Hell mode - ตอนที่ 138
บทที่ 138 มกุฎราชกุมาร
พอเข้าเดือนตุลาคม การลงดันเจี้ยนแสนสนุกในวันหยุดฤดูร้อนก็สิ้นสุดลง
เพราะเข้าสู่เดือนตุลาคมแล้ว ทำให้อเลนอายุ 13 ปี
พวกอเลนผ่านดันเจี้ยนระดับ A หนึ่งแห่งในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ตอนนั้นได้รับการ์ด “ใบรับรองการผ่านดันเจี้ยนระดับ A” มาจากลูกบาศก์ที่เป็นระบบควบคุมดันเจี้ยน
พวกอเลนเอา “ใบรับรองการผ่านดันเจี้ยนระดับ A” ไปที่กิลด์นักผจญภัย ถึงจะถามจากระบบควบคุมดันเจี้ยนมาพอประมาณแล้ว แต่อยากไปรวบรวมข้อมูลที่กิลด์นักผจญภัยด้วย
พี่สาวพนักงานของกิลด์นักผจญภัย พอเห็นใบรับรองการผ่านดันเจี้ยนระดับ A ก็พูดออกมาด้วยหน้าตาจริงจังว่า “โกหกน่า” คนที่ผ่านดันเจี้ยนระดับ A ในเมืองแห่งการศึกษาแทบจะนับคนได้
เนื่องจากอเลนมาเปิดรับหินเวททุกสัปดาห์ ทำให้พนักงานทุกคนรู้จักอเลน แถมรู้ดีด้วยว่าเป็นนักเรียนปี 1
เพราะผ่านด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ดูเหมือนถ้าไม่ใช้สัตว์อัญเชิญในการตรวจสอบเส้นทางกว่าจะผ่านได้ต้องใช้เวลาราวๆ 1 ปี
และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนระดับ S เท่าที่กิลด์นักผจญภัยรู้ ดูเหมือนเงื่อนไขในการให้ข้อมูลคือต้องแสดงใบรับรองการผ่านนี้
ข้อมูลจากพนักงานของกิลด์นักผจญภัย เธอบอกว่ามีดันเจี้ยนระดับ S อยู่จริงๆ ถ้ารวบรวมตราครบ 5 ดวงแล้ว ลูกบาศก์จะนำทางไปยังดันเจี้ยนระดับ S
พอถามไปว่ามีนักผจญภัยที่ไปดันเจี้ยนระดับ S หรือเปล่า เธอบอกมาว่าไม่มี เดิมทีไม่มีข้อดีที่นักผจญภัยจะผ่านดันเจี้ยนระดับ A หลายแห่งอยู่แล้ว
ปาร์ตี้ของพวกอเลน ต้องการรางวัลปราบบอสชั้นล่างสุดของระดับ A ให้มากขึ้น หลังจากนี้เลยจะไปลุยดันเจี้ยนระดับ A เพิ่ม
เธอบอกมาต่อว่า ปาร์ตี้นักผจญภัยผ่านดันเจี้ยนระดับ A แค่หนึ่งก็เพียงพอแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครที่ลงดันเจี้ยนระดับ A ซ้ำหลายแห่งใน 1 วัน
นั่นก็เพราะว่าถ้าหากบอสชั้นล่างสุดเป็นสายมังกรแล้วละก็ คงเสียสละสมาชิกปาร์ตี้พอสมควร โอกาสที่บอสชั้นล่างสุดจะออกมันไม่ได้สุ่มออกมาอย่างเสมอภาค
มีหลายปาร์ตี้ที่สลายกลุ่มหลังจากรวมตัวหารางวัลพอปประมาณจากดันเจี้ยนระดับ A ได้แล้ว
ซึ่งในนั้นอาจจมีคนตั้งเป้าถึงการผ่าน 5 แห่งอยู่ แต่ในหลายสิบปีมานี้ไม่มีใครไปดันเจี้ยนระดับ S ที่ราชอาณาจักรเลย
