Hell mode - ตอนที่ 14
บทที่ 14 คืนดี
ผ่านมา 3 วันหลังจากที่โรดันกลับมาพร้อมกับรอยฟกช้ำบนใบหน้า ต่อให้เทเรเซียถามว่าทำไมถึงฟกช้ำอย่างนั้นแต่โรดันก็ไม่ยอมตอบอะไรสักนิด เอาแต่นิ่งเงียบด้วยใบหน้าบึ้งตึง
แต่วันถัดมาก็ได้ฟังเหตุผลที่ฟกช้ำจากคุเรนะ ดูเหมือนะว่าจะทะเลาะกับเกลด้าข้างบ้าน
ถึงจะไม่รู้ถึงเหตุผลที่ทะเลาะกัน แต่เป็นการทะเลาะที่เกิดขึ้นหลังจบวันที่มีพิธีประเมิน รู้สึกว่าสาเหตุคงมาจากเรื่องที่ตัวเองไร้พรสวรรค์ กับมีค่าพลังทุกอย่างอยู่ระดับ E
ระหว่างที่กำสมุดเวทมนตร์ก็ทำการอธิบายเรื่องเกี่ยวกับที่พรสวรรค์ไม่เป็นภาษา กับความสามารถทุกอย่างอยู่ระดับ E พร้อมกับขอร้องปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่ทุกวัน แต่การแจ้งจากพระเจ้าผ่านทางสมุดเวทมนตร์กลับไม่มีมา
แต่อเลยตอนที่ยังเป็นเคนอิจิ อุปกรณ์ที่พยายามสร้างมานาน 1 ปี จู่ๆก็หายไปเพราะความผิดพลาดจากทางฝั่งทีมงานหรือไม่ก็เพราะเซิฟเวอร์ล่มอยู่ ตอนนั้นร้องเรียนไปทางเกมมาสเตอร์(พนักงาน) ทุกวันเพื่อขอให้ทำการปรับปรุง จนในที่สุดก็ได้คืนมาจากการกู้ข้อมูลแบ็กอัพ เลยลงความเห็นว่าจะทำไปทุกวันจนกว่าจะได้คำตอบจากพระเจ้า
“อเลน เตรียมพร้อมหรือยัง?”
“ครับ มาม้า”
คิดว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ แต่เพื่อความมั่นใจเลยเอาดาบไม้ไปด้วย อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากคุเรนะมากเกินไปก็ได้
“เอ้า คุณก็ไปได้แล้วค่ะ จะว่าไปตื่นตั้งแต่เมื่อครู่แล้วทำไมไม่ลุกขึ้นมาสักทีเนี่ย!”
เทเรเซียดึงโรดันที่นอนกอดมัชชูอยู่ข้างให้ลุกขึ้นมา ดูเหมือนจะยังอารมณ์บูดอยู่
ก๊อง
ก๊อง
ก๊อง
ระฆังประกาศเวลาบ่าย 3 ให้หมู่บ้านบุกเบิกทราบ
วันนี้จะไปหาเพื่อนบ้าน ตอนนี้เป็นช่วงสิ้นเดือนเมษายน การดูแลสวนเลยน้อยกว่าปกติ ต่อจากนี้เลยจะไปบ้านของคุเรนะ
(ไม่ได้ไปบ้านของคุเรนะนานแล้วนะเนี่ย)
อเลนกลับมาเกิดใหม่ในต่างโลกนี้ 5 ปีครึ่ง พออายุ 3 ขวบ เพื่อนบ้านอย่างคุเรนะก็มาเล่นที่บ้านแทบจะทุกวัน แต่ก็มีบ้างที่อเลนไปบ้านของคุเรนะ
เนื่องจากไปกินอาหารเย็นด้วยกัน เลยเอาวัตถุดิบใส่ตะกร้าก่อนจะออกจากบ้าน
ไม่ถึง 15 นาทีก็มาถึงเพื่อนบ้านแล้ว
“ว่าไง กำลังรออยู่เลย”
ผู้หญิงผมสีชมพูหยิกสั้นดวงตาสีฟ้าตอบกลับมาอย่างร่าเริง
“มิทิลด้า วันก่อนโรดันของฉันมาทำความเดือดร้อนให้สินะ”
“พูดอะไรอย่างนั้น เกลด้าของฉันเองก็อายุปูนนี้แล้วไม่ยอมทำตัวเป็นผู้ใหญ่สักที”
ผู้หญิงที่มีน้ำเสียงพี่สาวคนนี้เป็นแม่ของคุเรนะชื่อว่ามิทิลด้า เธอนำทางทั้ง 4 คนไปยังบ้านที่บ้าน แน่นอนว่าพามัชชูมาด้วย
วันนี้มาพักที่บ้านของคุเรนะ
“อเลน ยินดีต้อนรับ!!!”
