอนดันเจี้ยนระดับ C ไม่ได้
ปัจจุบัน อเลน, เซซิล, โดโกร่า และคีล 4 คนกำลังอ่านเอกสารอยู่
“ฉะ ฉันเองก็อยากตรวจสอบด้วย……”
คุเรนะทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“ไม่ได้ คุเรนะจำสิ่งที่เขียนอยู่ตรงนั้นซะ”
“อึ้ก……โหดร้าย……”
คุเรนะมีการบ้านอย่างอื่น นั่นคือให้ฝึกเพื่อเตรียมสอบข้อเขียนของเดือนหน้า อเลนทำการเรียบเรียงข้อมูลในคาบเรียนไว้ในสมุดเวทมนตร์ ทำให้ระหว่างเดินทางในดันเจี้ยนก็สามารถอ่านเนื้อหาได้
คุเรนะดูเนื้อหาเกือบ 2 เดือนที่อเลนเรียบเรียงไว้ในสมุดเวทมนตร์ เพื่อเตรียมตัวสอบเดือนหน้า ถึงจะรู้สึกว่าต่อให้สอบตกก็คงจะพอทำอะไรได้อยู่ แต่ไม่อยากให้สอบตก
กองทัพจอมมารไม่ได้มีแค่ฝูงมอนสเตอร์ แต่มีสายสั่งการที่มีความเฉลียวฉลาดอยู่ด้วย แผนการรบเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากไม่ฉลาดพออาจจะไม่เข้าใจคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เพราะเรื่องนี้ทำให้โรงเรียนเน้นสอนวิชาทั่วไปตอนปี 1ด้วย
เริ่มหาตั้งแต่เช้าตรู่ อาหารกลางวันก็ไปกินร้านที่อยู่ใกล้ๆกิลด์นักผจญภัย
แล้วเวลาก็ล่วงเลยบ่าย 3 ไป
ทั้ง 5 คนมานั่งเพื่อแชร์สิ่งที่ตรวจสอบร่วมกัน
“ดูเหมือนกับดักอัญเชิญจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากอยู่ จู่ๆมีมอนสเตอร์ระดับ C หลายสิบตัวโผล่ออกมาล้อมเนี่ย”
โดโกร่าบอกสิ่งที่เห็นจากในเอกสาร
อย่างไรก็ตามดันเจี้ยนประกอบไปด้วยทางเดินและห้องเล็ก โดยตรงพื้นหินของห้องเล็กหากไปเหยียบโดนปุ่มจะทำให้มอนสเตอร์โผล่ออกมาล้อม กับดักอัญเชิญของดันเจี้ยนระดับ B มีบ่อยครั้งที่มีมอนสเตอร์ระดับ C โผล่ออกมา ส่วนจำนวนที่ออกจะสุ่มตั้งแต่ 5 – 30 ตัว
“ไม่ใช่แค่กับดักอัญเชิญเท่านั้น ไหนจะมีพวกลูกดอก, พิษและหลับค่อนข้างเยอะด้วย ฉันยังจำเวทมนตร์ฟื้นฟูแก้พิษไม่ได้ด้วยสิ จะไม่จ้างสายสอดแนมเหรอ?”
・พิษ
・หลับ
・ลูกดอก
คีลเองก็เข้าร่วมบทสทนาด้วย นั่นก็เพราะว่าอเลนมาพูดคุยราวกับเป็นเรื่องปกติ แถมคีลเป็นคนบอกเองว่าไม่จำเป็นต้องเติม “คุณ” เลยจะทำแบบเดิมไม่เปลี่ยน
“ไม่คิดจะเพิ่มพวกพ้องไปมากกว่านี้แล้ว”
บอกกับทุกคนไปว่าจะไม่จ้างสายสอดแนมหรือสายโจรที่ปลดกับดักได้ การเอาสายสอดแนมมาเป็นพวกคงพาไปสู้กับกองทัพจอมมารไม่ได้
อเลนคิดว่าคงไม่มีโจรที่จะไปสู้กับจอมมารหรอก เลยไม่มีความจำเป็นต่อปาร์ตี้ที่เมืองแห่งการศึกษานี้
อเลนมีสัตว์อัญเชิญที่ใช้ทักษะพิเศษได้หลากหลายอย่างการค้นหาศัตรู แถมมียาที่สามารถป้องกันพิษหรือหลับอยู่ เลยจะไปที่ร้านขายยาเพื่อรับมือกับเรื่องนี้อยู่ บางทีทักษะพิเศษ “เครื่องเทศ” ของสัตว์อัญเชิญพืช C อาจจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ก็ได้
ได้พูดเรื่องจอมมารกับคีลแล้ว ดูเหมือนเขายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ที่มีปฏิกิริยาอย่างนี้เพราะยังขาดหลักฐานที่น่าเชื่อ ถือ เลยบอกไปว่าเดี๋ยวได้เรียนตอนประวัติศาสตร์จอมมารเอง
คีลยังจำเวทมนตร์ฟื้นฟูแก้พิษหรือสถานะผิดปกติไม่ได้ หลังจากนี้ถ้าหากจำได้แล้วคงรับมือกับพวกกับดักสายพิษหรือมอนสเตอร์สายพิษได้
“ดูเหมือนจะมีมอนสเตอร์ที่ใช้พิษได้ด้วย ไหนจะเดธสไปเดอร์อีก ไหนจะมีมอนสเตอร์ระดับ B อย่างมิมิคที่ปลอมตัวเป็นหีบสมบัติอยู่ด้วย”
อเลนพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองตรวจสอบ มีมอนสเตอร์ที่ใช้สถานะผิดปกติอยู่เยอะ แถมมอนสเตอร์ยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามดันเจี้ยน ดันเจี้ยนระดับ B มีจุดเด่นตรงที่มีมอนสเตอร์สายแมลงหรือวิญญาณอยู่ด้วย ถ้าเป็นแมลงต้องหาทางรับมือกับพวกพิษและชา ส่วนสายวิญญาณดูเหมือนการโจมตีแบบกายภพจะไม่ค่อยได้ผล
มีนักผจญภัยหลายคนที่พลาดท่าให้กับมิมิคมอนสเตอร์ระดับ B ที่ปลอมเป็นหีบสมบัติ มอนสเตอร์ระดับ B ค่อนข้างอันตราย มีบ้างที่ถูกปิดตายอยู่กับมันในห้องเล็ก
“อืม จะล่ามิมิคทั้งหมดจริงเหรอ?”