“ผ่านดันเจี้ยนระดับ A ได้เนี่ยสุดยอดไปเลยนะ ฉันผ่านดันเจี้ยนระดับ C ได้ก็พอใจแล้วนะเนี่ย”
เด็กหนุ่มรูปงามฟังเรื่องเล่าของอเลน
ตอนเช้าพอเช้ามาในห้องเรียน ดูเหมือนหลายวันก่อนจะได้ยินมาว่าปาร์ตี้ของพวกอเลนผ่านดันเจี้ยนระดับ A ได้แล้ว เหล่านักเรียนที่ผ่านการบ้านวันหยุดฤดูร้อนเลยเข้ามาถามกันไม่หยุด
ช่วงเวลานั้นเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าอเลนไม่ได้เข้ามาพูดคุยด้วยเพราะโดนเหล่านักเรียนคนอื่นล้อมอยู่ เขาถามว่าตอนพักเที่ยงมีเวลาหรือเปล่า ดูเหมือนมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย
ก่อนจะได้ถามว่าเรียกมาด้วยเรื่องอะไร เขาบอกให้พูดเรื่องเกี่ยวกับดันเจี้ยนให้ฟังก่อน เลยพูดเรื่องเกี่ยวกับดันเจี้ยนระดับ C ถึง A ออกไปแต่ไม่พูดถึงดันเจี้ยนระดับ S
พวกอเลน 5 คน ถูกเรียกไปที่ห้องหนึ่งของตึกเรียน
คนที่เรียกคือ ริโฟล ฮามิลตันแห่งตระกูลเคานต์ฮามิลตัน
ริโฟลบอกว่ามีธุระกับแค่อเลน เซซิล และคีลเท่านั้น แต่เพราะคุเรนะกับโดโกร่าอยู่ปาร์ตี้เดียวกัน เลยบอกว่า 2 คนนั้นจะมาด้วยก็ได้
ถ้ามีอเลน เซซิลและคีลพอจะคาดเดาได้เลยว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
“แล้วเรียกมามีธุระอะไรงั้นเหรอ? คิดว่าคงไม่ได้เรียกมาเพราะอยากฟังเรื่องของดันเจี้ยนอย่างเดียวหรอกนะ?”
“อือ เกี่ยวกับตระกูลคาร์เนลน่ะ”
(กะแล้วเชียว)
คีลตอบสนองเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลคาร์เนล
ริโฟลรู้อยู่แล้วว่าคีลเป็นคนของตระกูลคาร์เนล แน่นอนว่ารู้เหมือนกันว่าเซซิลเป็นคนของตระกูลแกรนเวล
เกี่ยวกับเรื่องของเซซิลที่เป็นบุตรีของตระกูลแกรนเวลทุกคนในห้องเรียนรู้ดีอยู่แล้ว นักเรียที่เกิดในแคว้นแกรนเวล เวลาเจอเซซิลที่ห้องเรียน จะทักทายว่า “สวัสดียามเช้า” กับเซซิล คงอยากให้จดจำได้
ที่ไม่รู้คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับคีลที่นั่งห่างออกไป
“เกี่ยวกับตระกูลคาร์เนล เรื่องของคีลเหรอ?”
“อือ เพราะอย่างนั้นทำให้ที่พระราชวังค่อนข้งาวุ่นวายเลย ถ้าพระราชวังวุ่นวายไปมากกว่าคิดว่าท่านพ่อคงลำบากหลายเรื่องอยู่หรอก”
ริโฟลขมวดคิ้วทำหน้าลำบากใจ
(หือ? ถึงยังไม่ได้ยินอะไรจากไวเคานต์เลย แต่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวเอาเรื่องเลยสินะ? อย่างไรก็ตาม จะบอกว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องของแคว้นพ่อเหรอ?)