พอเข้าไปในบ้านคุเรนะก็ส่งเสียงมาอย่างรวดเร็ว คงเป็นเรื่องแปลกที่ทุกคนมายังบ้านของคุเรนะ ทำให้ส่งเสียงที่ร่าเริงกว่าทุกทีออกมา
ห้องพื้นดินที่มีเตาไฟอยู่ตรงหน้า และมีห้องอีก 2 ห้อง แทบจะให้ความรู้สึกเหมือนกับบ้านของอเลนเลย ถ้าจะให้พูดถูกสร้างมาเหมือนบ้านของอเลน
“นี่ คุณเองจะงอนไปถึงเมื่อไร! ตื่นตั้งแต่เมื่อครู่แล้วใช่ไหม!!”
เธอลากเกลด้าที่นอนราวกับหมีออกมาจากห้องนอนจนมาถึงห้องที่มีเตาไฟ หน้าตามีรอยฟกช้ำเหมือนกับโรดัน
หลังจากนั้น เทเรเซียกับมิทิลด้าก็เตรียมอาหารเย็นร่วมกัน
“นี่ๆ อเลน ลิลี่โตขึ้นแล้วนะ”
ระหว่างที่รอก็ถูกพาไปยังห้องสำหรับเด็กที่อยู่ข้างๆ ลิลี่น้องสาวของคุเรนะมีเส้นผมสีชมพูเหมือนกับคุเรนะ ทั้งที่พ่ออย่างเกลด้ามีผมสีน้ำตาลแท้ๆ แต่ดูเหมือนจะได้ทั้งตาและสีผมมาจากฝั่งแม่ เธอยิ้มร้องแอ้ๆ และยื่นมือทั้งสองข้างมาหา ซึ่งทำการกำมือที่ยื่นมาหา
(แบบว่า เหมือนได้รับการเยียวยาเลย!)
ลิลี่น้องสาวของคุเรนะ อายุ 1 ขวบครึ่ง ตอนอเลนอายุได้ 4 ขวบเธอก็เกิดออกมา ถึงจะไม่ได้พบมานานมากแล้ว แต่คุเรนะก็เล่าเรื่องของลิลี่ให้ฟังอยู่บ่อยๆ
ในระหว่างที่ทำอย่างนั้น การเตรียมอาหารเย็นก็คืบหน้าไป ทุกคนมาล้อมวงรอบเตาไฟ ไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่หรูหราอะไรขนาดนั้น เป็นแค่ถั่ว มันฝรั่ง แผ่นขนมปังแบนๆที่ไม่ได้ใช้ยีสต์ แล้วก็หม้อผักที่ใส่เนื้อสับลงไปเหมือนอย่างทุกที
(ให้ความรู้สึกเหมือนงานเลี้ยงวันเกิดในโรงเรียนอนุบาลที่ไปตอนเด็กๆ)
เตาไฟสำหรับครอบครัวไม่ได้ใหญ่อะไรขนาดนั้น สำหรับสองครอบครัวมันค่อนข้างแคบแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ภาพอย่างนี้เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆ
“เอ้า ดื่มสิ”
“อ๊ะ!?”
น้ำเสียงยังชวนทะเลาะอยู่บ้างนิดหน่อย เกลด้ายื่นเครื่องปั้นดินเผาสีน้ำตาลรุปทรงเรียบง่ายออกมาข้างหน้า อะไรกัน? โรดันคิดอย่างนั้นพร้อมกับยื่นแก้วไม้ออกไป แล้วก็ได้รับการรินใส่แก้วนั้น
“นี่เหล้าเหรอ”
“อือ”
“มันยังไงกัน?”