“อือ ดูเหมือนถ้าปราบมิมิคจะได้ไอเทมล้ำค่าอยู่ด้วย”
“โอ้ว! ถ้างั้นจัดการมันน่าจะดีกว่านะเนี่ย!!”
ดูทรงคีลคงเห็นด้วยกับการตามหาหีบสมบัติก่อน
เป้าหมายในการลุยดันเจี้ยนคือหาเงิน, อุปกรณ์ล้ำค่า แล้วก็แหวนฟื้นพลังเวท บางครั้งมิมิคจะดรอปไอเทมมาด้วย ซึ่งมันสุ่มมาก มีบันทึกไว้ว่าเคยดรอปอาวุธที่ขายได้มากกว่า 100 เหรียญทองอยู่ ถ้าล่าอย่างจริงจังน่าจะดรอปไอเทมที่ยอดเยี่ยมก็ได้
“ถึงอย่างนั้น ดันเจี้ยนมันคืออะไรกันแน่? ดูเหมือนจะอยู่มาเกิน 1000 ปีแล้วด้วย”
เซซิลพึมพำในขณะที่ดูเอกสารโบราณ
(หือ? ดูเหมือนจะมีแค่เซซิลที่ตรวจสอบผิดทาง)
อเลนสมัยที่เป็นเคนอิจิ แทบจะไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาหรือภูมิหลังที่เกมกำหนดไว้เลย ต่อให้กำหนดเนื้อเรื่องมาดีหรือไม่ดี สิ่งที่ต้องทำมีแค่เพิ่มเลเวล หรือไม่ก็ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ต่อให้ไปลุยหอคอยใหม่ ก็ไม่ได้สนใจเลยว่าทำไมหอคอยนั้นมาอยู่ตรงนี้ ไม่เคยคิดจะอ่านคำอธิบายเลยสักครั้ง
ทำให้คิดว่าเกมเมอร์น่าจะเป็นแบบนั้นกัน
เซซิลบอกเกี่ยวกับสิ่งที่ตรวจสอบ ดันเจี้ยนมีอยู่ที่แห่งบนโลกไม่ว่าจะในราชอาณาจักรหรือจักรวรรดิ ถึงจะมีคำอธิบายที่หลากหลาย แต่ก็ไม่รู้ว่ามีไว้เพื่อให้นักผจญภัยเข้าไปสำรวจ หรือมีพระเจ้าที่คอยควบคุมดันเจี้ยนอยู่กันแน่
“แต่เท่าที่ดูจากเอกสาร เมื่อราวๆ 1000 ปีก่อนน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เพราะไม่เจอเอกสารที่เก่ากว่านั้นเลย”
ไม่ว่าจะเอกสารไหนๆ ก็มีบันทึกเกี่ยวกับดันเจี้ยนแค่ 1000 ปีก่อน
“โหๆ”
คุเรนะเริ่มอ่านเอกสารที่ได้รับมาจากเซซิล
“จะว่าไป คุเรนะอ่านสมุดเวทมนตร์จบแล้วเหรอ?”
“โหว โหว”
คุเรนะส่งเสียงออกมายืดยาวไม่ตอบอะไร และซ่อนหน้าไว้หลังกระดาษ
“เอาละ คุเรนะพอกลับไปที่ฐาน……”
ตอนนั้นเอง คุเรนะรีบวิ่งอย่างรุนแรงไปตรงทางออก แต่อเลนก็ไปจับคุเรนะที่คิดจะหนี
“ฮือ……”
เธอส่งเสียงออกมาราวกับถึงจุดจบของชีวิต นอกจากอเลนแล้วคนอื่นมองคุเรนะด้วยแววตาเห็นใจ แต่ไม่มีใครคิดจะไปช่วยเลย
คุเรนะเติบโตได้ไวกว่าอเลน 100 เท่า แต่ค่าความสามารถด้านความเร็วของอเลนและคุเระนะอยู่ที่ A อเลนตอนที่เป็นคนรับใช้ฝึกหัด ได้เพิ่มเลเวลไปค่อนข้างเยอะ ทำให้ตอนนี้อเลนยังเป็นคนนำทัพ
(เอาละ ตรวจสอบเสร็จแล้ว น่าจะได้เวลาไปลองดันเจี้ยนระดับ B แล้วสินะ)
อเลนตั้งเป้าหมายลุยดันเจี้ยนใหม่ในขณะที่ยังจับคุเรนะอยู่