เกือบ 2 เดือนแล้วที่ให้สัตว์อัญเชิญนก F ไปอยู่กับไวเคานต์
“เอาเถอะ ถ้าคิดว่าเป็นงานของแคว้นพ่อก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“…โธ่ อย่าพูดอย่างนั้นสิ จะว่าไป อเลนเป็นอดีตทาสติดที่ดินเหรอ? ดูไม่เห็นเหมือนเลยนะ”
อเลนคุยกับลูกชายตระกูลเคานต์ได้อย่างปกติ ก่อนหน้านี้ริโฟลได้บอกชื่อของตัวเองไปแล้ว อเลนเลยบอกไปว่าเป็นอดีตทาสติดที่ดิน ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆริโฟลจะได้เป็นเคานต์ฮามิลตัน เนื่องจากเป็นลูกชายของแคว้นพ่อทำให้เซซิลกับคีลฟังบทสทนาเงียบๆ
แคว้นพ่อ แคว้นลูก เป็นความสัมพันธ์การปกครองระหว่างขุนนาง โดยขุนนางชั้นผู้ใหญ่จะเป็นแคว้นพ่อ ส่วนขุนนางชั้นผู้น้อยที่ได้รับความช่วยเหลือจะเป็นแคว้นลูก
แคว้นพ่อของตระกูลไวเคานต์แกรนเวลคือตระกูลเคานต์ฮามิลตัน ซึ่งเป็นแคว้นพ่อของตระกูลไวเคานต์คาร์เนลเช่นกัน ทั้งที่แคว้นลูกความสัมพันธ์ไม่ดีแต่เคานต์ฮาทิลตันกลับไม่ยอมทำอะไร
ปีก่อนโดนบอกว่าไม่ยอมทำหน้าที่ในฐานะแคว้นพ่อเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลคาร์เนล ไม่รู้เหมือนกันว่าไวเคานต์แกรนเวลไปพึ่งพาตระกูลฮามิลตันขนาดไหน แต่คิดว่าคงทำตามที่ควรจะทำนั่นแหละ
อนึ่ง ตระกูลฮามิลตันเองไม่สามารถพูดขึ้นเสียงกับตระกูลคาร์เนลที่มีอำนาจในการขุดมิธริล
“พระราชวังวุ่นวายเนี่ย ไวเคานต์ทำอะไรงั้นเหรอ?”
ลองถามดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่พระราชวัง แต่อเลนคิดว่าคงไม่ได้ร้ายแรงเหมือนฤดูหนาวปีก่อน
ริโฟลเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงพระราชวังเมื่อเดือนก่อนให้ฟัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนขุนนางและเหล่าเชื้อพระวงศ์กับลังเข้าเฝ้า
ไวเคานต์คุกเข่าลงและตะโกนบอกพระราชาว่า “ขอบพระคุณมากเลยครับ ที่พิจารณาให้บุตรของตระกูลไวเคานต์คาร์เนลฟื้นฟูแคว้นคาร์เนล!”
พระราชาพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “พูดเรื่องอะไรกัน?” ทำให้เกิดเสียงจอแจในเหล่าคนที่เข้าเฝ้า ว่าพูดถึงเรื่องอะไรกัน
ไวเคานต์พูดต่อไปว่า “ไม่จำเป็ฯต้องปิดบังหรอกครับ อุตส่าห์ให้ราชทูตไปบอกข่าวดีถึงแคว้นคาร์เนลเลยไม่ใช่หรือครับ ที่ให้ทำงาน 5 ปีแล้วจะพิจารณาเรื่องฟื้นฟูตระกูลครับ”
พระราชาที่ได้ฟังถึงขนาดนั้นก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในทันที ราชทูตเป็นแขนขาของราชวงศ์ ขุนนางไม่สามารถสั่งการได้ คนที่สั่งให้ราชทูตเคลื่อนไหวได้มีแค่พระราชา หรือไม่ก็เชื้อพระวงศ์ที่มีสิทธิ์ในการสืบทอดราชบัลลังก์เท่านั้น
ถ้าพระราชาไม่รู้เรื่องแล้วละก็จะต้องมีเชื้อพระวงศ์สักคนใช้ราชทูต ถึงมีบ้างที่ใช้ราชทูตด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่เรื่องในครั้งนี้แอบอ้างชื่อของพระรา จะยอมให้ใช้ชื่อของพระราชาในการทำเรื่องส่วนตัวไม่ได้
พระราชาถามเหล่าพระราชโอรสและพระราชธิดาว่า “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?” แต่ไม่มีใครตอบกลับมาสักคน เอาแต่ส่ายหัวไปมาว่าไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
พระราชาถามไวเคานต์อีกทีว่า “เรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?” ทันใดนั้นไวเคานต์ก็บอกว่า “มีบันทึกการใช้เรือเหาะของราชทูตอยู่ครับ” ก่อนจะเอาบันทึกการใช้เรือเหาะเวทมนตร์ของราชทูตที่ไปแคว้นคาร์เนลออกมา
(เรื่องเมื่อเดือนก่อน แสดงว่าใช้เวลาตรวจสอบถึง 1 เดือนเลยเหรอ)
“อืม แล้วรู้ไหมว่าใครใช้ราชทูตมาหาคีลกัน?”