โรดันมองเกลด้าราวกับสงสัยว่าทาสติดที่ดินมีเหล้าได้อย่างไร ขนาดงานเทศกาลเก็บเกี่ยวยังไม่มีเหล้า แล้วเกลด้ามีได้อย่างไร ตอนสุดท้ายที่โรดันได้ดื่มเหล้าคือตอนแต่งงานกับเทเรเซีย
“เมื่อวานหัวหน้าหมู่บ้านเอามาให้น่ะ”
“……”
โรดันรู้ได้ในทันที ก่อนจะขมวดคิ้ว
แล้วเกลด้าก็เริ่มพูดสภาพที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 วัน หัวหน้าหมู่บ้านเอาเหล้ามาให้แล้วบอกว่าจะไปรายงานเรื่องนี้ให้กับท่านเจ้าเมืองทราบ แถมบอกว่าบางทีอาจจะพาคุเรนะไปยังเมืองที่ท่านเจ้าเมืองอยู่ด้วย
พอพูดถึงท่านเจ้าเมือง ใบหน้าของโรดันก็ย่นขึ้น
“ดื่มไปเถอะน่า หัวหน้าหมู่บ้านเกรงใจเด็กของบ้านนี้ที่เป็นยอดนักดาบเลยเอาเหล้ามาให้ อย่าไปใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเลยน่า”
“ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรสักหน่อย คิดว่าน่ายินดีด้วยซ้ำ การที่จะได้เป็นทหารหรือขุนนางก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้วนี่”
โรดันไม่ได้อิจฉาที่คุเรนะเป็นยอดนักดาบ
“ถ้างั้นทำไมถึงบอกว่าจะเลิกคบกันด้วยล่ะ! จนถึงตอนนี้อ๊อก!!!”
เพราะดีกรีของเหล้าหรือเปล่าทำให้เกลด้าตะคอกออกมา มัชชูกับลิลี่ที่ตกใจร้องไห้ออกมา
ก่อนที่จะได้พูดจบก็มีหมัดตรงพุ่งใส่แก้มขวาของเกลด้าอย่างงดงาม หมัดของมิทิลด้า คงอยากจะบอกว่าอย่าส่งเสียงดังเด็กๆร้องไห้แล้ว
“ถ้าขุนนางมาครบกับทาสติดที่ดินมันจะสูญเสียโอกาสไง ไหนจะเป็นถึงยอดนักดาบอีก”
โรดันเก็บเสียงเอาไว้เพราะกลัวหมัดของมิทิลด้า รอยฟกช้ำเกินครึ่งบนหน้าของโรดันและเกลด้า เป็นเพราะการต่อยไกล่เกลี่ยให้ทั้งคู่เลิกทะเลาะกัน
พอได้ยินถึงขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าทะเลาะกันเพราะอะไร ต่างโลกนี้ทาสติดที่ดินจะแต่งได้กับแค่ทาสติดที่ดิน ประชาชนกับประชาชน เกรงว่าขุนนางเองก็ด้วย
ดูเหมือนสาเหตุการทะเลาะน่าจะมาจากการที่อเลนไร้พรสวรรค์
พรสวรรค์นักดาบยังพอว่า แต่นี่เป็นพรสวรรค์ยอดนักดาบที่อาจจะได้เป็นถึงวีรบุรุษ คุเรนะมีพรสวรรค์ที่อาจจะไม่ได้จบลงแค่เป็นอัศวิน แถมหัวหน้าหมู่บ้านมีกำหนดการจะไปบอกท่านเจ้าเมืองในอีก 2 วันให้หลัง
โรดันบอกเกลด้าว่าให้เลิกมาติดต่อหากัน ซึ่งเกลด้าตอบกลับมาด้วยกำปั้น
(อืม อย่างนี้นี่เอง ความคิดเห็นไม่ลงรอยกันสินะ เอาละเรื่องนี้ให้เด็กเข้าไปแทรกน่าจะดีกว่า)
“จะว่าไป ทั้ง 4 คนมาทำหมู่บ้านบุกเบิกด้วยกันสินะครับ!”
พูดหัวข้อที่เคยได้ยินจากโรดันเมื่อก่อนขึ้นมากับทุกคน ร้อยยิ้มกับเสียงที่บริสุทธิ์ของอเลนความสนใจพุ่งมาหา
“อือ ใช่แล้วอเลน พวกเรา 4 คนมาจากหมู่บ้านข้างๆ ตอนที่อายุพอๆกับอเลนและคุเรนะก็อยู่ด้วยกัน 4 คนมาตลอด”
“มิทิลด้าพูดเรื่องในอดีตขึ้นมา ทั้ง 4 คนเกิดมาจากครอบครัวของทาสติดที่ดินเลยเล่นด้วยกัน แน่นอนว่าเล่าเรื่องที่สนุกของทาสติดที่ดินที่ถึงแม้จะยากจน
ทั้งโรดันและเกลด้าเองก็ฟังเรื่องเล่าอย่างเงียบๆ
เมื่อ 10 ปีก่อน คนส่งสารของเจ้าเมืองมายังหมู่บ้านข้างๆและบอกเกี่ยวกับการตั้งหมู่บ้านใหม่ ถ้าหากมีความสนใจจะพัฒนาหมู่บ้านแล้วละก็ให้มาที่หมู่บ้านบุกเบิกโดยจะใช้สวนไปตลอดเลยก็ได้
“ตอนนั้นพวกเรา 4 คนก็พูดคุยกันอย่างนี้สินะ”
เทเรเซียเองก็เข้าวงมาคุยด้วย ราวกับภาพเมื่อก่อนหวนกลับมาเลย
ถึงทาสติดที่ดินจะไม่สามารถมีที่ดินเป็นของตัวเองได้ แต่ก็แทบจะไม่เคยโดนยึดที่คืนแบบกะทันหันเลย แต่ผู้ที่จะสืบทอดต่อจากครอบครัวมักเป็นลูกชายคนโต ซึ่งทั้ง 4 คนไม่ใช่ลูกคนโตเลย
ทาสติดที่ดินจะต้องจ่ายภาษีด้วยของที่เก็บเกี่ยวได้ 60% ไม่เกี่ยวว่าจะมีเด็กกี่คน ถ้าหากขนาดของสวนไม่ได้เปลี่ยนแปลงแล้วมีเด็กเพิ่มขึ้น พอโตเป็นผู้ใหญ่จะกินมากตามไปด้วย
ทั้ง 4 คนก็เลยมาที่หมู่บ้านบุกเบิก เพื่อที่จะมาบุกเบิกสวนใหม่
“นั่นสินะ พวกเรา 4 คนมายังหมู่บ้านที่ไม่มีอะไร และพยายามสร้างบ้านขึ้นมาด้วยกัน 2 หลัง”
เกลด้าเองก็เข้ามาร่วมวงคุยด้วย ก่อนอื่นต้องสร้างบ้านทั้ง 4 คนเลยช่วยกันสร้างบ้านขึ้นมา ดังนั้นบ้านทั้งสองหลังเลยถูกสร้างมาเหมือนกัน เริ่มแรกก็สร้างห้องดินกับเตาไฟ พอมีเด็กแล้วค่อยเพิ่มห้องของบ้านแต่ละหลังจนมีสองห้อง
“นั่นสินะ……”
โรดันหลับตาพร้อมกับนึกถึงช่วงเวลานั้น ถึงจะไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่ความทรงจำที่ยากลำบากตอนบุกเบิกช่วงแรกๆ คงหวนกลับมา
“ใช่แล้วละอเลน โรดันสุดยอดมากเลย ได้ฟังเรื่องที่ล้มเกรซบอร์ครั้งแรกสุดหรือยัง?”
“เอ๊ะ? ยังไม่ได้ฟังเลยครับ”
“หา! หยุดเลยนะ!!!”
โรดันปิดปากของเกลด้าที่มีรอยยิ้ม
(ดีจังเลย ดูเหมือนจะคืนดีกันได้แล้วสินะ)
ดูเหมือนความทรงจำในวัยเด็กกับความยากลำบากของหมู่บ้านบุกเบิกจะทำให้คืนดีกันได้ บทสนทนารอบเตาไฟยังคงดำเนินต่อไปจนดึก