“ไม่เลย ราชทูตบอกว่าไม่รู้เรื่องนั้น สรุปคือไม่ยอมบอกอะไร แต่ราชทูตในครั้งนี้ กับราชทูตที่ไปหาไวเคานต์แกรนเวลเมื่อปีที่แล้ว เคลื่อนไหวตามคำสั่งของคนคนหนึ่งอยู่
ตอนนี้ราชทูตเองยังคงเงียบ แต่อย่างไรก็ตามราชทูตต้องรับใช้ใครสักคนในราชวงศ์ ตามปกติแล้วจะเคลื่อนไหวตามหน่วยที่สังกัดอยู่ ถ้าดูชื่อที่ลงทะเบียนการใช้เรือเหาะจะรู้ได้ทันทีเลยว่ารับใช้ใคร
“เอ่อ แล้วรับใช้ใครเหรอ?”
(ทำไมรู้สึกว่าถ้าฟังไปมากกว่านี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยเนี่ย)
“มกุฎราชกุมารไง เขาเป็นหลานชายของพระราชาและเป็นว่าที่พระราชาคนถัดไปน่ะ”
“หรือว่ามกุฎราชกุมารมีบุตรด้วยใช่ไหม?”
“รู้สึกจะมีพระราชธิดาอายุ 10 ขวบอยู่ แถมมีพรสวรรค์ด้วย”
ดูเหมือนริโฟลจะเข้าใจเรื่องราวของคีลทั้งหมด ทั้งที่ตอนวันหยุดฤดูร้อนน่าจะลงดันเจี้ยนแท้ๆ แต่กลับรู้ค่อนข้างละเอียด คาดว่าคนรับใช้น่าจะมาที่โรงเรียนอยู่บ่อยๆ
“แต่ไวเคานต์แกรนเวลก็ลำบากนะเนี่ย เพราะขนาดพระราชายังไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ยากด้วย
คงอยากจะบอกว่าไม่รู้ความสัมพันธ์ของพระราชากับมกุฎราชกุมารก็ได้ พระราชาก็อายุเกิน 70 ปีไปแล้ว ยังบอกกันว่า ไม้ใกล้ฝั่งอย่างนี้มกุฎราชกุมารจะได้ขึ้นครองราชย์เมื่อไรก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
(งั้นเหรอ ดูเหมือนคนที่ลักพาตัวเซซิลยังลอยนวลอยู่สินะ)
สำหรับอเลนแล้วไม่สำคัญว่ามกุฎราชกุมารจะได้เป็นพระราชาคนถัดไปหรือเปล่า
แต่มีเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้
มีการจับขุนนางจำนวนมากและจัดการกับราชทูตที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของตระกูลแกรนเวล แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังมีคนที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายเมื่อปีที่แล้วขนาดพระราชายังเข้าไปยุ่งด้วยไม่ได้